ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 32
Ch.32 – การตรวจสอบของราชา กับคำขอของเด็กสาวที่กำลังพักฟื้น
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
วันต่อมา
เป็นวันหยุดเนื่องในวันก่อตั้ง[หมู่บ้านฮาซามะ]
“ชักจะบุกเบิกพื้นที่รอบๆหมู่บ้านมากเกินไปแล้วแฮะ…”
พื้นที่รอบๆรัศมีประมาณ50เมตรได้กลายเป็นที่ราบไปแล้วเรียบร้อย ดูเหมือนชาวบ้านจะเพลิดเพลินไปกับการใช้จอบและขวานที่เสริมพลังการทะลุทะลวงในการถางป่ามากจนเกินไป ก็ทุกคนเหวี่ยงขวานพร้อมตะโกน“เฮี๊ยะฮ๊า!”อย่างสะใจเลยนี่นะ…
ที่สามารถถางป่าบุกเบิกพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วก็เป็นเพราะเขตแดนกับ[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]
เรื่องนี้ผมไม่ได้คาดการณ์เอาไว้เลย…
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านพี่โชมะ”
ตอนที่ผมล้างหน้าข้างๆบ่อน้ำ ริเซ็ตก็เข้ามาหา
“อรุณสวัสดิ์ ริเซ็ต”
“เกี่ยวกับคุณยูกิโนะ หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะหลับสนิทเลยค่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ตอนนี้ก็มีฮารุกะอยู่ด้วยค่ะ คิดว่าให้พักไปสักพักน่าจะดีกว่านะคะ”
ผมพยักหน้าตอบกลับคำพูดของริเซ็ต
ยูกิโนะได้รับความสามารถของ[แม่มดน้ำแข็ง]มาในโลกนี้ เธอเป็นคนที่ถูกอัญเชิญอย่างเป็นทางการไม่เหมือนกับผม ต้องใช้ความสามารถเก่งๆโกงๆได้ไม่ผิดแน่
สำหรับผมที่ต้องการปกป้องหมู่บ้านไปจนกว่าจะจบยุคมืดแล้ว เป็นบุคลากรที่ต้องการ
“เอาเถอะ สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าตัว ถ้าเกิดพูดออกมาว่ายอมแพ้เรื่องของ[นายที่แท้จริง]จนออกเดินทางเพื่อหยุดยุคมืดเองแล้ว –ก็คงจะไปหยุดไม่ได้ล่ะนะ”
“…น่านสินะค้า”
…ก็แล้วทำไมพอพูดถึงเรื่อง[นายที่แท้จริง]แล้วถึงทำตาขวางแบบนั้นล่ะ ริเซ็ต
“จะว่าไปคุณลุงของฮารุกะ–คุณกัลลุงก้า ก็น่าจะถึงหมู่บ้านข้างๆแล้วสินะ?”
ผมเปลี่ยนหัวข้อ
“จากที่นี่ไปหมู่บ้านข้างๆ …ถ้าใช้รถม้าก็กินเวลา2วันครึ่งสินะ”
“ค่ะ คิดว่าตอนนี้คงจะกำลังเริ่มค้าขายที่หมู่บ้านข้างๆค่ะ”
พอพูดแบบนั้น ริเซ็ตก็หันสายตาไปทางตะวันตกเฉียงใต้
3วันก่อน คุณลุงของฮารุกะได้ขึ้นรถม้าออกจากหมู่บ้านไป เพื่อเอาไม้จำนวนมากที่ได้จากการถางป่าไปขายที่หมู่บ้านใกล้ๆ ถึงจะทำสวนทำไร่มามากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีต้นกล้าก็ทำอะไรไม่ได้ ก่อนอื่นก็เลยไปเจรจากับหมู่บ้านใกล้ๆ เพื่อแลกไม้กับต้นกล้าหรือเมล็ดมันฝรั่ง
“…ให้ผมเก็บไม้ไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]แล้วบินไปส่งที่หมู่บ้านข้างๆน่าจะเร็วกว่านะ”
“ก็พูดกันไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าอย่างนั้นพวกคนจากหมู่บ้านข้างๆจะตกใจกับสกิลของท่านพี่จะไม่สามารถเจรจากันได้น่ะค่ะ”
“ให้คุณกัลลุงก้าขับรถม้าเปล่าๆออกไป แล้วให้ผมเอาไม้ไปใส่ที่จุดนัดพบก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็บอกว่า ความสามารถของท่านพี่โชมะเป็นความลับของหมู่บ้านยังไงล่ะคะ มีชาวบ้านที่ไหนที่ต้องขอพลังจากองค์ราชาเพื่อทำการค้าขายธรรมดาบ้างล่ะคะ คิดบ้างสิคะ”
ถูกโกรธซะแล้ว
“แล้วก็ให้คนมีฝีมือไปคุ้มกันด้วยแล้วค่ะ พวกโจรไม่คณามือหรอกค่ะ”
“ถ้าฉุกเฉินก็บอกให้ทิ้งไม้แล้วหนีมาแล้วด้วยสินะ”
“ท่านพี่ให้อาวุธที่เอนชานต์ไปด้วยสินะคะ?”
“อันนั้นเป็นตัวทดลองน่ะ ตอนที่บุกเบิกที่ดินก็รู้สึกตัวว่าเวลาใช้งานมันเพิ่มขึ้นน่ะ”
เวลาการแสดงผลของการเสริมแกร่งอาวุธด้วย[พลังของราชา]–[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]ก็คือ ประมาณครึ่งวัน
เพียงแต่ถ้าอยู่ในเขตแดนที่ใช้[ชีพจรมังกร]ผลก็จะยาวนานขึ้น เรื่องนั้นได้รู้ตอนที่บุกเบิกพื้นที่ เพราะว่าพลังทะลุทะลวงของขวานกับจอบไม่ลดลงไปเลยไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน
[ชีพจรมังกร]กับ[เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ] ไม่ว่าจะอันไหนก็เป็นสกิลที่ได้จากคุณจักรพรรดิมังกร
ดังนั้นริเซ็ตก็เลยพูดออกมาว่า บางทีอาจจะเอาพลังเวทจากชีพจรมังกรมาใช้ในของเอนชานต์ก็ได้
“ดังนั้นพวกคุณลุงกัลลุงก้าไม่เป็นไรหรอกค่ะ ท่านพี่ ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องใหม่”
“ตราบใดที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เหรอ”
ถ้าเกิดเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าโจร
หรือสถานการณ์ที่เผ่ายักษ์ที่ทรงพลังไม่สามารถหนีได้
…เอาเถอะ เรื่องแบบนั้น ไม่ค่อยเกิดหรอก….
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับองค์ราชา! มีควันลอยมาจากหมู่บ้านข้างๆครับ!!”
คนเฝ้ายามส่งเสียงมาจากด้านบนของกำแพงหมู่บ้าน
“จะรีบไปตรวจสอบทันที! [ปลุกเผ่าปักษา]!!”
“ท่านพี่โชมะ! ริเซ็ตก็จะไปด้วยค่ะ!!”
ริเซ็ตกอดเอวของผม
หลังจากมั่นใจแล้ว ผมก็ใช้ปีกของ[ปลุกเผ่าปักษา]บินออกไป
ขึ้นไปเหนือท้องฟ้าประมาณ30เมตร
พอมองจากตรงนั้นไปทางตะวันตกเฉียงใต้–ก็เห็นเปลวเพลิง กับควันดำลอยขึ้นมา
สถานที่คือปลายถนนที่มุ่งหน้าไปยังเขตแดนของ[เจ้าเมืองคิโทล]
เพราะว่าซ่อนอยู่ในป่ากับภูเขาเลยมองไม่ค่อยเห็น แต่ตรงนั้นมีหมู่บ้านอยู่ไม่ผิดแน่
เป็นที่ที่คุณกัลลุงก้ากับรถม้าของเผ่ายักษ์ไปทำการเจรจาขายไม้ไม่ผิดแน่–
“–หมู่บ้าน ถูกโจมตีงั้นเหรอ!?”
แย่แล้วสิ
รถม้าของคุณกัลลุงก้าอยู่ใกล้หมู่บ้านแล้วไม่ผิดแน่ ถ้าเข้าไปพัวพัน…หรือกำลังเจรจาอยู่ หรือว่าจะสู้ร่วมกับคนในหมู่บ้านอยู่เหรอ…ไม่ว่าจะทางไหนก็ปล่อยไว้ไม่ได้
…ให้ตายสิ อุตส่าห์เป็นวันหยุดแท้ๆ
“จะไปสำรวจกับช่วยเหลือนะ! ฝากไปบอกคนในหมู่บ้านด้วย!”
ผมลดเพดานความสูงลงแล้วบอกกับคนที่ทำหน้าที่เฝ้ายามหมู่บ้าน
–แล้วก็
“ฝากบอกฮารุกะว่า[ฝากดูแลยูกิโนะ]ด้วยล่ะ เพราะกำลังพักฟื้นอยู่ ถ้ามีของที่ต้องการหรืออยากให้ทำ ก็ฝากให้ช่วยเท่าที่จะทำได้ล่ะ”
“แล้วก็ฝากบอกว่า[ริเซ็ตจะไปกับท่านพี่ด้วยค่ะ]ด้วยค่ะ!”
พูดแบบนั้น แล้วผมกับริเซ็ตก็ออกบินไปทางตะวันตกเฉียงใต้
────────────
“ฮ้าวว เอ๋ ท่านพี่กับพี่ริสล่ะ?”
ผ่านไปสักพักฮารุกะก็มาที่ลานกว้างของหมู่บ้าน
พอเห็นคนในหมู่บ้านรวมตัวกันส่งเสียงจอแจ ก็เบิกตากว้าง
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ? ทั้งสองคนไปไหนเหรอ?”
“–เห็นบินไปทางตะวันตกเฉียงใต้น่ะ”
อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากบนหัวของฮารุกะ
“–ที่หมู่บ้านข้างๆ ใกล้ๆกับเขตแดนของ[เจ้าเมืองคิโทล]”
“–องค์ราชาเห็นว่าที่นั่นมีไฟลุกขึ้นมา”
ฮารุกะเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นฮาร์ปี้2คน รุรุยกับโรโรยบินอยู่เหนือหมู่บ้าน
“ไม่โกหกน้องสาวขององค์ราชาหรอกน่า”
“รุรุยกับโรโรยมาเพื่อส่องใบหน้าตอนนอนขององค์ราชาน่ะ”
“แน่นอน ว่าถ้าได้รับความเห็นชอบแล้ว”
“ก็อยากจะขอเติมเต็มความสัมพันธ์กับองค์ราชา”
““แล้วก็เห็นตอนที่บินออกไปค่ะ””
“…จะเป็นความเสียใจไปตลอดชีวิตเลยล่ะ ที่เราดันมาง่วงในเวลาแบบนี้”
ฮารุกะถอนหายใจออกมายาวๆ
ที่ง่วงก็เพราะดูแลยูกิโนะ…
หลังจากโชมะขับไล่ฝันร้ายไปได้แล้ว ร่างกายของยูกิโนะก็ผ่อนคลายลงแล้วก็หลับสนิทจนถึงตอนเช้า ฮารุกัที่นอนอยู่บนเตียงเดียวกันนั้นรู้ดี
สุดท้ายที่ฮารุกะทำก็แค่เปลี่ยนผ้าเปียกที่วางไว้บนหน้าผากของยูกิโนะก็เท่านั้น
แต่ถึงจะแค่นั้น[ท่านพี่]ก็ยังชม–
“รุรุยจัง โรโรยจัง! ขอร้องล่ะ ช่วยพาเราไปหาท่านพี่ที!”
“องค์ราชาสั่งให้ท่านฮารุกะดูแลท่านยูกิโนะครับ เพราะกำลังพักฟื้นอยู่ ถ้ามีของที่ต้องการหรืออยากให้ทำ ก็ฝากให้ช่วยเท่าที่จะทำได้ ครับ”
เสียงของคนที่ทำหน้าที่ยามเฝ้าดังมาจากบนกำแพงหมู่บ้าน
“องค์ราชาบอกว่าจะไปช่วยพวกคุณกัลลุงก้าแล้วก็กลับมาทันทีครับ…คิดว่าไม่เป็นอะไรแน่ครับ”
“เรื่องนั้นก็ใช้อยู่หรอก…”
(เราเอง ก็เป็นห่วงท่านพี่แท้ๆ)
ฮารุกะทำแก้มป่องเพราะเถียงกลับไปไม่ได้
“แต่ว่า…นั่นสินะ การดูแลยูกิโนะจัง ก็เป็นงานที่สำคัญด้วยสิ”
แถมพึ่งจะได้เป็นเพื่อนกับยูกิโนะด้วย ก็ควรจะใช้โอกาสนี้ทำให้สนิทกันมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนี่นก็อาจจะได้ฟังเธอเล่าเรื่องโลกที่เธอเคยอยู่ด้วย เพราะว่าท่านพี่กับยูกิโนะจังมาจากโลกเดียวกัน ถ้าได้รู้ของที่ยูกิโนะจังชอบ บางทีอาจจะรู้ของที่ท่านพี่ชอบด้วยก็ได้
พอคิดว่ายังไงท่านพี่ก็กลับมาจากการต่อสู้แบบสบายๆแล้ว อืม
พอคิดได้แบบนั้น ฮารุกะก็เลยจะเดินกลับไปที่คฤหาสน์ผู้ใหญ่บ้าน–
“ศัตรูบุกเหรอคะ…?”
ยูกิโนะในชุดนอนยืนอยู่ที่ประตูทางเข้าของคฤหาสน์
“หวา ไม่ได้นะยูกิโนะจัง ร่างกายยังไม่หายดี ต้องไปนอนก่อนนะ”
“ที่ใกล้ๆนี้ มีการต่อสู้เกิดขึ้นสินะคะ”
ยูกิโนะจับชายเสื้อของฮารุกะแล้วถามออกไป
“ก็ใช่อยู่หรอก แต่ท่านพี่กับพี่ริสก็มุ่งหน้าไปแล้ว…คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก ศัตรูที่จะชนะ2คนนั้นได้ คงจะไม่มีหรอก”
“ช่วยพาฉันไปที่นั่นได้ไหมคะ?”
“ไม่ได้ จะให้คนที่กำลังพักฟื้นไปสู้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ไม่ได้ จะไปสู้ค่ะ”
ยูกิโนะส่ายหน้าให้กับคำถามของฮารุกะ
“ฉันยังด้อยประสบการณ์ในด้านการต่อสู้ค่ะ ดังนั้น ก็เลยอยากจะเห็นการต่อสู้ของโลกใบนี้ค่ะ อย่างน้อย ก็อยากจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับผู้คนในหมู่บ้านนี้ได้ค่ะ”
“…ยูกิโนะจัง”
“แถมถ้าได้เห็นการต่อสู้จนค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นแล้ว ฉันก็[ตื่นอย่างแท้จริง]จนพัฒนาจาก[แม่มดน้ำแข็ง]เป็น[แม่มดเยือกแข็ง] หรืออาจจะเป็นถึงขั้น[Cocytus Witch(แม่มดเยือกแข็งสมบูรณ์)]ก็ได้ค่ะ”
“……หืมมมม? ยูกิโนะจัง?”
ฮารุกะเอียงคอสงสัย
“ขอร้องล่ะค่ะ! ฉันอยากจะเติบโตให้มากกว่านี้ค่ะ อยากจะแข็งแกร่งไม่แพ้คุณโชมะ คุณริเซ็ต แล้วก็คุณฮารุกะค่ะ เพราะว่าเป็นผู้ที่ถูกอัญเชิญมาอย่างถูกต้องที่ถูกเรียกมาเพื่อจบยุคมืดนี้ เพื่อจุดมุ่งหมายอันยาวไกล จะต้องตื่นขึ้นให้ได้–”
ยูกิโนะกำหมัดแล้วน้ำตาคลอเบ้า
ฮารุกะได้แต่หมุนผมสีแดงไปมาด้วยสีหน้าทำอะไรไม่ถูก
(…เอายังไงดีอะ ท่านพี่ก็บอกให้ดูแลยูกิโนะจังด้วยสิ ถ้าถูกยูกิโนะจังขอร้องว่า[จะไปดูการต่อสู้] เราก็ต้องดูแลด้วยการทำคำขอนั้นให้เป็นจริงด้วยสินะ…)
ฮารุกะเอามือแตะหน้าผากของยูกิโนะ–อุณหภูมิปกติ
จับชีพจรของยูกิโนะ–ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป
เอามือมือคอของยูกิโนะไล่ลงไป ระหว่างที่ยูกิโนะร้อง“ฮี๊!?”ออกมาก็วัดอุณหภูมิใต้รักแร้–อืมอุณหภูมิปกติ
ร่างกายก็ดีขึ้นแล้ว
(ถ้าแค่มองดูสภาพหมู่บ้านจากไกลก็คงไม่เป็นไรหรอกนะ…)
คิดแบบนั้น แล้วฮารุกะก็ส่ายหน้า
“ยังไงก็เป็นไปไม่ได้หรอก ก็มีฮาร์ปี้อยู่แค่2คนเอง ขนไปได้แค่คนเดียวเท่านั้นล่ะ จะให้ยูกิโนะจังไปคนเดียวมันก็…”
“มาเล่นด้วยค่ะ” “องค์ราชาอยู่ไหนเหรอคะ”
“เดี๋ยวเถอะ องค์ราชาเป็นของรุรุยนะคะ” “จะต้องรับความรักของโรโรยค่ะ”
“–เอ๊ะ มาเพิ่ม!?”
ในเวลาแบบนี้ก็มีฮาร์ปี้บินมาเล่นเพิ่มอีก2คน
รวมเป็น4คน เพียงพอที่จะขนทั้งฮารุกะและยูกิโนะ
“…ถ้ารู้สึกแย่ขึ้นมาก็บอกด้วยล่ะ?”
ไหล่ของฮารุกะตกลง
“ขอบคุณมากค่ะ!”
ยูกิโนะยิ้มอย่างพอใจแล้วก็ก้มหัวลงต่ำ
“จะรีบเตรียมตัวให้เสร็จค่ะ! ช่วยรอสักครู่นะคะ!!”
จากนั้นยูกิโนะก็รีบกลับไปที่ห้องจนเสื้อนอนเกือบจะหลุด