ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 58
Ch.58 – (พรรคพวกของ)ราชาผู้พิชิต ท้าทายพลังเต็ม100
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
──มุมมองทัพศัตรู──
ที่อยู่ปลายถนน คือปราสาทไม่ผิดแน่
ขนาดก็ไม่ได้ใหญ่อะไร ถึงจะถูกล้อมด้วยรั้วหินสูง แต่ตัวปราสาทก็แค่กระท่อมเล็กๆ ไม่สิ พูดว่าหอคอยเตี้ยๆจะถูกกว่า ความสูงประมาณตึก2ชั้น ชั้นบนมีทหารถือธนูอยู่ ในระยะขนาดนี้ คงจะรู้การมาของทางนี้แล้วสินะ
“………หาาาาาาาาาา?”
ขุนศึก โทคิ โฮเซเงียบไปสักพัก แล้วก็จ้องมองไปยังปราสาทที่อยู่ตรงปลายถนน
จากนั้นก็มองไปทางเสนาธิการ
“มะ มันอะไรกันน่ะ ไอ้ปราสาทท่าทางใช้ไม่ได้นั่น! เฮ้ย!”
–สบถออกมาพร้อมกับยักไหล่
“รั้วหินบางๆ นั่งร้านที่ประกอบอย่างลวกๆ เฮ้ยเฮ้ย สั่นจนเหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อเลยไม่ใช่เหรอไงฟะ ทางเข้า…ก็แค่ประตูไม้เล็กๆ ของแบบนั้น โจมตีทีเดียวก็พังแล้วว้อย เน๊อะ!”
“แต่ว่า การที่สร้างของแบบนั้นขึ้นมาได้ในเวลาสั้นๆ…”
ที่หน้าผากของเสนาธิการ นีลมีเหงื่อไหลลงมา
ถึงเขาจะเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย แต่ความสามารถในการวิเคราะห์ก็เฉียบคม ดังนั้นในการเดินทางครั้งนี้จึงถูกสั่งให้มาเป็นเสนาธิการของโทคิ โฮเซ เพื่อมาห้ามปรามโทคิที่สบประมาทศัตรู
“แถม การที่มันตั้งอยู่กลางถนนก็เป็นปัญหาขอรับ ทั้งหน่วยสันบสนุนของกองทัพตัวเอง หรือรถม้าของพ่อค้าก็ไม่สามารถผ่านได้ ปกติจะเป็นของที่สร้างบนทุ่งราบแท้ๆ…คิดอะไรอยู่กันแน่…”
“นีลจะคิดมากเกินไปแล้วน่า! ของแบบนั้น เมินๆแล้วไปบุกหมู่บ้านดีกว่าไม่ใช่เหรอไง”
“จะถูกแทงข้างหลังเอานะขอรับ”
“…อึก…”
“ถึงจะยึดหมู่บ้านได้ แต่ถนนใกล้ๆก็กลายเป็นฐานของศัตรูแล้วขอรับ จะเฝ้ารักษาการณ์อย่างสงบก็ไม่สามารถทำได้ขอรับ เพราะไม่รู้ว่าศัตรูที่หลบอยู่ในปราสาทอย่างแน่นหนา จะมาบุกเมื่อไหร่ขอรับ…”
ปราสาทนั่น มันผิดจากสามัญสำนึก
ความเร็วคือหัวใจสำคัญของชัยชนะ ดังนั้นตอนที่ได้รับคำสั่งให้โจมตีเขตเจ้าเมืองคิโทล โทคิกับตนจึงรีบนำไพร่พลทหารม้าขั้นต่ำออกมาทันที ถ้าศัตรูโผล่ออกมาก็ปะทะ ถ้าไม่ออกมาก็บุกหมู่บ้าน ทำให้ศัตรูสับสน แล้วชิงเสบียงมา ก็เพียงแค่นั้น
ไม่คิดเลยว่าระหว่างที่ทางนี้เคลื่อนไหวไม่กี่วัน ศัตรูจะสร้างปราสาทขึ้นมาได้
“…เดิมที ปราสาทเนี่ยมันสร้างได้โดยใช้เวลาไม่ถึง10วันงั้นเหรอ…?”
เสนาธิการ นีลจ้องมองสิ่งนั้นที่อยู่ตรงปลายถนน
กำแพงนั้นบางแบบที่โทคิพูด ฐานดินก็ไม่ได้สร้างด้วยซ้ำ เพียงแค่เอากำแพงหินมาตั้งบนพื้น ก็เลยสั่นไปมา ที่มันยังไม่ล้มนี่คือน่าแปลกด้วยซ้ำ
หอคอยที่อยู่ตรงกลางก็ไม่มั่นคงสักนิด จะล้มลงมาตอนนี้ก็ไม่แปลกอะไร
กำแพงก็บางเกินไป ข้างบนนั่นพลธนูจะขึ้นไปยืนได้จริงเหรอ
แต่ถึงอย่างนั้น ปราสาทก็คือปราสาท ข้างในต้องมีทหารอยู่แน่ๆ
“เสนาธิการ นีลเอ๋ย ความเห็นของนายล่ะ?”
“ควรปล่อยที่นี่ไว้ก่อน แล้วไปรวมกับทัพหลักเถอะขอรับ”
“…ชิ”
“เข้าใจว่าไม่พอใจขอรับ ด้วยฝีมือของคุณการทำลายปราสาทแบบนั้นก็คงจะเป็นเรื่องง่าย แต่ว่า ยังไงมันก็น่าสงสัย ยังไม่รู้ด้วยว่าใครเป็นคนที่เตรียมปราสาทแบบนั้น”
“………”
“เดิมทีที่นำแค่ทหารม้าออกมา ก็เพราะเป็นศึกระยะสั้นขอรับ การจะใช้ทหารม้าบุกปราสาทมันเป็นไปไม่ได้หรอกขอรับ ถึงถ้าศัตรูออกมาเองมันจะเป็นอีกเรื่อง…”
ตึ้งง
มีเสียงดังขึ้น
ตึ้งตึ้ง ตึ้งตึ้งตึ้งตึ้งง
ประตูปราสาทเปิดออก มีศัตรูออกมา
““………หา!?””
ขุนศึกโทคิ โฮเซกับเสนาธิการ นีลส่งเสียงออกมา
เข้าใจไม่ได้ ออกมาในสถานการณ์แบบนี้?
แค่ตั้งหลักก็พอแล้วแท้ๆ ถ้าจะบุกออกมา แล้วจะมีปราสาทไว้เพื่ออะไร?
ทัพเจ้าเมืองคิโทลตั้งแถวอยู่ข้างหน้าปราสาท(ชั่วคราว)
แนวหน้ามีทหารม้าหนึ่งคน
สวมเกราะทั้งตัว เพราะว่าใบหน้าปิดด้วยเกราะและหมวกเกราะคาบูโตะจึงไม่เห็นหน้า
ที่ขี่อยู่คือม้าสีดำขนาดใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่าม้าเหงื่อโลหิตของโทคิ โฮเซ
“การที่ปิดใบหน้า แสดงว่าเป็น[ขุนศึกรูปงามฮิลก้า]ในข่าวลือสินะขอรับ”
เสนาธิการ นีลกระซิบให้โทคิ โฮเซฟัง
สำหรับผู้หญิงแล้วดูจะตัวใหญ่ไป แต่คงจะเป็นเพราะสวมเกราะล่ะมั้ง
ที่หมวกคาบูโตะมีเขากับพู่ติดอยู่ ที่โล่มีสัญลักษณ์มังกร ตามข่าวลือที่ได้ยินมา เป็นของขุนศึก ฮิลก้าไม่ผิดแน่ เป็นของที่ทำให้เห็นตัวเองใหญ่ขึ้นในยามต่อสู้ บางที ที่สวมเกราะก็คงจะเพื่อการนั้น ที่หลังเอง ก็สวมผ้าคลุมผืนใหญ่ขนาดที่สามารถปิดตัวม้าทั้งตัวได้ด้วย
ข้างหลังของขุนศึกรูปงาม ฮิลก้าก็คือพวกทหารราบ
เป็นเหล่าทหารประจำการที่สวมเกราะ จำนวน200…ไม่สิ 150นายสินะ
เสนาธิการ นีลถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ
ที่รีบออกมาก็ไม่ได้ผิดพลาดอะไรหรอก ศัตรูน่ะไม่สามารถรวบรวมทหารได้
อัลโกส คิโทลผู้เป็นเจ้าเมืองก็หายตัวไป คนที่ปกป้องเขตก็เหลือแค่เรเนส คิโทลกับซิลเวียร์ คิโทลที่ว่ากันว่าไม่ถูกกัน2คนเท่านั้นมันก็ช่วยไม่ได้
ถ้าอย่างนั้นไอ้ปราสาทปลอมๆนั่น แค่ทำเป็นฉากไว้สินะ
สร้างขึ้นมา แต่ทหารแค่150นายก็ป้องกันมันไว้ไม่ได้หรอก
ดังนั้นสุดท้ายก็เลยมีแต่ต้องออกมาปะทะสินะ
“ท่านขุนศึก ยึดปราสาทนั่นแล้วทำเป็นฐานกันเถอะขอรับ”
เสนาธิการ นีลบอกขุนศึก โฮเซ
“ถ้าอีกฝ่ายออกมาเองเรื่องมันง่ายๆขอรับ บุกเข้าประชิด ตอนที่ฝ่ายนั้นล่าถอยก็เข้าไปยึดในปราสาทขอรับ ถ้าทำแบบนั้นมันก็จะกลายเป็นของเรา จากนั้นก็รอทัพหลัง ใช้เป็นฐานในการบุกเขตเจ้าเมืองคิโทลกันเถอะขอรับ”
“เข้าใจแล้ว แต่ว่า อย่างยุ่งกับขุนศึก ฮิลก้านั่นเชียวนะ”
ขุนศึก โทคิ โฮเซ กำหอกแล้วออกไปด้านหน้า
“คนที่ได้ยินว่าขุนศึกรูปงามแล้วไม่รู้สึกใจเต้นน่ะไม่มีอยู่หรอก อยากจะลองดูสักครั้งจังเลยน้าา การพิชิตผู้หญิงที่ทำท่าเหนือกว่าผู้ชาย แล้วทำให้กลายเป็นลูกน้องเนี่ย เข้าใจนะ อย่ายุ่งเชียวนะว้อย”
ฟึ้ม โทคิ โฮเซสะบัดหอก
การขยับเบาๆที่เป็นการอุ่นเครื่องยังไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ว่า แค่นั้นก็ทำให้พื้นดินแหว่งออกไปได้
ถึงจะพูดเอาเอง แต่ก็สมกับเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งที่สุด ทำเอาเสนาธิการ นีลถอนหายใจออกมา
“ต้องขออภัยแต่ขอพูดหน่อยขอรับ จะจัดการกับขุนศึก ฮิลก้า ก็อยากจะให้เอาไว้หลังจากยึดปราสาทได้ขอรับ”
“…อะไรนะ?”
“ก่อนอื่นก็ต้องทำคำสั่งของท่าน[สิบปราชญ์]ให้สำเร็จ นี่คือคำสั่งของท่านซักกัสที่เป็นคนคุ้มครองคุณขอรับ ถึงจะมีตำแหน่งขุนศึก คุณก็เป็นแค่คนที่เข้ามาใหม่ขอรับ รักษาตำแหน่งของตัวเองให้ดีจะดีกว่าหรือเปล่า”
“……เข้าใจแล้วน่า”
โทคิ โฮเซสบถออกมา
“หยุดพูดอะไรน่าคำราญได้แล้ว งานน่ะเดี๋ยวจัดให้อยู่แล้ว”
“ถ้าเข้าใจก็รู้สึกยินดี–”
“ขอประกาศให้เหล่าผู้ที่มาบุกรุกบ้านเกิดเมืองนอนของเรา!”
ตอนที่เสนาธิการ นีลลูบอกเบาใจ–ก็มีเสียงดังขึ้น
เสียงของผู้หญิง–เป็นของขุนศึกรูปงาม ฮิลก้าที่ขี่ม้าดำอยู่
“จะขอมอบความเมตตาให้ จงรีบวางอาวุธ แล้วกลับประเทศไปเสียเถิด ตระกูลเจ้าเมืองคิโทลของเรา ไม่ปรารถนาที่จะมีการหลั่งเลือดโดยไม่เกิดประโยชน์ ถ้าไม่อยากจะกลายเป็นขี่เถ้าที่กระจายไปทั่วชายแดน ก็รีบกลับไปซะจะดีกว่า”
“…หา ก็แค่คำยั่วยุโง่ๆ”
“โดยเฉพาะคนที่ประกาศตนว่าเป็น[พลังเต็ม100] เจ้ามันก็แค่คนที่คำนวนเลขไม่เป็นเท่านั้นล่ะ!!”
“………หา?”
ขุนศึก โทคิ โฮเซอ้าปากค้าง
“บนโลกใบนี้ยังมีพลังที่เจ้าไม่รู้จักอยู่ ทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องนั้น แต่ก็ยังใช้ชื่อว่า[พลังเต็ม100]ช่างน่าขันจริงๆ! บางทีอาจจะคำนวนผิดก็ได้ หรือตัวเลขมันเยอะเกินไปก็จนตัวเองก็ไม่เข้าใจ!!
แต่แน่นอนว่า [พลังเต็ม100]มันก็คือคำที่บอกถึงขีดจำกัดของตัวเจ้า–หรือก็คือพลังของเจ้าในตอนนี้ก็คือ100% ไม่สามารถพัฒนาให้มากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่ถ้าจะบอกว่าหมายถึงว่าตัวเองทุ่มเต็มที่มันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่สิ ไม่ผิดสินะ ถ้าไม่เช่นนั้นคงไม่อาจประกาศว่าตัวเองเป็น[พลังเต็ม100]ได้โดยไม่อายหรอก แหม ทำเอากลัวเลยนะเนี่ย!”
“……”
“ทะ ท่านขุนศึก!? คำยั่วยุขอรับ นั่นก็แค่คำยั่วยุโง่ๆขอรับ!!”
“ขอทวนอีกรอบ โลกใบนี้ยังมีพลังที่เจ้ายังไม่รู้จักอยู่ สำหรับคนไร้ความสามารถที่ทำได้แค่ภูมิใจในพลังของตัวเองเทียบกับขี้เท้าของ[ศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดาบนสรวงสวรรค์ชั้นที่8]–ไม่สิ ราชาผู้พิชิตผู้ยิ่งใหญ่ไม่ได้เสียด้วยซ้ำ! เอาล่ะ รับรู้ขีดจำกัดของตัวเองแล้วรีบกลับไปซะจะดีกว่า!”
“……กึก กึ๊กกึ๊ก”
“ท่านขุนศึก! ขอร้องล่ะได้โปรดใจเย็นด้วยขอรับ ไม่จำเป็นต้องไปรับฟังคำพูดจาเลอะเทอะ–”
“เอาล่ะ ทางนั้นจะกลับก็รีบๆล่ะ [พลังเต็ม100]–ไม่สิ ผู้ที่ความสามารถตันทุกอย่างตั้งแต่วัยรุ่น! กลับไปนึกถึงความหมายที่ตัวเองอยู่ในโลกนี้อีกสักรอบ แล้วก็คิดความหมายของความสามารถตัวเองให้ดีๆ! ไม่เช่นนั้นนามที่สองของเจ้าอย่าง[พลังเต็ม100] มันก็เป็นได้แค่คนที่ความรู้ ความสามารถตันแล้วเท่านั้นล่ะ!!”
เป็นคำยั่วยุโง่ๆตามที่เสนาธิการนีลบอก
แต่ว่า–โทคิ โฮเซปล่อยมันผ่านไปไม่ได้
ศัตรูได้เปลี่ยนความหมายของ[พลังเต็ม100]จากแง่ดีไปแง่ลบอย่างสุดขั้วเป็น[คนที่ความสามารถถึงขีดจำกัด]หรือ[คนที่ถึงทางตัน]
โทคิ โฮเซนั้นใช้ชื่อว่า[พลังเต็ม100]มาตลอด
คนที่เปลี่ยนความหมายของมันเป็นคำดูถูก ไม่อาจจะให้อภัยได้
ต้องลบเจ้าคนสามหาวที่พูดออกมาเดี๋ยวนี้เพื่อไม่ให้ใครมาพูดแบบนั้นอีก–
“แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”
“ท่านขุนศึก!!”
ขุนศึก โทคิ โฮเซสะบัดมือของเสนาธิการออก แล้วถีบส่วนท้องของม้าเหงื่อโลหิตพุ่งออกไป
ดวงตาที่เลือดเดือดพล่านนั้น เห็นเพียงแค่ขุนศึกรูปงาม ฮิลก้าเท่านั้น
สิ่งที่อยู่ในหัวของโทคิ โฮเซมีเพียงการทำให้ขุนศึกหญิงถ่อยทำตัวใหญ่โตนั่นหมดสภาพและสำนึกเสียใจเท่านั้น
“ทะ ท่านขุนศึกอย่าบุกไปคนเดียวนะ! ทัพบุก!! พวกทหารราบกระจายออก!!”
“““โอ๊วววววววว!!”””
แล้วพวกทหารก็ออกวิ่งไล่ตามขุนศึก โทคิ โฮเซ