ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) - ตอนที่ 10
Ch.10 – ลองดูสิ
Translator : Asiran / Author
ตอนที่ 10 – ลองดูสิ
เสียงปรบมืออย่างครึกครื้นถูกทิ้งไว้เบื้องหลังอย่างช้า ๆ เหออวี้ไม่ได้หันกลับไปมอง เหออวี้ที่สามารถจะให้ความสนใจและให้ความรักกับ The Kings of Glory มาถึงห้าปีเต็มโดยไม่ได้แตะต้องมันสักนิดเรียกได้ว่ามีความสามารถในการควบคุมตัวเองที่น่าทึ่งมาก
พอติดตามเหอเหลียงเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงเชียร์จากด้านหลังอีกแล้ว เหออวี้ก็เห็นพี่ชายหยุดฝีเท้าลงแล้วหันกลับมามองเขา รอยยิ้มที่แสดงออกมาดูเหมือนว่าจะไม่ได้แปลกใจกับคำพูดของโจวจิ้นกับโหยวย่าจงสักนิดเดียว นี่ทำให้เหออวี้ระลึกถึงเรื่องราวเล็ก ๆ เรื่องหนึ่งได้ รีบพูดขึ้นมาก่อนที่พี่ชายจะทันได้เอ่ยปาก “ผมถามพี่หน่อยสิ”
“ผมถามพี่หน่อยสิ” เหออวี้พูด
“อะไรเหรอ” เหอเหลียงยังรักษารอยยิ้มเอาไว้ขณะมองดูเหออวี้
“ฟอลซีซั่นปีที่แล้ว หลังจากมีข่าวที่เทียนเจ๋อได้แชมป์ออกมา พี่ก็รีบโทรไปแสดงความยินดีกับพวกเขาเลย อีกฝั่งหนึ่งเขาพูดอะไรเหรอครับ” เหออวี้พูด
เหอเหลียงอึ้งไป เขาไม่คิดเลยว่าจู่ ๆ เหออวี้จะถามเรื่องนี้ออกมา เขาไม่อาจรักษารอยยิ้มบนใบหน้าไว้ได้แต่ก็ยังพยายามจะฝืนเอาไว้แล้วตอบไปอย่างสงบนิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ว่า “นั่นมันตั้งนานแล้ว จะไปจำได้ได้ไงล่ะ”
“ที่จริงแล้วก็คือคำพูดที่ได้ยินในวันนี้สินะ…” เหออวี้รู้สึกเศร้าใจมาก สีหน้าตอนนี้ของพี่ชายกับครึ่งปีที่แล้วตอนโทรศัพท์มันคล้ายคลึงกันมาก ตอนนั้นเหออวี้นึกว่าเหอเหลียงก็แค่รู้สึกกระอักกระอ่วน จะอย่างไรพวกเขาก็ได้รับแชมป์หลังจากที่เขาวางมือแล้วพอดีเลย นี่มันก็น่ากระอักกระอ่วนจริง ๆ นั่นล่ะ แต่ตอนนี้เหออวี้รู้แล้ว พี่ชายได้ยินคำดูหมิ่นของอดีตเพื่อนร่วมทีมมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วแล้ว ในการพูดตัวต่อตัวแบบนั้นยังอาจจะฟังดูเลวร้ายกว่านี้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เขาถึงยังสงบนิ่งอยู่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้าคำแก้ตัวของโจวจิ้นและโหยวย่าจงที่มีต่อแฟน ๆ เหอเหลียงฟังแล้วก็ยังรักษาความสุภาพและให้เกียรติได้อยู่
พอเห็นว่าเหออวี้เดาได้แล้วเหอเหลียงก็ไม่พยายามจะปิดบังอีก เพียงแต่ว่าไม่อยากจะให้น้องชายมาเศร้าโศกเสียใจแทนตัวเองจริง ๆ เขาเอื้อมมือออกไปลูบศีรษะเหออวี้ “ไม่มีอะไรแล้ว มันเป็นอดีตไปแล้ว เพราะว่านายนับถือพี่มากก็เลยคิดว่าพวกเขาทำตัวไม่ดีกับพี่ ที่จริงแล้วไม่หรอก พวกเขาได้รับแชมป์ในฟอลซีซั่นของปีที่แล้ว นั่นก็อธิบายทุกสิ่งได้แล้วล่ะ พี่ไม่ดีพอ นักเล่นเกมอาชีพต้องถือชัยชนะเป็นความรับผิดชอบของตัวเอง ไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัวเลย นายเข้าใจไหม”
“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้นเลย” เหออวี้สั่นศีรษะอย่างหนักแน่น
“ในเกมสปริงซีซั่นปีที่แล้ว ถ้าพี่ได้เล่นหลี่ไป๋ ตอนที่เป็นจุดตัดสินเป็นตาย ที่พวกเขาสามคนมีเลือดกันนิดเดียว พี่คนเดียวก็กวาดพวกเขาได้หมดทุกคนแล้ว ถ้าทำได้ก็พอที่จะทำให้เทียนเจ๋อพลิกกลับมาได้เปรียบได้”
“ฟอลซีซั่นสองปีที่แล้วที่แข่งกับทีมเฟยหยาง ถ้าพวกเขาเลือกเผยฉินหู่ให้พี่ก่อน ป่าฝั่งบัพฟ้าของเทียนเจ๋อก็คงไม่โดนเวดเป็นว่าเล่นแบบนั้นหรอก แบบนั้นไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนอย่างน้อยก็ยังไปแลกป่าบัพฟ้ากันได้”
“สปริงซีซั่นสองปีที่แล้ว เจอจงหนาน ตอนนั้นพี่ได้ไป๋หลี่ฉวนเช่อ แต่ก็ยังเป็นเลนกลางกินฟ้า แครี่กินแดง แอสซาซินตัวฟาร์มป่ากลับไม่ได้รับการเงินที่เหมาะสม ตอนนั้นผมไม่เคยเข้าใจการเล่นแบบนั้นเลย นึกมาตลอดว่าพวกพี่อยากจะลองเล่นอะไรใหม่ ๆ”
“แล้วก็ยังมีเกมสปริงซีซั่นของสามปีที่แล้ว…”
เหออวี้พูดไม่หยุด ว่าไปที่ละซีซั่นต่อซีซั่น พูดถึงจุดสำคัญของเกมแต่ละเกม เหอเหลียงที่อยู่ด้านข้างฟังแล้วก็ตกตะลึงอย่างที่สุด พวกนี้ต่างก็เป็นเรื่องทั้งหมดทั้งมวลที่เขาเสียใจตอนที่เป็นนักเล่นเกมอาชีพ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังจดจำได้ไม่ชัดเจนอย่างเหออวี้เลย ถ้าเหออวี้ไม่พูดถึงขึ้นมา เขาก็คิดว่าตัวเองคงจะจำไม่ได้ไปหมดแล้ว
สปริงซีซั่นปีที่แล้วถ้าได้ใช้หลี่ไป๋ในจังหวะสำคัญเหรอ ฟอลซีซั่นสองปีที่แล้วที่แข่งกับทีมเฟยหยางถ้าได้เล่นเผยฉินหู่เหรอ เกมสปริงที่แข่งกับทีมจงหนานถ้าตัวไป๋หลี่ฉวนเช่อมีการเงินเหรอ…
คำว่าถ้าที่ตามมาเป็นชุดทำให้เหอเหลียงรู้สึกหัวหมุน เกมเป็นสิบ ๆ เกมที่เขาเล่นอจู่ ๆ ก็ถูกพูดถึงทำให้เขาแยกไม่ออกว่าเกมไหนเป็นเกมไหน จนกระทั่งเหออวี้พูดรวดเดียวจบแล้วหันมามองหน้าเขา เหอเหลียงถึงได้นึกในใจได้อยู่สองสามเกม
“ที่นายพูดมาพี่ไม่เคยคิดถึงหรอกนะ แต่ว่าเรื่องสมมติพวกนี้มันไม่มีความหมายหรอก ฮีโร่ที่แตกต่างก็ย่อมทำให้รูปแบบเกมเปลี่ยนไป ถ้าพี่ใช้หลี่ไป๋ก็อาจจะไม่ได้มีตัวโจมตีสามตัวที่เลือดแทบหมดหลอดมาตอนท้ายเกม ถ้าพี่ใช้เผยฉินหู่ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องปรับกลยุทธ์ไปตามความเหมาะสม จะไม่เวดป่าอย่างดุดันแบบนั้นหรอก” เหอเหลียงพูด
“นั่นผมก็รู้ ดังนั้นผมก็เลยไม่เคยหวาดระแวงจุดประสงค์ของทีมเทียนเจ๋อมาก่อนเลย” เหออวี้พูด
“จุดประสงค์ก็คือคว้าแชมป์ มีเท่านั้นแหละ” เหอเหลียงกล่าว
“ถ้ามีแค่คว้าแชมป์ทำไมคนที่ต้องปรับจูนมาห้าปีสิบซีซั่นถึงมีแต่พี่คนเดียว ทำไมพวกเขาไม่เคยพยายามจะปรับจูนเข้าหาจังหวะของพี่เลยล่ะ” เหออวี้พูด
“เพราะว่านี่คือสิ่งที่เทียนเจ๋อต้องปรับจูนมากที่สุดไงล่ะ หลังจากที่โหยวย่าจงมาเป็นตัวฟาร์มป่าทีมก็ได้แชมป์ทันทีก็คือเครื่องยืนยันที่ดีที่สุดแล้ว” เหอเหลียงพูด
“เกมของเทียนเจ๋อปีนี้ผมยังไม่เคยดู ตอนนี้ยังพูดไม่ได้” เหออวี้กล่าว
เหอเหลียงแปลกใจนิดหน่อย เหออวี้ดูเหมือนจะเร่าร้อนมาก แต่ในขณะที่พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาเหอเหลียงก็พบว่าเหออวี้แค่ตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้สูญเสียความคิดไป สายตาของเขากระจ่างชัดมาก ความคิดก็สงบและมีเหตุผล สำหรับสองซีซั่นที่ผ่านมาที่เขาไม่เคยสนใจทีมเทียนเจ๋อเขาก็ไม่ได้ตัดสินส่งเดช แต่บอกอย่างชัดแจ้งว่าตอนนี้ยังพูดไม่ได้ ที่เขาพูดถึงคือพวกเกมที่เขาสนใจมาตลอด คือเกมห้าปีสิบซีซั่นของทีมเทียนเจ๋อที่เขาได้ศึกษามา
“ผมคิดวิธีได้อย่างหนึ่ง” เหออวี้พูดต่อ “จางสือฉือที่ทีมเทียนเจ๋อใช้เป็นตัวแครี่ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ตอนเริ่มต้นก็ดันป้อมให้น้อยลงหน่อยแล้วก็ไปสนับสนุนตัวป่ากับซัพพอร์ตเวดป่าเท่าที่จะทำได้”
เหอเหลียงอึ้งไป เหออวี้พูดมาแค่ไม่กี่คำเพราะว่านี่เป็นตัวเขา ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ
ฮีโร่สายแครี่เลือดบางตายง่าย ส่วนมากแล้วตอนต้นเกมจะมีดาเมจไม่เท่าไหร่ ดังนั้นแต่ละทีมเลยต้องปกป้องฮีโร่แครี่ให้ดี ๆ ให้เกิดเร็ว ๆ เท่าที่จะทำได้ ให้พวกเขาออกของให้เร็วที่สุด การให้แครี่เริ่มสู้ตั้งแต่ต้นเกมก็มีผลอะไรไม่มากเท่าไหร่ พอแจกคิลไปครั้งหนึ่งแล้วก็ย่อมต้องเกิดได้ช้าลง ในฐานะที่เป็นส่วนสำคัญในการทำดาเมจของทีมในตอนท้ายเกม จังหวะการบุกของทีมทั้งทีมก็จะรวนเรไปด้วย ฮีโร่แครี่มักจะเป็นตัวที่เล่นพลาดได้น้อยมาก แต่เจ้าอัตราความผิดพลาดที่ยอมรับได้พวกนี้มันก็ใช้เทคนิคส่วนตัวกับความตระหนักรู้มาเสริมได้อยู่แล้ว หากคุณไม่เคยหรือเล่นพลาดน้อยมาก เจ้าอัตราความผิดพลาดที่ยอมรับได้อะไรนี่ก็เป็นได้แค่คำพูดว่างเปล่าเท่านั้นล่ะ
ก็เพราะว่าหลี่ไป๋ของเหอเหลียงเป็นเช่นนั้นถึงได้สามารถก้าวขึ้นสู่ขอบเขตใหม่ที่มีแต่เขาที่ทำได้สำเร็จ แล้วตัวแครี่ของจางสือฉือล่ะ ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมทีมกันมาห้าปี เหอเหลียงไม่สงสัยในความสามารถของเขาเลย เขาเชื่อว่าถึงจางสือฉือจะไปเวดป่าของศัตรูเดี่ยว ๆ ก็ยังไม่ง่ายที่จะเก็บคิลจากเขาได้
ดังนั้นแผนการเล่นที่เหออวี้พูดออกมานี้สำหรับผู้เล่นแครี่ทั่วไปหรือแม้แต่ทีมอาชีพหลาย ๆ ทีมก็ยังเป็นเรื่องที่อันตรายมากเพราะว่ามีความเสี่ยงสูงจนเกินไป แต่ว่าถ้าตัวแครี่ของจางสือฉือไปช่วยตัวป่า ช่วยโจมตีหรือป้องกันเยอะ ๆ หน่อย… เมื่อเหอเหลียงคิดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ถ้าเทียนเจ๋อใช้กลยุทธ์แบบนี้ในการโจมตีล่ะก็ บางที…
ความคิดหยุดชะงักลงทันใด ยังจะมีอะไรให้พูดอีกล่ะ ตัวเองก็วางมือไปแล้ว ถึงกลยุทธ์ที่เหออวี้คิดเอาไว้จะถูกเทียนเจ๋อนำไปใช้จริง ๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกแล้ว
“มีสองเรื่อง” เหอเหลียงยื่นมือออกไปลูบศีรษะเหออวี้อีกครั้ง ถ้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าเขาต้องการจะปลอบใจเหออวี้ ครั้งนี้ก็เป็นเพราะเขาประหลาดใจนิดหน่อย เขารู้ว่าเหออวี้ตั้งใจดูเกมการแข่งขันของเขามาเสมอ แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะมีความรู้ความเข้าใจในเกม The Kings of Glory ลึกซึ้งถึงขนาดนี้ ทั้งวิธีการอธิบายกลยุทธ์อย่างเรียบง่าย รวมไปถึงพวกฮีโร่ พวกผู้เล่น พวกความเข้าใจในกลยุทธ์และเทคนิคของเกมอย่างลึกซึ้ง
“เหออวี้ นายก็ชอบ The Kings of Glory มากเลยใช่ไหม” เหอเหลียงถามอย่างปุบปับ
“เอ๋” เหออวี้อึ้งไป ถึงแม้เขาจะวิเคราะห์ได้อย่างชัดเจนและมีเหตุผลมาก แต่ในใจของเขามีความหดหู่จากสิ่งที่เหอเหลียงต้องเผชิญไม่ใช่น้อย ยิ่งวิเคราะห์อย่างชัดเจนเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจแทนเหอเหลียง แต่ไม่คิดเลยว่าเหอเหลียงกลับโยนคำถามข้อนี้ใส่เขาอย่างไร้วี่แววล่วงหน้า
ชอบ แน่นอนว่าต้องชอบ
ในใจของเหออวี้ปรากฏคำตอบขึ้นมาโดยไม่ต้องคิด เขาเองก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มใส่ใจ The Kings of Glory ถึงขนาดนี้ ก็แค่เพราะว่าทีมเทียนเจ๋อมีเหอเหลียงอยู่ถึงได้เป็นทีมที่เขาให้ความสนใจมากที่สุด แต่ที่จริงแล้วทีมอาชีพทั้งสิบสองทีมใน KPL ต่างก็เป็นสมบัติล้ำค่าของเขา เขาแทบจะรู้จักนักกีฬาอาชีพทั้งหนึ่งร้อยยี่สิบคนครบทุกคนเลยด้วยซ้ำ สกิลของฮีโร่ทั้งเจ็ดสิบสี่ตัวใน The Kings of Glory กับลักษณะของพวกมันเขาก็ยังท่องออกมาได้ทั้งหมด
ทำได้ถึงขนาดนี้จะไม่ชอบได้อย่างไร
เพียงแต่ว่าจุดเริ่มต้นความชอบของเขามาจากการที่พี่ชายได้เป็นนักเล่นเกมอาชีพของ KPL ดังนั้นพอถึงวันที่พี่ชายวางมือ เหออวี้จึงได้ดูเหมือนจะหมดความสนใจเกม The Kings of Glory หมดเหตุผลที่จะใส่ใจ KPL และปล่อยทุกสิ่งไป
มาตอนนี้เหอเหลียงถามเขาว่าเขาชอบไหม…
เหออวี้ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี แต่ที่จริงแล้วเหอเหลียงก็ไม่ได้ต้องการคำตอบ ความกระตือรือร้นและสนใจที่แสดงออกมาชัดแบบนี้ เขาเองก็เคยนึกว่าเป็นเพียงแค่ความห่วงใยในตัวเขาเท่านั้น พี่ชายอย่างตนเองนี่ก็ช่างขาดคุณสมบัติการเป็นพี่ชายเหลือเกิน
“ถ้าเกิดชอบก็ลองดูสิ” เหอเหลียงพูด
“เอ๊ะ” เหออวี้นิ่งอึ้ง
“พี่ว่านายน่าจะมีพรสวรรค์มากกว่าพี่อีกนะ” เหอเหลียงบอก
“ไม่หรอก…”
“พี่วางมือไปหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ของพี่นายไม่ต้องเก็บมาใส่ใจแล้ว ไม่ว่ายังไงนายก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก จริงไหม ยิ่งฟังนายวิเคราะห์มากเท่าไหร่พี่ยิ่งรู้สึกรำคาญ!”
“เอ่อ…ผม…”
“สนใจตัวนายเองดีกว่า ดูให้แน่ใจว่าตัวเองมีความรู้สึกยังไง” เหอเหลียงพูด
“ผม…” เหออวี้มองดูพี่ชาย ในใจก็ไม่รู้ว่าพูดคำคำนั้นซ้ำ ๆ ไปกี่ครั้งแล้ว แต่มาตอนนี้กลับเหมือนจะเขินจนพูดไม่ออก สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ได้แต่พยักหน้าแรง ๆ เท่านั้น
……………………………………………………….
ท้ายตอนผู้เขียนระบุไว้ค่ะว่ากลยุทธ์ที่ใช้จริงในการแข่งขันระดับสูงมันไม่เหมือนกับในเรื่อง ให้คิดว่านี่เป็นนิยายที่ไม่เหมือนกับเกมจริง ๆ ได้โปรดเข้าใจด้วย…
เวด ศัพท์เกม (ที่มา invade) แปลว่าการที่ทีมศัตรูบุกมาในป่าของฝ่ายเราค่ะ (หรือเราไปบุกป่าเขา) ในเกมคนธรรมดาคนที่ทำได้คือถือว่าเก่งมาก ส่วนมากแล้วพวกมั่นหน้าไปเวดชาวบ้านจะตายกลับมามากกว่า…เรียกว่าแจกไม่ใช่เวดแล้ว..
เกิด ศัพท์เกม แปลว่าเป็นตัวฮีโร่ที่เก่งถึงที่สุดของฮีโร่ตัวนั้น ๆ แล้ว คือของครบ เลเวลสกิลครบ บางตัวจะเกิดช้ามาก ๆๆๆๆ พวกเกิดช้าส่วนมากตอนต้นเกมจะได้แต่ถูกรังแก แต่พอเกิดแล้วทุกคนต้องวิ่งหนี บางตัวเกิดเร็วมาก ๆ คือเก่งแต่ต้นเกมไม่ต้องการของ แต่พอท้ายเกมก็ไม่เท่าไหร่ (ต่อไปคือความเข้าใจของเรา) เช่นเกิดช้าคะแนนจะขึ้นจาก 1-10 เกิดเร็วคะแนนจะ 4-6 ประมาณนั้น
พี่ชายก็น่ารัก น้องชายก็ยิ่งน่าร้ากกกกก