ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 44
Ch.44 – ราชาผู้พิชิต โต้กลับผู้บุกรุก
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
──หอพักแห่งหนึ่ง ณ อาณาเขตเจ้าเมืองคิโทล──
“น้องสาวคนเล็กซิลเวียร์ จับมือเป็นพันธมิตรกับคนของชายแดนงั้นเหรอ?”
“ครับ องค์หญิงเรเนส”
ห้องรับรองของหอพัก
บุตรีคนรองของเจ้าเมืองคิโทล เรเนส จิบชาพลางฟังรายงานของลูกน้อง
“ชายแดนงั้นเหรอ ที่แบบนั้น คิดว่าไม่น่าจะมีคนที่พึ่งพาได้หรอก”
“เป็นข้อมูลจากนักดาบชื่อดีมุส ที่เคยเป็นลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์ครับ ดูเหมือนเขาคนนั้นจะถูกองค์หญิงซิลเวียร์ไล่ออก ก็เลยอยากจะมารับใช้ท่านเรเนสครับ”
ชายชราผมขาวยืนอยู่ตรงหน้าขององค์หญิงเรเนส
สวมชุดที่มีชายผ้ายาว ถือไม้เท้าที่ทำจากไม้สีขาว
“ถ้าอย่างนั้นปู่ นอกจากดีมุสแล้ว มีเรื่องอย่างอื่นจะพูดด้วยเหรอ?”
“มีราชาที่แข็งแกร่งปรากฎขึ้นที่ชายแดน น่ะ”
“พรวด!”
องค์หญิงเรเนสพ่นชาที่พึ่งดื่มเข้าไป
“หัวหน้าใหญ่พวกโจรที่อยู่ชายแดนงั้นเหรอ!? เจ้าพวกอมนุษย์หน้าโง่ ก็เลยเข้าใจผิดว่าเป็นราชาหรือเปล่า?”
“ดูเหมือน จะไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“งั้น ก็พูดมาสิ?”
“ได้ยินข่าวมาว่ามีกองทัพหนึ่งของ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]องค์กรที่ใช้เวทมนตร์ดำที่ก่อความวุ่นวายอยู่ช่วงนี้ได้ถูกจัดการโดยอมนุษย์ บางทีองค์หญิงคนเล็กอาจจะได้ยินข่าวนั้นก็เลยเกิดความสนใจในตัวราชาแห่งชายแดนครับ”
“หืม…”
องค์หญิงเรเนสกัดบิสเก็ตแล้วเอียงคอสงสัย
เธอลูบผมที่มีสีทองแบบเดียวกับพี่น้องคนอื่นๆ แล้วเอามือท้าวคาง
ชุดที่สวมอยู่คือ ชุดสีแดงเข้ม เพียงแต่ไม่มีแขนเสื้อ เป็นแบบกรีดเอวเพื่อให้ขยับได้ง่า
ตระกูล[เจ้าเมืองคิโทล]นั้นเป็นตระกูลมีชื่อสำหรับประเทศ[อาริเซีย]แห่งนี้มักจะได้เป็นรัฐมนตรี ยอดขุนพล หรือเจ้ากระทรวงอยู่เป็นประจำ
ถึงแม้จะเป็นกลียุคนี้ที่อำนาจของ[อาริเซีย]สั่นคลอนชื่อเสียงของตระกูล[เจ้าเมืองคิโทล]ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป คนที่เข้ามาทำงานด้วยโดยชื่นชมในชื่อนั้นก็มีอยู่มาก
[3พี่น้องตระกูลคิโทล]ที่ถูกท่านพ่อคนนั้นเลี้ยงดูเอง ก็ทำการรวบรวมกำลังพลอยู่ตลอด ศิลปะการต่อสู้เองก็ได้รับการขัดเกลา
มันคือความรับผิดชอบของผู้ที่จะมาสานต่อท่านพ่อผู้ยิ่งใหญ่
ดังนั้นก็เข้าใจได้ว่าทำไมซิลเวียร์ที่เป็นน้องสาวคนสุดท้องอยากจะให้ราชาแห่งชายแดนมาเป็นลูกน้อง
แต่ว่า เรื่องที่ไปพบด้วยตัวเองนี่ถือว่าเกิดความคาดหมาย ราชาแห่งอมนุษย์ มีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ…?
“ดีมุสบอกมาว่าอยากจะได้ทหารมาให้ตนครับ เห็นบอกว่า อยากจะกำจัดราชาของอมนุษย์ เพื่อจะได้ไม่มาเป็นภัยในอนาคต”
“คนที่เป็นพรรคพวกกับซิลเวียร์น่ะเหรอ? ฉลาดนี่คิดได้ถึงขั้นนั้น”
คุคุ เรเนส คิโทลหัวเราะออกมา
“แล้วดีมุสขอทหารเท่าไหร่ล่ะ?”
“20คน”
“อย่างนี้นี่เอง จะได้เคลื่อนไหวแบบที่ซิลเวียร์ไม่รู้สึกตัวได้สินะ ได้สิ ให้ไปเลย”
“จะดีเหรอ?”
“ทหารก็ใช้เงินจ้างเอาก็ได้ จะได้ไม่รู้ว่าเป็นฝ่ายเรา แล้วก็ให้คนดูแลไป2คน เพียงแต่ห้ามลอบฆ่าเด็ดขาด จะชิงความสามารถต่อสู้หรือใช้ตัวประกันก็ตามสบาย ราชาแห่งอมนุษย์เป็นคนยังไง ฉันเองก็สนใจเหมือนกัน”
“ดูเหมือนดีมุสจะมีความแค้นกับราชาของอมนุษย์…จะยอมฟังคำสั่งของเราหรือเปล่านะ?”
“ถ้าไม่ยอมฟัง นั่นก็เป็นความผิดของมัน”
จากนั้นเรเนส คิโทลก็หาวออกมา
“ไม่ว่ายังไง ก็จะไปเสียเวลากับชายแดนไม่ได้ ต่อจากนี้ท่านพ่อจะไปยังเมืองหลวง จะเสียกำลังทหารกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่ได้ ฟุฟุฟุ”
──หลายวันต่อมา กลางดึก ใกล้กับ[หมู่บ้านฮาซามะ]──
“…ที่ชายแดนน่ะไม่มีคน ดังนั้นถ้าเคลื่อนไหวตอนกลางคืน การจะซ่อนตัวเข้ามาใกล้ๆก็เป็นเรื่องง่าย”
นักดาบดีมุสพูดออกมา
เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ออกมาจากเงาไม้แล้วก็หมอบลง
มองดูรอบๆ ไม่สัมผัสได้ถึงผู้คน
ที่อยู่ต่อจากนี้คือสวนที่ถูกสร้างล้อมรอบ[หมู่บ้านฮาซามะ] พอเห็นรั้วไม้ที่ถูกทำขึ้นมาล้อมสวน นักดาบดีมุสก็ทำหน้าเจื่อนๆออกมา
“…ดูเหมือนจะไม่มีใคร เอาล่ะ ทุกคน ตามมา”
ดึมุสโบกมือ
เป็นสัญญาณให้ผู้ชายหลายสิบคนออกมาจากป่า ทุกคนสวมชุดดำแบบเดียวกับดีมุส ที่มือถือมีด
ทั้งเชือกที่ไว้ข้ามกำแพงเมือง ทั้งกรงเล็บก็มี เป้าหมายของพวกเขามีเพียงหนึ่งเดียว ลอบเข้าไปใน[หมู่บ้านฮาซามะ] ถ้าเป็นไปได้ก็จะทำให้[ราชาแห่งชายแดน]หมดพลัง ถ้าเกิดมันทำได้ยาก ก็จะแค่เอาข้อมูลเท่าที่หาได้กลับไป แค่นั้นก็พอ
“ฟังนะ อย่าจับรั้วไม้นั่นเชียว มันมีเวทมนตร์ถูกร่ายใส่อยู่”
“…เวทมนตร์เหรอ?”
“อา ถ้าฟันไปเพราะคิดว่าเป็นแค่รั้วธรรมดาๆล่ะก็ได้เจ็บตัวแน่ เอาเถอะ ถ้าไม่จับมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ่นหรอก”
“ท่านดีมุส”
“อะไร”
“ที่รั้วหินนั่น มีเวทมนตร์แบบไหนเหรอ?”
ผู้ชายคนหนึ่ง ชี้ไปที่สวน
รั้วที่ถูกสร้างจากหินที่ตั้งอยู่ตามจุดต่างๆที่มีผลผลิตงอกอยู่
“ขับไล่สัตว์เหรอ?”
“ก็ไม่เข้าจความคิดของพวกอมนุษย์หรอก แต่ว่า ระวังไว้ดีกว่า ยังไงก็อย่าไปจับ ถ้าไม่จับมันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
“เข้าใจแล้วครับ” “รับทราบ” “ไม่มีปัญหา” “ไปล่ะนะ” “จะระวัง”
ระหว่างที่พูดกับ พวกดีมุสก็เริ่มบุกเข่าไปในสวน
รอบข้างมีเพียงความมืดมิด พึ่งพาได้เพียงแค่เสียงดาว
ดูเหมือนบนกำแพงเมืองจะมีคนเฝ้ายามอยู่ แต่ด้วยความมืดนี่ไม่มีทางรู้ได้หรอก หลังจากนั้นก็ค่อยปีนเข้ากำแพงเมืองฝั่งที่มียามเผ้าน้อย แล้วบุกเข้าหมู่บ้านก็พอ ถึงจะทำให้หมดพลังไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เผาหมู่บ้านได้อยู่
“…จงรับบทลงโทษที่ทำให้ข้าต้องอับอายเสียเถอะ ราชาแห่งอมนุษย์เอ๋ย”
ดีมุสกัดฟัง–จากนั้นก็หัวเราะออกมา
ยังไงก็ตาม นั่นล่ะคือความโง่ของเจ้าพวกอมนุษย์ ถึงจะบอกเพื่อไม่ให้สัตว์มาทำอะไรกับผลผลิต แต่วิสัยทัศน์ก็โดนรั้วหินนี่บังหมด
ข้างใต้รั้วหินที่ตั้งอยู่ในสวนนั้น มีเงาเกิดขึ้น
ถ้าเลือกไปที่จุดนั้นแล้วมุ่งหน้าต่อไป ก็จะไปถึงกำแพงเมืองได้อย่างง่ายดาย
“การที่เรื่องแค่นี้ยังไม่เข้าใจ แสดงว่ามนุษย์นี่มันเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นต่ำจริงเลยนะเนี่ย ใช่ไหม ทุกคน”
“ตรงมากครับ” “เห็นด้วยเลยครับ” “พูดไปก็เปล่าประโยชน์นะครับ” “ตามนั้นเลยครับ” [เฮฮ]
พวกลูกน้องตอบกลับมาในความมืด
เป็นกลุ่มคนชุดดำ เรื่องที่มีตามมากี่คนนั้น ฟังจากเสียงอย่างเดียวไม่รู้หรอก ถึงจะมีคนที่ไม่ตอบกลับมา ก็ไม่ต้องไปสนใจ ยังไงก็ต้องมุ่งตรงไปข้างหน้า
“…กลางคืนมันสั้น ไปให้เร็วที่สุดเถอะ”
“เข้าใจแล้วครับ” “รับทราบครับ” “จะพยายามครับ” [เฮฮ] [เฮเฮ]
จากนั้นพวกดีมุสก็ตรงไปด้านหน้า
บุกเข้ามาได้1ใน3ของสวนแล้ว
เป็นหน้าที่ที่สำคัญ ต้องเดินหน้าไปอย่างระมัดระวัง
“…ไม่ว่ายังไง ก็จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด”
ตัวเองถูกองค์หญิงซิลเวียร์ไล่ออก การที่ได้องค์หญิงเรเนสรับไว้นั้น
ถือว่าไม่มีอะไรที่จะโชคดีไปกว่านี้แล้ว ไม่ใช่ว่ามันจะมีโอกาสครั้งต่อไปไหน ยังไงก็ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จให้ได้
ฉึบ
ดีมุสยกมือขึ้น เป็นสัญญาณรวมพล ถึงจะมองขึ้นไปบนกำแพงเมืองก็ไม่เจอยามเฝ้า คงจะไปที่กำแพงอีกฝั่งกันสินะ เป็นโอกาสดีที่จะออกวิ่ง
“ไปกันเถอะ” [เฮ] [เฮ] [เฮฮ!] [เฮเฮเฮเฮ!]
“ไอ้พวกโง่ ใครมันส่งเสียงดัง ฟังนะ ตรงนี้ต้องรอบคอบ–”
นักดาบดีมุสหันกลับไปมอง
“………เอ๊ะ?”
ข้างหลังของเขาไม่มีลูกน้องอยู่สักคน
คลึ่กคลึ่ก ตึ้ง
มีเสียงอะไรหนักๆดังขึ้นมาในความมืดมิด
ราวกับว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่
รั้วหิน ที่พวกดีมุสเดินผ่านไป
มันกำลังเดินอย่างร่าเริง–ทั้งหมุน ล้มลง แล้วก็ลุกขึ้นไปมา
“—-อะ? อะอะอะอะอะอะอะ!?”
[เฮ][เฮเฮ][เฮฮเฮเฮ!][เฮ้!]
พวก[รั้วหิน]ส่งเสียงร้องออกมาท่ามกลางความมืด
ลูกน้องของดีมุสกองอยู่บนพื้น
“–ฮี๊”
[เฮ!][เฮฮ!][เฮเฮเฮ!!]
“–ยะ อย่าเข้ามานะ จะมาล้อมข้าเหรอ!? หยุดเลยนะ อย่าเข้ามา! อย่าเข้ามาน้าาาาาาาาาาา—-!!”
[เฮ!]
[เฮฮ!]
[เฮเฮ!!]
[[[[เฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮ!]]]]]
“ออกปายยยยยยยยยยยยยยยย!!”
เสียงกรีดร้องของนักดาบดีมุสดังขึ้นในหมู่บ้านกลางดึก
──วันต่อมา──
“อสูรรับใช้ของท่านราชาผู้่พิชิตจับผู้บุกรุกได้ล่ะ!!”
“อะไรนะ!? อสูรรับใช้ที่ปกป้องหม่บ้านด้วยตัวเองเหรอ ไม่เห็นเคยได้ยินเลย!!”
“สมกับเป็นพี่โชมะ!”
“…ลอบเข้ามาในหมู่บ้านที่ราชาของพวกเรา[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]คุ้มกันงั้นเหรอ…ช่างไม่รักชีวิตกันเลย…”
ชาวบ้านเอะอะโวยวายกันแต่เช้า
ตอนที่ผมได้รับข้อมูลเกี่ยวกับผู้บุกรุก ก็เป็นทันทีที่ตื่น
ริเซ็ตบอกมาตอนที่เอาข้าวเช้ามาส่ง
“ผู้บุกรุกทุกคน ถูกคุณรั้วทำให้หมดสภาพแล้วค่ะ”
“ไอ้นั่นมันมีไว้แค่กันสัตว์นี่นา…”
[รั้วหิน รูปแบบเสริมแกร่ง]ที่สำเร็จขึ้นมาเพื่อช่วยยูกิโนะมันสะดวกผิดคาด ก็เลยเอามาตั้งไว้รอบๆหมู่บ้าน
ถึงจะไม่มีอสูรเพราะเขตแดนแล้วก็เถอะ แต่ก็ยังมีสัตว์ป่าเข้ามา ก็เลยมีไว้เพื่อไม่ให้ผลผลิตต้องเสียหาย
ก็ใช้แทนหุ่นไร้กา แต่ไม่คิดเลยว่าจะใช้จับผู้บุกรุกได้ด้วย…
“สมกับเป็นอสูรรับใช้ของท่านพี่ สุดยอดไปเลยนะคะ!”
ริเซ็ตตาเป็นประกายมองมาที่ผม
“กลางวันก็ใช้กันสัตว์ กลางคืนก็ขับไล่ผู้บุกรุก ตอนที่ทุกคนทำงานสวน ก็ทำตัวดีรออยู่นอกสวนค่ะ อสูรแบบนั้น ขนาดคุณจอมเวทในเมืองหลวงยังสร้างไม่ได้เลยนะคะ”
“…งั้นเหรอ”
“ใช่แล้วค่ะ!”
…แปลก
ผมแค่ทำขึ้นมาเพื่อสร้างเป้าเคลื่อนไหวสำหรับทดสอบเวทมนตร์ของยูกิโนะเองนะ…
“แล้ว ผู้บุกรุกเป็นผู้ชายติดอาวุธพร้อม21คน มีสมุนไพรที่จะทำให้คนเป็นอัมพาตกับเครื่องมือปีนกำแพงพร้อม คนที่นำก็คือ คุณนักดาบที่โดนองค์หญิงซิลเวียร์ไล่ออกไปไม่นาน…งั้นเหรอ”
แย่เลยนะ ให้ตายสิ
“ทำไมเหรอคะ? ท่านพี่โชมะ”
“เป็คนที่เคยเป็นลูกน้องขององค์หญิงวิลเวียร์ใช่ไหมล่ะ? งั้นส่งไปให้ทางนั้นจัดการเถอะ มันน่ารำคาญ”
พึ่งเป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์เป็นการส่วนตัวไม่นานเอง ดังนั้นก็เลยไม่คิดว่าจะรีบส่งสปายมาเร็วขนาดนี้
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการเคลื่อนไหวของกองกำลังที่เป็นศัตรูกับองค์หญิงเหรอ หรือเป็นการกระทำส่วนตัวของคุณนักดาบนั่น
“ถ้าเป็นฝีมือของกองกำลังศัตรู การส่งลูกน้องของมันให้องค์หญิงซิลเวียร์ก็คือเป็นการสร้างบุญคุณ รอบนี้ก็เอาแบบนี้ละกัน”
“นั่นสินะคะ คิดว่าเป็นความคิดที่ดีค่ะ”
“แล้ว สามารถพูดกับผู้บุกรุกได้ไหม?”
“ค่ะ ถึงจะบาดเจ็บพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ถึงชีวิตค่ะ ดูเหมือนคุณรั้วหินจะทำได้ดีมากเลยนะคะ”
“ทำไมถึงส่งผู้บุกรุกมากันนะ ผมก็แค่อยากจะทำให้ชายแดนมันอุดมสมบูรณ์ จะได้ใช้ชีวิตจนจบยุคมืดเท่านั้นเอง”
ผมถอนหายใจออกมา
“ช่วยไม่ได้ งั้นก็ทำให้เจ้าพวกผู้บุกรุกมันรู้ไปถึงกระดูกดำว่า[ถ้ามายุ่งกับชายแดนจะเป็นเรื่องใหญ่]ก่อนกลับด้วยละกัน”
“จะแสดงพลังของท่านพี่ให้ดูสินะคะ!”
ริเซ็ตตะโกนออกมา
สนใจขนาดนั้นเลย
“คิดเรื่องดีๆออกแล้วค่ะ ยังมีคนที่เชื่อในพลังอย่างเดียวเหมือนกับผู้บุกรุกคราวนี้อยู่สินะคะ เราก็ควรแสดงพลังของท่านพี่–ไม่สิ [ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]ให้เห็นจะได้รู้ว่าผู้บุกรุกที่ไม่เคารพกฎหมายพวกนี้ไม่มีทางทำอะไรได้กันเถอะค่ะ!! จากนั้นถ้าส่งตัวไปให้องค์หญิงซิลเวียร์ ให้พวกเขาส่งต่อความหวาดกลัว ก็จะเป็นการป้องกันคนที่คิดจะมาบุกรุกได้ด้วย!!”
“…อย่างนี้นี่เอง”
เรื่องที่ริเซ็ตพูดมาก็ถูก
ตาเป็นประกายกับหายใจแรงเลยแฮะ ท่าทางจะมั่นใจมาก
“แล้ว ต้องทำแบบไหนล่ะ?”
“มาคุยกันเถอะค่ะ จะไปเรียกฮารุกะกับคุณยูกิโนะมานะคะ”
พอพูดแบบนั้นริเซ็ตก็จากไป
──หลายนาทีต่อมา──
“ค่าค่า! ถ้าจะขู่ผู้บุกรุกล่ะก็ คิดว่าแสดงให้เห็นท่านพี่ทำให้พวกเรายอมจำนนก็ดีนะ!”
“ยอมจำนน?”
“อืม แสดงว่า[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ได้ใช้พลังทำให้อมนุษย์ทุกคนต้องยอมรับใช้ แสดงให้เห็นว่าถึงจะมีกำลังของเผ่ายักษ์ ก็ไม่สามารถทำอะไรท่านพี่ได้เลย พวกผู้บุกรุกคงจะกลัวจนหัวหดเลยล่ะ!”
ก็มีเหตุผล
ถึงอมนุษย์จะถูกมนุษย์ดูถูก แต่ก็ทรงพลัง
ถ้าแสดงให้เห็นว่ากำราบเผ่ายักษ์ได้ คงจะส่งความแข็งแกร่งของ[คิริวโอ โชมะ]ให้เห็นได้แน่
“แล้ว ความเห็นของยูกิโนะล่ะ?”
“ฉันอยากจะเห็น[Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์)]อีกสักครั้งค่ะ!”
“…เดี๋ยวสิ ไม่ได้พูดถึงท่าที่ยูกิโนะอยากจะเห็นกันนะ”
“แต่ว่าแต่ว่า ท่านั่นเป็นการใช้[มังกรสองเศียร]ทำให้ศัตรูเกิดความระแวงใช่ไหมล่ะคะ? ดังนั้น[มังกรสองเศียร]ก็เลยมีแรงกดดันรุนแรง สามารถใช้กดดันศัตรูได้ใช่ไหมล่ะคะ? หรือก็คือแสดงเป็น[ราชาผู้พิชิตผู้มีพลังอันเด็ดขาด]ทำให้อีกฝ่ายปอดแหกไปจะดีที่สุดค่ะ?”
ก็มีเหตุผล!?
ร่างกายเล็กๆของยูกิโนะสั่น–คงกำลังตื่นเต้นอยู่แน่ๆ
ถึงจะรู้แต่ก็เถียงไม่ได้ ก็จริงที่[Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์)]เป็นท่าที่มีสเน่ห์–หรือก็คือ เป็นท่าที่มีไว้โชว์ เหมาะมากกับใช้ขู่อีกฝ่าย ให้ผลดีกับการให้่รับรู้ว่า[ถ้ามายุ่งกับชายแดนจะเป็นเรื่องใหญ่]
“ความเห็นของริเซ็ตล่ะ?”
“เห็นด้วยกันฮารุกะและคุณยูกิโนะค่ะ เพียงแต่ ถ้าเพิ่มไปอีกสักอย่างอาจจะดีก็ได้ค่ะ”
ริเซ็ตแปะมือแล้วพูดออกมา
“เป็นโอกาสดีค่ะ ก็ใช้ในการบอกว่าท่านพี่ไม่คิดจะรุกรานอาณาเขตของคนอื่นไปด้วยเลยจะเป็นยังไงคะ อย่างเช่น…ให้เห็นว่าสนใจในแค่สุรานารีน่ะค่ะ”
…สุรานารี?
หรือก็คือ เหล้ากับนารี–ผู้หญิง?
“ผม ไม่ดื่มเหล้านะ”
“เหล้าของชายแดนไม่ได้แรงขนาดนั้นนะคะ?”
“มันไม่ดีต่อสุขภาพน่ะ”
“งั้นเหรอคะ…”
ไม่รู้ทำไมริเซ็ตถึงทำหน้าแดง–
“ถะ ถะ ถ้าอย่างนั้น…ก็ให้เห็นแค่[นารี]ก็พอค่ะ”
เอานิ้วชี้แตะกันไปมาแล้วก็พูดออกมา
“ดะ โดยพื้นฐาน นะคะ ก็ให้ริเซ็ตอยู่ข้างๆ แล้วก็กอดตรงไหล่อย่างนี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ จากนั้น ก็พูดอะไรแบบนั้นค่ะ เพื่อให้รู้ว่าทะ ท่านพี่…แค่เล่นกับพวกริเซ็ต ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาไปยุ่งกับนอกชายแดน…ก็พอ…แล้วค่ะ…”
“…พี่ริส หน้าแดงแล้วนะ?”
“…หุบปากไปเลยก๊ะ…ฮาลุกะ…”
ลิ้นพันกันไปหมด
อายมากเลยสินะ ริเซ็ตนั้นเป็นพวกที่ยึกติดกับ[ความถูกต้อง] ก็เลยจริงจังอย่างมาก
แล้วคำแนะนำนั่น ก็มีเหตุผล
ถ้าให้เห็นว่าผมเป็นแค่พวกบ้าผู้หญิงไม่ได้สนใจเรื่องการขยายที่ดินหรือกองกำลังสักนิด ก็ไม่มีค่าพอให้ไปยุ่งด้วย
แต่ว่า ถ้าทำตัวบ้ากามอย่างเดียวมันก็โดนดูถูกได้…
“…จะให้ทำหมดนั่นเลยเหรอ”
ข้าราชบริพารขององค์หญิงซิลเวียร์ก็จะมาด้วย โอกาสดีเลย
[เผด็จการที่ปกครองเผ่ายักษ์]
[ราชาผู้พิชิตผู้มีพลังอันเหลือล้น]
[จอมบงการที่สนแต่ผู้หญิง]
แสดงเป็นทั้งหมด เพื่อถ่ายทอดให้รู้ว่าการมายุ่งกับ[คิริวโอ โชมะ]มันไร้ประโยชน์แค่ไหน