ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 63
Ch.63 – ราชาผู้พิชิต เปิดเผยตัวจริง
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
หลังจบการต่อสู้ พวกเราก็พาโทคิ โฮเซกลับไปที่ปราสาท
ต่อจากนี้โทคิ โฮเซจะถูกส่งไปขังคุกในปราสาท อย่างน้อยก็คงจะได้อยู่ไปจนกว่าพวกองค์หญิงซิลเวียร์จะจัดการกับปัญหากับ[สิบปราชญ์]ได้
งานของผม ริเซ็ต ยูกิโนะ แล้วก็พริมก็มีถึงเท่านี้
แต่ว่า ก่อนที่จะกลับชายแดน ผมก็มาถามเรื่องราวเกี่ยวกับผู้กลับมาเกิดใหม่จากโทคิ โฮเซ
ในตอนแรกหมอนั่น ก็ไม่ยอมตอบคำถามของผมหรอก
แต่ว่า พอชิงจี้มา ก็ร้อนรนทันที–
“เดี๋ยวก่อน! มาเจรจากันเถอะ! จะ จะให้ยืมพลังของข้าก็ได้ ดังนั้นเอามันคืนมาเถอะ!”
“เมื่อกี้ยังจะทำลายด้วยตัวเองอยู่เลยไม่ใช่เหรอไง?”
“…อึ๊กกึ๊กกุ”
ที่นี่คือห้องเล็กที่อยู่ภายในปราสาท
ใช้สำหรับการขังอาชญากร
โทคิ โฮเซถูกมัดมือไขว้หลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ เพื่อป้องกันไว้จึงได้ให้ยูกิโนะทำการแช่แข็งมือของหมอนั่นติดกับเก้าอี้
แล้วตอนนี้ที่อยู่ในห้องนี้มีแค่ผมกับยูกิโนะ2คน
ด้านนอกห้องมีขุนศึกฮิลก้าอยู่ เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
“ขอสรุปสั้นๆเลยละกัน ถ้านายทำลายเจ้านี้ก็จะได้กลับไปเกิดใหม่ที่โลกเดิม แต่ว่า พอถูกชิงไปแล้วกลับร้อนรน ทำไมกันล่ะ?”
“…ใครจะบอกวะ”
“ถ้าไม่มีเจ้านี่จะใช้พลังไม่ได้…ไม่ใช่แบบนั้นสินะ แสดงว่าเจ้านี่เป็นไอเทมที่เกี่ยวกับการเกิดใหม่ และสามารถบันทึก[ผลงาน]ได้…งั้นเหรอ”
“…ข้าเองก็เป็นวีรบุรุษที่ถูกเทพธิดาเลือกมา ไม่ยอมพูดความลับง่ายๆหรอกว้อย”
“รู้แล้วน่า ความรู้สึกนั้นเข้าใจดีเลยล่ะ”
“…งั้นเหรอ?”
“อา จากที่ดูจากท่าทีของแกแล้ว จี้นี้คงเป็นไอเทมที่เชื่อมแกกับเทพธิดาเข้าด้วยกัน หรือก็คือ Log Generator(กุญแจ) ที่ทำการแลกเปลี่ยน Anima(ข้อมูลชีวิต) ที่ Connecting(เชื่อมโยง) ตัวแกเข้ากับตัวตนชั้นสูง หรือไม่ก็ [Akashic records(สื่อกลางบันทึกจักรวาล)] ถ้าให้เทียบกับข้าในอดีตก็เหมือนกับ Cherubim Sign(สัญลักษณ์) ที่อยู่ใต้ผ้าพันแผลที่แขนขวา ตอนที่เสียมันไป ข้าก็ได้สูญเสียตัวตนอันเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเทพธิดา กลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาแค่กแค่กแค่ก!!”
อันตราย
เพราะเข้าโหมด[ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]นานเกินไป ก็เลยเกือบจะกลับไปเป็นจูนิเบียว
ก่อนที่จะคลั่ง…รีบจบดีกว่า
“ถ้าเสียชีวิตตอนที่ถูกชิงจี้นี่ แกจะเป็นยังไงกันนะ?”
“…เอาคืนมาเถอะน่า”
โทคิ โฮเซจ้องมาที่ผม
“ตอนนี้ ถ้าข้าตายก็ตายจริงเลยนะว้อย!”
“…ก็พอจะเดาได้อยู่หรอก”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะว้อย ถ้าไม่มีหลักฐานการเกิดใหม่จะต่อสู้ในต่างโลกได้ยังไงกันเล่า…”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ”
ผมกับยูกิโนะเอง ไม่มีของพรรค์นั้นก็อยู่ได้นะ ริเซ็ตกับฮารุกะเองก็เหมือนกัน
ถ้าจะบอกว่าตัวเองไร้เทียมทาน มาร้อนรนเอาตอนนี้มันก็แปลกไม่ใช่เหรอไง
“……ข้าคือวีรบุรุษที่ถูกเลือกโดยเทพธิดา มาเพื่อกอบกู้ยุคมืดนี้…”
หลังจากพูดแบบนั้น โทคิ โฮเซก็ค่อยๆพูดเรื่องเกี่ยวกับระบบการเกิดใหม่ออกมาทีละน้อย
จี้ก็คือตัวกลางที่จะบันทึก[ผลงาน]ว่าทำไปเท่าไหร่ในการกอบกู้ยุคมืด โดยจะมีรูปร่างเป็นแบบต่างๆดังนั้นก็เลยไม่สามารถรู้ได้ว่าผู้กลับมาเกิดคนอื่นจะมีคริสตัลในรูปแบบไหน
ถ้าจี้ถูกทำลาย ผู้กลับมาเกิดใหม่ก็จะไม่สามารถมีตัวตนอยู่ได้ในโลกนี้และหายไป
หลังจากหายไปจะกลับไปหาเทพธิดา หลังจากนั้นก็ถูกบอกมาว่าจะส่งกลับไปที่โลกเดิม(1ปีก่อน)
จี้นั้นเป็นของที่เหมือนกับมาร์กเกอร์ให้เทพธิดาหาหมอนี่เจอ และ๔ุฏบอกมาอีกว่าถ้าเกิดตายตอนที่ไม่มีมันก็จะไม่มีหลักฐานว่าเป็นผูู้ที่เกิดใหม่
สุดท้ายก็พูดปิดว่า คืนจี้มาได้แล้วไอ้เ-ี้ย
ก็ ส่วนใหญ่ก็ตรงตามที่คาด
“ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ที่มาเกิดมาก็ประมาณนี้สินะ”
ที่เหลือเป็นปัญหาเรื่องการเจรจาและแลกเปลี่ยนกับระหว่างตระกูลเจ้าเมืองคิโทลกับ[สิบปราชญ์] คุณเจ้าเมือง ก็ดูเหมือนจะยังหาตัวไม่เจอ
ข้อมูลจากพวกโทคิ โฮเซนั้นสามารถใช้เป็นวัตถุดิบในการต่อรองกับ[สิบปราชญ์]
ส่วนจี้สำหรับผู้เกิดใหม่ ก็ส่งให้คุณขุนศึกฮิลก้าละกัน
ถ้ารวบรวมข้อมูลเสร็จแล้วก็ถามความต้องการของโทคิ โฮเซ แล้วมาคิดว่าจะทำลายทิ้ง หรือให้เก็บไว้ดี
“ทางนี้คุยจบแล้ว คุณขุนศึกฮิลก้า”
ผมส่งเสียงไปตรงทางเข้า
คุณฮิลก้าผมทองส่งเสียงกลับมาว่า“ค ค่ะ”แล้วโผล่หน้าออกมา
“ออกจะกะทันหันไปหน่อย แต่มีผ้าพันแผลบ้านไหม? ผ้าสะอาดๆที่ใช้มัดแผลน่ะ”
“แน่นอนว่ามีค่ะ เป็นของใช้พื้นฐานของนักรบเลยนี่นา”
พูดแบบนั้นแล้วคุณฮิลก้าก็หยิบผ้าบางยาวๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ผ้าพันแผลผ้าฝ้ายค่ะ ถึงจะเป็นของถูกๆ แต่ถ้าแค่เอาไว้พันแผลก็ได้อยู่”
“ขอบคุณ งั้น ฝากดูหมอนี่หน่อยสิ แล้วก็ เจ้านี่ด้วย”
ผมส่งจี้ให้คุณฮิลก้า แล้วออกไปจากกระท่อม
ดูว่าไม่มีคน แล้วก็ใช้งานสกิล[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]
สิ่งที่จำเป็นก็คือ พลังที่จะผนึกความสามารถของโทคิ โฮเซ
ถ้าทำการ[Enchant(เสริมแกร่ง)][ผ้าพันแผลผ้าฝ้าย]นี่เข้าไป–
“…[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]–[ผ้าพันแผลผ้าฝ้าย木綿の包帯(もめんのほうたい โมะเมนโนะโฮไต)]จงแสดง[ผนึกผ้ามลายสูญ喪綿の封帯(もめんのほうたい โมะเมนโนะโฮไต)]ออกมา จะรับชื่อจากราชาไปซะ”
ผ้าพันแผลในมือของผมเปล่งแสงออกมา
สำเร็จ
จากนั้นก็กลับไปหาโทคิ โฮเซแล้วเอาผ้าพันแผลนี่พันที่แขนของหมอนั่น–
เพราะติดโซ่ก็เลยพันยาก
เอาเถอะเพราะทำการ[เสริมแกร่ง]ไปแล้ว จะพันที่ข้อมือก็ไม่เป็นไรหรอก
“ดูซะ…เดี๋ยวจะหนีออกไปให่ดู…”
โทคิ โฮเซมองข้ามไหล่มาที่ผมแล้วหัวเราะออกมา
มือของหมอนั่นขยับไปมาในน้ำแข็งที่ยูกิโนะสร้างขึ้น ในน้ำแข็ง ก็ยังจะพอขยับได้เหรอเนี่ย
ถ้าอย่างนั้น ก็พัน[ผนึกผ้ามลายสูญ]เผื่อเอาไว้ก่อนละกัน
“ตอนที่พบกับครั้งหน้าจะเป็นจุดจบของแก กะมีแค่ของพรรค์นี้พลังของข้า–เอะ เอ๊ะ!?”
กึ๊ก กำลังหายไปจากแขนของโทคิ โฮเซ
“ทำไมกัน!? นะ หนาว! ทั้งๆที่จนถึงเมื่อกี้ตัวยังอุ่นอยู่เลยแท้ๆ–แก ทำอะไร อะไร…แก เป็นตัวอะไรกันแน่ ข้า…ขยับแขนขาไม่ได้…ทำไมเป็นแบบนี้…”
“การผนึกความสามารถเป็นพื้นฐานในการสู้กับพวกมีพลังพิเศษนะ?”
ผมใช้[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]เปลี่ยน[ผ้าพันแผลผ้าฝ้าย]เป็น[ผนึกผ้ามลายสูญ]
[มลายสูญ]หมายถึง[สูญหาย หายไป]
ความหมายของ[ผนึก]ก็เป็น[การผนึก][ปิด]ตามตัวอักษร
ดังนั้น ผ้านี่จึงกลายเป็น[ผนึกผ้า ที่ทำให้หายไป]
แน่นอนว่าได้รับการ[เสริมแกร่ง]เข้าไป แถมยังมีการ[ผนึก] จึงไม่สามารถแกะได้ง่ายๆ
ในช่วงที่หมอนี่อยู่ใน[เขตแดน] ผลของการผนึกความสามารถก็จะอยู่ไปตลอด
“…ระ รอก่อนสิ แล้วข้า…จะเป็นยังไงต่อล่ะ?”
“เรื่องนั้น ก็ให้คนของโลกนี้ตัดสินใจเอา”
ผมพูดออกไป
“เพียงแต่ ถ้าเจรจากับ[สิบปราชญ์]ได้ จะมาคุยถามถึงความต้องการของนายอีกที ถ้าอยากจะกลับโลกเดิม จะทำลายจี้ไปก็ได้ แต่ถ้าอยากจะอยู่ที่โลกนี้…ไว้ตอนนั้น ค่อยมาคุยกัน”
“……ไม่มีทางชนะเลย”
โทคิ โฮเซน้ำลายไหลย้อย
“…การที่มาโจมตีที่ที่แกอยู่มันเป็นความผิดพลาด… [ราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์]–[คิริวโอ โชมะ]…”
บางทีนั่นอาจจะเป็นคำประกาศยอมแพ้ก็ได้
ถึงยูกิโนะจะปลดเวทน้ำแข็งไป โทคิ โฮเซก็ไม่คิดจะต่อต้านอะไรแล้ว
ทีเหลือก็เป็นงานของคนของโลกนี้
“เอาล่ะ กลับไปพักที่ที่พักกันเถอะ ยูกิโนะ”
“ค่ะ คุณโชมะ”
“ที่เหลือฝากด้วยล่ะ ขุนศึกฮิลก้า”
“……ต้องขอ…ขอบคุณจริงๆค่ะ”
ผมกับยูกิโนะออกมาจากกระท่อม ขุนศึกฮิลก้าออกมาถึงทางเข้าแล้วก้มหัวให้
“คิดว่าหลังจากนี้ องค์หญิงเรเนสกับองค์หญิงซิลเวียร์คงมอบรางวัลอย่างเป็นทางการให้ค่ะ สำหรับจุดยืนของฉันแล้ว แค่ในตอนนี้ก็เต็มที่แล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณจริงๆค่ะ”
“สำหรับข้าแล้ว ถ้านี่ทำให้รอบข้างสงบได้ ก็พอแล้วล่ะ”
แล้วก็อยากจะกลับไปปลด[โหมดราชาผู้พิชิต]สักที
วันนี้1วันก็จะพักที่ปราสาทแล้วเช้าพรุ่งนี้ก็จะกลับไปที่ชายแดน
“ไปกันเถอะ ยูกิโนะ”
“…ก่ะ”
ดูเหมือนยูกิโนะจะง่วง
การต่อสู้ในคราวนี้ พยายามอย่างหนักเลยนี่นะ คงจะเหนื่อยมาก
ที่[วังเทพอสูร・สมบูรณ์]ก็ตามมาด้วย วงเวทก็ร่วมกันเขียน
ตอนที่หยุดการเคลื่อนไหวของทหารม้าในปราสาทที่สร้างจาก[ทหารมีจิตใจ] ก็ใช้เวทน้ำแข็งขนาดใหญ่ไป
ที่หยุดโทคิ โฮเซได้ก็เป็นเพราะยูกิโนะ
อยากจะ…ตอบแทนอะไรสักอย่าง
ถ้ามีอะไรที่ผมทำได้…
“ยูกิโนะ”
“ค่ะ คุณโชมะ”
“จริงๆแล้ว[นายที่แท้จริง]ของยูกิโนะ…ตัวจริงของ[Organic Dragon King(ราชามังกรแห่งเกษตรอินทรีย์)]ก็คือ ผมเอง”
“เอ๊ะ อ๊ะ ค่ะ”
“……”
“……”
“…?”
“…อ๊ะ”
ยูกิโนะสะบัดผมสีฟ้าหันกลับมา
“เอ๋~เป็นแบบนี้เองเหรอคะเนี่ย ไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ ว่าคุณโชมะเป็นนายที่แท้จริง[ออกานิกดราก้อนคิง]ของฉัน”
“อาจจะเชื่อไม่ลงก็ได้”
“ค่าานึกไม่ถึงจริงๆค่าา อะไรกันเนี่ย”
“ตอนที่พบกันก็สมัยมัธยมต้น คงคิดไม่ถึงสินะว่าจะกลายเป็นตาลุงวัยสามสิบแล้ว แน่นอน ไม่ได้จะบอกให้เชื่อหรอก ไว้กลับไปก็ค่อยๆคุยกัน”
“จะเอายังไงดีนะค่าา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายที่แท้จริงของฉันจะอยู่ใกล้แบบนี้”
“…ยูกิโนะ”
“คะ”
“รู้ตั้งแต่ตอนไหน?”
“คุณโชมะเองก็เถอะ ทำไมมาพูดเอาป่านนี้ล่ะคะ?”
“ครั้งนี้ ยูกิโนะสู้อย่างหนักเลยนี่นา ทำถึงขนาดนั้นแล้ว จะให้ทางนี้ปิดบังตัวตนต่อไปคงรู้สึกไม่ดีแน่”
“สำหรับฉันแล้ว การที่คิดว่าปิดบังตัวเองได้มันน่าตกใจกว่าอีกค่ะ นายของเรา”
“ก็สำหรับผมแล้วตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ผ่านไปมากกว่า10ปี รูปร่างก็เปลี่ยนไปแล้ว”
“ดังนั้นก็เลยปิดไว้เหรอคะ?”
“อา ไม่อยากทำลายความฝันของยูกิโนะน่ะ”
“เพราะว่า10ปีผ่านไป รูปร่างเปลี่ยนไป แล้วเป็นผู้ใหญ่เหรอคะ?”
“ตามนั้น”
“ภายในล่ะคะ?”
“กลายเป็นผู้ใหญ่น่าเบื่อ”
“ไม่มีทางหรอกค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“คิดว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่น่าเบื่อคงจะอยู่รอดในยุคมืดนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ไม่แตกตื่นจนทำอะไรบ้าๆตายไป ก็คงจะเสพติดพลังจนอาละวาดแบบโทคิ โฮเซใช่ไหมล่ะคะ? คนที่ใช้พลังอย่างเชี่ยวชาญจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสงบไม่มีทางเป็น[ผู้ใหญ่น่าเบื่อ]หรอกค่ะ”
“จะเป็นงั้นเหรอ”
“เป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ”
“ขอพูดอะไรอย่างหนึ่งละกัน”
“เชิญเลยค่ะ”
“ผมน่ะ เลิกเป็นจูนิเบียวแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอคะ”
“โทษทีนะ”
“แต่ว่า ตอนที่เป็น[Organic Dragon King(ราชามังกรแห่งเกษตรอินทรีย์)…ไม่สิ [คิริวโอ โชมะ]อีกครั้งก็รู้สึกดีนี่คะ แน่ๆ”
“เลิกล้อได้แล้ว”
“แล้ว ถึงฉันจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่าคุณโชมะเป็น[นายที่แท้จริง]น่ะค่ะ”
“อืม”
“คิดว่าเมื่อไหร่ล่ะคะ?”
“ตอนที่ผมใช้[ปลุกเผ่ามาร]?”
“ตอนที่ฉันไข้ขึ้นหลังจากมาถึงหมู่บ้านฮาซามะค่ะ”
“จริงดิ”
“จริงค่ะ”
“เพื่อปัดเป่าฝันร้ายก็พูดอะไรอย่าง[MAGI(วิชามาร)]หรือ[Absolute Scythe(มังกรสองเศียรผ่าสมบูรณ์)]ไปด้วยนี่นะ…”
“แถม มือที่จับอยู่ตอนกำลังฝัน ก็ใหญ่กว่าของ[นายที่แท้จริง]ตอนที่พบกันด้วยค่ะ”
“ยิ่งกว่าตอนมอต้น?”
“ค่ะ ดังนั้นก็เลยรู้ว่าเป็นมือของคุณโชมะ ค่ะ”
“…ห๊ะ”
“เอาล่ะ นายของเรา มาพยายามเพื่อกอบกู้ยุคมืดนี้กันเถอะค่ะ”
“เพื่อความสงบสุขของชายแดน ต่างหาก”
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ ฟุฟุ”
“อะไรล่ะนั่น จ้องแบบนั้น”
“ดีใจที่ความฝันเป็นจริงน่ะค่ะ”
พูดแบบนั้นแล้วยูกิโนะสะบัดผมสีฟ้า
“ฉันอยากจะคุยกับ[นายที่แท้จริง]แบบนี้มาตลอดเลยล่ะค่ะ”
ลากมือของผมออกเดินไปด้วยสีหน้าเขินอาย
–เห็นรอยยิ้มแบบนั้นแล้ว บางทีการที่ผมเป็นจูนิเบียวที่โลกเดิม อาจจะมีความหมายอะไรนิดหน่อยก็ได้…
รอยยิ้มไร้เดียงสาที่ทำเอาผมถึงกลับคิดอะไรแบบนั้นออกมาได้