ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 19
Ch.19 – [การตั้งเจ้าปราสาท]ครั้งแรก
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
““โอ้…””
ฮารุกะกับริเซ็ตที่ไม่รู้ว่ากลับมาตอนไหนก็ส่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้น
“วงเวทของจริงเนี่ยมันเป็นแบบนี้เองสินะคะ”
“ถึงที่หมู่บ้านเราจะมีวงเวทไล่อสูรเหมือนกันก็เถอะ…แต่เทียบกันแล้วก็กลายเป็นรูปวาดเล่นเลย…”
งั้นเหรอ?
“ของในสมัยท่านจักรพรรดิมังกรมันเก่าจนหายไปเกือบหมดแล้วน่ะค่ะ”
“วงเวทในหมู่บ้านเองก็เป็นแค่ของที่ลอกจากของที่เหลือจากอดีตน่ะ ถ้าไปที่พระราชวังก็อาจจะเจออันที่ละเอียดอยู่ แต่ชายแดนแบบนี้ไม่มีวงเวทแบบนั้นหรอก…”
ถึงจะแค่ลอกจากวงเวทที่เห็นก็เถอะ
ตอนที่ทำเสร็จ ผมก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
ดูเหมือนจะโลกเดิมหรือโลกนี้ พื้นฐานของสิ่งที่เรียกว่าวงเวทก็ไม่ได้ต่างกัน
พลังเวท สกิล ความสามารถ–แนวคิดเหมือนกัน วงเวทเองก็เลยเหมือนกันเหรอ
“ลองใช้งานดูกันเถอะค่ะ”
ริเซ็ตย่อตัวแล้วเอานิ้วแตะวงเวท
พลังเวทไหลออกจากนิ้วของเธอ
พริบตานั้นก็มีประกายแสงลอยออกมาในอากาศ แล้วก็หายไป
“ค่ะ วงเวทสำหรับชำระล้างเรียบร้อยแล้วค่ะ แถมยังให้ผลลัพธ์ที่ดีมากด้วยค่ะ”
ริเซ็ตพยักหน้าอย่างตกใจ
“โอ้”
ฮารุกะตบมือ แปะแปะ
…ไม่คิดเลยว่าความรู้ที่ฝึกตอนจูนิเบียวจะมีประโยชน์
ถึงจะควรดีใจก็เถอะ…แต่รู้สึกยังไงไม่รู้…
“ทางริเซ็ตเองก็ชำระล้าง[ผลึกมาร]เสร็จแล้วเหรอ?”
“ค่ะ ไม่ทำให้ของที่ได้รับจากท่านพี่โชมะเสียเปล่าหรอกค่ะ”
พูดแบบนั้นแล้วริเซ็ตก็หยิบคริสตัลโปร่งแสงออกมา
มีแสงสีรุ่งส่องออกมาจากพื้นผิวเป็นบางเวลา fูเหมือนนี่จะเป็น[ผลึกเวท]ที่ถูกชำระล้างแล้ว
“ถ้าใช้นี่กับวงเวท บางที คงจะใช้ได้ประมาณ150วันค่ะ”
“…150วันเหรอ”
หลังจากนั้นก็ต้องไปจัดการอสูรเพื่อเก็บ[ผลึกมาร]มาชำระล้างอีกสินะ
น่ารำคาญจริงๆ ถ้ามีวิธีที่ดีกว่านั้นก็ดีสิ
“คือว่านะ ริเซ็ต”
“ค่ะ ท่านพี่โชมะ”
“คุณ[จักรพรรดิมังกร]เนี่ย เขารักษาพลังเวทในเขตแดนยังไง พอรู้ไหม?”
“…ริเซ็ตเองก็พอจะเคยได้ยินจากแม่อยู่ค่ะ…”
ริเซ็ตใช้นิ้วม้วนผมสีเงินแล้วเอียงคอ
“ดูเหมือนจะเชื่อมต่อกับพลังเวทที่ไหลในพื้นดิน–โดยตรงเข้าวงเวทน่ะค่ะ”
“เชื่อมต่อ เหรอ?”
“ข้อมูลโดยละเอียดแล้ว…คิดว่ามีแค่จักรรพรรดิในตอนนี้–[องค์จักรพรรดิมังกร]กับสิบนักปราชญ์เท่านั้นที่รู้ค่ะ แต่ได้ยินมาบ่อยๆว่าจะมีการแต่งตั้ง[เจ้าปราสาท]เพื่อเชื่อมต่อวงเวทกับพื้นดินค่ะ”
“เจ้าปราสาท เหรอ…”
เป็นระบบแบบไหนกันนะ
“ถ้าอย่างนั้นก็ใช้งาน[เขตแดน]เลยนะคะ”
ริเซ็ตวางผลึกเวทไว้ที่ใจกลางวงเวท
พื้นดินสั่นไหวเล็กน้อย
“…คุณภาพพลังเวทของเขตแดนสุดยอดจริงๆด้วยนะคะ”
“…ดูสิ ท่านพี่ แสงของเขตแดนกำลังขยายอกไปล่ะ”
ผมเองก็มองเห็นได้
ประกายแสงที่แผ่ออกมาจากวงเวท เริ่มเข้าปกคลุมรอบๆ[ปราสาทร้าง]
สุดยอดไปเลยนะ…พึ่งเคยเห็นวงเวททำงานจริงๆเป็นครั้งแรกนี่ล่ะ
โลกที่มีเวทมนตร์มันเป็นแบบนี้เองเหรอ…
ประกายแสงปกคลุมปราสาทแล้วก็หายไป
ถึงจะไม่เห็นเขตแดน–แต่ก็รู้สึกได้ว่ามันฟุ้งอยู่ในบรรยากาศ
ถ้ากาง[เขตแดน]แบบนี้ในปราสาทหรือเมืองก็จะสามารถป้องกันการบุกของอสูรได้เหรอเนี่ย
งั้นถ้าสามารถขยายขอบเขตของเขตแดนได้…ก็อาจจะสามารถไล่อสูรออกไปจากที่นี่ได้สินะ นี่ก็เป็นปัญหาต่อจากนี้สินะ
อยากจะชิวให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ดังนั้นก็ควรวิจัยอะไรแบบนั้นไว้สักหน่อย
“ขอสำรวจที่นี่อีกสักพักจะได้ไหมนะ?”
ผมหันไปหาริเซ็ตกับฮารุกะแล้วพูดออกมา
“พึ่งเคยเห็นซากปราสาทแบบนี้ก็เลยรู้สึกสนใจน่ะ”
“ได้สิ งั้นเราจะไปเรียกพวกคุณลุงกัลลุงก้ามานะ”
“ถ้าอย่างนั้น ริเซ็ตจะไปดูหอคอยให้นะคะ”
ฮารุกะโบกมือแล้วออกไป
ทางริเซ็ต–ก็ออกไปหน้าหอคอยแล้วยืนนิ่งไม่ไหวติง
“…ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลย”
“การปกป้องท่านพี่คืองานอันแสนสำคัญของน้องสาวค่ะ!”
“…พี่ชายก็เริ่มเป็นห่วงอนาคตของน้องสาวแล้วสิ”
จะเป็นไรไหมเนี่ย ริเซ็ต จะไม่ทำงานจนเครียดไปสินะ
ในโลกเดิมมันก็มีคนแบบนั้นอยู่ด้วยสิรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ…
“เอาเถอะ รีบจัดการให้จบๆไปละกัน”
ถ้าสร้าง[เขตแดน]ที่มีคุณภาพมากขึ้นได้ งานของพวกริเซ็ตก็จะง่ายขึ้นแน่ๆ
เบาะแสก็มีอยู่หลายอย่าง
อย่างแรก ที่แห่งนี้ในอดีตคุณจักรพรรดิมังกรเคยกางเขตแดนเอาไว้
คุณจักรพรรดิมังกร สามารถกางเขตแดนไปตลอดได้โดยไม่ต้องใช้คริสตัลเวทมนตร์
เพื่อการนั้นจึงได้แต่งตั้งเจ้าปราสาท
สุดท้ายก็คือ สกิลของคุณจักรพรรดิมังกรนั้นเกี่ยวข้องกับ”การตั้งชื่อ”
“…ถ้าคิดจากตรงนั้น…”
เข้าใจ…เข้าใจสิ
หรือก็คือ–จักรพรรดิมังกรได้เรียกภูติแห่งพื้นดินออกมาตั้งชื่อจากนั้นก็ให้มันไปเป็นผู้ช่วยของเจ้าปราสาท ผู้ช่วยนั้นคือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับแหล่งพลังของโลก เป็นผู้รับใช้ของเทพธีดาผู้อยู่บนสรวงสวรรค์ที่เหนือยิ่งกว่าสวรรค์ชั้น8ผู้มอบชีวิตในกับพื้นดิน มอบความตายให้กับท้องนภาาาาาาาาาาาาา!
เดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยวเดี๋ยว!
…ไม่ได้การละ เกือบจะจูนิเบียวไปไกลละ
คิดตามสามัญสำนึกสิ เป็นพนักงานบริษัทมาเกือบ10ปีแล้วไม่ใช่เหรอไง
ในที่นี่ต้องใช้[ความสามารถในการจัดการกับความเป็นจริง]ที่ได้มาจากตอนเป็นพนักงานบริษัทจะดีกว่า
“เปลี่ยนพลังเวทในพื้นดินผ่านคุณเจ้าปราสาทแปลงเป็นเขตแดน จะได้ไหมนะ…?”
เพราะว่าโลกใบนี้มีพลังเวทมหาศาล ของแบบนั้นก็เลยมีด้วยสินะ
แล้วถ้าพูดถึงพลังเวทในพื้นดิน ก็ต้องสกิลนั้นสิ
“ใช้งานสกิล [ชีพจรมังกร]”
ผมใช้งานสกิล
[ชีพจรมังกร]ในโลกเดิมนั้นมีความหมายถึงการไหลของ[จิต]ของพื้นดิน
แล้วพวกเมืองหรือปราสาทในอดีตก็จะสร้างใน[สถานที่ที่มีจิตไหลคล่อง]ตามหลักฮวงจุ้ย หรือก็คือประมาณแหล่งพลังงาน เพราะว่าเคยศึกษาจากหนังสือที่อ่านมาในอดีตก็เลยเข้าใจดี ก็เคยคิดจะไปสถานที่แบบนั้นเพื่อทำพิธีปลุกพลัง ก็เลยอดขนมเก็บเงินไปเที่ยว…ไม่ไม่ไม่ เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่าง
ยังไงก็ตามการที่มีสกิล[ชีพจรมังกร]อยู่แสดงว่าเป็นไปได้ว่าในโลกนี้[จิต]ที่ว่าจะเปลี่ยนเป็น[พลังเวท]–
การจะสร้างปราสาทหรือเมืองบนที่ดินที่มี[พลังเวท]ก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร
“…เจ้านี่หรือเปล่านะ?”
[พบปฏิกิริยาชีพจรมังกร]
รอเงียบๆสักพัก–ก็มีอักษรลอยขึ้นมาในหัว
[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]เองก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนสกิลของจักรพรรดิมังกรจะเป็นแบบนี้สินะ
[สัมผัสได้ถึงการไหลของพลังเวทในพื้นดินที่ตั้งของปราสาท เพื่อใช้งานกรุณาตั้งเจ้าปราสาทด้วย]
“ริเซ็ต ขอเวลาสักครู่ได้ไหม?”
“ทำไมเหรอคะ? ท่านพี่โชมะ”
“ปราสาทนี้ ผมขอได้ไหม?”
“ค่ะ ตามสบายเลยค่ะ”
“…ง่ายจริงนะ”
“คนที่จัดการอัศวินดำเมเซรัทก็คือท่านพี่นี่คะ?”
ริเซ็ตพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“แล้วคนที่วาดวงเวทขึ้นมาใหม่ก็คือท่านโชมะค่ะ ถ้าท่านโชมะบอกว่าต้องการปราสาทนี้ คิดว่าก็คงไม่มีใครท้วงหรอกค่ะ”
“ถ้าแบบนั้นล่ะก็”
ของใช้แบบไม่เกรงใจเลยละกัน
เดิมทีก็เป็นปราสาทที่อสูรใช้ด้วย คิดว่าคงไม่มีใครเป็นเจ้าของหรอก
“ถ้าอย่างนั้น ชื่อของเจ้าปราสาท โชมะ คิริว”
[ราชาไม่สามารถเป็นเจ้าปราสาทได้]
“…หา?”
[ราชาคือผู้ที่ปกครองเจ้าปราสาททั้งหมด การที่ผู้แต่งนั้นถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าปราสาทเองนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกัน]
องค์ราชาคือผู้ปกครองเหนือเหล่าเจ้าปราสาท ถึงไม่สามารถเป็นเจ้าปราสาทเองได้ งั้นเหรอ?
น่ารำคาญจริงเลยนะ…สกิลของคุณจักรพรรดิมังกรเนี่ย
“คือว่านะ ริเซ็ต ขอถอนคำพูดเมื่อกี้”
“ทำไมเหรอคะ? ท่านพี่โชมะ”
“ปราสาทนี้ ขอยกให้ริเซ็ตได้ไหม?”
“คะะะะะะะะ!?”
ทำให้ตกใจซะแล้วสิ
“ให้ปราสาทโทรมๆแบบนี้ไปคงจะรู้สึกไม่ดีสินะ…”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ คือจะทำอะไรเหรอคะ?”
ริเซ็ตเข้ามาข้างในหอคอย
จ้องมาที่ผมด้วยด้วยใบหน้าจริงจังเหมือนเคย
…จะอธิบายยังไงดี
“…จริงๆแล้วดูเหมือนผมได้สกิลที่เหมือนของจักรพรรดิมังกรจาก[สุสานจักรพรรดิมังกร]มาน่ะ”
“ค่ะ รู้แล้วค่ะ”
ริเซ็ตพยักหน้าเบาๆ
“รู้ตัวตอนที่เสริมแกร่งในอาวุธน่ะค่ะ [ราชาคือผู้ที่มอบนาม]ก็มีอยู่ในตำนานของท่านจักรพรรดิมังกรค่ะ”
“อืม แล้วดูเหมือนจะยังมีสกิลที่ใช้แต่งตั้งใครสักคนเป็นเจ้าปราสาทอยู่ด้วยล่ะ”
“แต่งตั้งเจ้าปราสาท เหรอคะ”
“คิดว่าบางทีถ้าทำแบบนั้นแล้ว จะทำให้คนนั้นสามารถใช้พลังเวทจากพื้นได้ ผมก็เลยคิดว่าคุณจักรพรรดิมังกรอาจจะใช้พลังนั่นในการทำให้กางเขตแดนไล่อสูรไปตลอดหรือเปล่าน่ะ”
“ก็เลยจะให้ริเซ็ตเป็นเจ้าปราสาท…?”
“ลองดูแล้ว แต่ดูเหมือนผมจะเป็นเจ้าปราสาทไม่ได้น่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“เข้าใจเหรอ?”
“ก็ราชาคือผู้ที่ปกครองเจ้าปราสาทนี่คะ”
พูดแบบเดียวกับสกิลเลยน้า
“แต่ว่า…ถ้าเป็นแบบนั้น ริเซ็ตจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยไหมคะ?”
“คิดว่าบางทีน่าจะไม่นะ”
ไม่รู้ทำไมแต่เข้าใจ
สกิลนี้ไม่ใช่ของแบบนั้น
ถ้าทำแบบนั้นเจ้าปราสาทมันก็เป็นเหมือนกับเสามนุษย์สิ แต่จากใบหน้าของคนที่น่าจะเป็นจักรพรรดิมังกรที่เห็นในฝันแล้วก็ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนั้น จักรพรรดิมังกรก็ดูเหมือนจะเป็นผู้ปกครองที่ดีไม่เหมือนกับจักรพรรดิเพลิงทมิฬซะด้วย คงจะไม่ทำเรื่องแบบนั้นหรอกมั้ง
แถมสกิลยังบอกว่า[เป็นการปลุกพลังเวทที่หลับไหลอยู่]ด้วย
“เข้าใจแล้วค่ะ”
พอรู้สึกตัวริเซ็ตก็เข้ามาจับที่ชายเสื้อของผม
“ขอร้องล่ะค่ะ ท่านพี่โชมะ ช่วยแต่งตั้งริเซ็ตเป็นเจ้าปราสาทด้วยค่ะ”
…ทำไมถึงได้ทำสายตามุ่งมั่นแบบนั้นกันน่ะ
มันเจิดจ้าเกินไปสำหรับพนักงานทาสวัยสามสิบนะ
“ในฐานะที่ริเซ็ตเป็นผู้สืบสายเลือดของจักรพรรดิมังกร–ไม่สิ”
ไม่รู้ทำไมริเซ็ตถึงมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแบบแปลกๆ
“จะขอปกป้องดินแดนแห่งนี้เพื่อไม่ให้ฐานะน้องสาวของท่านพี่โชมะต้องอับอายค่ะ”
“ที่ผมอยากปกป้องดินแดนนี้ก็เพื่ออยากจะใช้ชีวิตสบายๆเท่านั้นเอง”
“ถ้าอย่างนั้นก็เพื่อให้ท่านพี่โชมะได้พักสบายๆค่ะ”
“งั้นก็ได้อยู่”
“ค่ะ ตามนี้นะคะ”
สัมผัสนุ่มมือ–ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่แต่มือของผมก็ไปวางอยู่บนหัวของริเซ็ตซะแล้ว
ต้องรีบดึงกลับมา ไม่สิ จะได้หรือเปล่านะ?
…ถึงจะมาที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่ก็เริ่มรู้สึกราวกับว่าลืมการวางตัวในโลกเดิมซะแล้วสิ
ถ้าจิตใจของผมมันหันเหไปทาง[คิริวโอ โชมะ]มันจะแย่เอานะ…
“ทำไมเหรอคะ ท่านพี่โชมะ”
“…ไม่มีอะไร รับทำให้เสร็จๆแล้วกลับกันเถอะ”
“ค่ะ”
ริเซ็ตยิ้มออกมา
ผมใช้งานสกิลอีกครั้ง
[เพื่อใช้งานพลังเวทในพื้นดิน กรุณาแต่งตั้งเจ้าปราสาท]
“จะมีผลที่ก่ออันตรายกับเจ้าปราสาทหรือเปล่า?”
[กรุณาแต่งตั้งเจ้าปราสาท]
“…ข้าขอถามในนามของคิริวโอ โชมะ”
[——]
“ด้วยนามแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ ถ้าเกิดมันมีอันตรายกับเจ้าปราสาทขึ้นมาล่ะก็ ข้าขอประกาศว่าไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็จะทำลายสกิลนี้ให้ย่อยยับให้ดู ถ้าไม่ต้องการเช่นนั้นก็บอกมาซะ เจ้าสกิลของจักรพรรดิมังกรเอ๋ย”
ผมพูดออกไป
สกิลเงียบไปพริบตาหนึ่ง–
[—-ราชา–คำสั่งของจักรพรรดิ…”ภาชนะแห่งราชา”…ยืนยันอีกครั้ง…คำพูดที่คล้ายกับจักรพรรดิมังกรในอดีต…ได้รับแล้ว]
พ่นข้อความอะไรไม่รู้ออกมา
[อธิบายความสามารถของ“ชีพจรมังกร”
เพื่อที่จะปลุกพลังเวทที่หลับไหลในพื้นดิน จึงต้องทำการมอบสิทธิใช้งานให้กับเจ้าปราสาท
เพียงแต่ตามปกติแล้วการจะเคลื่อนย้ายพลังเวทในพื้นดินนั้นไม่สามารถเป็นไปได้ พลังเวทในพื้นดินจึงถูกผู้เป็นนายใช้ในของพวกเขตแดน แถมในพื้นที่ของปราสาทจะมีผลสนับสนุนให้กับราชาหรือพรรคพวกเจ้าปราสาทด้วย
ระหว่างที่เจ้าปราสาทอยู่ในปราสาทพลังเวทจะถูกขยายเพิ่มขึ้น
โดยพื้นฐานจะเพิ่มพลังทำลายของพลังเวทขึ้น หรือไม่ก็เพิ่มเวลาใช้งาน
การใช้งานเขตแดนนั้นไม่จำเป็นต้องมีเจ้าปราสาทอยู่ตลอดเวลา
เพียงแต่จำเป็นต้องมีการทำพิธีส่งพลังเวทไปยังวงเวทประมาณปีละ1ครั้ง]
แล้วก็มีหน้าต่างข้อความแสดงข้อมูลไหลขึ้นมาทันที
พอลองดู…อืม ท่าทางจะไม่มีอันตราย งั้นก็ไม่เป็นไรสินะ
“งั้น ริเซ็ตไปยืนตรงนั้นที”
“ค่ะ ท่านพี่โชมะ”
ริเซ็ตไปยืนอยู่ใจกลางของวงเวทตามที่ผมสั่ง
“–ด้วยนามแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ เจ้าจงเป็นเจ้าปราสาทแห่งปราสาทร้าง–”
…ไม่สิ ใช้ชื่ออื่นน่าจะดีกว่า
จะให้น้องสาวอย่างริเซ็ตไปเป็นเจ้าปราสาททั้งที จะให้ชื่อปราสาทว่า[ปราสาทร้าง]มันก็ใช่เรื่อง
ใช้ชื่อให้เหมาะสมกับลูกหลานของจักรพรรดิมังกรอย่างริเซ็ตจะดีกว่า
“ริเซ็ต รูจ ขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นเจ้าปราสาทของ[วังนาคารชุนะ]”
ผมแตะที่หน้าผากของริเซ็ตแล้วพูดออกไป
“เจ้าจะสามารถใช้พลังเวทของแผ่นดินนี้ที่หลับไหลอยู่ได้ จงใช้สิ่งนั้นปกป้องเหล่าผู้ที่เชื่อในตัวเจ้าเถอะ จงตื่น–[ชีพจรมังกร]!!”
“–อื้ม”
ร่างกายของริเซ็ตกระตุก
พร้อมกันนั้นก็มีแสงที่จ้ากว่าเมื่อกี้แบบเทียบกันไม่ติดออกมาจากวงเวทที่วาดบนพื้น
แสงที่ออกมาจากวงเวทไหลเข้าไปในตัวของริเซ็ต
ราวกับว่าผิวหนังของเธอส่งแสงออกมา–เสื้อโปร่งแสงจนเห็นร่างกายชัดเจน เส้นแสงไหลไปตามผิวหนังของริเซ็ต ไม่รู้ทำไมเธอถึงแก้มแดง หลับตาเม้มปาก
“…เป็นไรไหม?”
“สบาย ค่ะ ท่านพี่…”
เส้นแสงไปอยู่ตรงกลางอกของริเซ็ตแล้วก็หยุด
“ริเซ็ต รูจ–ด้วยคำสั่งของท่าน[โชมะ คิริว]พี่ชายของเรา–ขอรับผิดชอบเป็นเจ้าปราสาทแห่ง[วังนาคารชุนะ]ค่ะ!”
พริบตาที่ริเซ็ตประกาศออกมา–
ประกายแสงก็ลอยขึ้นจากพื้นดิน
ผุดขึ้นมาไม่หยุดจำนวนมาก
ราวกับหิมะที่ตกแบบขึ้นไปข้างบน
“อ๊ะ ท่านพี่! พี่ริส!! ข้างนอกกลายเป็นสีขาวด้วยล่ะ ทำอะไรกันน่ะ!?”
“ลองให้ริเซ็ตเป็นเจ้าปราสาทดูน่ะ”
“ทำอะไรนะท่านพี่!?”
ฮารุกะตกใจ
แต่ว่าผมเองก็ตกใจไม่ต่างกัน
“ยังไงก็มาเถอะ ดูสิ! เป็นภาพที่สุดยอดเลย–”
“อืม ริเซ็ตเอง ก็ขยับตัวได้แล้วล่ะ”
“ค ค่ะ”
ฮารุกะ ผม แล้วก็ริเซ็ต จับมือกันออกไปข้างนอก
ป่าถูกปกคลุมด้วยแสง
ให้ความรู้สึกราวๆพลังเวทกำลังผุดจากพื้นดินลอยขึ้นไปบนฟ้า
มีเสียงกรีดร้องของอสูรดังมาจากทางป่า พอหันไปดูก็เห็นเงาคล้ายๆก็อบลินกำลังวิ่งหนีออกไปนอกแสง
มีอสูรอยู่ที่อื่นด้วย ท่าทางจะหนีไม่ทัน หมาสีดำตัวใหญ่ก็เลยยืนนิ่งตัวสั่นอยู่อย่างนั้น ท่าทางจะถูกพลังเวทรัดตรึงจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จะหนี หรือต่อสู้ก็ไม่สามารถทำได้ คุณกัลลุงก้าที่เห็นแบบนั้นก็จัดการมันทันที
นี่คือ[เขตแดน]เหรอ
เขตแดนพลังเวทที่มีเพื่อปกป้องผู้คนของจักรพรรดิมังกร…คือแบบนี้สินะ
…สุดยอดไปเลยนะ เข้าใจเลยว่าทำไมพวกริเซ็ตถึงเคารพบูชาคุณจักรพรรดิมังกร…
สักพักแสงก็หายไป
แต่ก็ไม่รู้สึกเลยว่าอสูรจะกลับมา ผลของ[เขตแดน]ไล่อสูรยังคงทำงานอยู่
พวกคุณกัลลุงก้าก็ตะโกนว่า “เฮี๊ยะฮ้า” ไปพลางล่าอสูรที่หนีไม่ทัน
“ท่าทางจะไปได้สวยสินะ เขตแดน”
“…ไม่ใช่แค่ระดับนั้นแล้วล่ะ ท่านพี่ ปราสาทนี้…รวมทั้งป่ารอบๆ กลายเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับพวกเราแล้วนะ?”
ฮารุกะมองมาที่ผมด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“การที่สามารถมีพื้นที่ที่อสูรไม่สามารถเข้าใกล้ได้ไปอีกนานมันหมายความว่ายังไงรู้ไหม?”
“หมายความว่า?”
“จะสามารถหาอาหารมากินได้เยอะยังไงล่ะคะ!”
เข้าใจยากจริงนะ ฮารุกะ
“ดังนั้น! จึงสามารถล่ารอบๆปราสาทได้อย่างสบายใจไงล่ะ แถมพวกอสูรที่อยู่นอกเขตแดน ก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไปแล้ว ถ้าตกอยู่ในอันตรายก็แค่หนีเข้ามาในเขตแดนก็พอ แถมถ้าคิดจะสู้ก็แค่ไล่ให้อสูรมาติดเขตแดนแล้วก็ล้อมจากนอกและในเขตแดนก็พอล่ะ”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอกค่ะ”
ริเซ็ตพูดต่อจากฮารุกะ
“รอบๆปราสาทนี้ก็ไม่จำเป็นต้องถืออาวุธแล้วค่ะ สามารถเก็บผลไม้ได้ตามอิสระค่ะ แถมยังอาจจะสามารถถางป่าเพื่อทำเกษตรได้ด้วยค่ะ หรือก็คือ…”
ริเซ็ตยิ้มอย่างเจิดจ้า มองมาที่ผมแล้วพูดออกมา
“หรือก็คือท่านพี่โชมะได้พัฒนาป่าของพวกริเซ็ตขึ้นไปอีกขั้นแล้วค่ะ”