ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 59
Ch.59 – ราชาผู้พิชิต ยอมให้ศัตรูบุกเข้ามา
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
แกร๊งงงงง!!
หอกของโทคิ โฮเซปะทะเข้ากับดาบยาวของขุนศึกรูปงาม ฮิลก้าจนเกิดประกายไฟขึ้น
“–ชิ! ใช้ได้นี่หว่า…”
“ขอขอบพระคุณที่ชมเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่า ดาบของเจ้าก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้ชื่อราชาผู้พิชิตหรอกนะ!!”
“เลิกบ้าได้แล้ว! แต่ข้าก็ขอยอมรับในพลังของแก! นั่นสินะ…”
โทคิ โฮเซเหวี่ยงหอกลงจากด้านบน
“ถ้าข้า[พลังเต็ม100] แกก็น่าจะสักแถวๆ[พลัง75]ล่ะ ภูมิใจได้เลย!!”
“ฟุฟุ ดูเหมือนสายตาในการดูคนอื่นเองก็ไม่มีสินะคะ [พลังเต็ม100]–[ขุนศึกพลังตัน]!!”
“ยังจะพูดแบบนั้นอีกเหรอวะะะะะ!!”
กิ๊งงงงงง!!
ดาบของขุนศึกฮิลก้ารับหอกของโทคิ โฮเซอีกครั้ง แล้วก็ปล่อยไหลไป
ขุนศึกหนุ่ม โทคิ โฮเซ ที่ขี่อยู่บนม้าเหงื่อโลหิต
ขุนศึกรูปงาม ฮิลก้า ที่ควบม้าดำ
พวกทหารเฝ้าดูการต่อสู้ของทั้ง2คนอย่างพูดอะไรไม่ออก
ราวกับ ทรชนกับวีรชน
นี่จะกลายเป็นวีรกรรมการดวลหนึ่งหนึ่งที่จะเป็นที่กล่าวขานของกลียุค–
(มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไงเล่าาาา!?)
ผมบ่นออกมาอย่างไม่มีเสียง
ผม–แน่นอนว่าเป็นโชมะ คิริว
ตอนนี้กำลังปลอมตัวเป็นขุนศึกรูปงามฮิลก้าปะทะกับขุนศึกศัตรู
ถึงจะเป็นแผน แต่การรับการโจมตีของ[พลังเต็ม100]ก็ค่อนข้างยากมาก
เพราะว่าใช้[ปลุกเผ่ามังกร]ก็เลยพอจะตามการเคลื่อนไหวทันอยู่ กำลังก็ไม่ได้แพ้กันมากนัก
แถมข้างหลังของผมยังมีซัพพอร์ตที่ทำหน้าที่อ่านการเคลื่อนไหวของโทคิ โฮเซล่วงหน้า
ในตอนนี้ก็เลยพอจะทำอะไรได้
ที่ผมปลอมเป็นขุนศึกฮิลก้า ก็เป็นหนึ่งในแผนการณ์
ก่อนเริ่มการต่อสู้ก็ได้ขอร้องคุณฮิลก้า ยืมชุดเกราะที่เหลือมา สวมหมวกเกราะคาบูโตะที่มีเขากับพู่แบบเดียวกับเธอ แล้วก็ยืมโล่ที่มีสัญลักษณ์มังกรมาด้วย
จากนั้นก็ปิดหน้าควบม้าดำ[ซังคูโคคุโย] ออกไปอยู่แถวหน้าของทัพ
ขุนศึกฮิลก้าตัวจริงนั้นก็อยู่ในปราสาทคอยสั่งการทหารราบอยู่ เพราะถ้ามีแค่ยูกิโนะกับพริม ก็คงจะใช้งานพวกทหารประจำการไม่ได้คล่อง
“… แต่ว่าแข็งแกร่งจริงนะเนี่ย [พลังเต็ม100]”
ขนาดผมใช้[ปลุกเผ่ามังกร] หมอนั่นก็ยังเคลื่อนไหวช้ากว่าแค่นิดหน่อย
แต่พลังเพียวๆทางนั้นเหนือกว่า
“–ท่านพี่โชมะ การโจมตีจะมาจากทางซ้ายค่ะ ต่อจากนั้นก็จะฟาดลงมาจากด้านบน เกิดเป็นช่องว่างด้านหลังค่ะ”
มีเสียงมาจากด้านหลังของผม–ที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุม
ผมพยักหน้าเบา ๆตอบไป
ถึงจะปลอมตัวเป็นขุนศึก ฮิลก้า แต่ยังไงก็ปลอมเสียงไม่ได้
ดังนั้นก็เลยให้ริเซ็ตขี่[ซังคูโคคุโย]อยู่ด้านหลังแล้วซ่อนด้วยผ้าคลุม
แล้วก็ขอยืมประสบการณ์ในการต่อสู้ด้วยเลย
ขุนศึกของศัตรู โทคิ โฮเซ จากที่เห็นก็น่าจะประมาณนักเรียนมันธยมปลาย กำลังโกรธจัดและเดือดดานสุดๆ
ทางนี้ใช้ดาบยาว[โคตรแข็ง]รับดาบจากทางซ้าย การอ่านทางของเสียงด้านหลัง–ริเซ็ตถูกต้อง การโจมตีต่อมาคือการฟาดลงมาจากด้านบน แถม หอกนั่นยังลุกไหม้ เคลือบพลังเวทที่ปลายหอกแล้วปล่อยไฟออกมา อย่างนี้นี่เอง สมกับเป็น[พลังเต็ม100] ไม่ได้แค่เหวี่ยงหอกเฉยๆสินะ
(–ฝากด้วยนะ ริเซ็ต)
“รับทราบค่ะ จะใช้ชื่อที่ท่านพี่มอบให้ค่ะ”
ริเซ็ตที่อยู่ด้านหลังผมสูดลมหายใจ
(เปิดใช้งาน–[ไร้กฎล้างคำสาป(理絶途=流呪 ริเซ็ต รูจ)]!!)
ริเซ็ตกำคทาเล็กๆ ปัดเปลวเพลิงของโทคิ โฮเซ…
พร้อมกันนั้นผมก็ใช้[ปลุกเผ่ายักษา] เปิดใช้งาน[Orge Force(พลังยักษ์) drei(3เท่า)]
จากนั้น–
ริเซ็ตก็ใช้คทาเล็กๆลบเปลวเพลิงหายไป
ดาบยาวของผมก็สะท้อนหอกของโทคิ โฮเซกลับไป
“บะ บ้าน่าาาาาา!!”
ตึ้ง!
ขุนศึก โทคิ โฮเซ ถอยไปด้านหลังทั้งม้า
จากนั้นกดแขนที่กำลังสั่นแล้วกำดาบให้แน่นขึ้น
โชคดีที่ถูกเปลวเพิงบังเลยไม่เห็นการเคลื่อนไหวของริเซ็ต
ชื่อ[ไร้กฎล้างคำสาป(理絶途=流呪 ริเซ็ต รูจ)]ของริเซ็ตที่ได้มาจากการที่ผมใช้[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)] สามารถลบล้างเวทมนตร์หรือผลลัพธ์ที่เกิดจากสิ่งที่เกี่ยวข้องได้
แน่นอนว่า ยกเว้นความสามารถของตัวผมที่เป็นคนมอบพลังนั้นให้
ถ้าลบเปลวเพลิงไปได้ก็ไม่มีปัญหา ผมก็สามารถปะทะกับหอกของหมอนั่นด้วย[พลังยักษ์]ของ[ปลุกเผ่ายักษา]ได้
โทคิ โฮเซบอกว่าผมมี[พลัง75]
ดังนั้นก็เลยเพิ่มเลขง่ายๆด้วย[พลังยักษ์ 3เท่า]
ถ้าเพิ่ม75เป็น3เท่าก็จะเป็น225 ถึงอาจจะไม่เป๊ะ แต่[พลัง225]ก็เหนือกว่า[พลังเต็ม100] บางทีนะ
“อึก…แก ทำไม แก ข้าคนนี้ ข้าผู้นี้!!”
“ว้ายพลังเต็ม100 สู้ไม่ได้เลยยย”
ขวับ
ผมดึงบังเหียนของม้าดำ[ซังคูโคคุโย]ให้พร้อมกับเสียงของริเซ็ต
แล้วก็–
กุ๊บกั๊บกุ๊บกั๊บ!
พวกเราหันหลังให้โทคิ โฮเซแล้ววิ่งหนีไป
“เฮ้ย…อะไรของแกวะ อย่ามาล้อเล่นนะโว้ย หยุดเลยนะเว้ยยยยยยยย!!”
“ตามมาแล้วค่ะ ท่านพี่โชมะ”
“เยี่ยม เป็นไปตามแผน”
เป้าหมายของพวกเราก็คือแยก[พลังเต็ม100]ออกจากทหารคนอื่น
ถ้าปล่อยให้หมอนี่เข้าไปในปราสาทคงจะหยุด…ได้อยู่หรอก แต่ลดตัวแปรที่ไม่แน่นอนออกไปจะดีกว่า
นี่ต้องขอบคุณพริมเลยนะเนี่ย
เธออยู่ที่เมืองหลวง แล้วก็ค้นหาข้อมูลของ[สิบปราชญ์]กับลูกน้อง
ดังนั้นก็เลยรู้นิสัยกับความแข็งแกร่งของขุนศึก โทคิ โฮเซ ว่าบ้าผู้หญิงนมโต
ดังนั้นถ้าเอาขุนศึกหญิงรูปงามออกไป ก็ติดกับแน่นอน
“ทหารม้าตรงไปที่ปราสาทแล้วค่ะ คุณยูกิโนะ กับคุณพริมจะเปนอะไรไหมคะ”
“ถ้าทำตามที่ฝึกก็ไม่เป็นอะไรหรอก ถ้ามีอะไรคับขัน ก็บอกไปแล้วว่าให้หนีไปเลย”
พวกรั้วของผม ให้ความสำคัญกับชีวิตของพรรคพวกเป็นอันดับหนึ่ง
แถมขุนศึกฮิลก้ากับพวกทหารประจำการก็อยู่ด้วย คงไม่เป็นไรหรอก
“จุดอ่อนของศัตรูก็คือการที่ไม่มีนักเวท ถ้ามี คงจะลำบากกว่านี้เยอะ”
“ก็มาแค่ทหารมานี่นะคะ…”
–แต่ ทางนี้ก็จะประมาทไม่ได้
ข้างหลังมีขุนศึก โทคิ โฮเซตามมาอยู่ พร้อมกับปล่อยลูกเพลิงมาด้วย เดือดเต็มที่เลยแฮะ หมอนั่น
“ริเซ็ต ฝากด้วยล่ะ”
“ค่ะ ท่านพี่โชมะ”
ริเซ็ตหันไปด้านหลังจากในผ้าคลุมของผม แล้วก็พูดคำท้าตามที่ผมบอกไป
“คิกคิกคิก คิกคิก อุ๊บ คิกคิกคิกคิก!!”
“แกกกกกกกกกกกกกก!!”
แล้วก็ตามมาต่อ
ผมกับริเซ็ตก็ควบ[ซังคูโคคุโย]มุ่งไปยังจุดที่เล็งไว้ต่อไป
──ระหว่างนั้น ที่ปราสาทกลางถนนหลวง──
“ท่ะ ท่านฮิลก้าหนีไปแล้ว~”
“สะ สู้ไม่ได้เลย~ ทุกคน หนีกลับปราสาทกันเถอะ~”
“…ไม่ดีแล้ว แบบนี้”
พวกทหารราบไม่ได้ทำอะไรเลย
ออกจากปราสาทมาก็ดูการต่อปะทะกันของโชมะกับขุนศึก โทคิ โฮเซเฉยๆ จากนั้นก็กลับปราสาทในจังหวะที่ทหารม้าของสัตรูเคลื่อนไหว งานของพวกเรามีแค่นั้น
“ทุกคนเร็วเข้า~!”
“รีบเข้าไปเร็วเข้า! ถ้าทหารม้าเข้ามาในปราสาทได้ เป็นเรื่องใหญ่แน่!”
“ชะ ใช่แล้ว! เข้าใจกันนะ ห้ามให้ทหารม้าเข้ามาในปราสาท เด็ดขาด! เด็ดขาดเลยนะ!!”
[เฮ!!]
พวกทหารราบที่ออกมาข้างนอก รีบหนีกลับเข้าไปข้างในปราสาท
พวกทหารม้ายังอยู่ห่างอีกไกล แต่ว่า อีกฝั่งก็พยายามเต็มที่
พวกทหารม้าศัตรูที่นำโดยเสนาธิการนีลไล่ตามทหารราบ ตรงเข้าไปตรงปราสาท
“กว่าประตูจะปิดยังมีเวลาอยู่ ในระหว่างนั้นก็พุ่งเข้าไปเลย!! อย่าให้ประตูปิดได้เด็ดขาด!! จนกว่าท่านขุนศึกจะกลับมา ก็ยึดปราสาทของศัตรูเป็นฐานให้ได้ซะ!!”
“““““รับทราบ!!”””””
ทหารม้าศัตรูตามพวกทหารราบไม่ทัน
แต่ว่า ประตูปราสาทยังไม่ปิด เพราะเป็นปราสาทสำเร็จรูป ประตูเอง ก็เป็นแค่แผ่นไม้มาแปะ แค่ตอนเปิดก็เหนื่อยแล้ว ตอนปิดก็ยังปิดได้ช้าแถมยังส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดไปมา พวกทหารราบที่เข้าไปในปราสาทกำลังหวาดกลัวทหารม้าที่ไล่ตามมา เสียงฝีเท้าของม้าที่ทำให้พื้นดินสั่นไหว เสียงคำรามอันดังก้องของพวกทหารม้า เพราะว่าหวาดกลัวทหารราบเลยทิ้งประตูไว้ แล้วเข้าไปในปราสาท
“ตอนนี้ล่ะ! ทุกนายบุก!!”
““““โอ้ววววววววววววว!!!””””
“ฮ่าฮ่า! เป็นหนูจนตรอกแล้วสินะ!! ทหารของเจ้าเมืองคิโทล!!”
“อุหวาา~ ทหารม้าบุกมาแล้ว~”
“ทามยางงายดี~”
[เฮ!]
“บุกเข้าไปบุกเข้าไป! อย่าหย่อนความเร็วของม้าลงเด็ดขาด! ก่อนที่ท่านขุนศึกจะกลับมาปราสาทนี้–หืม?”
“เอาล่ะ ทุกคนก็เคลื่อนที่ไปข้างๆด้วยค่ะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้นะคะ ใจเย็นๆ”
“…ทำตามที่ลูกน้องของ[ราชาแห่งชายแดน]บอกจะดีกว่าล่ะมั้งเนี่ย?”
[[[[เฮเฮเฮเฮ!]]]]
““เยี่ยม จับได้แล้วค่ะ!!””
““““……นั่นน่ะสินะขอรับ””””
[[[[[เฮ เฮเฮเฮเฮเฮ!!]]]]]
จากนั้น สิ่งที่หน่วยทหารม้าลูกน้องของ[สิบปราชญ์]ที่บุกเข้าไปในปราสาทได้เห็นก็คือ–
สภาพของตัวเองที่ถูกขังโดยไม่รู้ตัว–
โดยรั้วหินหลายร้อยแผ่นที่ล้อมพวกตนอย่างเป็นธรรมชาติราวกับมีชีวิตอยู่
“““““………เอ๊ะ”””””
ทหารม้าหยุดไม่อยู่
ไม่สามารถเคลื่อนตัวหนีไปด้านข้างเหมือนทหารราบได้
พวกเขาไม่สามารถไล่ตามทหารราบของศัตรูที่มีกำแพงที่ขยับได้ตามใจชอบป้องกันอยู่ได้
ปัญหาของพวกเขาก็คือ การที่มาที่นี่โดยมีแค่ทหารม้า
[พลังเต็ม100]ที่มีพลังโจมตีมากที่สุดก็ถูกแยกออกมา
แล้วอีกอย่างหนึ่ง
การที่มีสามัญสำนึกว่า[ปราสาทไม่สามารถเคลื่อนที่ด้วยตัวเองได้]
“““““(…พูดไม่ออก)”””””
ผลลัพธ์สุดท้ายก็คือปราสาทก็กลายเป็นคุกที่ขังพวกเขา–
ทัพหน้าของกองทัพที่[สิบปราชญ์]ส่งมา ทุกนายก็กลายเป็นนักโทษในปราสาทโดยที่ยังไม่ได้ปะทะดาบเลยสักนิดด้วยประการฉะนี้