ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 47
Ch.47 – ริเซ็ตกับเจ้าหญิง เข้าปะทะ
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
──มุมมององค์หญิงซิลเวียร์──
“คิดอะไรอยู่กันคะ ท่านพี่เรเนส!!”
ซิลเวียร์ คิโทลพุ่งเข้าไปนรถม้าแล้วตะโกนใส่พี่สาว
ภายในรถม้าแคบๆที่ขึ้นได้4คน
พอเห็นพี่สาวถอดชุดสาวใช้แ้วสวมชุดเกราะ ซิลเวียร์ก็ถามออกไปอีกรอบ
“จะทำอะไรกันแน่คะ…ท่านพี่”
“เห็นสภาพแบบนี้ก็น่าจะรู้แล้วนี่? ฉันจะลงไปร่วมทดลองรบกับทหารของ[ราชาแห่งชายแดน]พร้อมกับทหารลูกน้องของตัวเองไง”
“ทำเพื่ออะไรกัน!?”
“ซิลเวียร์เอ๋ย ลืมตัวไปแล้วหรือไงว่าเธอเป็นบุตรีของเจ้าเมืองคิโทลผู้สูงส่ง?”
แต่กลับกันเรเนส คิโทลมองกลับมาที่ใบหน้าของน้องสาวด้วยความประหลาดใจ
“ตั้งแต่มาที่ชายแดน ก็มีแต่พวกเราที่ถูก[ราชาแห่งชายแดน]ทำให้ตกใจตลอด ไม่ได้แสดงอำนาจในฐานะตระกูลเจ้าเมืองคิโทลเลย ดังนั้นก่อนจะกลับ ก็ต้องแสดงพลังของทางนี้ให้ได้เห็นบ้างสิ”
“ดิฉันมาเพื่อขอโทษนะคะ ถ้าภาคภูมิใจนชื่อของท่านพ่อล่ะก็ ทำไมไม่ใช้โอกาสอื่นล่ะ?”
“ถ้าเป็นตอนนี้ชนะได้แน่”
เรเนส คิโทลที่สวมเกราะหนังแล้วชี้ออกไปข้างนอกหน้าต่าง
“ซิลเวียร์เอ๋ย ไม่รู้ตัวเลยเหรอ? จุดอ่อนของพวกเขาน่ะ”
“…จุดอ่อน?”
“ดูรอบๆหมู่บ้านให้ดีสิ คนที่แสดงพลังให้เห็นน่ะมีแค่[ราชาแห่งชายแดน]เท่านั้น พวกชาวบ้านคนอื่นๆก็ไม่มีใครสวมอาวุธ ทั้งๆที่พวกเราพาทหารมาแท้ๆ แต่ก็ไม่มีทหารเพื่อคุ้มกันเลย”
ซิลเวียร์หันสายตาไปดูรอบๆประตูหมู่บ้านตามที่ถูกบอก
ตามที่พี่สาวพูด ที่อยู่รอบๆก็มีราชากับเหล่าๆภรรยา ชายหญิงที่ทำงานสวน แล้วก็พวกเด็กๆ ไม่มีคนที่ถือดาบหรือกระบองเลย
“หรือก็คือ คนที่มีพลังต่อสู้มีแค่[ราชาแห่งชายแดน]เท่านั้น ชายแดนแห่งนี้สามารถขึ้นมามีจุดยืนระดับเดียวกับพวกเราได้ด้วยพลังของคนคนเดียว ถ้าอย่างนั้น ก็อย่าไปสู้กับราชาสิ ถ้าบอกว่า[ทดลองรบด้วยนำลูกน้องกับทหาร] ก็จะต้องสู้ก็มีแค่ทหารอ่อนๆเท่านั้น มาชนะแบบง่ายๆ แล้วแสดงพลังของทางนี้ให้เห็นกันเถอะ”
“ที่ไม่มีทหารก็เพื่อต้อนรับเราหรือเปล่าคะ?”
ซิลเวียร์ตอบกลับไป
“แถมคนที่จัดการพวกดีมุสที่บุกไปตอนกลางคืนก็คือทหารของชานแดนนี่คะ น่าจะบอกท่านพี่ไปแล้วแท้ๆนี่คะ”
“เมื่อกี้ฉันถามเรียบร้อยแล้วล่ะ แล้วดีมุสกับพวกลูกน้องก็พึมพำออกมา”
เรเนส คิโทลเอาหน้าเข้ามาใกล้หูน้องสาวเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน
“พวกเขาบอกมาแบบนี้
[ถ้าโจมตีไปที่ส่วนขาของรั้วของหมู่บ้านนี้จะล้มได้]
–แล้วก็ได้ยินมาว่าเผ่ายักษ์นั้นทรงพลังแต่ก็ไม่ละเอียดอ่อน ส่วนขาจะเปิดโล่งก็คงจะไม่แปลก ข้อมูลนี้ จะปล่อยไว้เฉยๆได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นทำให้[ราชาแห่งชายแดน]รู้วิธีการต่อสู้ของพวกเราหรอกเหรอคะ?”
“เธอจะยกยอ[ราชาแห่งชายแดน]เกินไปแล้วนะ ซิลเวียร์”
“…เรื่องนั้น”
ซิลเวียร์นึกถึงตอนที่ได้เจอกับ[ราชาแห่งชายแดน]
ความกล้านั่น ที่พาลูกน้องมาแค่2คนตามที่ตกลงในจุดนัดพบ
พอคิดดู ก็คงเพราะจะปล่อยให้อสูรปรากฎตัวออกมาที่นั่น แล้วเอามาใช้ในการรับมือกับทหารของทางนี้
ทั้งๆที่ฝั่งเจ้าเมืองคิโทลส่งสปายไปหมู่บ้านแท้ๆ แต่ก็ไม่ว่าอะไรซิลเวียร์ แต่ทำแค่ส่งตัวมาให้เอากลับไปเท่านั้น
แล้วทั้งพลังเหนือธรรมชาติที่เขาใช้ ทั้งเผ่ายักษ์ที่หวาดกลัวจนยอมกำราบ แล้วยังจุดที่ถูกรักโดยเหล่าภรรยา…มันเหนือความเข้าใจของซิลเวียร์ ห
เขาอาจจะยังมีสิ่งที่สำคัญที่พวกเราเสียไปในยุคมืดอยู่ก็ได้
“ดิฉัน…แค่อยากมองไปที่[ราชาแห่งชายแดน]เท่านั้นค่ะ”
ซิลเวียร์เลือกคำพูดแล้วพึมพำออกมา
“แทงใจดำเลยสินะ น้องสาวของเราเอ๋ย!”
เรเนส คิโทลยิ้มมุมปาก
“เอาเถอะ ถ้าการ[ทดลองรบ]จะเป็นการบอกวิธีการรบให้[ราชาแห่งชายแดน] เขาเองก็ได้กำไรเหมือนกัน ถ้าเป็นแบบนั้นซิลเวียร์มีอะไรจะค้านอีกไหม? การบัญชาการทหารฉันจะเป็นคนทำเอง ช่วยแนะนำฉันในฐานะ–จริงสินะ เสนาธิการ[เรเนส]…ไม่สิ [เรน]ด้วยล่ะ”
“–ท่านพี่”
“อย่าห่วงไปเลยน่า จะสู้แบบไม่ให้อายชื่อของท่านพ่อแน่นอน”
เรเนส คิโทลพูดแบบนั้นแล้วเปิดประตูรถม้า
“แถมการต่อสู้กับพวกอมนุษย์ชายแดนเอง ก็จะเป็นพื้นฐานให้เส้นทางราชาของท่านพี่ด้วยใช่ไหมล่ะ? ทวีปแห่งนี้ยังมีสัตว์ประหลาดอยู่อีกมากมาย เนอะ ซิลเวียร์”
──มุมมองโชมะ──
หลังจากองค์หญิงซิลเวียร์หน้าเปลี่ยนสีรีบกลับไปที่รถม้า ผมก็ฟังกฎของการ[ทดลองรบ]จากคุณหัวหน้าหน่วยทหาร(รู้สึกจะชื่อโดรุส)
・แบ่งกลุ่มสู้ทีมละ10คน
・อาวุธเป็นดาบไม้เบาๆ
・แม่ทัพของแต่ละทีมจะมีธงตั้งอยู่บนหัว ถ้าสามารถชิงมาได้ก็จะจบ
・เวลาจำกัดคือ1ชั่วโมง
・ไม่โกรธแค้นกันภายหลัง
อย่างนี้นี่เอง เหมือนกับขี่ม้าส่งเมืองของโลกเก่าสินะ
ที่อาณาเขตของเจ้าเมืองคิโทล มันจะมีการรบระหว่างทหารด้วยกันเองโดยแบ่งเป็นฝ่ายขาวและแดง ดูเหมือนจะเน้นไปที่เทคนิคการรบเป็นกลุ่มเป็นหลัก
“ท่านพี่โชมะ หน้าที่นั่น ให้ริเซ็ตเป็นคนทำเถอะค่ะ!”
ริเซ็ตคุกเข่าลงตรงหน้าผม
“นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้รู้วิธีสู้ของมนุษย์ค่ะ ขอร้องล่ะค่ะ!”
“ให้ผมออกไปไม่ได้เหรอ”
“ถ้าท่านพี่ออกไปคิดว่าคงจะจบใน5นาทีค่ะ”
ก็อาจจะ
ถ้าใช้[ปลุกเผ่าปักษา]แล้วชงธงจากหัวของหัวหน้าก็จบเลยนี่นะ
“แถมช่วงนี้ริเซ็ตได้ลองคิดขบวนรบหลายๆอย่างขึ้นมาให้[รั้ว]ลูกน้องพวกนี้ขึ้นมาด้วยค่ะ”
“งั้นเหรอ?”
“ค่ะ ดังนั้น อย่างน้อยก็ขอโอกาสได้ลองมันหน่อยเถอะค่ะ”
ริเซ็ตเป็นคนจริงจัง
โดรุสแห่งกองทหารเจ้าเมืองคิโทลเองก็ทำสีหน้าพึงพอใจกับความตั้งใจของเธอ
ส่วนตัวผมเองก็อยากจะรู้กลยุทธและสงครามของมนุษย์โลกนี้ด้วย ถ้าการ[ทดลองรบ]แบบปลอดภัยจะทำให้ได้รู้ก็ช่วยได้มาก
แล้วหน้าที่นี้ก็เหมาะกับริเซ็ตที่สุด
ฮารุกะเป็นพวกหัวร้อน และถ้าเป็นการต่อสู้ระยะประชิด ก็ไม่เหมาะกับจอมเวทอย่างยูกิโนะ
ถ้าเป็นพวกเผ่ายักษ์พอได้ต่อสู้ก็จะจริงจังเต็มที่ ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการทดลองรบ
ดังนั้น ให้ริเซ็ตเป็นคนควบคุม[รั้ว]ก็ดี
“…เพียงแต่ [ทหาร(รั้ว)]ของอาณาเขตเรามันจะพิเศษหน่อยน่ะ”
“อย่างนั้นเหรอขอรับ? [ราชาแห่งชายแดน]”
ดูเหมือนจะได้ยินคำพูดของผม หัวหน้าหน่วยโดรุสก็เลยถามกลับมา
“การที่มาสังกัด[ราชาแห่งชายแดน]ได้ ก็คงจะผิดกับทหารธรรมดาสินะขอรับ”
“อา [ทหาร(รั้ว)]ของเราปกติแล้ว จะตั้งไว้รอบๆบ้านของพวกเราน่ะ”
“การที่ทหารจะปกป้องบ้านของราชาก็คิดว่าเป็นเรื่องปกตินะขอรับ”
“เปล่า ถึงจะพูดว่า[ทหาร(เฮ)]ก็เถอะแต่จริงๆแล้วเป็น[รั้ว(เฮ)ที่มีจิตใจ]น่ะ”
“อย่างนี้นี่เอง เป็นทหารที่เต็มไปด้วยจิตใจที่จะปกป้ององค์ราชาสินะขอรับ”
“หรือพูดให้ถูกก็คือ[รั้วที่ทำจากหิน(อิชิโนะเฮ=ทหารที่เกิดจากความตั้งใจ)]น่ะ”
“ร่างกายนั้นเต็มไปด้วย[ความตั้งใจที่จะปกป้องราชา]เลยเหรอ สุดยอดไปเลยนะขอรับ!”
…จะอธิบายยังไงดีเนี่ย
ช่วยไม่ได้ ถึงจะไม่เต็มใจที่จะเผยไต่ก็เถอะ แต่ถ้ากลายมาเป็นปัญหาเพราะไม่พูดทีหลังมันจะแย่เอา องค์หญิงซิลเวียร์ก็เป็นพันธมิตรที่สำคัญด้วย บอกความลับของ[ทหาร(รั้ว)]ของเราไว้ดีกว่า
“ความจริงแล้ว[ทหาร(รั้ว)]ของเราเป็น[รั้ว(เฮ)ที่เคลื่อนที่ได้ด้วยพลังเวท]น่ะ”
“อะไรกัน! ใช้ของอย่าง[เกราะที่เคลื่อนไหวได้]ด้วยเหรอขอรับ!?”
“เออช่างมันละกัน”
เดี๋ยวยังไงพวกเจ้าตัวก็จะมาอยู่แล้ว
รายละเอียดไว้อธิบายตอนนั้นละกัน
“ยังไงก็ตาม [รั้ว(เฮ)]ของเรานั้นปกติแล้วมีหน้าที่จะคอยป้องกันลมกับทรายรอบๆบ้านของเรา ถ้าเกิดไม่มี[รั้ว(เฮ)]ล่ะก็ พวกเด็กๆก็จะปีนเข้ามาตามหน้าต่างเอาตามใจชอบได้ ไม่สิ ขนาดมี[รั้ว(เฮ)] พวกเด็กๆก็ยังปีนเข้ามาเล่นได้เลย”
“…เด็กๆของชายแดนนี่แข็งแกร่งจริงๆนะขอรับ”
“อา ก็ทำเอาเดือดร้อนอยู่บ่อยๆเลยล่ะ”
ถึงจะดีใจที่ชื่นชมกันก็เถอะ
“ยังไงก็ตาม [ทหาร(เฮ)]ของเราเป็น[รั้ว(เฮ)]ที่พิเศษแบบนั้นล่ะ ตอนนี้ที่ทางนี้เตรียมไว้ได้ก็มีแค่[รั้ว(เฮ)]พวกนั้นล่ะ ถ้าต้องสู้กับพวกนั้นแล้วทหารขององค์หญิงซิลเวียร์ต้องบาดเจ็บก็ขอโทษทีละกัน การ[ทดลองรบ]นี้ทางนี้ควรจะเตรียมทหารธรรมดาไว้…”
“ต้องขอขอบคุณในความใจกว้างของ[ราชาแห่งชายแดน]จริงๆขอรับ”
หัวหน้าหน่วยของกองทหารองค์หญิงซิลเวียร์ โดรุสคุกเข่าลงตรงหน้าผม
“แต่ว่า พวกเราคือทหารของตระกูลเจ้าเมืองคิโทลผู้ทรงเกียรติขอรับ บาดแผลจะยังไงก็ช่างขอรับ[ราชาแห่งชายแดน] ได้โปรดมอบโอกาสให้พวกเราได้[ทดลองรบ]ด้วยเถิด!”
“องค์ราชา!” “ขอร้องล่ะขอรับ!” “ขอโอกาสให้พวกเราได้สู้!!”
คุณหัวหน้าหน่วยตะโกนออกมา พวกทหารก็ส่งเสียงตามออกมา
แบบนี้…จะไม่สู้ก็คงไม่จบแน่
แถมถ้าเลี่ยงที่จะสู้เอาตอนนี้ ที่แสดงว่าเป็น[ทรราช]ก็เสียเปล่าหมด ทรราชผู้ทำให้เผ่ายักษ์หวาดกลัว ไม่มีทางที่จะเลี่ยงคำท้าของเจ้าเมืองอื่นเป็นแน่ ไม่อยากทำให้การแสดงน่าอายนั่นเสียเปล่าด้วยสิ
“เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้น ทหารของข้า จงมาที่นี่!”
“รับคำท้าแล้วสินะคะ [ราชาแห่งชายแดน]!”
ผู้หญิงที่ลงมาจากรถม้าตะโกนออกมา
ผู้ผมสีทองไว้ด้านหลัง ที่มือถือดาบไม้ แล้วก็สวมเกราะหนัง
“ฉันคือเสนาธิการขององค์หญิงซิลเวียร์ เรเน–ไม่สิ เรน เพราะว่าโอกาสที่จะได้ประมือกับชนเผ่าของชายแดนไม่ได้มีบ่อยๆ ดังนั้นก็ขอเข้าร่วมด้วยค่ะ”
“…ขอฝากด้วยนะคะ [ราชาแห่งชายแดน]”
องค์หญิงซิลเวียร์ทำหน้าเหนื่อยหน่ายอยู่ด้านหลังผู้หญิงผมทอง–เรน
“ต้องขอบอกท่านหัวหน้าหน่วยก่อน แต่[รั้ว(เฮ)]ของอาณาเขตเราเป็นแบบพิเศษที่เคลื่อนไหวได้ด้วยพลังเวท แบบนั้นได้สินะ?”
“ไม่เป็นไรขอรับ ในกองทหารก็มีคนที่เคยสู้กับอสูร–โกเลมมาอยู่ขอรับ ชื่อทหารของเจ้าเมืองคิโทลไม่ได้มีไว้โม้หรอกนะขอรับ”
“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้น จงมา…[รั้ว(เฮ)ของเรา]!”
[เฮ!][เฮ!][เฮเฮเฮเฮ][เ-ฮ!]
ตึก ตึง
พวก[ทหารมีจิตใจ(รั้วหิน)]ที่ติดกำแพงเมืองก็เคลื่อนไหวเข้ามา
““““ห๊ะ? หาาาาาาาาา!?””””
เจ้าหญิงกับเรนแล้วก็พวกทหารส่งเสียงร้องแปลกๆออกมา
อืม ก็นะ ก็เป็นแบบนี้ล่ะ
การ[ติดตั้งรั้ว]ไว้ในที่แบบนี้ ปกติก็ไม่ได้คิดไว้หรอก
แต่ผมเองก็ไม่ได้โง่ ทั้งๆที่มีกองทหารติดอาวุธมา ก็ไม่มีทางไม่ระวังตัวอยู่แล้ว
ก็เลยให้พวก[ทหารมีจิตใจ]อยู่เพื่อปกป้องพวกชาวบ้าน
ถ้าตั้งรั้วไว้ติดกำแพงเมือง มันก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันจนแยกไม่ออก จำนวนของ[ทหารมีจิตใจ]คือ20คน–ไม่สิ 20แผ่น ถ้าทหารขององค์หญิงซิลเวียร์คิดจะเป็นศัตรู ก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ตลอดเวลา
ถึงจะใช้ใน[ทดลองรบ]ไป9แผ่น ก็ยังเหลืออีก11แผ่น
สำหรับการปกป้องหมู่บ้านก็เหลือเฟือ
“ทหารของเราคือพวกนี้ล่ะ จะเอาไงล่ะ?”
“…อุ อะ อาา”
“คนที่จะลงไปสู้มี[ทหารมีจิตใจ]9ตน กับริเซ็ต แต่คิดว่าทางนี้คงจะเน้นไปที่การป้องกันมากกว่าการโจมตีล่ะ”
เพราะว่า[ทหารมีจิตใจ]นั้นกินพลังเวท ก็เลยใช้ได้แค่ในเขตแดน การเคลื่อนที่ก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น
ดังนั้นก็เลยใช้โจมตีอาณาเขตของศัตรูไม่ได้ ใช้ได้แค่ศึกรับเท่านั้น
ถ้าคิดแบบนั้น การ[ทดลองรบ]กับทหารของ[เจ้าเมืองคิโทล]ในคราวนี้ ก็ถือเป็นการฝึกที่ดี
จะทำการคุ้มกันริเซ็ตที่เป็นแม่ทัพยังไง จะใช้งาน กำแพง–ตามตัวอักษร–ยังไง ก็มาเรียนรู้จากที่นี้ แล้วไปปรับใช้ในคราวหน้า
“…รู้จุดอ่อนของทหารศัตรู จุดอ่อนของทหารศัตรู …”
“ท่านเรน?”
“จะให้หนีไปตรงนี้ไม่ได้หรอกนะ!”
รองแม่ทัพของศัตรู เรนก็ชูดาบไม้ขึ้นแล้วตะโกน
“การ[ทดลองรบ]กับทหาร–ไม่สิ รั้วของ[ราชาแห่งชายแดน] ขอฝากตัวด้วย! ขอเดิมพันด้วยชื่อ[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]นี้ จะขอแสดงพลังให้ดูก่อนที่จะกลับไปให้ดู!!”
ด้วยเหตุนั้นพวกเรากับพวกทหารของเจ้าเมืองคิโทลก็ได้ทำการ[ทดลองรบ]แบบ10ต่อ10
──ใกล้ๆ[หมู่บ้านฮาซามะ] ทุ่งราบที่พึ่งถูกถาง──
“อืม ถ้าเป็นบนต้นนี้ ก็มองภาพการ[ทดลองรบ]ได้ชัดเลยนะ”
ผมกับองค์หญิงซิลเวียร์อยู่บนต้นไม้ที่เหลืออยู่ตรงขอบมุมของทุ่งราบ
แน่นอนว่าเพื่อส่งการ[ทดลองรบ]
จะ[ปลุกเผ่าปักษา]ไปส่องจากบนฟ้าก็ดีอยู่หรอก แต่แบบนั้นฝั่ง[เจ้าเมืองคิโทล]จะระแวงเอา เพราะว่าจะกลายเป็นผมพร้อมลงมือตอนไหนก็ได้ ดังนั้น ก็เลยส่องจากบนต้นไม้
การที่องค์หญิงซิลเวียร์อยู่ที่นี่ก็เป็นความต้องการของเจ้าตัว
ที่ฮารุกะกับยูกิโนะอยู่ตรงพื้นก็เพื่อเป็นหลักประกันไม่ให้ผมเอาองค์หญิงเป็นตัวประกัน ก็ทั้ง2คนตอนนี้เป็นภรรยาของผมอยู่นี่นะ เอาเถอะ คิดว่าทหารที่จะหยุด2คนนั้นได้ก็ไม่มีอยู่หรอก
“สร้างปัญหาให้จนได้สิคะ…[ราชาแห่งชายแดน]”
องค์หญิงซิลเวียร์พูดออกมา
เธอเปลี่ยนจากชุดเดรสเป็นชุดธรรมดา แล้วก็นั่งลงบนกิ่งไม้ท่อนใหญ่
“รู้สึกตัวอยู่แล้วสินะคะ? เรื่องที่เรน ก็คือพี่สาวของดิฉันน่ะค่ะ”
“…ก็พอจะเดาได้น่ะ”
การที่ทหารฟังคำพูดของ[เด็กสาวผมทอง]แล้วพูดเรื่อง[ทดลองรบ]ออกมา
เรื่องที่องค์หญิงซิลเวียร์เปลี่ยนสีหน้าแล้วรีบพุ่งไปที่รถม้า
แถมหลังจากนั้นก็มีเรนลงมาจากรถม้าก่อนหน้าองค์หญิง มายืนอยู่ตรงหน้าขององค์หญิงซิลเวียร์
“พอมาคิดจากตรงนั้น เรนก็มีน่าจะระดับเดียวกับองค์หญิง ไม่ก็สูงกว่าน่ะ”
“พี่สาวกับดิฉัน…กำลังต่อสู้ชิงตำแหน่งผู้สืบทอดของท่านพ่ออยู่ค่ะ”
องค์หญิงซิลเวียร์ถอนหายใจออกมา
“ตั้งแต่ดิฉันได้เจอกับ[ราชาแห่งชายแดน]ก็เปลี่ยนไปค่ะ แต่ว่า พี่สาว…ก็ยังคงติดอยู่กับการใช้ชื่อผู้สืบทอดท่านพ่อ บุตรีของ[เจ้าเมืองคิโทล]อยู่ค่ะ”
“เอาไว้พูดกันทีหลังเถอะ”
ผมยกมือขึ้น หยุดตำพูดขององค์หญิงซิลเวียร์
“ดูเหมือนจะเริ่มแล้วล่ะ มาดูการต่อสู้นี้ด้วยกันดีกว่า”
ทหารที่ทำหน้าที่ตัดสิน เป่านกหวีดออกมา
เป็นสัญญาณให้ทหารของตระกูลเจ้าเมืองคิโทลกับ[รั้ว]ที่ริเซ็ตนำเริ่มเคลื่อนตัว
การทดลองรบเริ่มขึ้นแล้ว
────────────
[หน่วยสังกัดโดยตรงของราชาแห่งชายแดน]ปะทะ[กองทหารเจ้าเมืองคิโทล]
การ[ทดลองรบ]
เงื่อนไขการชนะ:ชิง[ธงแม่ทัพ]ที่อยู่บนหัวของอีกฝ่าย หรือทำลาย
[ฝั่งชายแดน]
ลีดเดอร์:ริเซ็ต รูจ
ลูกน้อง:[ทหารมีจิตใจ(รั้วหิน)]9แผ่น
[ฝั่งเจ้าเมืองคิโทล]
ลีดเดอร์:เสนาธิการ เรน (เรเนส คิโทล)
ลูกน้อง:ทหาร9นาย (สวมเกราะหนังกับดาบไม้)
“ตั้งกระบวนทัพแบบประจันบาน!”
องค์หญิงเรเนสตะโกน
พวกทหารก็ออกเคลื่อนไหวตามเสียงของเธอ
“ไม่ต้องไปกลัว ศัตรูน่ะเคลื่อนที่ช้า ถ้าบุกไปตรงๆก็จะจัดการได้ง่ายๆ! แบ่งทหารออกเป็น2หน่วย แล้วทำการโจมตีล้อมจากซ้ายขวาเลย!!”
พวกทหารที่ได้รับการฝึกมาก็จัดทัพเสร็จได้อย่างรวดเร็ว
2หน่วยที่มี4คนกับ6คน
องค์หญิงเรเนสนั้นอยู่ที่ด้านหลังของฝั่งที่มีคนเยอะกว่า
“ทะลวง!!”
จากนั้นพวกทหารก็ออกวิ่ง
กลับกันริเซ็ต–
“ตั้งทัพรูปแบบฟาลังซ์(ทัพรูปสี่เหลี่ยม)ค่ะ!”
ริเว็ตตะโกนใส่[รั้ว]ลูกน้อง
“นี่คือขบวนรบได้จากการปรึกษากับท่านพี่ค่ะ พวกนายจะแข็งแกร่งที่สุดได้ด้วยขบวนรบนี้! เอาล่ะ ฝากด้วยนะคะ!!”
[เฮ!][เฮ!][เฮเฮเฮ!]
จากนั้นพวก[ทหารมีจิตใจ(รั้วหิน)]ก็ตั้งขบวน–
““““กล่อง!!?””””
มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากกองทัพขององค์หญิงเรเนส
“อะไรล่ะเนี่ย! แปลกเกินไปหรือเปล่า นี่มันสี่เหลี่ยมจตุรัสโดยสมบูรณ์เลยไม่ใช่เหรอ!”
“ใช่แล้วค่ะ ฟาลังซ์ค่ะ!!”
““““ก็ใช่อยู่หรอก! แต่มันจะจัตุรัสเกินไปแล้ว!!””””
จากฝั่งขององค์หญิงเรเนสไม่สามารถเห็นริเซ็ตที่ตะโกนกลับมาได้
[รั้วหิน]สูงเกือบๆ2เมตรตั้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ซ่อนร่างของริเซ็ตโดยสมบูรณ์。
“อะ องค์หญิง!”
“เรียกว่าเสนาธิการเรนซะ!!”
“ท่านเรน!? ด้านหน้ามันด้านไหนเหรอขอรับ!?”
“…ถึงจะถามว่าด้านไหนก็เถอะ”
ระหว่างที่วิ่งเรเนสก็ใช้สายตามองหาช่องว่างของกำแพง
ไม่มี
ไม่สิ…บางทีศัตรูอาจจะมองมาทางนี้อยู่ แต่เรื่องที่จะมีช่องให้แอบดูอยู่ไหม จากตรงนี้ก็ไม่รู้ตำแหน่งอยูู่ดี [รั้วหิน]ทั้ง9ชิ้นต่างก็ประกบกันชิดแน่นกลายเป็นกล่องแข็งๆ แทนที่จะเป็นขบวนการรบ นี่มันกำแพงปราสาทชัดๆ
“แต่ว่า…เท่านี้ทางนั้นเองก็ไม่มีวิธีโจมตีเข้ามา กำลังรอเวลาหมดงั้นเหรอ…?”
อีกฝั้งนั้นใช้[ศึกรับ]อย่างชัดเจน
ถ้าอย่างนั้นก็จะเป็นชัยชนะของอีกฝ่ายที่สามารถป้องกันได้สินะ
“ไม่สิ…จะมองอะไรตื้นๆแบบนั้นไม่ได้ ต้องมีแผนอะไรอยู่แน่”
“รั้วนั่น ถึงจะเคลื่อนไหวได้ แต่การเคลื่อนไหวก็ทื่อสินะขอรับ”
หัวหน้าหน่วยโดรุส ตอบองค์หญิง
“ถ้าอย่างนั้น คนที่ออกมาเอาธงแม่ทัพได้ก็มีแค่เด็กสาวคนเดียว เธอคนนั้นวางแผนจะเล็งไปที่ท่านเรนสินะขอรับ”
“อย่างนี้นี่เอง…อ่านแผนการณ์ของฝ่ายนั้นออกแล้ว”
เรเนส คิโทล ตบมือดังแปะ
เธอเองก็เป็นองค์แห่งกลียุคนี้ หนังสือประวัติศาสตร์ก็อ่านมาพอสมควร
ทั้งเรื่องสงครามในอดีตหรือความรู้ก็มีอยู่ บันทึกเกี่ยวกับกลยุทธแบบเดียวกันก็เลยอ่านมาอยู่
มันก็มีเหตุการณ์ที่ล่อให้ศัตรูมาอยู่ที่ปราสาทฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แล้วก็ออกทางประตูฝั่งตรงข้ามมาโจมตีอยู่ หรือไม่ก็เป็นกลยุทธที่ใช้ในการหนี จริงๆแล้วมันก็เป็นแผนที่ดี
“นี่มันแทนที่จะคิดว่าเป็นการ[ทดลองรบ]ระหว่างทหารราบด้วยกัน แต่เป็นการฝึกบุกปราสาทจะดีกว่าสินะ”
เรเนส คิโทลหัวเราะออกมา
น่าสนุก สมกับเป็นลูกน้องของ[ราชาแห่งชายแดน] มีกลยุทธแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
แต่ว่า ทางนี้อ่านแผนการณ์ออกหมดแล้ว
“ให้ทหารที่แบ่งออกเป็น2หน่วยเคลื่อนย้ายไปฝั่งเหนือกับใต้ จากนั้นก็ให้ทัพฝั่งเหนือปีนกำแพง–ไม่สิ [รั้ว]ขึ้นไป แล้วอีก1หน่วยก็อ้อมไปที่ด้านหลัง เล็งช่วงที่เด็กผู้หญิงคนนั้นออกมา ชิงธงซะ เท่านี้ล่ะ”
“รับทราบแล้วขอรับ!”
“ฟุฟุ กลยุทธที่อมนุษย์คิดได้ก็แค่นี้เองเหรอ”
แล้วแผนการณ์ขององค์หญิงเรเนสก็เริ่มขึ้น
──10นาที──
[เฮ!][เฮฮ!][เฮเฮ!]
“จะ เจ้าพวกนี้ พุ่งเข้าใส่ทั้งสองฝั่ง–แล้วล้อมเหมือนประตู!?”
“ระ เร็ว!? หนัก! ขะ แข็ง กว่าที่คิดอีก!?”
“องค์หญิง! รีบออกไปทางที่เปิดอยู่เถอะขอรับ!”
“รอก่อน! อาจจะเป็นแผนการณ์แบบเดียวกับทางเราก็ได้ ดูสถานการณ์ก่อน! มีโอกาสที่จะรออยู่ตรงฝั่งที่เปิดอยู่ด้วย–”
“ไว้ตอนนั้น…อาา รั้วมัน! รั้วมันนนนนนน!!”
──15นาทีผ่านไป──
[[[[[เฮฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเฮเ—-ฮ!!]]]]]
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ!?”
เรเนสตะโกนออกมา
พวกทหารไม่มีใครสักคนถูกจัดการ แต่ว่า อยู่ในสภาพจนมุมแล้ว
เพราะกำแพงที่ล้อมหน้าหลังซ้ายขวา ทำให้ทุกคนต้องติดอยู่ในช่องว่างแคบๆ
“ขะ ขอโทษนะขอรับ…แต่ว่า นอกจากรั้วจะขยับแล้วยังสะบัดทหารลงมาอีก…”
พวกทหารตะโกนด้วยเสียงสั่นๆ
ถ้าเป็นทหารที่ได้รับการฝึกมา รั้วแบบนี้ก็สามารถข้ามได้ง่ายๆ
แต่ว่า นั่นก็เป็นเรื่องตอนที่มันอยู่เฉยๆล่ะนะ
รั้วนี้ขยับได้ แถมยังตะโกน และขยับเข้ามาใกล้
นอกจากถ้าคิดจะปีนตรงมุมจะโดนหลบแล้ว ถ้าคิดจะเหยียบทหารข้างหน้าเป็นแท่นปีนก็จะถูกเว้นระยะ
[[[เ—–ฮ? เฮเฮเฮ?]]]
แถมยังตะโกนเหมือนจะบอกว่า[เ-ฮ พวกคุณทหาร กลัวอยู่หรือไง? เฮเฮ!]
ตะโกนแล้วค่อยๆบีบเข้ามาสี่ด้าน
พวกทหารแค่พยายามดันกลับไปก็สุดๆแล้ว ไม่เหลือช่องให้ไปปีนรั้ว พื้นที่จะให้ทำแบบนั้นก็ไม่มี ช่องว่างของรั้วๆค่อยๆแคบลงเรื่อยๆ ทั้งเรเนสและทหาร จะยกมือหริอเท้าขึ้นยังทำไม่ได้เลย
“…ซิลเวียร์…พูดถูกแล้ว”
ตัวเองดูถูก[ราชาแห่งชายแดน]เกินไป ทั้งๆที่รู้ว่ามีพลังเหนือธรรมดา แต่ก็ยังดูถูก
อย่างเรื่องที่ไม่มีทหารลูกน้อง– ดันคิดอะไรอวดดีแบบนั้นไปซะได้
ทหารของทางนี้มี9คน ไม่ว่าคนไหนๆต่างก็มีฝีมือ อสูรก็เคยจัดการ ทั้งๆแบบนั้น แค่จะข้ามรั้วนี้ยังทำไม่ได้ ถูกล้อม ถูกกดดัน จะขยับตัวยังยาก ทั้งองค์หญิงและทหาร ราวกับถูกขังอยู่ในกล่องใบเล็กๆ
การป้องกันของ[ทหารรั้ว]นี้ไม่สามารถทำลายได้
ยิ่งกว่านั้น ศัตรูยังไม่ทำอะไรที่เป็นการโจมตีเลย
“แต่ว่า ถ้าเล็งไปที่ขาก็ล้มได้แล้ว! จุดอ่อนที่ดีมุสบอกมาไง! เล็งไปที่ส่วนขาซะ!”
“ไม่ได้ขอรับ! เจ้าพกวนั้น กำลังล้มมาทางนี้แล้วขอรับ!!”
รั้วสั่นไหว
พอเห็นแบบนั้น เรเนสจึงเข้าใจคำพูดของพวกดีมุสได้ในที่สุด
[ถ้าโจมตีไปที่ส่วนขาของรั้วของหมู่บ้านนี้จะล้ม(มาหาเราเอา)ได้]
(แถมยังไม่ได้บอกว่า[ลุกขึ้นมาไม่ได้]ด้วย)
ดังนั้นความหมายจริงๆก็คือ–ห้ามโจมตีที่ส่วนเท้า–
[เ-ฮ!] [เฮ] [เฮเฮเฮ!]
“อาาาาาาาาา!” “ไม่เอาแล้ว อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามาาาาาาาาา!!”
กึกกั๊ก
รั้วที่อยู่ตรงหน้า ราวกับกำลังมององค์หญิงเรเนสอยู่
ราวกับกำลังเล็งจากนั้นก็ค่อยๆล้มลงมา
“……บะ แบบนี้มัน……”
[ทดลองรบ]–แต่ว่า อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
แม้แต่ในอาณาเขตของท่านพ่อของเธอเองก็เช่นกัน ในการ[ทดลองรบ]ที่เร้าร้อน ก็มีเหตุการณ์ที่มีคนตายอยู่บ้าง แต่ว่า นี่มันไม่ใช่ เราไม่ใช่คนที่จะมาถูก[รั้ว]–ที่ร้อง[เ-ฮเฮเฮ]มาทับตายแน่ๆ ทั้งๆแบบนั้น–
“เอ้”
มีเสียงดังขึ้น
เสียงใสๆของเด็กผู้หญิง
เธอยืนอยู่บนรั้วที่กำลังเอียง ย่ำบนรั้วราวกับกำลังเดินบนเวที แล้วก็กระโดดผ่านหัวของเรเนสไป จนไปอยู่ที่รั้วฝั่งตรงข้าม
พอเธอหันกลับมา ที่อยู่ในมือก็คือธงแม่ทัพบนหมวกเกราะคาบูโตะของเรเนส เธอเสยผมสีเงิน แล้วก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน ประกาศออกมา
“ลูกน้องของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์] [ขุนพลมังกร] ริเซ็ต รูจ ชิงธงแม่ทัพมาได้แล้วค่ะ!!”
[เฮ!][เฮเฮ!][เ-ฮ!][เฮฮ!!]
พวกรั้วส่งเสียงร้องแห่งชัยชนะแล้วก็คลายการล้อมออก
พอเรเนสเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหน่วยที่ถูกขังอยู่ในรั้วเหมือนกับเธออยู่อีกฝั่ง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะถูกรั้วล้อมเป็นรูปสามเหลี่ยมไม่เหมือนเธอที่ถูกล้อมด้วยรั้ว6แผ่น ทุกคน ตัวสั่นหน้าซีดเซียว แต่จะไปตำหนิก็ไม่ได้ ความรู้สึกนั้นก็เข้าใจอย่างดีเลย
“…แพ้ราบคาบ…ชายแดนไม่ใช่ที่ที่ควรจะมายุ่งด้วยเลย”
เรเนส คิโทลไหล่ตกแล้วพึมพำออกมา
“จะไม่มายุ่งกับชายแดนอีกแล้ว ฉันขอสารภาพแล้วขอโทษเรื่องทุกอย่างเลย จะเอาทุกอย่างที่มีไปเลยก็ได้…แต่ว่า ขอร้องล่ะ…อย่าได้เป็นศัตรูกันเลย… ชายแดนน่ากลัวน่ากลัวน่ากลัวน่ากลัวน่ากลัว…”
เด็กสาวกับพวกทหารต่างก็ตัวสั่นลงไปคุกเข่า