ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก - ตอนที่ 98 สือจื่อเยว่เป็นห่วงแทนพี่ชาย
ตอนที่ 98 สือจื่อเยว่เป็นห่วงแทนพี่ชาย
ตอนที่ 98 สือจื่อเยว่เป็นห่วงแทนพี่ชาย
หลังจากที่วางโทรศัพท์ซูเถาก็รีบเข้านอน เพื่อที่จะได้รีบตื่นเช้าแล้วเทเลพอร์ตไปที่ภูเขาผานหลิวเพื่อทำการก่อสร้างในระหว่างวัน เนื่องจากว่าตอนกลางคืนมันไม่มีคน แล้วโรงรถด้านล่างก็มีศพคนตายกองเกลื้อนอยู่เป็นจำนวนมาก พูดตามตรงก็แอบหวาดกลัว
เธออยากที่จะรีบสะสางทำความสะอาดตรงนี้โดยเร็วที่สุด
แปดโมงเช้าของวันถัดไป ซูเถาก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนาฬิกาปลุก วันนี้เธอไม่ได้นอนขี้เกียจพลิกตัวไปมาบนเตียง เธอลุกมาให้อาหารเจ้าขนปุย แล้วพาหลินฟางจือออกไปกินอาหารเช้า ระหว่างทางกลับเธอก็ได้พบกับสือจื่อเยว่ ซึ่งไปเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรมากกว่าหนึ่งเดือน และเพิ่งจะกลับมา
เมื่อสือจื่อเยว่ลงมาจากรถโรงเรียน เธอก็ถึงกับตำตะลึงกับความเปลี่ยนไปของเถาหยาง เมือเธอมองไปที่ซูเถาน้ำตาของเธอก็รื้นขึ้น
“พี่เถาจื่อ หนูกลับมาแล้ว”
ซูเถารีบเดินเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว “กลับมาแล้วเหรอ เหมือนจะผอมลงเยอะเลย แล้วก็ผิวคล้ำขึ้นอีกด้วย”
ผิวเข้มขึ้นสองระดับ แถมยังมีความหยาบกร้าน
โรงเรียนตงหยางจัดให้นักเรียนทุกชั้นปีออกไปฝึกทุกปี แม้ว่าจะมีครูทหารเป็นผู้นำทีม แต่มันก็เต็มไปด้วยอันตรายอยู่ดี
จุดประสงค์ของการฝึกนี้เพื่อฝึกสมรรถภาพของร่างกาย เพื่อพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมสำหรับปลุกความสามารถต่อไป
ยิ่งซูเถาเห็นแบบนี้เธอก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้น เธอพาสือจื่อเยว่ไปที่โรงอาหารเพื่อกินข้าว แล้วก็ถือโอกาสแนะนำหลินฟางจือให้เธอรู้จัก
“นี่เพื่อนของพี่เอง หลินฟางจือ แก่กว่าเธอไม่กี่ปี เขาเป็นคนไม่ค่อยพูด อย่าถือสาล่ะ”
สือจื่อเยว่เห็นว่าหลินฟางจือตัวสั่น เธอก็เลยรู้สึกเป็นห่วงพี่ชายคนนี้
พี่ชายคนนั้นเดินตามติดพี่เถาจื่อทั้งวัน พี่เถาจื่อมาจะมาพร้อมกับชายหนุ่มหน่าตาหล่อเหลาอยู่เสมอ
แบบนี้ก็แย่น่ะสิ!
ซูเถาไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่ เธอยังแอบสอบถามสือจื่อเยว่
“ที่โรงเรียนของเธอมีคุณครูที่ต้องการหารายได้พิเศษไหม จะให้มาเป็นครูสอนวัฒนธรรมที่เถาหยางสัก 2-3 ชั่วโมงต่อวัน รวมอาหารอีกหนึ่งมื้อ ให้ค่าตอบแทนหนึ่งร้อยห้าสิบเหลียนปังต่อชั่วโมง และของว่างพร้อมเครื่องดื่มอีกไม่จำกัด…”
สือจื่อเยว่กลืนน้ำลายแล้วถามว่า
“พี่เถาจื่อ พี่ว่าหนูเหมาะสมหรือเปล่า พอได้ไหม?”
ซูเถาตีเธอเบา ๆ “เธอน่ะตั้งใจเรียนไปเถอะ เธอไปถาม ๆ ให้พี่หน่อยแล้วกัน พี่อยากหาครูมาสอนการอ่านการเขียนให้ฟางจือ”
ดวงตาของสือจื่อเยว่เบิกกว้าง “สอนเขาเหรอ อ่า…งั้น เดี๋ยวหนูจะไปถามให้นะ”
แบบนี้พี่ชายของเธอก็คงไม่แพ้หรอก อย่างน้อยพี่ชายของเธอก็อ่านออกเขียนได้ เพราะว่าเคยเรียนหนังสือมาก่อน
หนุ่มหล่อคนนี้ไม่เหมาะสมกับพี่เถาจื่อหรอก
ซูเถาพาสือจื่อเยว่ไปกินของอร่อยๆ และทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่ในเถาหยาง เธอบอกกับสือจื่อเยว่ว่าช่วงสองสามวันนี้ให้เธอพักผ่อนให้ดี และหลังจากนั้นซูเถาก็พาฟลินฟางจือกลับไปที่ห้อง
ทันทีที่เธอกลับมาที่ห้อง โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น คนแซ่กู้โทรมา
“สวัสดี”
“เถ้าแก่ซู ตอนนี้คุณว่างหรือเปล่า?”
มีเรื่องอะไร คุณว่ามาเถอะ ฉันฟังอยู่
“ได้ยินว่าเถาหยางติดกล้องวงจรปิดเหรอ?”
ซูเถาบอก “…บอสกู้ ข่าวคุณไวจริง ๆ ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาคุณไปได้เลย”
กู้หมิงฉือทำเป็นไม่ได้ยินคำเสียดสีของเธอ แล้วพูดเบา ๆ ว่า
“ผมเป็นคนกว้างขวาง”
“ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไร”
“ผมต้องการซื้อกล้องวงจรปิดจากคุณประมาณหนึ่งร้อยตัว ช่วงนี้แถวที่ผมอยู่พวกเคียวโลหิตมันออกอาละวาด มันฆ่าลูกน้องที่มีพลังเหนือธรรมชาติที่ผมพาไปสี่คน คุณว่ามันมีผลกระทบไหมล่ะ”
ซูเถาขมวดคิ้ว “ร้ายแรงขนาดนี้เลยเหรอ แล้วแถวเขตตะวันตกล่ะ?”
กู้หมิงฉือพูดเงียบๆ “เขตตะวันตก มีกองทหารรักษาการณ์ดูแลอยู่ในระยะสามกิโลเมตร หากมีอะไรเกิดขึ้นพวกเขาก็ต้องตายก่อน เรื่องนี้คุณถามเผยตงได้”
ซูเถาคิดอยู่พักหนึ่ง “ตัวละหนึ่งพันเหลียนปัง แล้วคุณก็ต้องช่วยอะไรบางอย่างฉันอีกเรื่องหนึ่ง”
กู้หมิงฉือตอบอย่างตรงไปตรงมา “ได้ คุณว่ามา”
ฉันได้ยินมาว่าคุณมีลูกน้องอยู่ที่จุดแวะพักที่อยู่ใกล้ ๆ กับภูเขาผานหลิวใช่ไหม?
นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นความลับ กู้หมิงฉือพยักหน้ายอมรับทันที “ใช่ คุณต้องการกำลังคนเหรอ?”
ซูเถานึกถึงภาพของโรงจอดรถของชั้นใต้ดิน
“…คุณช่วยฉันหาคนที่มีความกล้าหาญและรวดเร็วมาช่วยฉันทำงานหน่อย ไปที่โรงรถร้างที่เชิงเขาผานหลิว แล้วช่วยเคลื่อนย้ายศพที่อยู่ข้างในทั้งหมดออกไป และทำความสะอาดพื้นและผนัง”
กู้หมิงฉือไม่เข้าใจกับสิ่งที่เธอกำลังคิดจะทำ “คุณไปยุ่งอะไรกับตรงนั้น?”
ซูเถาตอบห้วน ๆ “ฉันไม่อยากบอกคุณ แต่คุณบอกฉันมาแค่คำเดียว ว่าได้หรือไม่ได้ คุณทำได้ไหมเพื่อธุรกิจของเรา”
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง “ผมรับปาก”
“เถ้าแก่ซู เราพอจะมีโอกาสได้เจอกันไหม?”
ซูถามก็ตอบอย่างจริงใจ “พวกเรารู้จักกันทางออนไลน์ดีกว่า”
อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ “งั้นอนาคตแล้วกัน เราคงมีโอกาสได้เจอกัน”
หลังจากวางสาย ซูเถาก็ได้รับเงิน 100,000 เหลียนปัง
เหนือสิ่งอื่นใด กู้หมิงฉือค่อนข้างเป็นผู้ชายที่รู้จักใช้จ่ายและตรงไปตรงมา
ซูเถารับเงินไว้อย่างมีความสุข เธอเปิดร้านค้าระบบและสั่งซื้อกล้องวงจรปิด 100 ตัว ยอดรวมทั้งหมด 60,000 เหลียนปัง เธอได้กำไรจากกู้หมิงฉือคนนี้ 40,000 เหลียนปัง
แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นคือการแก้ปัญหาที่โรงรถร้างชั้นใต้ดิน และทำความสะอาดให้เรียบร้อย
บ่ายวันนั้นซูเถาเก็บกล้องแล้วบรรจุหีบห่ออย่างเรียบร้อย แล้วใส่เข้าไปในรถที่กู้หมิงฉือเป็นคนส่งมา
และเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย กู้หมิงฉือก็ได้ส่งคนทั้ง 5 คนออกเดินทางมาตอน 18:00 น. จะมาถึงที่ภูเขาผานหลิว 23:00 น.
ซูเถาคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงสั่งซื้อกล้องอีก 40 ตัว และหลังจากบรรจุหีบห่อก็ส่งไปให้เผยตง
กู้หมิงฉือต้องการของสิ่งนี้ กองกำลังปกป้องเมืองก็น่าจะต้องการเช่นกัน
หลังจากจัดการทั้งหมดแล้ว ซูเถาก็บอกให้หลินฟางจือพาตัวเธอเคลื่อนย้ายไปที่ภูเขาผานหลิว
หลังจากผ่านไปสองวินาที เมื่อเธอลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอก็เห็นประตูโรงรถร้างที่ถูกปิดกับภูขาที่แห้งแล้ง
จู่ๆซุเถาก็คิดว่า เมื่ออู๋เจิ้นมา จะขอให้เขาทำให้ภูเขาผานหลิวกลายเป็นสีเขียว
ตอนพักอยู่ในห้องของโรงแรมบนภูเขาแล้วมองลงมาข้างล่างวิวต้องดีมากแน่ๆ
ในขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่ ซูเถาสร้างปั๊มน้ำมันเล็กๆที่เชิงเขาที่อยู่ถัดจากโรงรถ และจัดตู้จ่ายน้ำมันไว้เพียงสี่ตู้เท่านั้น
ทำไมไม่ทำเครื่องจ่ายน้ำมันเพิ่มอีกสักหน่อยน่ะหรือ?
เพราะว่าเธอไม่มีเงินแล้ว แค่สี่เครื่องนี้ก็ปาเข้าไป 60,000 เหลียนปังแล้ว!
เธอมีเงินเหลือ 200,000 เหลียนปัง ดังนั้นเธอจะต้องเหลือเงินเอาไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นบ้าง
อย่างไรก็ตาม เธอต้องเก็บเงินให้ครบ 1 ล้านเหลียนปังสำหรับการอัปเกรด
ต่อมา ซูเถาได้พบแท่นชาร์จไฟฟ้าที่ร้านค้าจำหน่ายสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ไม่เพียงแต่ชาร์จอุปกรณ์สื่อสารที่ใช้กันทั่วไปเท่านั้น แต่ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่ต่างๆได้อีกด้วย กล่าวได้ว่าเหมาะสำหรับนักเดินทางระยะสั้น
แท่นชาร์จไฟฟ้าราคาเครื่องละ 4,000 เหลียนปัง ซูเถาสั่งซื้อทั้งหมด 4 เครื่อง และสร้างสถานีชาร์จไว้ถัดจาดปั๊มน้ำมัน
จากนั้นก็มีการสร้างลิฟต์สองห้องและถัดไปก็เป็นห้องเฝ้ายามพร้อมโต๊ะและเก้าอี้สำหรับสองคนพร้อมกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผลกล้องวงจรปิดได้
มีโซฟาขนาดเล็กชิดผนังสำหรับนั่งพักผ่อน มีตู้กดน้ำที่ด้านซ้ายมือ จะได้ไม่ต้องวิ่งขึ้นเขาไปเพื่อเอาน้ำดื่ม
และเมื่อถึงเวลา ก็จะมีการจ้างพนักงานสองคนมาเพื่อรับผิดชอบดูแลเรื่องการเข้าออกเถาหยาง รวมถึงการดูแลการเก็บค่าน้ำมันหรือการชาร์จไฟ
ต้องเก็บค่าใช้จ่าย!
เมื่อคิดถึงจุดแวะพักที่อยู่ข้างๆที่จะมีการจราจรเข้าออกทุกวัน เธอไม่อยากจะคิดว่าวันๆหนึ่งเธอจะได้เงินเท่าไหร่ แค่คิดก็ตาเป็นประกายแล้ว
เธอสร้างพื้นที่ที่ด้านล่างพอสมควรแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่เธอจะต้องขึ้นไปบนเขาเพื่อสร้างห้องพักให้ตัวเอง เพื่อที่เวลาเธอมาที่นี่ เธอจะได้มีที่อยู่ หรือสามารถมาพักผ่อนที่นี่ได้เป็นครั้งคราว
มันคงจะดีมากถ้าเธอสามารถพาเสวี่ยเตาและพวกจือหม่ามาด้วย พวกมันก็จะได้วิ่งเล่นไปรอบๆ
รอหลังจากสร้างที่พักให้ตัวเองแล้ว เธอค่อยกลับไปดูว่าสามารถนำสิ่งของหรือสิ่งมีชีวิตส่งมาที่นี่ได้หรือไม่