ชีวิตชิวๆกับกองทัพของท่านราชาผู้พิชิต - ตอนที่ 8
Ch.8 – เด็กสาวเผ่ายักษ์กับความลับ
Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author
“…ครอบครัว?”
ลองถามกลับไป แต่ริเซ็ตก็หน้าแดงเงียบใส่กลับมา
ฟังไม่ผิดสินะ
ถึงจะยังไม่รู้กฎหมายของโลกใบนี้ก็เถอะ…แต่ว่าก็คงจะมอบสัญชาติให้กับคนแปลกหน้าไม่ได้สินะ…? ถ้าเป็นโลกที่เถื่อนขนาดนั้นก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะอยู่ได้อย่างเป็นสุขหรอก
ริเซ็ตปิดปากเงียบ พวกเด็กๆก็…ตื่นเต้นกับการต่อสู้อยู่เหรอ ดูเหมือนจะส่งเสียงจอแจจนไม่ได้ยินที่ทางนี้พูดเลย
ตรงนี้…ไม่ยุ่งน่าจะดีกว่า
พวกเราเดินไปตามทางเดิน ซ้ายขวามีป่าที่มีต้นไม้สูงใหญ่ แล้วพวกเด็กๆก็พูดขึ้นมาว่า ใกล้เห็นหมู่บ้านแล้ว ถนนก็ค่อยๆกว้างขึ้น ขนาดที่เด็ก4คนเรียงแถวหน้ากระดานเดินได้
ท่าทางจะเป็นถนนที่ชาวบ้านเปิดไว้เพื่อขนของ สถานที่ที่มีคนเนี่ยมันให้ความรู้สึกอุ่นใจจริงๆ เพราะว่าถึงเมื่อกี้ยังเป็นเขตแดนของอสูรนี่นะ
“ที่อยู่ตรงนั้นคือ[ผลทรูก้า]ค่ะ มีงอกอยู่รอบหมู่บ้านดังนั้นถ้าหิวก็หยิบกินได้เลยค่ะ เพียงแต่ ผลสีฟ้ามันจะเปลี่ยนดังนั้นระวังด้วยนะคะ”
ริเซ็ตชี้ไปยังต้นไม้ซ้ายขวาแล้วบอกให้ฟัง
แต่ว่าผมก็ยังแยกไม่ออกอยู่ดี
เรื่องแบบนี้ถ้าใช้[ปลุกเผ่ามังกร]บางทีอาจจะรู้ก็ได้ ก็ร่างนั้นสัมผัสไวมากเลยนี่นา
ถ้าได้พักแล้ว คงต้องมาตรวจสอบสกิลโดยละเอียดดู
เข้าใจแล่วว่าความสามารถของผมมันใช้ในการต่อสู้ได้ ถ้าแค่ปกป้องหมู่บ้านจากอสูรก็คิดว่าทำได้
ถ้ามีศัตรูบุกมาก็ออกไปข้างหน้าแล้วพ่นเบลซ พลังเวทหมดก็ถอยกลับ–ถ้าต่อสู้แบบนั้น ก็ใช้ได้อยู่แน่ๆ ด้วยการช่วยปกป้องหมู่บ้านก็คงจะได้ที่อยู่มา
เรื่องกอบกู้โลกใบนี้นั้น ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกผู้ถูกอัญเชิญตัวจริง
“จะให้ต่อสู้กับโลกเนี่ย ทำไม่ได้หรอก…”
“[โลก]เหรอคะ? ท่านโชมะ?”
ริเซ็ตทำหน้าสงสัย
“ไม่มีอะไรครับ”
“…ค่ะ”
ถึงจะทำหน้าแปลกใจ แต่ริเซ็ตก็ปล่อยผ่าน
กลับกันเธอมาจับมือผมแน่น
“จะ จะได้ไม่หลง ค่ะ”
…ผมก็ได้อยู่หรอก ผมน่ะ
ถึงจะเขินก็เถอะ
จากรูปลักษณ์ของริเซ็ตไม่ว่าดูยังไงก็ประมาณ10กว่าๆ รูปร่างก็เพรียว ที่ทำให้รู้ว่าเป็นอมนุษย์–คนที่สืบสายเลือดของมังกรก็มีแค่ หูที่แหลมเล็กน้อย กับเขาผลึกที่อยู่ด้านหลังหูไป
เอาตามจริง การที่คนวัยสามสิบแบบผมมาจับมือเด็กผู้หญิงเดินเนี่ยน่าอายสุดๆ แต่พวกเด็กรอบๆเองก็ไม่ได้สนใจอะไร
แต่ว่าอย่ามองมาทางนี้ด้วยสายตาเป็นประกายสิ
“เห็นแล้วค่ะ นั่นคือ[หมู่บ้านฮาซามะ]ค่ะ”
ริเซ็ตพูดออกมา พวกเด็กๆเองก็ส่งเสียง
ผ่านป่าออกไป ตรงนั้นก็เป็นทุ่งหญ้า
แล้วต่อจากนั้นไปอีกก็เป็นกำแพงหินสูง
ตรงกลางมีประตูตารางที่ทำจากไม้อยู่
นั่นคือ[หมู่บ้านฮาซามะ]ที่ริเซ็ตกับเด็กๆอาศัยอยู่งั้นเหรอ
หมู่บ้านชายแดนที่อมนุษย์อาศัยอยู่ ทุกคนนอกจากริเซ็ตทั้งหมดเป็นเผ่ายักษ์ ดูเหมือนจะมีการทำไร่ และติดต่อค้าขายกับเมืองมนุษย์ด้วย เผ่ายักษ์นั้นทรงพลัง จึงถนัดงานถางป่าและทำไร่ทำสวน เพียงแต่เพราะหมู่บ้านอยู่ใกล้เขตแดนของอสูร จึงต้องรับการโจมตีอยู่บ่อยๆ
ดังนั้นคนที่มาพลังต่อสู้สูงอย่างริเซ็ตจึงต้องรับหน้าที่เฝ้าระวังและคุ้มกัน
แล้วหลังจากนี้ผมก็จะช่วยด้วย
“…เอาจริงๆ จะทำได้ไหมนะ”
ทุกครั้งที่เข้าไปใกล้หมู่บ้าน ก็ยิ่งรู้สึกถึงความเป็นจริง
สกิลของผมอย่างน้อยใช้จัดการอสูรได้ก็เลยคิดว่าไม่เป็นไร… เอาเถอะ คิดไปก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ตอบแทนบุญคุณของริเซ็ตให้จบแล้วออกจากหมู่บ้านเอาละกัน
จะฝืนไปก็ไม่ใช่วิสัยด้วย
“–นี่~~… พี่ริส~~–ทุกคน~~–”
ได้ยินเสียง
พอมองดูดีๆ ก็เห็นว่าตรงหน้าประตูมีเด็กสาวผมแดงโบกมือมาอยู่
“–พี่ริส–สบายดีสินะคะ–!!?”
“ฮารุกะ! ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ พวกเด็กๆเองก็สบายดีค่ะ–!!”
““พี่ฮารุกะ~~!!””
พวกเด็กๆวิ่งไป
ริเซ็ตเองก็ทำท่าจะวิ่งไป–แต่พอรู้ตัวว่าจับมือผมอยู่ก็หัวเราะออกมา
ที่ทำหน้าเขินแล้วพยักหน้าให้เนี่ย…คืออยากให้ผมวิ่งไปด้วยสินะ บางที คงจะไม่อยากปล่อยมือ
ช่วยไม่ได้นะ ถึงตอนนี้จะวิ่งได้ไม่เร็วเพราะไม่ได้ใช้ปลุกก็เถอะ
–พอคิดแบบนั้น ริเซ็ตก็วิ่งให้ช้าลงตามความเร็วของผม พอพวกเราไปถึงประตูพวกเด็กๆก็เข้าไปกอดเด็กสาวผมแดง หลังจากนั้นก็โดนเขกหัวกัน
“นี่! เราบอกแล้วใช่ไหมว่าเด็กๆอย่าเข้าไปในป่าน่ะ!?”
หลังจากเขกหัวพวกเด็กๆเบาๆแล้ว เด็กสาวก็เข้าไปสวมกอดทีละคน
“นี่เป็นห่วงจริงๆนะ ให้ตายสิ”
“““ขอโทษค่ะ ท่านพี่ฮารุกะ”””
“…จริงๆเลยนะ”
“อยากอยากให้พวกคุณพ่อที่ออกไปต่อสู้ได้กินปลาอร่อยๆนี่น่า”
“ก็เข้าใจหรอก แต่อย่าสร้างปัญหาให้พี่ริสสิ ให้ตายสิ…”
เด็กสาวพูดแบบนั้น แล้วก็ปล่อยพวกเด็กๆ
“เข้าใจนะ? พวกผู้ใหญ่ออกไปต่อสู้กันหมด ดังนั้นอย่าทำให้เป็นห่วงเชียวล่ะ ห้ามทำอะไรตามใจเชียวนะ?”
“““…คร้าบ/ค่า”””
พวกเด็กๆเผ่ายักษ์ทุกคนก้มหัวลง แล้วพูดออกมาพร้อมกัน
เด็กสาวผมแดงพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วมองมาทางผมกับริเซ็ต
เธอ–ฮารุกะมีส่วนสูงพอๆกับผม ที่อยู่ในมือเป็นกระบองยาวที่ยาวกว่าส่วนสูง แล้วก็เอามันทุบลงพื้นดัง ตึง เสียงแข็งๆทำให้รู้เลยว่าใช้มาได้อย่างชินมือ
บนหัวระหว่างผมสีแดงนั้นมีเขางอกออกมาเหมือนกับพวกเด็กๆ
ที่เป็นลักษณะเด่นมีส่วนนั้น–แล้วก็ หน้าอกใหญ่ เห็นได้ชัดเจนเลยจากเสื้อที่ใส่แบบกิโมโนในโลกของผม จากนั้นสายตาที่มองมาที่ผมก็แรงขึ้น
อา…ถูกระแวงสินะ ก็ช่วยไม่ได้
“พี่ริส? คนคนนั้นคือ”
เด็กสาวเผ่ายักษ์ฮารุกะ มองบนแล้วพูดออกมา
“เป็นคนที่ไม่เคยรู้จักสินะ เผ่ายักษ์ หรืออมนุษย์อื่นก็ไม่ใช่สินะ? มนุษย์เหรอ?”
“อ๊ะ ค่ะ พระองค์ท่านนะคะ”
“[โชมะ]ครับ”
ช่วยอย่าแนะนำตัวให้แบบแปลกๆทีเถอะ
“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อโชมะ คิริวครับ”
ผมก้มหัวให้เด็กสาวฮารุกะ
การทักทายของโลกนี้ แบบนี้ก็ได้สินะ
“ตอนที่หลงทางในป่าก็ได้ริเซ็ตช่วยเอาไว้น่ะครับ จะไม่ก่อปัญหาให้แน่นอน ดังนั้นขออยู่ที่หมู่บ้านสักพัก–ไม่สิ”
พอเห็นถือกระบอกหันมาทางนี้แล้ว–ก็รู้เลยว่าไม่ใช่บรรยากาศที่จะยอมให้เข้าไปในหมู่บ้าน
อา นี่คือปกติสินะ
รอเซ็ตกับพวกเด็กๆก็แค่เป็นมิตรเกินไปเฉยๆ ก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ
“ถ้ายอมให้พักในหมู่บ้านได้สักเล็กน้อยจะช่วยได้มากเลยครับ”
“…น่าแปลก”
เด็กสาวฮารุกะจ้องมาที่ผมเขม็ง
“เดินทางมาชายแดนแบบนี้…ก็มีแต่สปายที่ถูกส่งมาจากเจ้าเมืองสักที่ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ไม่จำเป็นต้องสงสัยคนคนนี้หรอกค่ะ”
อยู่ๆริเซ็ตเข้ามาแทรกกลางระหว่างผมกับฮารุกะ
“เรื่องที่คนคนนี้ไม่ใช่ศัตรู ริเซ็ตคนนี้ขอยืนยันด้วยชีวิตค่ะ”
“พี่ริสเชื่อคนง่ายไปแล้ว!”
ตึง ฮารุกะกระแทกกระบองลงพื้น
“พวกมนุษย์ในเมืองหลวงมันไม่เห็นว่าอมนุษย์นั้นเท่าเทียม พี่ริสเองก็เข้าใจดีนี่นา!? พวกมนุษย์คนอื่นเองก็ไม่มีใครช่วยพวกเราสักนิด เพราะแบบนั้นอมนุษย์ถึงได้ถูกไล่มาชายแดนแบบนี้ไม่ใช่เหรอ!?”
“ท่านโชมะไม่เหมือนกันค่ะ”
“ยังไงล่ะ!?”
“คนคนนี้ เป็นคนช่วยฉันกับพวกเด็กๆค่ะ!”
“เป็นคนดีสินะ!!”
เฮ้ย
ทำไมอยู่ๆก็เปลี่ยนสีหน้าล่ะ
“แถมท่านโชมะ ยังยอมลูบเขาของเด็กๆเพื่อแบ่งพลังให้ด้วยค่ะ”
“เป็นคนที่สุดยอดสินะ!!”
–ใจง่ายฉิบ!?
ในฐานะพนักงานบริษัทวัยสามสิบแล้วเป็นห่วงจริงๆ จะไม่เป็นไรแน่เหรอ พวกอมนุษย์เนี่ย
เด็กสาวเผ่ายักษ์ฮารุกะมองมาทางนี้ด้วยสายตาเป็นประกาย พวกเด็กๆเผ่ายักษ์เองก็ดึงกางเกงของผม มองยิ้มขึ้นมา ริเซ็ตเองก็มองมาด้วยสายตาที่อบอุ่น
ยินดีต้อนรับอย่างสมบูรณ์แบบ เป็นมิตรเกินไปแล้ว จนทำเอากลัวด้วยซ้ำ
“ยินดีที่ได้รู้จัก เราชื่อว่าฮารุกะ คัลมิเรีย เป็นเพื่อนสมัยเด็กของพี่ริส แล้วถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกับพี่น้องค่ะ ยินดีต้อนรับสู่หมู่บ้านฮาซามะค่ะ คุณโชมะ คิริว!”
เด็กสาวเผ่ายักษ์ฮารุกะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
กระบองที่ถือจนถึงเมื่อกี้ถูกโยนทิ้งลงพื้นแล้ว แถมยังมองจ้องมาที่ผมอย่างร่าเริงสุดๆ ราวกับท่าทีระแวงเมื่อกี้เป็นเรื่องโกหก
“เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะ! เพราะว่าหมู่บ้านนี้ไม่ค่อยมีมนุษย์ปกติมา…ก็เลย ตกใจน่ะ ฮารุกะ คัลมิเรียคนนี้ ขออภัยจากใจค่ะ ถ้ามีอะไรที่ต้องการก็บอกได้เลยนะ เรื่องราวโดยละเอียดไว้เล่าทีหลังก็ได้ ก่อนอื่นก็ไปพักให้สบายเถอะค่ะ”
“…อืม ขอบคุณมากครับ”
ดีจริงๆที่ตอบแบบนั้น
ทั้งเด็กสาวเผ่ายักษ์ฮารุกะ ทั้งเด็กๆ แน่นอนว่าริเซ็ตก็ด้วย ต่างก็ต้อนรับผมอย่างยินดี
รู้สึกดีใจจริงๆ
ก็ดีแล้วล่ะนะ…
การปกป้องหมู่บ้านก็เป็นค่าตอบแทนที่ยอมให้อยู่ที่นี่ ที่ผมจะสู้ก็เพื่อสิ่งนั้นเท่านั้น
…คงวจะไม่ถูกทิ้งสินะ แบบนี้
“ก่อนอื่นก็ขอพักสักครู่ได้ไหมครับ?”
“อืม ได้สิ!”
ฮารุกะ ยิ้มแก้มปริ่่มแล้วพยักหน้า
“แล้วก็…มีเรื่องอยากจะขอร้องหนึ่งเรื่องน่ะครับ”
“อะไรเหรอ? อะไรเหรอ?”
ทำไมทำหน้าตื่นเต้นแบบนั้นล่ะ
ทำไมเอาหน้าเข้ามาใกล้แบบนั้นล่ะ ถึงจะได้กลิ่นหอมๆก็เถอะ
“เรื่องที่ผมจัดการอสูรด้วย[พลังมังกร] อยากให้ช่วยเก็บเป็นความลับจากทุกคนน่ะ”
เพราะว่าริเซ็ตกับพวกเด็กๆเห็นพลังมังกรไปแล้ว ดังนั้นก็ช่วยไม่ได้
เด็กสาวเผ่ายักษ์ฮารุกะเอง ก็สนิทกับริเซ็ตถึงขนาดเรียกว่า[พี่ริส] ดังนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บเป็นความลับ
แต่ว่าก็อยากจะให้ข้อมูลมันหยุดอยู่ที่ตรงนั้น ถ้าคนที่ไม่ได้สืบสายเลือดของจักรพรรดิมังกรแบบผมสามารถใช้[พลังมังกร]ได้ก็ไม่รู้ว่าคนในหมู่บ้านจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง คนนอกอย่างผมจะมาทำให้หมู่บ้านที่สงบสุขต้องมาวุ่นวายมันก็ไม่ดี เรื่องแบบนี้อยากเก็บเงียบไว้จะดีกว่า
“ดังนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้กลายเป็นว่าริเซ็ตเป็นคนจัดการอสูรน่ะ? ถ้ารู้เรื่องพลังของผม ทุกคนอาจจะตกใจก็ได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ ท่านโชมะ”
ตอบทันที
“ฮารุกะ กับทุกคน ก็ตกลงสินะคะ?”
“แน่นอนสิ คุณโชมะคือพวกของพวกเรานี่น่า? ถ้าอย่างนั้นสำหรับเรา แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ”
ฮารุกะ ทุบหน้าอกโตๆดัง ตุบ
เป็นคนดีสินะ
“ถ้าคุณโชมะอยากให้เป็นความลับล่ะก็ เราก็จะปิดปากเงียบเลยล่ะ”
จากนั้นก็หันไปมองพวกเด็กๆ
“ได้ยินแล้วสินะ? เรื่องที่คุณโชมะใช้พลังมังกรได้ เก็บเป็นความลับจากพวกคนในหมู่บ้านนะ?”
“““คร้าบ/ค่า! เรื่องที่พี่โชมะใช้พลังมังกรได้จะเก็บเป็นความลับครับ/ค่ะ!!”””
“ดีมากดีมาก”
พวกเด็กๆตอบกลับอย่างพร้อมเพรียง ฮารุกะก็ลูบหัวทุกคน แล้วทำไมถึงหัวของผมด้วยล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปในหมู่บ้านกันเถอะ”
ริเซ็ตดึงมือของผม
“ก่อนอื่น ก็พาไปที่พักก่อนนะคะ”
“ขอบคุณ ช่วยได้มากเลยล่ะ”
เพราะว่าคุณเทพธิดาย้อนวัยให้ พลังกายก็เลยยังเหลือๆ
แต่ว่าจิตใจก็ยังเหนื่อย แบบมากๆ
แถมยังมีเรื่องที่อยากจะคิดในที่ที่ปลอดภัยด้วยสิ
บางที–อาจจะต้องถามยืนยันกับคุรเทพธิดาด้วย
──แล้วหลังจากที่พวกเด็กๆแยกกับโชมะก็──
“ให้ตายสิ คิดว่าทำให้ต้องเป็นห่วงขนาดไหนกัน! เจ้าเด็กบ้า!”
ตุบ
เด็กที่โดนเขกหัวลงไปนั่งกับพื้น
“ขอโทษครับ…คุณแม่”
“ให้ตายเถอะ เห็นท่านริเซ็ตออกไปก็เลยทำตามใจชอบ…”
คุณแม่ของเด็กมองไปนอกหน้าต่าง แล้วถอนหายใจออกมา
“แต่ว่า ทำไมถึงให้มนุษย์เข้ามาอยู่ในหมู่บ้านนี้กันเนี่ย ท่านริเซ็ต ถึงจะบอกว่าเดี๋ยวอธิบายทีหลังก็เถอะ…แต่มนุษย์นั่น เชื่อใจไม่ได้เลย…”
“อย่าว่าพี่โชมะนะ!!”
ตุบ
หมัดเล็กๆของเด็กน้อยต่อยไปที่ขาของคุณแม่
“พี่โชมะช่วยพวกเราเอาไว้นะ! ทั้งเท่ ทั้งเป็นคนดีเชียวล่ะ! อย่าพูดอะไรไม่ดีใส่เชียวนะ!!”
“งั้นเหรอจ๊ะ แต่ว่านะ คนที่ไล่เผ่ายักษ์มายังชายแดนแบบนี้ก็พวกมนุษย์เมืองหลวง…แต่ถึงจะเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าอาจจะมีคนดีอยู่บ้าง…”
“……ฮือ”
“อา หยุดร้องเถอะจ๊ะ ขอโทษนะจ๊ะ หนูน่ะชอบพี่โชมะนั่นสินะ? แต่ว่า…”
“พี่โชมะใช้สุดยอดในการจัดการอสูรด้วยล่ะ!”
“สุดยอดพลัง?”
“พ่นไฟฟู่ใหญ่ออกจากปากจนอสูรใหม้หายไปหมดเลยล่ะ! เห็นมากับตาเลยนะ!”
“เป็นไปไม่ได้! คนที่สามารถทำแบบนั้นได้น่าจะมีแค่คนที่สืบทอด[สายเลือดมังกร]เท่านั้น…”
“…ท่านริเซ็ตบอกเอาไว้ด้วยว่าเจอกับพี่โชมะที่[สุสานจักรพรรดิมังกร]”
“[สุสานจักรพรรดิมังกร]งั้นเหรอ!?”
“ความลับนะ! เพราะเป็นคุณแม่ถึงได้พูดหรอก!!”
“ขะ เข้าใจแล้วจ๊ะ งี้นี่เอง…”
“พี่ริเซ็ตเป็นคนพูดดังนั้นจริงแน่นอน!! เข้าใจแล้วนะ นี่เป็นความลับนะ!!”
“เข้าใจแล้วจ๊ะ อย่างนี้เองสินะ ถ้าเป็นฑูตของท่าน[จักรพรรดิมังกร]ล่ะก็…คงจะทำอะไรเสียมารยาทไม่ได้”
“อุแงงงงงงงงงง”
“นี่ เดี๋ยวเถอะ อย่าร้องสิ…”
“ก็ คิดแม่ต่อว่าพี่โชมะนี่นา…”
“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ แต่กับมนุษย์ที่ไม่เคยรู้จัก…”
“พี่โชมะน่ะไม่ใช่นะ! พี่โชมะน่ะให้[ชอกโกแลด]หนูด้วย แถมยังสามารถพลังที่เหมือนกับมังกรจัดการอสูรภายในทีเดียวได้ด้วย!!”
“–อย่าบอกนะว่า!!”
“เรื่องนี้ต้องเป็นความลับนะ”
“เข้าใจแล้วจ๊ะ อย่างนี้นี่เอง สืบทอด[สายเลือดมังกร]แบบเดียวกับท่านริเซ็ตเองงั้นเหรอ…”
“พี่ชายบ้าที่สุด!”
“อะไรเล่า ทำไมถึงปกป้องมนุษย์ขนาดนี้”
“พี่โชมะน่ะ (ย่อ)”
ด้วยเหตุนี้ข่าวลือก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว