ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 13
Ch.13 – เผ่ามีปีก กับการตื่นครั้งที่3
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
เช้าวันต่อมา
ผมนอนคิดเรื่องต่อจากนี้บนเตียง
พอลองเงี่ยหูดูก็ได้ยินเสียงจากข้างนอก เหมือนว่าริเซ็ตจะตื่นแล้วสินะ
“ลองตรวจสอบสกิลดูดีกว่า”
สกิลที่ผมสามารถใช้ได้ตอนนี้มี[ปลุกเผ่ายักษ์], [ปลุกเผ่ามังกร], สกิลเก็บของ[ภาชนะแห่งราชา]
[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]กับ[ชีพจรมังกร]ที่ได้รับจาก[สุสานจักรพรรดิมังกร] รวมเป็น5
ถ้าแค่ปกป้องหมู่บ้านแค่[ปลุกเผ่ามังกร]กับ[ปลุกเผ่ายักษ์]ก็พออยู่หรอก–
“ถ้าแค่ผมคนเดียวถึงจะแข็งแกร่งขนาดไหน มันก็มีขีดจำกัดล่ะนะ…”
ที่โลกเดิมก็เป็นแบบนั้น
ถ้าพัฒนาสกิลเพื่อจัดการงานที่เพิ่มมา จนสามารถจัดการงานได้หลากหลายขึ้น–ก็มีแต่จะทำให้งานเพิ่มขึ้นไปเท่านั้น เพราะว่าคนอื่นทำไม่ได้ พอทำซ้ำๆไปมาสุดท้ายก็วนเข้าอีหรอบเดิม ท้ายที่สุดก็จะถึงขีดจำกัด
“…ตอนนั้นนี่เกือบจะตายจริงๆแล้วล่ะ”
เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องแบบเดียวขึ้น หลังจากนี้ก็จะำให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะง่ายได้
ผมยืนยันตำแหน่งของหมู่บ้านกับป่าในหัว
หมู่บ้านนี้อยู่ขอบชายแดน ไม่รู้ว่าเพราะอยู่ห่างไกลจากบ้านเมืองหรือยังไงถึงได้ถูกอสูรบุกอยู่บ่อยๆ
พอเป็นแบบนี้ เพื่อให่ผมอยู่สบายๆ ก็ต้องเพิ่มกำลังป้องกันของหมู่บ้านจะดีที่สุด
อย่างเช่นถ้าได้อาวุธแข็งๆที่สามารถจัดการอสูรที่ตัวแข็งได้ก็จะดีมาก ดาบยาวที่ได้มาจากท่านเทพธิดาก็หักไปในการต่อสู้แล้ว การต่อสู้กับอสูรไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้อาวุุธ
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะมีสกิลที่เสริมความแข็งแกร่งของคนกับสิ่งของจัง…
“เจ้า[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]นี่ จะเป็นแบบนั้นไหมนะ”
แต่ว่า สกิลนี้ ใช้ยังไงเนี่ย
…ทดลองดูดีกว่า
ผมหยิบดาบยาวออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]
เพราะการต่อสู้เมื่อวานทำให้ความยาวเหลือแค่2ใน3 ถ้าเสริมความแข็งแกร่งเจ้านี่ล่ะก็
“[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]–[ดาบยาวเอ๋ย จงคมยิ่งขึ้น]”
…ไม่มีอะไรตอบกลับมา
เพื่อทดสอบก็เลยลงตัดแขนเสื้อดู ไม่ขาด ใบมีดเองก็สภาพดูไม่ได้
ใช้ผิดวิธีสินะ
“ถ้าอย่างนั้น [ดาบยาวเอ๋ย ชื่อของเจ้าคือเอ็กซ์คาลิเบอร์ จงปรากฎความคมของดาบศักสิทธิ์มา ณ ที่แห่งนี้เถิด]”
…นี่ก็ไม่มีอะไรตอบสนองกลับมา
ตั้งแต่มาโลกใบนี้ก็สัมผัสถึงพลังเวทได้ ดังนั้นจึงเข้าใจ
[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]ไม่ได้ทำงาน ดาบยาวก็ยังเป็นแบบเดิม
“[เพิ่มชื่อ]เนี่ย คิดว่าเป็นการตั้งชื่อแท้ๆ”
ท่าทางจะไม่ใช่
ช่วยไม่ได้…คงต้องลองถามใครดู
ถ้าเป็นสกิลที่ได้มาจากคุณจักรพรรดิมังกร ถ้าได้รู้จักคุณจักรพรรดิมังกรก็อาจจะได้เบาะแสมาก็ได้
แล้วผมก็ออกไปข้างนอก
“อ๊ะ พี่โชมะ!”
“อรุณสวัสดิ ท่านโชมะ!”
เด็กๆมารวมตัวกันที่ลานกว้างของหมู่บ้าน
ตรงกลางมีฮารุกะอยู่ สวมชุดนอนสีขาว ยืดแขนขาสูดลมหายใจ
“…ฟู่”
ถอนหายใจออกมาทั้งๆที่ยังหลับตา หลังจากนั้นฮารุกะก็มองมาทางผม
“อรุณสวัสดิค่ะ ท่านพี่”
“อรุณสวัสดิ ฮารุกะ”
นั่นสินะ เมื่อวาน ผมกับฮารุกะก็เป็นพี่น้องร่วมสาบานกันแล้ว
ท่านพี่ พอเรียกแบบนั้น ก็ทำเอาเขินเลย…
“ตื่นเร็วจริงนะ ทั้งฮารุกะทั้งริเซ็ต”
“เรามีเรื่องที่ต้องทำกับทุกคนนี่นา!”
“ริเซ็ตล่ะ?”
“พี่ริสก็แค่อยากจะเห็นใบหน้าของท่านพี่ตอนหลับล่ะ!”
ฉ่า!
มีเสียงน้ำจากหลังบ้าน
ริเซ็ต…ระหว่างที่ผมนอนทำอะไรเนี่ย…
“น้องสาวก็ต้องดูหน้าของพี่ตอนนอนเป็นปกติล่ะ เป็นกฎของโลกใบนี้ไง”
“…งั้นเหรอ?”
…ถ้าเป็นกฎของโลกนี้ก็ช่วยไม่ได้
ฮารุกะยิ้มออกมา…รู้สึกเหมือนโดนหลอกเลย
“แล้ว พวกฮารุกะทำอะไรอยู่ล่ะ?”
“ทำท่าดูดซับพลังเวทค่ะ”
ฮารุกะเอามือแตะที่เอว แล้วก็ยืดอก
พวกเด็กที่อยู่ซ้ายขวาก็ทำแบบเดียวกัน สนิทกันจริงๆนะ
“เผ่ายักษ์นั้นถึงจะมีกำลังมหาศาล แต่ก็ไม่ค่อยมีพลังเวทน่ะ เลยต้องทำแบบนี้ทุกเช้าเพื่อรับเอาพลังเวทจากอากาศและพื้นดิน ถ้าทำแบบนั้น ความสามารถฟื้นฟูก็เพิ่มขึ้นด้วย”
พูดแบบนั้นแล้วฮารุกะก็ยกนิ้วมาให้ผมดู
นิ้วที่กรีดตอนสาบานพี่น้องเมื่อวาน ตอนนี้ไม่มีแผลแล้ว
“ที่บอกความสามารถฟื้นฟูเพิ่มขึ้น คือแบบนี้เหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะ ท่านพี่จะลองทำดูไหม?”
“อืม ถ้าอย่างนั้น ช่วยสอนทีละกัน”
[ปลุกเผ่ามังกร]ของผมกินพลังเวท
ถ้ารู้วิธีไหลเวียนพลังเวทไว้ก็คงจะดีกว่า
“ก่อนอื่นก็ยกสองแขนขึ้น แล้วก็ตั้งสมาธิไปที่ฝ่าเท้า”
“แบบนี้เหรอ?”
“ใช่แล้ว จากนั้นก็หลับตา รู้สึกให้เหมือนกับตัวเองหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับโลกสูดลมหายใจ ซู้ด”
“–ซู้ด”
…อืม มีอะไรบางอย่างเข้ามา
แขนขารู้สึกอุ่น ถึงจะรู้สึกว่าเคยรู้สึกอะไรคล้ายๆกันที่โลกเดิมอยู่หรอก แต่ที่นี่ให้ผลต่างกันเลย โลกที่เต็มไปด้วยพลังเวทมันเป็นแบบนี้สินะ
“ท่านพี่…”
“พี่โชมะ สุดยอด!” “พลังเวทเต็มเลย”
“เอ๊ะ?”
พอรู้สึกตัว พวกฮารุกะก็เบิกตากว้างมองที่มาผม
“…ความสามารถในการดูดซึมของท่านพี่เหลือเชื่อมากเลยล่ะ พลังเวทที่พวกเราต้องทำท่าดูดซับพลังเวทตั้งนานสามารถดูดเข้าไปในเวลาแปปเดียวเอง ปลายแขน ก็เปล่งประกายด้วยล่ะ…”
…จะว่าไปในจดหมายคุณเทพธิดาก็เขียนสินะ
โลกของผมมีพลังเวทเบาบาง แล้วผมก็ทำพิธีดูดพลังเวทในโลกแบบนั้น
ไม่รู้ว่าเพราะทำถูกหรือทำบ่อย ผมก็ดูดพลังเวทจนเกิดเป็นสกิลขึ้นมา
แล้วโลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยพลังเวท
ด้วยเหตุนั้นร่างกายของผมจึงดูซับพลังเวทได้ง่าย
ถ้าให้สรุปก็คือเหมือนกับตอนที่ไปฝึกในที่สูง–มีออกซิเจนน้อยมา หลังจากนั้นก็คงมาบนพื้นดิน
“ไม่อย่างนั้นก็ใช้[ปลุกเผ่ามังกร]ไม่ได้ล่ะนะ…”
พูดถึงสกิลก็นึกออก
“ลืมไปเลย มีเรื่องอยากจะถามพวกฮารุกะน่ะ”
“เรื่องอยากจะถาม? ได้สิ”
“เกี่ยวกับเรื่องของจักรพรรดิมังกรน่ะ”
“อืม รู้หลายอย่างเลยล่ะ ท่านจักรพรรดิมังกรเป็นคนที่ไม่แบ่งแยกมนุษย์กับอมนุษย์ พวกเด็กๆในหมู่บ้านเองก็ได้ฟังเรื่องของท่านจักรพรรดิมังกรเป็นนิทานล่ะ”
“““เนอะ”””
ฮารุกะกับพวกเด็กๆแปะมือกัน
ถ้าอย่างนั้นก็ยิ่งพูดกันเร็ว
“ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกให้ฟังได้ไหม เกี่ยวกับ[พลังในการมอบชื่อ]ของจักรพรรดิมังกร”
“เป็นพลังที่สามารถมอบอัตลักษณ์นั้นๆให้กับผู้คนและสิ่งของด้วยการมอบชื่อได้น่ะ”
ฮารุกะนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วก็ตบตรงพื้นที่ข้างๆ ปั๊ปปั๊ป
ท่าทางจะให้ไปนั่งตรงนั้นสินะ
“…เอาล่ะ”
พอผมนั่งลงข้างๆ ฮารุกะก็เอาไหล่พิงเข้ามา ใช้แขนขาวๆเอานิ้วถูกไถไปมา เหมือนกับว่าวาดออกมาเป็นรูปแม่น้ำ ปราสาท อะไรราวๆนั้น แต่ว่า ใกล้ไปแล้ว ฮารุกะพึ่งออกกำลังกายเสร็จก็เลยชุ่มไปด้วยเหงื่อ แถมตรงหน้าอกยังเปิดออก–มัน เป็นพิษกับสายตาผมนะ…
“ฟังอยู่ไหม? ท่านพี่”
“อ๊ะ โทษที อะไรเหรอ”
จริงสิ ผมเป็นพี่ชายร่วมสาบานของฮารุกะ
ถ้าอย่างนั้นการคิดมากมันก็เสียมารยาทซะมากกว่า
“จักรพรรดิมังกร มอบชื่อให้กับแม่น้ำที่แห้ง สินะ”
“ใช่ใช่ ท่านจักรพรรดิมังกรมอบชื่อที่มีความหมายว่า[น้ำเต็ม]ให้กับแม่น้ำที่แห้ง แล้วก็มอบชื่อที่มีความหมายว่า[แห้ง]ให้กับดินที่มีน้ำผุดขึ้นมา พอทำแบบนั้น แม่น้ำที่แห้งก็มีน้ำไหล อยู่บนพื้นดินที่แห้ง”
นั่นคือความสามารถของ[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ]เหรอ
เนื้อหามันก็เหมือนกับที่ผมทดลองเมื่อกี้เลย
ที่ผลมันไม่แสดงออกมาเพราะเลเวลไม่พอเหรอ หรือวิธีใช้ของผมมันผิด
…วิธีที่จะความสามารถด้วยชื่อ ก็พอรู้อยู่หรอก
ถ้าทำใจได้แล้ว ไว้ลองทำในแบบตัวเองดูละกัน
“–เจอผู้ใหญ่เผ่ายักษ์ด้วยล่ะ?”
“–อัศวินดำกำลังโจมตีพวกเขาล่ะ?”
ระหว่างที่คิดแบบนั้นก็มีเสียงดังมาจากบนหัว
รอบๆผมกับพวกเด็กก็มีเงาของอะไรสักอย่างที่เหมือนนก
“…อะไรน่ะ?”
พอเงยหน้าขึ้นไป–ก็เห็นพวกเด็กผู้หญิงมีปีกกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
“–ฮาร์ปี้น่ะตื่นมาพร้อมกับที่ตะวันขึ้นยังไงล่ะ”
“–ก็เลยเห็นโลกชัดเจน”
“–แต่เผายักษ์ก็ยังคงนอนแบบไม่รู้อะไร”
““–แม้แต่เรื่องที่พรรคพวกตกอยู่ในอันตรายก็ไม่รู้–ฟุฟุ””
พวกเด็กสาวที่มีปีกมองลงมาที่ทางนี้ แล้วก็ร้องเพลงออกมาด้วยเสียงสูง
“ฮาร์ปี้?”
“ท่านโชมะ–!”
มีเสียงทักมา
พอหันกลับไป ก็เห็นริเซ็ตที่กำลังวิ่งมาโดยถือขันมาด้วย
“คือว่า อาบน้ำอยู่เหรอ?”
“เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างค่ะ เมื่อกี้ ได้ยินเสียงของฮาร์ปี้–”
“ฮาร์ปี้? เด็กพวกนี้ เป็นฮาร์ปี้เหรอ”
“ค่ะ เป็นหนึ่งในอมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนภูเขาค่ะ”
ริเซ็ตตอบคำถามของผม
ฮาร์ปี้เนี่ยในโลกของผมจะมีภาพเป็นอสูร แต่เหมือนว่าโลกใบนี้จะเป็นหนึ่งในอมนุษย์ ก็จริงที่พวกเด็กที่บินอยู่เนี่ยก็เห็นพวกผม พูดรู้เรื่องแถมยังมีความรู้ ไม่รู้สึกเหมือนอสูรเลย
ปีกของฮาร์ปี้ไม่ได้อยู่ที่หลัง แต่งอกจากสองแขน
แขนกลายสภาพเป็นปีกสินะ นอกจากนั้นก็ไม่ต่างจากเด็กมนุษย์ ที่สวมอยู่ก็เป็นผ้าบางๆจนเกือบเห็นผิวหนัง มีผมสีชา พวกฮาร์ปี้บินบนฟ้าเหนือหมู่บ้านด้วยท่าทีสนุกสนาน
จะว่าไปแล้วเมื่อวาน ริเซ็ตก็พูดไว้สินะ ว่าพวกผู้ใหญ่ผู้ชายออกไปข้างนอก
เมื่อวานคิดแต่เรื่องของตัวเองก็เลยไม่ได้สนใจเลย…
“เรื่องที่ฮาร์ปี้พูด คือเรื่องที่พวกผู้ใหญ่เผ่ายักษ์ถูกโจมตี…งั้นเหรอ?”
“ค่ะ…ท่านโชมะ”
ริเซ็ตพยักหน้า
“ในป่ามีปราสาทเก่าๆที่ถูกใช้เป็นฐานของศัตรูอยู่ค่ะ”
นานมาแล้วที่นั่นเป็นที่ที่มีคนอาศัยอยู่ แต่ตอนนี้ก็ถูกททิ้งล้างเป็นซากปรักหักพัง
ในป่ามีอสูร แถมอยู่ค่อนข้างไกลจากหมู่บ้าน จะเดินทางไปมาก็ไม่สะดวก
ตอนที่อสูรที่แข็งแกร่งที่ถูกเรียกว่า[อัศวินดำ]ไปอาศัยอยู่คือ หลายเดือนก่อน
[อัศวินดำ]พาลูกน้องที่ชื่อว่า[ทหารดำ]มาเริ่มบุกรุกป่ากับหมู่บ้าน รอบๆหมู่บ้านนั้นเดิมทีแล้วไม่ค่อยมีอสูร แต่ตั้งแต่[อัศวินดำ]ปรากฎตัวขึ้นมาจำนวนก็เพิ่มมากขึ้น แถมยังเริ่มดุร้าย
คนในหมู่บ้านที่เดือดร้อนก็ไปขอความช่วยเหลือจากคุณเจ้าเมืองมนุษย์ แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา
ดังนั้นพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านนี้ จึงเริ่มแผนจัดการอสูรด้วยตัวเอง
“ไม่อยากให้ท่านโชมะเป็นห่วง…ก็เลยไม่ได้พูดน่ะค่ะ”
พูดแบบนั้นริเซ็ตก็ก้มหัวขอโทษ
“เมื่อวานซืนพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านออกไปเพื่อยึด[ปราสาทร้าง]ค่ะ การโจมตีจริงๆจะเริ่มจากครั้งหน้า ในครั้งนี้เป็นการออกไปเพื่อสร้าฐานระหว่างหมู่บ้านกับ[ปราสาทร้าง]ค่ะ วันนี้ก็มีแผนว่าจะกลับมาที่หมู่บ้านครั้งหนึ่งก่อน…”
“ที่พวกเด็กๆออกไปล่าปลา…ก็เพื่อจะให้กินตอนที่กลับมาเหรอ?”
“…ค่ะ”
ริเซ็ตพยักหน้า
ความเป็นไปของพวกผู้ใหญ่ที่ออกไปหลายวันก่อนพวกเราก็ไม่มีวิธีที่จะล่วงรู้ด้วย แต่ว่า ถ้าเป็นพวกฮาร์ปี้ที่บินบนฟ้า ก็สามารถไปดูได้ง่ายๆ
ปัญหาก็คือข้อมูลนั่นเป็นความจริงหรือเปล่า
“ขอถามเพื่อปกป้องหมู่บ้านนี้! เรื่องเมื่อกี้จริงหรือเปล่า!?”
ฮารุกะมองขึ้นไปบนฟ้าแล้วตะโกน
“ไม่รู้สิ” “นั่นสินะ”
คิกคิก คิกคิก
ฮาร์ปี้หัวเราแล้วมองลงมาที่ฮารุกะ
“…จริงหรือเปล่า เหรอ?”
“พวกฮาร์ปี้น่ะชอบแกล้ง ก็เลยพูดโกหกอยู่บ่อยๆค่ะ”
ก็จริงว่าทำหน้าเหมือนกำลังแกล้งด้วยสิ
เหมือนจะกำลังชี้หน้าพวกผมที่อยู่บนพื้นแล้วกระซิบกระซาบหัวเราะกับฮาร์ปี้ด้วยกัน อะไรล่ะนั่น…รู้สึกหงุดหงิด
“ขอถามอีกครั้ง ที่พวกเธอพูดเป็นเรื่องจริงไหม!? ถ้าจริง พวกเราก็ต้องรีบออกไปช่วย ช่วยบอกทีเถอะ!”
“–ไม่รู้สิ”
“–ไม่บอกหรอกว่าจริงหรือโกหก”
พวกฮาร์ปี้หัวเราะไปพลางตอบคำถามของฮารุกะ
“–พวกเผ่ายักษ์วางกับดักเพื่อจัดการ[อัศวินดำ]”
“–แต่พอเที่ยงคืนก็ถูกเจอตัว”
““–แล้วก็เกิดการปะทะกันแต่จะจริงหรือเปล่านะ?””
พวกฮาร์ปี้กำลังเล่นสนุก
ทางนี้ขว้างอาวุธออกไป ก็คงจะบินหนีไปทันที
“…ริเซ็ต”
“ค่ะ ท่านโชมะ”
“ผมเอง ก็เป็นหน่วยป้องกันหมู่บ้านนี้แล้วสินะ?”
“เอ๊ะ? อ๊ะ ค่ะ แน่นอนค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นจะขอพูดกับพวกนั้นสักคำได้ไหม?”
ริเซ็ตตกใจกับคำพูดของผม
แต่ว่าไม่ปฏิเสธ พยักหน้าเบาๆแล้วดันหลังของผม
งั้นก็ได้สินะ
ลองคุยแบบผู้ใหญ่กับพวกนั้นดูละกัน
“อยากจะขอถามพวกฮาร์ปี้”
““–มนุษย์?””
“ถ้าข้อมูลของพวกเธอเป็นความจริง พวกเราก็ต้องรีบออกไปช่วยคนในหมู่บ้าน ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านนี้ก็อาจจะถูกทำลายได้”
“ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” “ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย”
“พวกเธอก็เป็นอมนุษย์ใช่ไหมล่ะ? ไม่ได้มีปัญหากับอสูรหรือไง?”
ถึงจะถูกหัวเราะ แต่ก็ช่างมัน
ผมพูดต่อ
“ถ้าไม่มีหมู่บ้านนี้กำลังรบของอมนุษญ์ก็จะลดลง ในส่วนนั้น กองกำลังของอสูรก็จะเพิ่มขึ้น ก็เป็นปัญหากับพวกเธอเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“–ไม่เกี่ยวสักหน่อย” “–ฮาร์ปี้น่ะ มีปีกนะ”
“หนีก็พอแล้ว” “ก็บินไปไหนก็ได้นี่นา”
““–เผ่าชั้นต่ำที่ไม่มีปีกน่ะ อย่ามาทำใหญ่โตดีกว่า–””
–[เผ่าชั้นต่ำ]เหรอ
ดูถูกแบบนั้นเหรอ
…ดูถูกผมกับคนในหมู่บ้านที่อาจจะเป็นที่อยู่ของผมงั้นเหรอ
“…แค่มีปีกก็พอสินะ?”
ผมจ้องขึ้นไปยังพวกฮาร์ปี้ที่อยู่บนท้องฟ้า
เห็น2คนตัวเล็กหัวเราะอยู่
ยืนยันแล้ว
โลกใบนี้มีอมนุษย์ที่บินบนฟ้า ยืนยันตัวตน รู้ชัดแล้ว
เหมือนกับตอนที่ยืนยันตัวตนของมังกรกับยักษ์
เอาล่ะ เป็นช่วงฉุกเฉินนี่นา ก็แค่ตอนนี้ละกัน
ลองเล่นเป็นตัวผมในอดีตสักครั้ง แล้วถามดูหน่อยดีกว่า–
“จงศิโรราบ”
““?””
“[ด้วยนามของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]–[ปลุกเผ่าปักษา]!!”
พริบตานั้น
ผมก็กระทืบพื้นขึ้นไป
““–หา!?””
“…คิดจะมองลงมาเหนือหัวของราชาไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
เพียงพริบตาเดียวผมก็บินขึ้นไปเหนือพวกฮาร์ปี้
ที่หลังรู้สึกแปลกๆ แถวๆสะบัก ราวกับมีมืออีกคู่งอกมา
ปีกของผมเป็นปีกสีขาวบริสุทธิ์ ใหญ่ ใหญ่กว่าของฮาร์ปี้หลายเท่า
[ปลุกเผ่าปักษา]
สกิลที่สามารถใช้ได้จากการที่ยืนยันถึงตัวของอมนุษย์หรือมนุษย์ที่สามารถบินบนท้องฟ้าได้
ทำให้สามารถมีปีกของมนุษย์ อสูร อมนุษย์ที่บินได้
สกิลลำดับที่4ของ[คิริวโอ โชมะ] ผลลัพธ์ก็คือ ความสามารถในการบิน
สามารถบินได้เรื่อยๆตราบใดที่ยังมีพลังเวท ความสามารถในการบินก็เหนือยิ่งกว่าฮาร์ปี้ บางที ล่ะมั้ง
“มีแค่ปีกอ่อนแอแบบนั้น แต่กล้าบังอาจหัวเราะใส่ราชาผู้พิชิตงั้นหรือ!”
ก่อนอื่นก็ลองหัวเราะ
“ถ้ายังคิดจะมองเหนือใส่ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์อีกล่ะก็ คงต้องตัดเมฆให้ดูสักก้อนแล้วล่ะนะ!”
ก็แค่บลัฟล่ะนะ
“–อะ องค์ราชา?” “–ระ เรื่องแบบนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ว่า”
“เจ้าผู้ที่มีเพียงปีกอันอ่อนแอเอ๋ย จงลงสู่พื้นดิน แล้วเล่าเรื่องที่เจ้ารู้มาให้หมดซะ”
“…ฮี๊” “…ฮิเอ๊”
“ถ้าไม่คิดจะกล่าวสิ่งใดก็กลับไปซะ! เพียงแต่อย่าได้ลืมเชียวว่าพวกเจ้าได้บังอาจมองบนและหัวเราะใส่ราชาน่ะ!”
นี่คือเวลาฉุกเฉิน
ลองใช้[โหมดคิริวโอ โชมะ]ถามข้อมูลจากพวกฮาร์ปี้ดีกว่า
““…ขะ ขอโทษค่ะ…””
พวกฮาร์ปี้ก้มหน้าแล้วยอมลงไปที่พื้นแต่โดยดี
ผมก็ลงไปที่พื้นโดยยังคงใช้[ปลุกเผ่าปักษา]
“…ฮารุกะ”
“ค ค่ะ ท่านพี่!”
“ถามเรื่องราวจากยัยพวกนี้ซะ คิดว่าคงไม่โกหกแล้วล่ะ”
“ขะ เข้าใจแล้ว”
ฮารุกะมองมาที่ผม แล้วหันกลับมาไปมองพวกฮาร์ปี้
“คือว่า…ที่บอกว่าพวกผู้ใหญ่ในหมู่บ้านโดนศัตรูเจอตัวนี่เรื่องจริงเหรอ?”
“จริง” “ต่อหน้าคนผู้นั้น ไม่สามารถโกหกได้”
พวกฮาร์ปี้มองมาที่ผมแล้วตอบ
“เมื่อกี้” “ตอนที่ไปหาข้าวเช้า”
“ก็เจอกับคนเผ่ายักษ์” “กับพวก[อัศวินดำ]ที่ไล่ตามอยู่ล่ะ?”
“พวกเผ่ายักษ์พยายามต่อสู้กลับไป” “จนบาดเจ็บ”
““ถ้าจะช่วยก็รีบไปดีกว่านะคะ””
“ขอบคุณมาก ช่วยได้เยอะเลย”
พวกฮาร์ปี้ก้มหัวลงตรงหน้าผม
“เรื่องแบบนั้น” “ผู้ที่มีปีกอันแข็งแกร่ง ฮาร์ปี้ผู้ยิ่งใหญ่”
“ไม่ต้องขอบคุณก็ได้” “แค่ลูบปีกก็พอ”
““พวกฉันจะได้บินได้เร็วมากกว่านี้ค่ะ””
“แบบนี้เหรอ?”
ผมใช้ปลายนิ้วสัมผัสปีกของพวกฮาร์ปี้
ดูเหมือนว่าตรงนั้นเองก็มีเส้นประสาทอยู่ พวกฮาร์ปี้ก็เลยทำหน้าจั๊กจี้
““ขอบคุณมากค่ะ!””
“ทางนี้เองก็ขอบคุณสำหรับข้อมูล โทษทีที่โกรธนะ”
พูดแบบนั้นผมก็มองไปางพวกริเซ็ต
ริเซ็ตกับฮารุกะพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง
ต่อจากนี้ก็รอพวกเธอที่รู้จักป่าและหมู่บ้านดีตัดสินใจ
ระหว่างนั้นผมก็ทำอะไรที่ผมทำได้ไปก่อน