ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) - ตอนที่ 11
Ch.11 – กลยุทธ์ใหม่
Translator : Asiran / Author
ตอนที่ 11 – กลยุทธ์ใหม่
ชอบ แล้วก็ไม่ใช่เป็นแค่ความชอบธรรมดาด้วย จากการที่เหออวี้มีความเข้าใจในเกม The Kings of Glory ลึกซึ้งขนาดนี้ เหอเหลียงนึกได้เลยว่าเขาจะต้องทุ่มเทกับมันมากแค่ไหน อย่างน้อยเหออวี้ก็ยังคิดกลยุทธ์ใหม่ที่เสี่ยงแต่เป็นไปได้นี้ออกมาได้ทั้ง ๆ ที่เหอเหลียงอยู่ทีมเทียนเจ๋อมาห้าปีเต็มก็ยังนึกไม่ถึง
นี่เป็นหลักเหตุผลที่ว่าผู้อยู่ในเหตุการณ์สับสน ผู้อยู่วงนอกกระจ่างแจ้งงั้นหรือ
นั่นไม่สำคัญอีกแล้ว ตนเองวางมือไปแล้ว แต่เหออวี้กลับแสดงออกว่าเขามีความเข้าใจเกม The Kings of Glory เป็นอย่างดี พรสวรรค์เช่นนี้หาได้ยากมาก ๆ เรื่องเทคนิคยังฝึกกันได้ ประสบการณ์ยังสั่งสมได้ แต่ความสามารถในการอ่านเกมแบบนี้นี่แหละที่ทำให้ผู้คนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับในพรสวรรค์ ผู้เล่นที่มีพรสวรรค์แบบนี้จะไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกคนหนึ่งของทีม แต่จะกลายเป็นหัวสมองที่ใช้นำทัพในเกม พวกเขาจะสามารถสั่งการได้ ทำให้คนห้าคนที่อยู่ในสนามระเบิดพลังที่มากกว่าห้าคนออกมาได้
“ลองดูเถอะ” เหอเหลียงบอกกับเหออวี้ “เกมนี้คนทั่วไปก็เล่นได้ ลองเล่นสนุก ๆ ดูก่อนเถอะ”
เหออวี้ยังเหวออยู่ หลังจากตอบคำถามของพี่ชายแล้วเขาก็รู้สึกเขินขึ้นมานิดหน่อย นี่ตอนแรกยังเป็นเรื่องที่พูดทวงความเป็นธรรมให้กับพี่ชายอยู่เลย ไป ๆ มา ๆ ทำไมกลายเป็นเรื่องพี่ชายสนับสนุนให้เขาเล่น The Kings of Glory ไปได้ล่ะนั่น
แต่ว่าเหอเหลียงพูดเพียงประโยคเดียวก็จี้ถึงจิตใจของเหออวี้แล้ว
“ถึงจะทำยังไงก็ไม่มีอะไรที่เปลี่ยนกลับคืนมาได้แล้ว”
ใช่แล้ว เวลาผ่านไปห้าปีแล้ว สุดท้ายแล้วเทียนเจ๋อก็ยังคงเหยียดหยามเหอเหลียง ยังคงใช้วิธีการเดิม ๆ ของตัวเองเพื่อชัยชนะอยู่ จะมาหาต้นสายปลายเหตุเอาตอนนี้ก็ไร้ความหมาย วันเวลาไม่อาจย้อนคืนมา สิ่งที่เหลืออยู่จากตอนที่เล่นอาชีพของเหอเหลียงก็มีเพียงความเสียใจ การที่ตนเองจะมาวิเคราะห์อย่างละเอียดแบบนี้ก็เหมือนเป็นการราดเกลือลงบนบาดแผลของเหอเหลียงเท่านั้น พี่ชายอยากจะเชื่อว่านั่นเป็นกลยุทธ์ของเทียนเจ๋อที่ทำเพื่อชัยชนะ ตนเองก็ไม่จำเป็นจะต้องทุบทำลายมัน มันจะไปมีความหมายอะไรกับพี่ชายที่วางมือแล้วกันล่ะ
ไม่มี ไม่มีเลยสักนิด
สิ่งที่ตัวเองทำมันไม่มีประโยชน์เลย
และมาตอนนี้ พี่ชายบอกให้เขาลอง ให้เขาหันไปเล่น The Kings of Glory ด้วยเหมือนกัน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาควรจะทำก็ได้ ไม่ใช่การวิเคราะห์เกมของพี่ชายอย่างไม่จบไม่สิ้นทั้ง ๆ ที่เขาได้วางมือและเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว แต่เป็นการเข้าสู่สนามรบในเกมด้วยตนเอง ให้เขาแสดงให้ทุกคนเห็นว่าการเล่นของเหอเหลียงไม่มีอะไรผิด ให้พวกเขารู้ว่าเหอเหลียงถูกดูแคลนและถ่วงรั้งเอาไว้ ให้พวกเทียนเจ๋อที่ดูเบาเหอเหลียงได้เข้าใจว่าพวกเขาพลาดอะไรไปในช่วงเวลาห้าปีนั้น
“ผมอยากลอง” เหออวี้พูดอย่างหนักแน่น
“ผ่อนคลายหน่อย นี่เป็นเรื่องดีออก ทำไมนายถึงได้จริงจังขนาดนี้” เหอเหลียงพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืม” เหออวี้ก็ยิ้มอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจของเขาก็คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องพวกนี้ให้พี่ชายฟังอีกต่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้พี่ชายแบกรับภาระพวกนี้อีกต่อไป ให้ตัวเองทำแทนก็ได้
“ไปเถอะ พูดเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวกัน” เหอเหลียงตบไหล่เขาแล้วก็เดินนำหน้าไป
“ครับ” เหออวี้พยักหน้าแล้วเดินตาม เหตุการณ์เมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่พูดถึงอีกต่อไปแต่หันไปพูดเรื่องทั่วไปแทน เหอเหลียงนำเหออวี้มาที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ตอนนี้เป็นเวลารับประทานอาหาร ในโรงอาหารเสียงดังหนวกหูมาก แถวต่อคิวก็ยาวเหยียด
“พานายทำความคุ้นเคยกับบรรยากาศก่อน จะได้ไม่ต้องออกไปกินข้างนอก” เหอเหลียงพูด
“คนโคตรเยอะ” เหออวี้ตะลึง โรงเรียนมัธยมของเขาเป็นโรงเรียนไปกลับ ไม่เคยพบเจอบรรยากาศของคนหมู่มากใช้ชีวิตร่วมกันมาก่อนเลย
“มาช้าก็งี้แหละ ไปชั้นสอง” เหอเหลียงพูด ถึงชีวิตการเป็นนักเล่นเกมอาชีพจะผ่านพ้นไปแล้วแต่มันก็ยังทิ้งอุปนิสัยบางอย่างให้กับเหอเหลียงอยู่ ทุก ๆ วันเขาต้องฝึกซ้อมอย่างยาวนาน นอกจากนั้นเขายังเรียนทางไกลอีกด้วย การเสียเวลาเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจทนทานได้เลย คิวเหรอ นั่นมันเสียเวลาสุด ๆ ในความคิดของเหอเหลียงนี่เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้เลย
“ชั้นสองเหรอครับ” เหออวี้ตามเหอเหลียงไปอย่างไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าชั้นสองมีอะไร
“มหาวิทยาลัยของเรามีโรงอาหารสามแห่ง โรงอาหารที่สองนี้คือที่ที่ใหญ่ที่สุด ชั้นสองถูกเช่าไปเป็นร้านอาหาร คนไม่มากเท่าไหร่” เหอเหลียงพูด
“อ้อ”
เหออวี้เดินตามเหอเหลียงขึ้นชั้นสอง แล้วก็พบว่ามีคนบางตากว่ามากจริง ๆ เด็กใหม่คงจะไม่รู้จักที่แห่งนี้ กลุ่มสามคนห้าคนส่วนมากแล้วก็เป็นนักศึกษาชั้นปีสูง ไม่ได้เจอกันมาตลอดช่วงปิดเทอมก็เลยมาที่นี่เพื่อเลี้ยงฉลองการได้พบกันใหม่ แต่จะอย่างไรนี่ก็เป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัย ถึงจะมาฉลองกันก็ไม่กล้าส่งเสียงดังมาก สถานการณ์โดยรวมยังถือว่าสงบเงียบ เสียงที่ดังที่สุดบนชั้นที่สองนี้ก็คือโทรทัศน์หลายเครื่องที่ห้อยลงมาจากเพดานเป็นระยะซึ่งส่งเสียงดังออกมาตลอดเวลา เสียงที่ถูกส่งออกมาก็คือสิ่งที่ไม่ได้พบมานานจนรู้สึกคิดถึง
“สวัสดีครับเพื่อน ๆ ท่านผู้ชมทุกคน นี่ก็คือเกมเปิดซีซั่นของฟอลซีซั่นประจำปีนี้ ทั้งสองฝ่ายที่จะมาเผชิญหน้ากันก็คือแชมป์ประจำสปริงซีซั่นของเราทีมอีสือกวงกับรองแชมป์ทีมเทียนเจ๋อ ผมผู้บรรยายเกมลู่โหยว”
“ผมผู้บรรยายเกมถวนจือ”
บนโทรทัศน์ฉายรายการเกมเปิดสนามของฟอลซีซั่นของ KPL ซึ่งกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ผู้บรรยายลู่โหยวกับถวนจือเป็นผู้บรรยายเก่าแก่ที่สุดสองคนของ KPL เกมสำคัญ ๆ เกือบทั้งหมดจะถูกส่งให้พวกเขาเป็นผู้บรรยาย แล้วก็กล่าวได้ว่าพวกเขาสองคนถือเป็นอาจารย์ผู้สั่งสอนวิชา The Kings ให้เหออวี้อีกด้วย ในวันแรกที่เหออวี้สนใจดู The Kings of Glory ก็เป็นเกมอาชีพของ KPL ฮีโร่อะไรก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ฟังสองคนนี้อธิบายไปแล้วค่อย ๆ ทำความเข้าใจเกมเกมนี้อย่างช้า ๆ ในซีซั่นที่หนึ่งก็ยังเป็นสองคนนี้ว่าอะไรก็ว่าตามกันอยู่ พอมาถึงซีซั่นที่สองเหออวี้ก็เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง พอซีซั่นที่สามเขาก็เริ่มมีความคิดที่แตกต่างจากทั้งสองคนนี้ หลังจากนั้นเมื่อสังเกตดูเกมการแข่งขันไปเรื่อย ๆ เหออวี้ก็พบว่าความคิดของตัวเองมีอัตราความถูกต้องเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเข้าใจในเกม The Kings of Glory ของเขาอยู่เหนือกว่าผู้บรรยายเกมเก่าแก่ทั้งสองคนแล้ว แต่นี่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความชอบที่เขามีต่อทั้งสองคน มาตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงอันแสนคุ้นเคยของทั้งสองคนอีกครั้ง เหออวี้ก็รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ตั้งใจดู KPL ห้าปีนั้น
เหออวี้แอบเหลือบดูพี่ชาย พบว่าบนใบหน้าของเขาไม่มีสีหน้าแปลกประหลาด เขากลับมาเลือกที่นั่งดี ๆ ที่จะเห็นโทรทัศน์ชัด ๆ แล้วเรียกเขา “มา มากินไปดูไปเถอะ”
“ยังอีกนานเลยนะครับ” เหออวี้นั่งลงแล้วพูด
“ช่างเถอะ ที่นี่ก็ไม่ได้เสิร์ฟอาหารเร็วขนาดนั้น” เหอเหลียงพูดแล้วก็เริ่มสั่งอาหาร เหออวี้เงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์ ฟังเสียงที่ไม่ได้ยินมานาน มองดูภาพที่ไม่ได้เห็นมานาน แล้วก็ได้ยินเสียงจากโต๊ะของนักศึกษาที่อยู่ไม่ไกลออกไป
“เป็นเทียนเจ๋อเจอกับอีสือกวงล่ะ”
“โจวจิ้นกับโหยวย่าลงของเทียนเจ๋อไม่ใช่ว่าเพิ่งจะมาทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยของเราเหรอ ฉันเห็นอยู่นะ”
“ไม่ใช่กิจกรรม แต่เป็นชมรม The Kings ถือโอกาสที่คนเขามาแข่งที่ตงเจียงแล้วเชิญคนมาขึ้นเวที พูดไม่กี่คำก็กลับไปแล้ว”
“แต่นี่ก็เกือบจะถึงเวลาแข่งอยู่แล้ว ก่อนเริ่มเกมยังวิ่งมาที่มหาวิทยาลัยของเราอีก นี่ก็ไว้หน้าพวกเรามากเลยนะ ใช่ปะ”
“นั่นก็จริง ถึงสนามแข่งมันจะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของเราสุด ๆ แต่ยังเดินมาหาก่อนแข่งได้ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของซูเก๋อกับพวกเขาจะไม่ธรรมดาจริง ๆ!”
“ซูเก๋อที่พวกเขาพูดถึงคือ?” เหออวี้ได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามพี่ชาย
“เป็นนักศึกษาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ โจวจิ้นกับโหยวย่าจงไงล่ะ เป็นประธานชมรม The Kings of Glory ได้ยินว่ามีระดับไม่เลวเลยด้วย ทีมที่เขาตั้งขึ้นก็ครอบครองตำแหน่งแชมป์ของลีกภายในมหาวิทยาลัยมาตลอดเลย” เหอเหลียงบอกกับเหออวี้
“อ้อ” เหออวี้พยักหน้า จดจำนักศึกษาชายคนนั้นที่เป็นพิธีกรในงานสัมภาษณ์โจวจิ้นกับโหยวย่าจงขึ้นมาได้ทันที หน้าตาโดดเด่น ท่าทางสง่างาม พูดจาก็คล่องแคล่ว มีความประทับใจแรกพบที่ยอดเยี่ยมมาก ถ้าเกิดว่าโจวจิ้นกับโหยวย่าจงไม่มีรัศมีของความเป็นนักเล่นเกมอาชีพอยู่ล่ะก็ไม่มีวันที่จะน่าดึงดูดใจได้มากกว่าซูเก๋ออย่างแน่นอน
“ลีกภายในมหาวิทยาลัยนั่นคืออะไรเหรอครับ” ก่อนหน้านี้ตอนที่เหออวี้ถูกดึงเข้าไปเล่นเกมในสนามรบฉางผิงนั่น หลังจากนั้นก็ได้ยินคำพูดนี้เหมือนกัน เพียงแต่ตอนที่ได้ยินนั้นไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร
“เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดยชมรม The Kings น่ะ นักศึกษาสามารถจะร่วมทีมเพื่อเข้าแข่งขันได้ นายก็ลองดูได้นะ” เหอเหลียงพูดยิ้ม ๆ
เหออวี้นึกถึงคำเชื้อเชิญของเกาเกอขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระตือรือร้นอย่างยิ่งขึ้นมา
ทั้งสองคนพูดกันตามสบาย ร้านอาหารของขั้นสองก็เป็นอย่างที่เหอเหลียงบอกจริง ๆ ความเร็วในการเสิร์ฟอาหารไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนที่อาหารจานแรกมาเสิร์ฟ ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายก็เริ่มการแข่งขันแล้ว โจวจิ้นเปลี่ยนชุดจากชุดตามสบายที่ใส่มาที่มหาวิทยาลัยตงเจียงเป็นเครื่องแบบของทีมเทียนเจ๋อ เดินนำอยู่ข้างหน้าในฐานะกัปตันทีม เมื่อเดินเข้ามาในสนามก็ได้รับเสียงตะโกนเชียร์ดังกึกก้อง ในฐานะที่เป็นผู้เล่นมือเก่าที่แข่งขันใน KPL มาหลายปี โจวจิ้นได้สั่งสมแฟนคลับมาพอสมควรทีเดียว ในการโหวตผู้เล่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทุก ๆ ปีไม่เคยร่วงลงจากห้าอันดับแรกเลย
แต่เมื่อผู้เล่นของอีสือกวงเดินออกมา เสียงเชียร์ในสนามก็ยิ่งเพิ่มระดับความร้อนแรงขึ้นไปอีก สาเหตุหนึ่งก็คือสนามตงเจียงแห่งนี้เป็นสนามเหย้าของทีมอีสือกวง อีกอย่างก็คือกัปตันทีมอีสือกวง ตัวฟาร์มป่าชื่อหลี่เหวินซานได้รับการยอมรับเป็นตัวป่าอันดับหนึ่งของ The Kings ความนิยมในตัวเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากโจวจิ้น แล้วในเกมสปริงซีซั่นในครึ่งปีแรกของปีนี้ก็ยังเอาชนะเทียนเจ๋อแล้วคว้าแชมป์มาได้ด้วย ถือเป็นช่วงเวลาที่เรียกลมเรียกฝนได้ตามใจ เสียงกระหน่ำเชียร์รอบนี้กลบเสียงเชียร์ของแฟนเทียนเจ๋อก่อนหน้านี้จนมิด
เทียนเจ๋อที่เป็นทีมเยือนย่อมไม่ไปพยายามทำเรื่องแบบแข่งขันเสียงเชียร์กับทีมเหย้าพวกนั้น ทั้งสองทีมต่างเข้าไปจับมือกันและกัน ใบหน้ายิ้มแย้ม บางครั้งบางคราวก็เห็นมีการพูดคุยกันเล็กน้อย ดูแล้วก็ยากที่จะเชื่อว่านี่เป็นทีมศัตรูที่เพิ่งจะต่อสู้ช่วงชิงตำแหน่งแชมป์ของซีซั่นที่แล้วมาเอง
แต่หลังจากที่ทั้งสองทีมเข้าประจำตำแหน่งเล่นเกมแล้วก็ต่างลบเลือนรอยยิ้มไปจนหมดสิ้น
“เอาล่ะ ตอนนี้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายประจำตำแหน่งแล้วครับ และเกมก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว พวกเราก็รู้ว่าถึงเกมสปริงซีซั่นจะเป็นอีสือกวงที่เอาชนะเทียนเจ๋อไปได้ แต่ทีมเทียนเจ๋อตอนนั้นขาดกัปตันอย่างโจวจิ้นไป! มาตอนนี้โจวจิ้นนั่งประจำตำแหน่งแล้ว ไม่รู้ว่าอีสือกวงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมเทียนเจ๋อที่มาครบทีมแล้วจะยังรักษาสภาพจิตใจที่ได้เปรียบของผู้ชนะได้หรือไม่นะครับ” ผู้บรรยายลู่โหยวกล่าว
“เรื่องนี้ผมเชื่อว่าอีสือกวงจะต้องทำการบ้านมาก่อนแล้วแน่ สำคัญมากที่จะต้องเน้นย้ำกับผู้เล่นว่าอย่าได้เอาสภาพจิตใจแบบที่พบกับเทียนเจ๋อในเกมตัดสินซีซั่นที่แล้วมาในการเล่นเกมวันนี้ เทียนเจ๋อที่มีโจวจิ้นกับไม่มีโจวจิ้นเป็นคนละทีมกันเลย!” ผู้บรรยายถวนจือพูดเสริม
“พูดก็ถูก ตอนนี้ทั้งสองทีมมาถึงช่วง BP แล้วครับ อีสือกวงที่เป็นทีมเหย้าจะได้เลือกการแบนแรก แบนแรกก็คือ…มาแล้ว! นี่มันคาดไม่ถึงจริง ๆ เลยครับ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นการจัดเตรียมล่วงหน้าตั้งแต่ตอนเตรียมทีมแล้ว แบนแรกเป็นจูเก่อเลี่ยง แบนตัวของโจวจิ้น”
“ก็นะ จู่เก่อเลี่ยงในเวอร์ชั่นปัจจุบันอาจจะไม่ได้เป็นเมจที่แข็งแกร่งมาก เพื่อน ๆ ทุกคนเวลาไต่แรงค์ก็คงมีน้อยคนที่จะเลือกแบนเขา แต่ว่านี่มันไม่เหมือนกัน จูเก่อเลี่ยงของโจวจิ้นในระบบการเล่นของทีมเทียนเจ๋อแล้วถือว่าเป็นตัวที่มักจะกำหนดจังหวะการเล่นเกม การแบนตัวนี้ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นการแบนที่พุ่งเป้าไปที่โจวจิ้นคนเดียว แต่เป็นการพุ่งเป้าไปที่ระบบการเล่นของเทียนเจ๋อทั้งทีม”
“พูดก็ถูก”
ทั้งสองคนอธิบายอย่างเข้าขากัน คุณพูดประโยคหนึ่งฉันพูดประโยคหนึ่ง ต่างก็วิเคราะห์ขั้นตอน BP ของทั้งสองฝ่าย อาหารกับสี่ซุปหนึ่งของเหอเหลียงเองก็มาครบหมดแล้วตอนที่ขั้นตอน BP เสร็จสิ้น
“นายคิดว่าไลน์อัพแบบนี้เป็นยังไง” เหอเหลียงถามเหออวี้
“ไม่ได้สนใจดูมาหนึ่งปีแล้ว ดูก่อนค่อยพูดดีกว่าครับ” เหออวี้ไม่ระบุความเห็นออกไปง่าย ๆ กีฬาอีสปอร์ตมีความแตกต่างจากกีฬาประเภทอื่น ๆ เพราะว่าเกมมีการอัพเดตเวอร์ขั่นอยู่เสมอ จะต้องมีอุปกรณ์ที่ถูกปรับเปลี่ยน สกิลฮีโร่ถูกปรับเปลี่ยน หรือแม้แต่มีฮีโร่ใหม่ ๆ เข้ามาเป็นต้น วิธีการเล่น สกิลเพลย์ กลยุทธ์ ฯลฯ ก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนมากบ้างน้อยบ้างอยู่ตลอดเวลา
ไม่ได้สนใจดูมาหนึ่งปี สำหรับปีนี้ The Kings of Glory มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเหออวี้ก็ไม่ทราบชัด ดังนั้นในช่วง BP ของทั้งสองฝ่ายจึงระมัดระวังไม่ได้ตัดสินอะไรลงไป
ท่าทีเช่นนี้ของเขาเหอเหลียงย่อมต้องชื่นชมมาก บนในหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มจากใจขึ้นมา แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นพร้อม ๆ กับเหออวี้เพื่อรับชมเกมที่หน้าจอโทรทัศน์ก็ได้เห็นการเดินเกมเริ่มต้นของทีมเทียนเจ๋อพร้อมกันทั้งสองคน
ภายใต้การนำทีมของจางสือฉือซึ่งได้เลือกฮีโร่สายแครี่ที่เขาเชี่ยวชาญมาเหมือนแต่ก่อน แต่ก็กลับทำไม่เหมือนที่เหออวี้กับเหอเหลียงคุ้นเคยคือรับการคุ้มครองจากเพื่อนร่วมทีมเพิ่มเลเวลอย่างสบายใจ ตั้งแต่เริ่มเกมเขาก็เดินตามตัวฟาร์มป่ากับซัพพอร์ตของทีมเทียนเจ๋อไปเวดป่าของฝ่ายตรงกันข้ามด้วยกัน
กลยุทธ์เกมที่เหออวี้คิดเอาไว้ เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาคนทั้งสองแล้ว
……………………………………………………………….
ตอนหน้าก็เกมอีกแล้ว น้ำตาจิไหล TT