ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 93 รบกวนคุณแล้ว ฉันกำลังจะไปแล้ว
ตอนที่ 93 รบกวนคุณแล้ว ฉันกำลังจะไปแล้ว
ตอนที่ 93 รบกวนคุณแล้ว ฉันกำลังจะไปแล้ว
ซูเถาก้าวถอยหลัง “รบกวนคุณแล้ว ฉันกำลังจะไปแล้ว”
เธอพูดพลางเปิดระบบ และเห็นคำว่า ‘การเคลื่อนย้าย’ ที่มุมขวาบนของแผนที่เถาหยาง
เมื่อเธอกำลังจะกด สือจื่อจิ้นก็ก้าวสองก้าวเข้ามา และคว้าข้อมือของเธอไว้
“อธิบายมาหน่อย? ว่าเป็นปัญหาของคุณหรือปัญหาของโจวไห่โจวหยาง?”
ซูเถาตอบอย่างไม่ต้องคิด “ปัญหาของฉัน”
เธอไม่ได้อธิบายว่าปัญหาคืออะไร และเธอก็ไม่สามารถอธิบายได้
สือจื่อจิ้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ “อย่าบอกผมนะว่าคุณสามารถกลับมาที่นี่ได้ตลอดเวลา?”
“ในทางทฤษฎีมันเป็นแบบนั้น…. แต่คุณใจเย็นก่อน”
“ไม่สามารถใจเย็นได้ ที่นี่คือภูเขาผานหลิว ไม่เพียงมีขบวนรถที่มุ่งแสวงหาผลกำไรที่ไปและกลับจากฐานทัพหลักเท่านั้น แต่ยังมีผู้รอดชีวิตที่เร่ร่อนพเนจรซึ่งไม่มีสำนึกในศีลธรรมและความสิ้นหวังอันชั่วร้าย มีแม้กระทั่งซอมบี้กินเนื้อ การที่คุณมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ เท่ากับคุณก็ตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ก็ได้ เข้าใจไหม?”
ซูเถาเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “จะมีกำแพงสูงและรั้วลวดหนามไฟฟ้าที่ติดอยู่ด้านบนเหมือนเถาหยาง แม้ว่าจะมีอันตรายจริง ๆ ฉันก็จะกลับไปที่เถาหยางได้ภายในพริบตา คุณไม่ต้องกังวล”
เส้นประสาทของสือจื่อจิ้นผ่อนคลาย และเอ่ยถามว่า
“คุณจะมาทําอะไรที่นี่?”
ซูเถากล่าวว่า “มาดูสักหน่อยคุณก็จะรู้แล้ว ทางด้านนี้มีลิฟต์ให้ขึ้นเขา”
พูดพลางพาเขาไปที่ลิฟต์ถัดจากโรงรถร้าง รอเพียงชั่ววินาทีลิฟต์ก็เปิดออก
ในระหว่างที่การขึ้นลิฟต์ไปอย่างช้า ๆ สือจื่อจิ้นก็พูดทันที
“แม้แต่ที่ภูเขาผานหลิวคุณก็สามารถสร้างได้เหมือนเถาหยางเลยใช่ไหม? ครั้งก่อนมาที่นี่ยังไม่มีลิฟต์เลย”
ซูเถาพยักหน้า เมื่อลิฟต์เปิดอีกครั้งก็มาถึงยอดเขา และมีอาคารสองชั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จตั้งอยู่
“ภูเขาลูกนี้…เมื่อก่อนไม่มีลานแบบนี้มาก่อน นี่คุณก็สร้างมันขึ้นมาเหรอ?”
ซูเถาพยักหน้าอีกครั้งชี้ไปที่อาคารที่ยังไม่เสร็จและพูดว่า
“ฉันต้องการสร้างโรงแรมที่นี่ ให้บริการเช่ารายวัน และรับเงินจากผู้คนที่เดินทางผ่านไปมา และฉันหวังว่าคุณจะมีที่พักที่สะดวกสบายทุกครั้งที่คุณมาทำภารกิจ เช่นเดียวกับในเถาหยาง”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันมีอํานาจในการจัดการที่แน่นอนเช่นเดียวกับเถาหยาง ใครก็ตามที่เข้ามาที่นี่ไม่สามารถทำร้ายฉันได้”
“ฉันต้องรีบกลับไปแล้วไม่อย่างนั้นจือหนิงและหลินฟางจือจะต้องกังวลแน่ เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันหายไป”
สือจื่อจิ้นไม่พูดอะไรอีก นอกจากบอกว่าให้เธอกลับไป “ไปเถอะ”
ซูเถาหันเหลือบมองอีกฝ่ายและถามว่า “คุณวางใจได้รึยัง”
สือจื่อจิ้นตอบตามความจริง “วางใจได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์”
“อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์คืออะไร?”
“ผมไม่เคยวางใจเรื่องคุณได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์”
ซูเถาถอนหายใจยาว “พลตรีสือ กังลมากเกินไปจะแก่เอาง่าย ๆ นะคะ”
สือจื่อจิ้นส่ายหัว “แก่ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวคือไม่มีใครรอบตัวที่จะปกป้องเมื่อแก่ตัว คุณรีบกลับไปเถอะ ผมจะเฝ้ามองคุณอยู่ตรงนี้”
ซูเถาคลิกอีกครั้งที่ ‘การเคลื่อนย้าย’ เมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นหลินฟางจือที่เหมือนแมลงวันไม่มีหัว
ซูเถาตะโกนใส่เขา “ฟางจือ! อยู่นี่!”
หลินฟางจือได้ยินเสียงของเธอก็หันหน้าไปทันที และวิ่งไปพร้อมกับเสวี่ยเตา
เขามองไปที่ซูเถา ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัว
“ทำไมคุณหายไป!”
ปกติเขาจะไม่ค่อยพูดมาแบบนี้ ดูเหมือนว่าจะร้อนใจจริงๆ
ซูเถาตบหลังเขา “ฉันผิดเอง ไม่ต้องกังวล ต่อไปก่อนที่ฉันจะหายไปฉันจะบอกก่อน ตกลงไหม?”
เมื่อตบหลังของเขาเบา ๆ ก็พบว่าเด็กคนนี้ไม่ผอมอีกต่อไปแล้ว เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นมาแล้ว
เมื่อมองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาอีกครั้ง ก็ดูเหมือนจะเอิบอิ่มมากกว่าเมื่อก่อน
การออกไปข้างนอก ทําให้เขาอ้วนขึ้น! แน่นอนว่าอ้วนขึ้นก็ดูดีกว่า ใบหน้าคมชัดและดูอ่อนโยนมากขึ้น
ซูเถารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก และตัดสินใจว่าช่วงเวลาที่กลับมานี้จะบำรุงเขาอีก
ฝ่ายของกวานจือหนิงก็จัดการเรื่องกระจุกกระจิกเกือบเสร็จแล้ว และไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ซูเถาหายตัวไป
เธอเข้ามาด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย และวางแขนลงบนไหล่ของซูเถา
“เสร็จเรียบร้อยแล้ว กลับไปที่เถาหยางกันก่อนเถอะ ครึ่งเดือนแล้วที่ฉันไม่ได้อาบน้ำดี ๆ”
ซูเถากลับมาอย่างเงียบ ๆ และไม่ต้องสร้างความเอิกเกริก
ทันทีที่มาถึงอาคารสํานักงานก็ได้ยินว่าจวงหว่านโทรหาใครสักคน น้ำเสียงของเธอก็ไม่ค่อยดีนัก
“บอสกู้ คุณหมายความว่าไง”
“ก็หมายความว่า เถ้ากระดูกของคนแปดคนที่กองทัพผู้บุกเบิกส่งกลับมา อธิบายได้ว่าระหว่างทางพวกเขาพบซอมบี้ขนาดใหญ่และเกิดการปะทะ เธอในฐานะมือขวาของซูเถา เธอกลับไม่รู้อะไรเลยว่าเธอสบายดีไหม ถามอะไรไม่รู้สักอย่าง ฉันผิดหวังในตัวเธอจริง ๆ”
เสียงของจวงหว่านสั่นเครือ และพยายามรักษามารยาท
“แม้ว่าฉันจะไม่รู้สถานการณ์ของเธอ แต่ฉันแน่ใจว่าเธอปลอดภัยอย่างแน่นอน ถ้าคุณต้องการทราบรายละเอียดทําไมคุณไม่โทรหาเธอเองล่ะ คุณจะโทรมาหาฉันให้มันได้อะไร?”
ซูเถาผลักประตูเข้ามา
จวงหว่านที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็ตกตะลึง ความโกรธของเธอแทบจะหายไปทันที ดวงตาของเธอก็เริ่มแดงขึ้น “เถ้าแก่….คุณกลับมาแล้ว”
ในเวลาเดียวกัน ปลายสายก็วางสายทันที
ซูเถาถามเธอ “กู้หมิงฉือเหรอ?”
จวงหว่านกลั้นลมหายใจ “ใช่ ไม่รู้ว่าเขาได้เบอร์โทรศัพท์ของฉันมาจากไหน มาถามสถานการณ์ของคุณกับฉัน ฉันบอกว่าฉันไม่รู้ เขาก็เริ่มไม่พอใจฉัน”
ซูเถาพูดไม่ออก “อย่าสนใจเขาเลย เขาเป็นบ้า”
จวงหว่านเหยียดมือออกไปและกอดเธอ “คุณกลับมาได้แล้ว แม้ว่าเถาหยางจะไม่มีอะไร แต่การที่คุณออกไปข้างนอกหนึ่งวัน ฉันก็กังวลไปหนึ่งวัน ป้าเฉินและผู้อาวุโสเหม่ยก็มาถามตลอดว่าคุณจะกลับมาเมื่อไหร่… ใช่ เดี๋ยวฉันจะต้องไปแจ้งเขาสักหน่อย”
ข่าวการกลับมาของซูเถาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชาวเถาหยางทุกคนก็รับรู้หมด
ไม่เพียงมีคนโทรมาทักทายเธอ แต่ยังมีคนไปที่สํานักงานเพื่อเยี่ยมเธอ และยืนยันว่าแขนขาของเธอยังอยู่ครบ จึงได้วางใจ
อาหารเย็นมื้อนี้ไปกินที่ห้องผู้อาวุโสเหม่ย คุณย่าเฉินเป็นคนทำ นำวัตถุดิบของเธอมาเอง ทําหมูตุ๋นน้ำแดงและซุปไก่ ทั้งยังมีผัดผักกาดแก้วอย่างฟุ่มเฟือยอีก
หลินฟางจือไม่เคยกินอาหารเหล่านี้ เขามองอย่างทึ่ม ๆ แล้วน้ำลายก็ค่อย ๆ ไหลจากปากเขา
คุณย่าเฉินมีความสุขเป็นพิเศษ จึงเร่งอย่างกระตือรือร้น “เด็กดี กินเร็ว”
หลินฟางจือมองไปที่ซูเถา และหลังจากได้รับการอนุมัติเขาก็กินอย่างมีความสุข
ทุกคนกินอย่างเต็มใจ และหลังจากแยกย้ายกันไป ซูเถาก็ยังอยู่ที่นั้นต่ออีกพักหนึ่ง พูดคุยกับเฮยจือหม่าและไป๋จือหม่าที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว
ตอนไป๋จือหม่าเห็นเธอ และไม่รู้ว่ามันงอนเธออยู่รึเปล่า พอดมกลิ่นเธอสองครั้งก็ไปซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะกาแฟมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง ไม่ปล่อยให้เธอกอด
เฮยจือหม่าเข้ามาให้ซูเถาเล่นกับมัน
หลังจากเสวี่ยเตาเลียเฮยจือหม่า ก็เข้าไปใต้โต๊ะเพื่อนำไป๋จือหม่าออกมาและเลีย เพื่อแสดงความคิดถึงของเขา
เมื่อเห็นแบบนั้นผู้อาวุโสเหม่ยก็หัวเราะ และรู้สึกพึงพอใจ
ซูเถาถามเขาว่า “ขาของคุณ รู้สึกยังไงบ้างคะ”
ผู้อาวุโสเหม่ยกล่าวว่า “จับตาดูให้ดี ฉันจะแสดงอะไรให้เธอดู”
เขาพยุงตัวเองจากรถเข็น และยืนขึ้นอย่างสั่นเทา
หลิวพ่านพ่านมองอย่างเป็นห่วง และต้องการจะช่วยเขา แต่เขาปฏิเสธและยืนกรานที่จะยืนเป็นเวลาสามวินาที แสดงให้ซูเถาเห็นรอยยิ้ม
“เป็นไงบ้าง?”
หลิวพ่านพ่านรีบพยุงเขาให้นั่งลง
ซูเถายกนิ้วโป้งให้เขา “คุณนี่นะ จริง ๆ เลย”