ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 50
Ch.50 – ราชาผู้พิชิต ควบคุมเส้นทาง
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
“หัวหน้าตระกูลเจ้าเมืองคิโทลคนปัจจุบัน อัลโกส คิโทลนั้นได้ปฏิเสธที่จะมอบค่าใช้จ่ายและคนให้กับการต่อเติมคฤหาสน์ของท่านซักกัสผู้เป็นน้องชายของ[สิบปราชญ์]
[สิบปราชญ์]นั้นเป็นบุคลากรที่สำคัญผู้รับใช้องค์จักรพรรดิ คฤหาสน์ของท่านซักกัสก็มีไว้เพื่อรับรององค์จักรพรรดิ การที่ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ ก็เปรียบได้กับการตั้งตนเป็นกบฎต่อองค์จักรพรรดิ!”
“““……เอ๋”””
ผม ริเซ็ตแล้วก็ยูกิโนะถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
ทหารตะโกนต่อ
จากการตรวจสอบส่วนตัวของ[สิบปราชญ์]พบว่าเจ้าเมืองคิโทลนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]
ตอนที่ได้ทำการส่งทหารไปหาอัลโกส คิโทลที่เมืองหลวง ก็ได้พบว่าทำการหลบหนีไปเสียแล้ว ช่วงที่หนีก็ได้นำสัมภาระและสมบัติทั้งหมดไปด้วย จากการที่เตรียมความพร้อมไว้ดีเช่นนี้ ก็เป็นหลักฐานยืนยันความสงสัยได้
“ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลเป็นคนทำการจัดการ[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]ไม่ใช่เหรอ?”
“พวกริเซ็ตก็ได้ยินมาว่าทำการต่อสู้อยู่หลังจากถล่มป้อมปราการค่ะ”
“เพราะแบบนั้นลัทธิถึงได้ถูกกวาดล้างหมดแล้ว เหตุผลมันจะพิลึกเกินไปละนะ…?”
“ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลได้ทำการกวาดล้างลัทธิด้วยตนเองเพื่อลบร่องรอยความเชื่อมโยงกับลัทธิ การที่ทำลายลัทธิ ก็ถือเป็นหลักฐานถึงการก่อกบฎของพวกมัน!”
“““………เอ๋”””
พวกเราถอนหายใจอีกรอบ(แบบที่ไม่ให้รอบข้างได้ยิน)
พอดูดีๆ ทหารที่ตะโกนเองก็เช็ดเหงื่อที่ไหลตก
แม้แต่ตัวเองก็คงจะรู้สินะว่าที่พูดออกมาน่ะมันแสบสีข้างสุดๆไปเลย
“ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลต้องสงสัยว่าก่อกบฎ!”
“ผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลคิโทล รีบประกาศตัวมาเดี๋ยวนี้เลย!”
“ถ้าไม่เปิดตัวก็ถือเป็นหลักฐานว่าก่อกบฎ!”
พวกพ่อค้าเริ่มตะโกนออกมา
แล้วก็มีพวกที่ตะโกนเสริมออกมาด้วย
…แย่แล้วสิ
หัวหน้าหน่วยโดรุสลูกน้ององค์หญิงซิลเวียร์กับเด็กสาวที่มาด้วยจะเป็นยังไงกัน
พวกเราอยู่ในจุดยืนที่เป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์
ถ้าพวกหัวหน้าหน่วยไม่มีใครรู้ตัวแบบนี้ต่อไป ก็คงไม่ต้องทำอะไรก็ได้อยู่หรอก…
“…(ผงก)”
หัวหน้าหน่วยโดรุสมองมาที่ผมแล้วพยักหน้าเบาๆ
ช่วงเวลาที่พวกพ่อค้าออกห่างไป พวกเขาก็ออกไปจากแถว
ปลายทางของแถวนั้นมีประตูที่จะผ่านไปยังทางใต้ของ[จุดเชื่อมเมือง] ตอนที่ผ่านประตูไป ก็จะถูกตรวจสิ่งของที่พกมาด้วย ถ้าความแตกว่าพวกตนเป็นคนของตระกูล[เจ้าเมืองคิโทล]ล่ะก็แย่แน่ ก็เป็นแบบนี้สินะ
“…คิดยังไงล่ะ? ริเซ็ต ยูกิโนะ”
“ตระกูลคิโทลเป็นตระกูลดังที่เคยส่งคนของตระกูลมาเป็นอัครมหาเสนาบดีหรือเสนาบดีมาตลอด คิดว่าคงจะไม่ต่อต้านองค์จักรพรรดิมังกรคนปัจจุบันค่ะ บางทีหนึ่งใน[สิบปราชญ์]…คงคิดหาทางจัดการสวยๆล่ะมั้งนะคะ”
“แต่ว่า…ถ้ามีการหาตัวคนของ[ตระกูลเจ้าเมือง] การตรวจสอบที่ด่านคงจะเข้มงวดขึ้นด้วยสินะคะ”
ริเซ็ตกับยูกิโนะเองก็ทำท่าไม่สบายใจ
แถวที่เรียงไปยังประตูที่จะไปยังทิศใต้ของ[จุดเชื่อมเมือง] ก็เริ่มแตกออกไปบางส่วนตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ท่าทางความเห็นของยูกิโนะที่ว่า[การตรวจสอบที่ด่านเข้มงวดขึ้น]จะถูกต้อง แต่คนที่คิดจะออกไปทั้งๆแบบนั้นก็มีอยู่
บางคนก็พึมพำออกมา “ก็เวลาแบบนี้ได้ค้นของไปยังซอกเสื้อแหงๆเลยนะ”
แบบนี้…มันก็ไม่ใช่การชมเมืองแล้วสิ…
“…ท่านพี่”
อยู่ๆริเซ็ตก็มากระซิบที่หูของผม
แล้วชี้ไปทางซอยในเมืองโดยซ่อนมือเอาไว้
มีพ่อค้าเข้าไปในซอยที่หัวหน้าหน่วยโดรุสกับเด็กสาวลูกน้องเข้าไป พร้อมกับทหาร
มีคนที่รู้หน้าของคุณหัวหน้าหน่วยสินะ
“…ก็จับมือเป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์ไปแล้วด้วยสินะ”
ผมเชื่อใจในตัวองค์หญิงซิลเวียร์
ถ้าเป็นเธอ ก็คงไม่มายุ่งกับชายแดน ถึง[เจ้าเมืองคิโทล]จะมาทำอะไรที่ชายแดนก็คิดว่าคงจะช่วยออกความเห็นให้
กลับกันถ้าไม่มีเธออยู่ แล้วลูกน้องของ[สิบปราชญ์]มาปกครองเขตเจ้าเมืองคิโทลล่ะก็…
“…รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ”
ให้พวกหัวหน้าหน่วยโดรุสหนีออกจากที่นี่ไปรายงานข้อมูลกับองค์หญิงซิลเวียร์ได้จะดีกว่า
ถ้ามีแค่พวกเราไปบอก องค์หญิงก็ยังพอได้ แต่ลูกน้องคงจะไม่เชื่อใจล่ะนะ
“ยูกิโนะเคยมาที่เมืองนี้มาก่อนสินะ รู้ทางไหม?”
“รู้ค่ะ ก็เคยพักที่หอถูกๆอีกฝั่งของซอยนั้นอยู่นี่คะ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปช่วยทั้งสองคนนั้นหนีกันเถอะ”
ช่วงชุลมุนนี้ล่ะ ไม่มีใครมองมาที่พวกเรา ก็ไม่มีชื่ออะไรนี่นะ
ริเซ็ตสวมหมวกปิดหัว ไม่ให้เห็นเขามังกร
ผมก็ทำแบบเดียวกัน ดังนั้นถึงจะใช้ปลุกไปก็จะได้ไม่มีปัญหา แล้วก็อุ้มยูกิโนะไว้ที่หลัง
“……ด้วยนามของ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์][ปลุกเผ่ามังกร]”
ก่อนอื่นก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไปที่ซอย
ตรวจสอบดูว่าไม่มีคน แล้วก็ออกวิ่งด้วยความคล่องตัวของมังกร
“แต่ว่า ท่านพี่ เมืองนี้เป็นถิ่นของศัตรูค่ะ คนที่ตามทั้งสองคนก็มีตั้งหลายคนค่ะ จะช่วยยังไงเหรอคะ?”
“ไม่มีปัญหาหรอกน่า”
ผมพูดออกไป
“พวกเรามีพรรคพวกที่เข้มแข็งนะ แค่ช่วยคนในเมืองน่ะ สบายๆ”
──มุมมองของหัวหน้าหน่วยโดรุสและลูกน้องเซร่า──
“ท่านโดรุส! ม้าล่ะ!?”
“ทิ้งไว้ก่อนเข้าซอยน่ะ ถ้าขวางคนที่ทางนั้นส่งมาได้ก็ดีอยู่หรอก…”
ลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์โดรุสกับเซร่า วิ่งไปตามซอย
ไม่คาดคิดเลยว่าจะกลายเป็นแบบนี้
หน้าที่ของพวกเราก็คือการไปแจ้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับราชาแห่งชายแดนให้กับ[เจ้าเมืองคิโทล]ที่อยู่ที่เมืองหลวง แจ้งว่าชายแดนเป็นมิตรที่ดี
แต่ว่า ไม่คาดดคิดเลยว่าจะกลายเป็นฝ่ายที่ถูกไล่ตามในระหว่างนั้น
“ตระกูลซักกัสหนึ่งใน[สิบปราชญ์]กับท่านอัลโกส คิโทลก็ไม่ถูกกันอยู่ด้วยสิ…”
“[สิบปราชญ์]จะมาจัดการที่บ้านหลักเหรอคะ? มีโอกาสจะส่งทหารมาด้วยเหรอ!?”
“ไม่รู้สิ ยังไงก็ตาม ต้องไปแจ้งองค์หญิงซิลเวัยร์กับองค์หญิงเรเนส…”
แต่ว่า นั่นจะเป็นไปได้หรือเปล่า
ก็เคยมาทำธุระของผู้เป็นนายที่เมืองนี้อยู่หลายครั้ง คนที่จำใบหน้าของโดรุสจากตระกูลเจ้าเมืองคิโทลได้ก็มี ตอนนี้ก็ยังถูกทหารหลายนายไล่ตาม ถ้าถูกตรวจสอบสัมภาระก็คงจะรู้ได้เลยว่าเป็นคนของตระกูลเจ้าเมืองคิโทล
“ท่านโดรุส ไปขอร้อง[ราชาแห่งชายแดน]คนนั้นไม่ดีกว่าเหรอคะ?”
“อย่าพูดอะไรบ้าๆ เซร่า”
หัวหน้าหน่วยโดรุสตำหนิเด็กสาวลูกน้อง
“[ราชาแห่งชายแดน]เป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์ ไม่มีทางมายุ่งกับปัญหาของลูกน้องอย่างพวกเราหรอก แล้วถึงจะให้ยืมพลัง…แต่ก็เป็นคนที่มีพลังมหาศาลมาก ถ้าทหารของเมืองนี้ทำใหท่านผู้นั้นโกรธล่ะก็ แผ่นดินแห่งนี้อาจจะได้กลายเป็นที่รกร้างเลยก็เป็นได้ เรื่องนั้นไม่เข้าใจหรือไง เฮ!”
“เฮะ เฮ”
“แล้ว พวกเราก็กำลังถูกไล่ตามอยู่ด้วย การที่[ราชาแห่งชายแดน]จะมาถึงตัวพวกเราได้โดยไม่ถูกศัตรูเจอมันเป็นไปไม่ได้”
หัวหน้าหน่วยโดรุสหยุดเท้าอยู่ตรงมุมของถนน
ลองฟังเสียงฝีเท้าของทหาร–ได้ยินอยู่ แล้วก็เหมือนได้ยินเสียงอะไรหนักเคลื่อนไหวด้วย …
โดรุสเอามือแตะอกแล้วภาวนา
ว่า[ราชาแห่งชายแดน]จะคิดว่าพวกเราเป็นพรรคพวก
แล้วก็เห็นค่าของการเป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์–
“อาา [ราชาแห่งชายแดน]ผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดนำเรื่องนี้ไปบอกองค์หญิงซิลเวียร์ด้วยเถิด…”
“เรื่องนั้นก็ไปบอกด้วยปากของตัวเองเสียเถิด ทหารผู้หาญกล้าเอ๋ย”
มีเสียงดังขึ้น
จากอีกฝั่งของมุมถนน
ลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์ไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด
เสียงนั้น ของผู้ที่มที่มีความสามารถอันน่าหวั่นเกรง ของผู้ที่พึ่งได้ยิ่งกว่าใครในถิ่นศัตรูเช่นนี้
“อา [ราชาแห่งชายแดน]!”
“ท่าน[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ]!”
ทหารทั้งสองกระโดดมาที่ถนนแล้วคุกเข่า
[ราชาแห่งชายแดน]หรือก็คือ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์][คิริวโอ โชมะ]ได้มายืนอยู่ตรงนี้
ด้วยสีหน้าที่ดูจะซับซ้อนอย่างมาก
──มุมมองโชมะ──
แก้ไม่ได้แล้วสิน้าา
นั้นสิน้าา ก็ขู่พวกลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์ไปขนาดนั้นนี่น่า
งั้นเหรอ…ในอาณาเขตของ[เจ้าเมืองคิโทล]ผมเป็น[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ไปแล้วสินะ
…ถึงจะป่านนี้แล้วก็เถอะ จะยังไงก็ช่างมันละกัน
“…ก่อนอื่นก็เปลี่ยนเสื้อเถอะ สภาพแบบนั้น มีแต่จะดึงดูดคนไล่ตาม”
ผมเอาเสื้อสำรองออกมาจากสกิลเก็บของ[ภาชนะแห่งราชา]
คุณหัวหน้าหน่วยโดรุส เปลี่ยนเป็นชุดของผม ทหารลูกน้อง–ดูเหมือนจะชื่อเซร่า–ก็เปลี่ยนเป็นเสื้อของริเซ็ต
“ชุดเกราะที่ถอดข้าจะเก็บให้เอง ขอสัญญาว่าหลังจากนี้จะคืนให้แน่นอน”
“ตะ แต่ว่า ไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อแล้วขอรับ!”
หัวหน้าหน่วยโดรุสหันกลับไปแล้วพูดออกมา
“ตอนนี้ ยังมีคนไล่ตามมาอยู่ขอรับ ต้องขอขอบคุณที่มาช่วยจริงๆ แต่ ยังไงได้โปรดหนีไปเถอะขอรับ แล้วก็ช่วยไปบอกเรื่องนี้กับองค์หญิงซิลเวียร์!”
“ก็บอกไปแล้วว่า เรื่องนั้นให้ไปบอกด้วยปากของพวกเจ้าเอง”
ไม่มีเวลาแล้ว
ตรงนี้ต้องกดดันไปด้วยโหมด[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]
“ยิ่งกว่านั้น–ลูกน้องขององค์หญิงซิลเวียร์พันธมิตรของเราเอ๋ย เจ้ามีสิทธิขนาดที่จะมาพูดกับเราขนาดนั้นเลยหรือ?”
ผมยิ้มแล้วพูดออกมา
“แล้วเจ้าคิดว่า[คิริวโอ โชมะ]ผู้นี้ไม่อาจจะพาออกไปจากที่แห่งนี้ได้หรือยังไง? ศัตรูคู่อาฆาตของข้า[เทพธิดาแห่งสวรรค์ชั้น8(ตามเซ็ตติ้ง)]นั้นเป็นผู้ที่มีพลังระดับที่ใช้แค่นิ้วเดียวก็สามารถทำให้หมู่บ้านๆหนึ่งระเหิดหายไปได้(ตามเซ็ตติ้ง) แล้วข้าที่แม้แต่เทพธิดาผู้นั้นก็ยังหวาดกลัว–ถึงตอนนี้จะใช้พลังได้เพียงแค่เศษเสี้ยว(ตามเซ็ตติ้งที่คิดในตอนนี้) แต่กลับอีแค่ทหารมนุษย์ จะละเมอก็ให้มันน้อยๆหน่อย!”
“ฮะฮะ!”
หัวหน้าหน่วยโดรุส ทรุดหน้าผากลงติดพื้น
–โทษที คงจะทำเกินไปหน่อย
“ถึงขนาดช่วยเหลือลูกน้องของพันธมิตร ต้องจริงๆขอรับ โดรุสผู้ และลูกน้องเซร่า ในช่วงเวลานี้ ขอความไว้วางใจทั้งหมดให้กับ[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ขอรับ”
“ดะ ดิฉันเอง ก็ขอถวายให้ด้วยค่ะ”
“เยี่ยม งั้นก็รีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อซะเถอะ”
““ขอรับ/ค่ะ!””
หัวหน้าหน่วยโดรุสกับลูกน้องเซร่ายืนขึ้น แล้วก็หันหลังให้กัน จากนั้นก็เริ่มถอดชุดเกราะ
ผมก็หันไปทางอื่น
ที่นี่เป็นซอย รอบๆเป็นเขตที่อยู่อาศัย ล้อมไปด้วยกำแพงกับรั้ว สัมผัสผู้คนก็ไม่มีสักนิด
เพราะไม่อยากจะยุ่งเหรอ หรือออกไปทำงานกันหมด แต่จะทางไหนก็เป็นโอกาสอันดี
ในระหว่างที่มาถึงตรงนี้ก็ทดสอบเสร็จแล้ว
ในระหว่างที่หัวหน้าหน่วยโดรุสกับทหารเซร่าปลอมเป็นคนธรรมดา ก็ใช้เวลาให้คุ้มค่าดีกว่า
“ท่านพี่ พวกทหารมาทางนี้แล้วค่ะ”
ริเซ็ตที่เงี่ยหูฟังเสียงอยู่ตรงมุมถนนพูดออกมา
“เสียงฝีเท้าเร็วขึ้นค่ะ บางที คงจะวิ่งเต็มแรงตรงมาเลยค่ะ”
“เข้าใจแล้ว ผมจะทำอะไรบางอย่างเอง ยูกิโนะก็เตรียมเวทมนตร์เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินด้วยล่ะ”
ผมสั่งยูกิโนะ
“สถานการณ์ฉุกเฉินเนี่ย คงไม่มีหรอกนะคะ~ ไอ้เรื่องจนมุมเนี่ยคงไม่มีแน่นอนหรอกค่ะ~ ฉัน ก็ไม่เคยได้ใช้เวทมนตร์สู้เลยด้วยสินะคะ~”
“เอาเถอะน่า เผื่อไว้ก่อน”
“ค่ะ นายของเรา”
ยูกิโนะหลับตาลงรวบรวมสมาธิ
“…ทหารใกล้เข้ามาแล้วค่ะ ท่าทางจะมาทางนี้ค่ะ”
ริเซ็ตให้สัญญาณ
ท่าทางจะมีทหารหลายคนวิ่งตรงมาอยู่ในซอย
“เอาล่ะ ก่อนจะเข้ามาใกล้ก็ปลอมตัวซะ ฝากด้วยล่ะ ทหารของเรา”
ผมเรียก[ทหารมีจิตใจ]ออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]
[เฮ!]
“เยี่ยม ผ่านไปแล้วสินะ”
““………””
เฮ้ย หยุดอึ้งปากค้างแล้วเปลี่ยนเสื้อสักที คุณหัวหน้าหน่วยกับคุณเซร่า
อุตส่าห์ใช้[ทหารมีจิตใจ]ปลอมซอยให้กลายเป็นถนนเส้นเดียวให้แล้ว
[ทหารมีจิตใจ]ที่เอามามีทั้งขนาดใหญ่เล็ก สีสรรค์ต่างๆ
ถ้าเรียกรั้วที่มีขนาดกว้างตรงกันออกมาก็สามารถเอามาปรับตำแหน่งตามใจชอบด้วยการให้ประกบกับรั้วรอบๆได้ จะสร้างทางไปหรือทางตัน–ก็นะ ถึงจะขึ้นอยู่กับสถานที่–แต่ก็ได้อย่างอิสระ
ด้วยสิ่งนี้ทำให้พวกเราสามารถผ่านทหารมาจนถึงจุดที่หัวหน้าหน่วยโดรุสอยู่ได้
สมกับเป็นรั้วประจำการที่น่าภาคภูมิของชายแดน ยอดเยี่ยมมาก
“สุดยอดไปเลยนะคะ [ทหารมีจิตใจ]ของท่านพี่ มีวิธีใช้แบบนี้ด้วยสินะคะ”
“อา ก็เพื่อการนี้ก็เลยเอารั้วมาหลายขนาดน่ะ”
“คุณโชมะ คนของ[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]กำลังดูอยู่ค่ะ ขอเป็น[โหมดราชาผู้พิชิต]ด้วยค่ะ”
“ฟู้ ถ้า[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]ผู้นี้ลง การที่จะเปลี่ยนเมืองนี้เป็นเขาวงกตก็เป็นเรื่องง่ายๆ อย่างทหารของศัตรูผู้โง่เขลา จงจมลงอยู่ในความสับสนและอลหม่านเสียเถิด”
“““โอ้”””
ปลาบปลื้มกันซะเต็มที่
จิตใจผมก็ได้รับความเสียหายเต็มๆ
แล้วก็ ยูกิโนะ อย่าไปทำตาเป็นประกายกับพวกคุณหัวหน้าหน่วยสิ
“…เสียงเท้าไกลออกไปแล้วค่ะ ดูเหมือนทหารของศัตรูจะเลี้ยวตรงทางอีกฝั่งค่ะ”
“พวกคุณหัวหน้าหน่วยก็เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วค่ะ”
“เยี่ยม งั้นทางนี้ก็เคลื่อนพลบ้าง”
ผมออกคำสั่งริเซ็ตกับยูกิโนะ
“รอเดี๋ยวก่อน[ราชาแห่งชายแดน] คนที่ไล่ตามเป็นกลุ่มทหารที่เคยชินกับเมืองนี้เป็นอย่างดีขอรับ ยังไงก็รอบคอบสักนิด–”「
“รู้อะไรไหม หัวหน้าหน่วยโดรุสผู้ซื่อสัตย์ของ[เจ้าเมืองคิโทล]เอ๋ย การปลอมแปลงของข้าน่ะยังเพิ่งจะเริ่มเท่านั้นเองล่ะ”
ผมเก็บ[ทหารมีจิตใจ]เข้าไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]
จากนั้นก็เลี้ยวมุมแล้วหยุด แล้วให้ริเซ็ตเงี่ยหูฟังอีกครั้ง–
“เฮ้ย ที่นี่ มันต้องมีมุมเลี้ยวอยู่สิ!?”
“ข้าก็คิดว่าแปลก ทำไมถึงได้ไม่เจอล่ะ”
“แปลก…ที่นี่มันเมืองของพวกเราจริงๆสินะ…?”
ได้ยินเสียงมาจากไกลๆ
ท่าทางพวกทหารจะกลับมา
ยังห่างอยู่ ถึงจะออกไปก็ไม่เห็นตัว ทางนี้ก็ใช้จังหวะนี้เลี้ยวเข้ามุม
“ช่วยไม่ได้ อีกรอบละกัน”
[เฮฮ]
เยี่ยม ฝากด้วยล่ะ [ทหารมีจิตใจ]เอ๋ย
“นี่ไงล่ะ ก็มีทางเลี้ยวอยู่ไม่ใช่เหรอไง พวกแกเอาแต่แย้งอยู่ได้”
“นี่ข้าแย้งไปตอนไหนกัน!? กี่โมงกี่นาทีกี่วินาที กี่ช่วงยามกัน!?”
“……นี่ จะพาพวกเราไปหลงถึงไหนกัน…?”
เสียงของคนที่ไล่ตามไกลออกไป
“เยี่ยม ตอนนี้ล่ะ ทุกคนรีบเร็ว”
““““…ค่ะ/ขอรับ””””
จากนั้นพวกเราก็รีบผ่านด้านหลังของพวกทหารที่ไล่ตามมาโดยไม่ให้ได้รู้ตัวออกไป
สักพัก–ก็ออกมาจากซอยได้
ตอนที่ออกมายังอีกเส้นทาง พวกเราก็หยุดยืน
ไม่มีคนไล่ตามแล้ว
หัวหน้าหน่วยโดรุสกับลูกน้องเซร่าได้เปลี่ยนเป็นชุดแบบคนธรรมดาแถวชายแดนแล้ว คงจะไม่รู้ตัวแล้วว่าเป็นคนๆเดียวกับเมื่อสักครู่
คนรอบๆก็ไม่มีใครสักคนที่สนใจทางนี้
เพราะว่าพวกเราก็ใส่เสื้อแบบเดียวกับทุกคน คนจะคิดว่าเป็นพ่อค้าบ้านนอกสินะ
“…ต่อจากนี้ จะเอายังไงต่อล่ะ โดรุสเอ๋ย”
“…ที่เมืองนี้ มีที่พักของคนที่มาจาก[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]อยู่ขอรับ”
“ขอพึ่งที่นั่นเหรอ? แต่ว่า ไม่ใช่ว่าจะถูก[สิบปราชญ์]จับตามองอยู่หรือไง?”
“ที่นั่นจริงๆแล้วเป็นที่พักของคนที่มาจาก[ตระกูลคิโทล]นรุ่นทวดขอรับ คนที่รู้ความสัมพันธ์กับตระกูลก็มีแค่คนระดับสูงของตระกูลเจ้าเมืองเท่านั้นขอรับ บางครั้งก็ใช้เป็นที่ซ่อนตัวแลกเปลี่ยนข้อความกัน โดยพื้นฐานแล้วก็มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลของเมืองหลวงกับที่หลบภัยยามฉุกเฉินขอรับ”
ผมกับหัวหน้าหน่วยโดรุสคุยกันอย่างเบาๆ
“…พวกเราจะซ่อนตัวอยู่ที่นั่นสักหลายวัน หลังจากนั้น ค่อยออกจากเมืองขอรับ”
“…ขอบคุณจริงๆค่ะ [ราชาแห่งชายแดน]”
ทหารเซร่าก็ก้มหัวให้พวกเราด้วย
พวกเรา…จะเอายังไงกันดี
บางทีคงจะผ่าน[จุดเชื่อมเมือง]ไปไม่ได้ เพราะว่าเข้มงวดระมัดระวังมากกว่าปกติ ก็คงจะรู้เอาได้ว่าริเซ็ตเป็นอมนุษย์ ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่ารำคาญ
แล้วก็ไม่ได้อยากจะไปเมืองหลวงขนาดนั้นด้วย เป้าหมายก็มีแค่เที่ยวชมกับหาคนเอง
“พวกเราจะกลับชายแดนกันพรุ่งนี้ วันนี้ก็หาที่พักแล้วพักกันก่อนเถอะ”
ผมตอบไป
ยังไงก็ไปฟังเรื่องราวของเมืองหลวงที่ที่พักแล้วกลับกันเถอะ
“เสื้อที่ให้เก็บจะเอายังไงล่ะ? ดาบจะคืนให้เลย แต่ชุดเกราะล่ะ?”
“ถ้ายังไงก็เก็บเอาไว้ก่อนเถอะขอรับ”
หัวหน้าหน่วยโดรุสกับทหารเซร่าก้มหัวให้พวกเรา
“แล้วก็…ถ้ามีโอกาส ก็อยากบอกเรื่องในคราวนี้ให้องค์หญิงซิลเวียร์ทราบด้วยขอรับ การที่มีเกราะนี่ ก็เป็นหลักฐานว่าพวกเรามาพบกันที่นี่ได้ใช่ไหมล่ะขอรับ”
“รับทราบแล้ว”
จากนั้นพวกเราก็แยกกัน
สถานที่ของที่พักก็ไม่ได้ถูกบอก หรือถามออกไป
ยังไงซะถ้ารู้ไปยันบ้านซ่อนลับๆของ[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]มันก็คงไม่ดีล่ะนะ
กับองค์หญิงซิลเวียร์ก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าถูกองค์หญิงเรเนสว่ามาจะแย่เอา
พวกเราเป็นคนของชายแดน ทางนี้ก็มีเรื่องที่ทางนี้ต้องทำ
“…เป็นเรื่องใหญ่แล้วสินะคะ คุณโชมะ”
ยูกิโนะพูดออกมาในห้องของที่พัก
เพราะว่าการตรวจที่ด่านเข้มงวดขึ้น คนที่พักอยู่ในเมืองก็เลยเพิ่มขึ้น
ดังนั้นที่พักก็เลยแน่นมาก สุดท้ายก็เลยได้มาห้องเดียว แต่เดิมทีก็พักอยู่ในบ้านเดียวกันที่หมู่บ้านอยู่แล้ว มาคิดมากเอาตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ตอนเปลี่ยนเสื้อ ก็ใช้[ทหารมีจิตใจ]ในห้องเอาละกัน
“ถ้าเป็นนิทานในโลกเดิม ก็คงจะมีวีรบุรุษที่ออกมาสู้กับ[สิบปราชญ์]ล่ะนะ”
ผมพูดออกไป
“อย่างผู้ที่สืบสายเลือดของวีรบุรุษในตำนาน หรือถูกยอมรับโดยดาบศักดิ์สิทธิ์”
“ค่ะค่ะ อย่างการออกเดินทางจากหมู่บ้านแถบชายแดน!”
“ในการต่อสู้ครั้งแรกพลังจะยังไม่ตื่น แต่ความสามารถจะตื่นขึ้นในยามที่พี่น้องที่ถูกคิดว่าเป็นวีรบุรุษตกอยู่ในวิกฤติ–”
“ค่ะ! ฉันคิดว่าความสามารถสายเพลิงก็ดีนะคะ!”
“อ่อนหัดจริงๆนะ ยูกิโนะ พวกสายไฟน่ะ ก็ความแตกหมดตอนนั้นสิว่าเป็นวีรบุรุษ เริ่มแรกแค่เศษเสี้ยวของอัจฉริยภาพก็พอแล้ว”
“ยังไงเหรอคะ?”
“นั่นสินะ เริ่มแรก แค่ปล่อยแสงทำให้ศัตรูตาพร่ามัวก็พอไม่ใช่เหรอไง?”
“ฟุมุฟุมุ ในตอนนั้นก็เอาดาบแทงศัตรู–”
“อา จากนั้นก็ไปป้อมปราการเพื่อหยุดยั้งการบุกของศัตรู–”
──1ชั่วโมงต่อมา──
“…ท่านพี่…คุณยูกิโนะ พูดอะไรกันน่ะคะ?”
““”อ๊ะ”
ผมกับยูกิโนะมองหน้ากัน
ริเซ็ตที่กลับมาที่ห้องทำหน้าแปลกๆออกมา
“การรวมใต้หล้าของมหาวีรบุรุษเหรอคะ หรือว่าท่านพี่คิดขึ้นมาเพื่อที่จะจบยุดมืดเหรอคะ?”
“ค่ะ ฉันกับคุณโชมะก็เลยลองจำลองสถานการณ์ขึ้นมาดูน่ะค่ะ”
“พึ่งเคยได้ยินนี่ล่ะ!?”
คิดว่าเป็นเรื่องการใช้ตรรกะนำ3กองทัพเข้าปราบปรามเหล่าขุนนางกังฉินซะอีก
“เรื่องนั้นไว้คุยรายละเอียดกันทีหลังเถอะค่ะ–ได้ยินข่าวลือมาจากร้านเหล้าค่ะ”
ริเซ็ตนำกระบอกที่ใส่น้ำชากับห่อที่ใส่ข้าวมาวางตรงหน้าพวกเรา
“ดูเหมิอนคุณอัลโกส คิโทล[เจ้าเมืองคิโทล]กับบุตรีคนโตคุณมิเรน่า คิโทลจะอยู่ที่เมืองหลวงจนถึงเร็วๆนี้ค่ะ ได้ยินมาว่ามีเรื่องที่จะไปอุทธรณ์แก่จักรพรรดิมังกรคนปัจจุบัน–[องค์จักรพรรดิมังกร]อยู่…แต่ตอนนี้ก็หนีหายไป จนไม่รู้ชะตากรรมแล้วค่ะ”
“หมายความว่า คนที่รับหน้าที่บริหารสูงสุดของ[ตระกูลเจ้าเมืองคิโทล]ในปัจจุบันก็คือ องค์หญิงเรเนส คิโทลสินะ”
“ใช่แล้วล่ะค่ะ แล้วก็ มีข่าวลืออีกค่ะ…”
ริเซ็ตดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึก
“ดูเหมือนคนที่ชื่อซักกัสที่เป็นญาติของ[สิบปราชญ์]กำลังรวบรวมกำลังทหารอยู่ค่ะ อาจจะใช้บุกเขตเจ้าเมืองคิโทลก็เป็นได้…มีคนพูดแบบนั้นอยู่ค่ะ”
“…แย่เลยนะนั่น”
ผมพูดได้แค่นั้น
ถึงจะจับมือเป็นพันธมิตรกับองค์หญิงซิลเวียร์แล้ว แต่ผมก็ไม่ได้มีชื่ออะไร ถึงจะพูดออกไปว่า[ด้วยนามของราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ คิริวโอ โชมะ จงหยุดการต่อสู้ซะ!]–ก็คงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“…เพียงแต่ คุณเพื่อนบ้านของชายแดนเนี่ย เป็นองค์หญิงซิลเวียร์ก็ดีอยู่แล้วน้า”
[สิบปราชญ์]ที่ไม่รู้ตัวจริง กับผู้มีอิทธิพล ซักกัสที่จะใช้เงินคนอื่นมาสร้างคฤหาสน์
ถ้าคนแบบนั้นมาเป็นคุณเพื่อนบ้านของพวกเราล่ะก็–
“สักนิดก็พอ…มาช่วยองค์หญิงซิลเวียร์ดูสักหน่อย จะดีไหม”
“ตามประสงค์ของท่านพี่โชมะค่ะ”
“ฉันเองก็เห็นด้วยค่ะ ให้ความร่วมมือกันเถอะค่ะ นายของเรา”
พวกเราคุยแบบนั้นกันด้วยเสียงเบาๆ
──ที่เมืองหลวง──
“…ที่นี่เองก็ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้วสินะ”
ระหว่างมองเมฆที่ไหลผ่าน เด็กสาวก็พึมพำออกมา
ตั้งแต่มาเมืองหลวงก็หลายปีแล้ว
ของที่ควรจะได้ดูก็เห็นแล้ว ราชวงศ์นี้ใกล้จะจบสิ้นแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้เพราะคนที่ซื่อสัตย์ต่อจักรพรรดิต่างก็ถูกจัดการไปตามๆกัน เป็นดั่ง ลิขิตฟ้า ตระกูลจักรพรรดิมังกรอาริเชียในปัจจุบัน ได้จบลงแล้ว
“ผู้ที่จะขึ้นต่อไป…จะเป็น[เจ้าเมืองคิโทล]หรือว่า[แฝดผู้น่าชิงชัง]หรือ[พยัคฆ์ร้ายแห่งแดนใต้]กันนะ”
“โอ้ย๊ะ วันนี้จะเลิกงานแล้วเหรอจ๊ะ?”
“อืม ใช่แล้วล่ะคุณยาย! ขอบคุณสำหรับขนมตลอดมานะค้าา”
โทนเสียงของเด็กสาวเปลี่ยนไป
ตอบไปยังหญิงสาวที่ผ่านทางมา ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับเด็กสมรูปลักษณ์
“ยังเด็กอยู่แท้ๆแต่ก็มาทำงานเป็นนักทำนายเลยนี่นะจ๊ะ ได้เจอคุณพ่อที่แยกไปตั้งแต่เกิดหรือยังล่ะจ๊ะ?”
“อืมม เรื่องนั้นจะยังไงก็ช่างแล้วล่ะนะ”
เด็กสาวรับน้ำผึ้งดองผลไม้มาจากหญิงสาวแล้วตอบกลับไป
สัมภาระเก็บเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะออกเดินทาง
เธอไม่ได้ถูกเรียกว่า“ผู้รอบรู้”ของเผ่าด้วยลมปากอย่างเดียว มีทั้งความรู้ที่ได้จากเมืองหลวง มีทั้งศาสตร์การทำนาย รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองต้องไปที่ไหนถึงจะดี
“เจอเรื่องที่อยากจะทำแล้วล่ะ”
“โห อะไรล่ะจ๊ะ”
“ตามหาราชาที่คู่ควรให้ฉันรับใช้”
“…เอ๊ะ?”
ด้วยคำตอบสุดช็อคของเด็กสาว ก็ทำเอาหญิงสาวอ้าปากค้าง
พริบตาหนึ่ง สีหน้าที่เด็กสาวแสดงให้เห็น นั้นกลายเป็นใบหน้าที่เต็มเปรี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถผิดกับรูปลักษณ์ภายนอก
“พูดอะไรอออกมากันน่ะจ๊ะ พริม จะหาราชาเนี่ย ที่ไหนกันหรือ”
“ทางเหนือ”
เด็กสาวตอบ
“ก่อนอื่นก็กลับบ้านเกิดล่ะนะ ถ้าเป็นคุณยาย อาจจะรู้จักคนที่มีคุณสมบัติของราชาก็ได้”
เด็กสาวพริมพูดแบบนั้นแล้วก็หัวเราะออกมา