ช่วงเวลาแห่งราชา (เกมออนไลน์) - ตอนที่ 23
Ch.23 – เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย
Translator : Asiran / Author
ตอนที่ 23 – เฝ้าต้นไม้รอกระต่าย
ผู้เล่นทั่วไปในแต่ละแรงค์มีระดับอยู่ที่ประมาณไหน ที่จริงแล้วเหออวี้ก็ไม่รู้คำตอบเลย เขาเพียงแต่เคยได้ยินนักข่าวสัมภาษณ์นักเล่นเกมอาชีพว่าถ้าเกิดพวกเขาต้องเข้าเกมไปลงเล่นเดี่ยวแล้วจะอยู่ที่แรงค์ระดับไหน นักเล่นเกมส่วนมากก็ตอบกันไปขำ ๆ อย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้เอาปัญหาข้อนี้มาครุ่นคิดจริงจัง คำตอบที่เหออวี้มีความทรงจำให้เป็นพิเศษต่อเรื่องแรงค์นี้มีเพียงคำตอบของผู้เล่นทีมซานกุ่ยที่เป็นผู้เล่นสายซัพพอร์ตเต็มตัวสูเฮ่อเสียงว่า “ขึ้นอยู่กับว่าต้องแบกหนักแค่ไหน”
คำตอบนี้ฟังดูตลกดีแต่ที่จริงแล้วก็ตรงประเด็นมาก พวกซัพพอร์ตค่อนข้างจะพิเศษ พวกเขาสามารถจะเพิ่มระดับความสามารถของทีมทั้งทีมได้ แต่จะอย่างไรก็ยังไม่ใช่ตัวที่จะเข้าไปลุยเดี่ยวจบการต่อสู้ได้ ความสามารถต่อสู้ขั้นสูงสุดของทีมสุดท้ายแล้วก็ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของเพื่อนร่วมทีม คำตอบของสูเฮ่อเสียงกล่าวได้ว่าตัวซัพพอร์ตคนนี้มีความตระหนักรู้เป็นอย่างดี แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเขามีความตระหนักรู้ในสถานการณ์ของเกมและมีจังหวะการเล่นที่ที่ดี การควบคุมก็ยอดเยี่ยมโดดเด่น ถึงจะไปเล่นตำแหน่งอื่น ๆ ในหมู่ผู้เล่นทั่วไปก็เพียงพอที่จะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ถึงจะไปลงเดี่ยวในแรงค์ conqueror ร้อยดาวก็ไม่มีปัญหา แต่จะอย่างไรสุดท้ายแล้วก็แปลว่าเขาก็ไม่ได้เล่นซัพพอร์ตนี่นะ
ลงเดี่ยวในแรงค์ conqueror ร้อยดาว นี่ก็คือคุณสมบัติของนักเล่นเกมอาชีพในสายตาคนทั่วไปในยุดปัจจุบัน ส่วนที่ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ดาวไปถึงเท่าไหร่นั้นมีคนได้ไปถามนักเล่นเกมอาชีพคนหนึ่ง จากนั้นก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า : มันเป็นเรื่องของเวลา ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคการเล่น
ความหมายก็คือ แม้พวกเขาจะไม่กล้าพูดว่าจะชนะได้ตลอด แต่อย่างน้อยก็รักษาอัตราชนะมากกว่า 50% ได้ จำนวนดาวย่อมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่สามารถลงเล่นได้จากระบบการจับคู่ของเกม
นี่ก็คือกลุ่มคนที่เหออวี้สนใจความแข็งแกร่งมาตลอดในอดีต นอกจากนั้นแล้วเขาก็แปลกหน้ามาก เพียงเมื่อวานนี้เขาได้รับการสั่งสอนถึงระดับความแข็งแกร่งของแรงค์ bronze แล้ว ทั้งหมดทั้งมวลสรุปได้เพียงสี่คำ นั่นก็คือ : เล่นไม่เป็นเลย
ส่วน platinum และ diamond นั้น เมื่อวานนี้อาเคอของคนที่ชื่อฉือลิ่วเย่นั่นก็บอกว่าตัวเองเป็น platinum เหออวี้เองเห็นว่าเขาก็มีความคิดอยู่บ้าง อย่างน้อยก็รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ในเกม เมื่อเทียบกับผู้เล่น bronze ที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วมีประโยชน์กว่ามาก
“ก็พอได้มั้งครับ” ดังนั้นเขาจึงได้พูดออกมา
“สำหรับเกมที่นายเล่นเมื่อคืนก็พอแน่ ๆ” เกาเกอกล่าว
“โอเคครับ ถ้ามีโอกาสได้เล่นด้วยกันก็รู้เองแหละ” เหออวี้พูด
“แทนที่จะไปหวังกับพวกเขาก็ไม่สู้เริ่มเคลื่อนไหวก่อนดีกว่า” เกาเกอพูด
“พูดอะไรน่ะครับ” เหออวี้ถาม
“ฉันเห็นตารางเรียนของห้องพวกนายแล้ว ตอนบ่ายไม่มีงาน นายมีหน้าที่รับผิดชอบเฝ้าต้นไม้รอกระต่าย” เกาเกอพูด
“เฝ้าต้นไม้รอกระต่ายเหรอครับ” เหออวี้ไม่เข้าใจ
“ที่จริงรอไปก็ไม่ได้ผลหรอก ต้องไปจับกระต่ายต่างหากล่ะ” โจวม่อพูดอย่างมีลับลมคมใน
เหออวี้เริ่มมีปฏิกิริยาเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว “ก็คือไปที่สนามแล้วรับสมัครคนใหม่ใช่ไหมครับ”
“ความตระหนักรู้ไม่เลว ถูกต้อง” เกาเกอชม
“สาเหตุหลักก็คือพวกเราสองคนล้วนมีคาบเรียนตอนบ่าย ดังนั้นก็ได้แต่ให้นายลำบากแล้วนะ…” โจวม่อพูดอย่างขอโทษขอโพยอยู่บ้าง
“โอเค ไว้เป็นหน้าที่ผมเอง!” เหออวี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ “ผมยังควบคุมการเล่นไม่เก่งเท่าไหร่ แต่ว่าการตัดสินระดับของคนคนหนึ่งผมก็ยังมีสายตาอยู่บ้าง”
“อ้อ ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก แค่ดูแรงค์ก็พอแล้ว” โจวม่อกล่าว
“ฮา ๆๆ” เกาเกอหัวเราะเสียงดังอย่างไร้ความเป็นกุลสตรี เหออวี้ได้แต่มีสีหน้าหดหู่เศร้าหมอง รุ่นพี่โจวม่อคนนี้ คนก็เป็นคนดีอยู่หรอก แต่ว่าก็จริงจังไปหน่อย เรื่องแค่นี้ดูก็รู้แล้ว ไม่ต้องแฉออกมาก็ได้!
“มา ฉันช่วยนายขนโต๊ะไปก่อน” โจวม่อไม่ได้สังเกตเห็นแต่ยังคงพูดต่อไปอย่างใจดี
“อืม” เหออวี้ได้แต่ตอบรับและตามเขาออกไปอย่างหดหู่
ก็เป็นแค่ทีมที่มีสองคน ไม่ว่าจะเป็นสถาบันหรือภาควิชาก็ไม่สามารถให้ที่ตั้งชมรมอะไรกับพวกเขาได้ โต๊ะกับม้านั่งที่คลื่น7 ใช้รับสมัครคนต่างก็เป็นสิ่งที่นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์หยิบยืมมาชั่วคราวได้ ทั้งสามคนเคลื่อนย้ายไปที่สนามพร้อมกัน แต่กลายเป็นว่าวันนี้ความเคลื่อนไหวของชมรมใหญ่อื่น ๆ มันรวดเร็วกว่าหนึ่งก้าว สองข้างทางเดินล้วนถูกจับจอง ทั้งสามคนไม่มีทางเลือกอื่น ได้แต่เดินไปที่สุดปลายแถว สรุปก็คือเป็นพื้นที่ห่างไกล และพวกเขาก็อยู่ใกล้กับพวกชมรมที่ดูตกต่ำสุด ๆ เป็นโต๊ะของพวกที่ไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหนได้
“งั้นก็ที่นี่แหละ นายเฝ้าไว้นะ” เกาเกอกล่าว
“ผมลองดูแล้วกัน…” เพราะว่าโดน “ดูแรงค์ก็พอแล้ว” โจมตีใส่เต็ม ๆ ทำให้เหออวี้เริ่มขาดความมั่นใจขึ้นมา
“เวลามีคนเหลือบมองมานายก็ถามเขาดูได้” โจวม่อสอนจากประสบการณ์
“โอเคครับ” เหออวี้พยักหน้า
“ถึงเวลากินข้าวนายก็ไปได้เลย ทิ้งของไว้แบบนี้ก็ไม่เป็นไร” โจวม่อพูดต่อ
“นายนี่ก็พูดมากจังเลย คนเขาดูไปแล้วยังฉลาดกว่านายอีกโอเคปะ” เกาเกอพูดอย่างหมดความอดทน จากนั้นก็ชกใส่เหออวี้ หลังจากพูดให้กำลังใจกันสุด ๆ สักพักแล้วก็หันหลังเดินจากไป
โจวม่อเองก็เดินตามไป เหออวี้นั่งอยู่บนม้านั่งหลังโต๊ะ วางป้ายชื่อ “ทีมคลื่น7” ตั้งบนโต๊ะ แล้วเริ่มสังเกตดูนักศึกษาที่ผ่านไปผ่านมาอย่างอดทน
ความห่วยแตกของสถานที่ที่อยู่สุดปลายนี้แสดงออกมาอย่างรวดเร็ว พวกนักศึกษาที่เดินผ่านมาทางนี้ บ้างก็แค่ดู ๆ ไปก่อนไม่คิดจะเข้าร่วมอะไร บ้างก็เพิ่งจะกลับออกมาจากที่ที่คึกคัก ไม่ว่าจะเป็นเข้าชมรมไปแล้วหรือยังไม่คิดจะเข้าชมรม สรุปก็คือล้วนไม่มีใครสนใจเลย เหออวี้เห็นหลายครั้งว่ามีคนมองดูรอบ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนทักทาย คนยังไม่ได้ถามอะไรก็เดินจากไปแล้วทั้งนั้น
หลังจากทักนักศึกษาไปหลายคน เหออวี้ก็ได้รู้ซึ้งถึงความยากลำบากแล้ว มองดูเพื่อนบ้านที่อยู่รอบ ๆ อย่างเวิ้งว้างว่างเปล่า มีคนที่เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา ไม่มีใครที่จริงจังและกระตือรือร้นเท่าเขาอีกแล้ว เหออวี้ลุกขึ้นไปมองดูป้ายชื่อของพวกเขา อันนั้นที่คนไม่มองเลยเรียกว่า “กลุ่มรีดผ้า” นี่มันคืออะไร เหออวี้คิดไปร้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจ
แล้วคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาซึ่งเล่นโทรศัพท์มือถือมาตลอดโดยไม่เคยเงยหน้าขึ้นเลย สิ่งที่เขียนอยู่บนป้ายชื่อก็คือ “กลุ่มโปรแกรมศึกษาต่างประเทศ” นี่ก็อีกอันที่เหออวี้ไม่เข้าใจสักนิด
มองไปข้างหน้า “กลุ่มขอบขนมปัง” “กลุ่มศึกษาเขตหนานหู” “กลุ่มรูบิคกระจก”…
พอเห็นชมรมพวกนี้ที่ร้างคนพอ ๆ กับทีมคลื่น7 ของพวกเขา จิตใจของเหออวี้ก็เหมือนกับเมื่อคืนตอนที่เพิ่งจะได้ร่วมเล่นแรงค์ bronze ไม่มีผิดเพี้ยน : นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย
ชมรมของนักศึกษาไม่ได้มาจากการจัดการของมหาวิทยาลัย แต่เหออวี้ที่เพิ่งขึ้นมาจากระดับมัธยมมองดูไปแล้วก็เห็นว่ามหาวิทยาลัยตงเจียงนั้นสุดยอดมาก ๆ เจ้าชมรมประหลาด ๆ พวกนี้ก็ยังได้รับการเห็นชอบด้วยหรือ ดูเหมือนว่าสปิริตของมหาวิทยาลัยตงเจียงนี่มันช่างให้อิสรเสรีกันซะเหลือเกิน
ในทางตรงกันข้ามเหออวี้รู้สึกว่าพวกเขาที่เป็นทีมเล่น The Kings of Glory แบบนี้พูดได้ว่าเปิดกว้างมาก เขากลับไปนั่งที่ด้วยความมั่นใจเต็มร้อยและพูดคุยกับคนที่สบตาด้วยอย่างกระตือรือร้นต่อไป ตอนที่ท้อแท้ขึ้นมาก็จะมองไปที่ “กลุ่มขอบขนมปัง” มองไปที่ “กลุ่มศึกษาเขตหนานหู” แล้วได้รับแรงใจกลับมาทันที
“เพื่อนเล่น The Kings of Glory ไหม ทีมคลื่น7 ยินดีต้อนรับมาเข้าร่วมด้วยนะ” มีสายตากราดมองมา เหออวี้ ลุกขึ้นยืนและเรียกออกไปทันทีแทบจะตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งพูดจบแล้วถึงได้เห็นคนชัด ๆ จนอึ้งไปทันที เพื่อน ๆ ที่อยู่ข้างกายอีกฝ่ายหัวเราะออกมาแล้ว
“ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมเนี่ย”
“เกรงว่าไม่ใช่”
“น่าแปลกจัง มีคนถามประธานชมรม The Kings of Glory ด้วยว่าเล่น The Kings of Glory รึเปล่า”
“จริง แล้วเขาก็ยังชักชวนซูเก๋อให้เข้าร่วมด้วยอย่างอบอุ่นสุด ๆ ไปเลยด้วย”
“ฮาฮาฮา ซูเก๋อ นายว่าไงล่ะ”
เหลือเชื่อที่ผู้ที่เดินผ่านไปผู้นี้กลับกลายเป็นประธานของชมรม The Kings of Glory ซึ่งในความคิดของนักศึกษาตงเจียงทั้งหมดแล้วแล้วเป็นคนที่เล่น The Kings of Glory เก่งที่สุด
………………………………………….
มาถึงตอนนี้เราเพิ่งรู้ตัวว่าทีมอื่นเราใช้ชื่อพินอินหมด แต่ทีมพระเอกดันแปลชื่อ…ก็คิดซะว่าเป็นสิทธิพิเศษของพระเอกแล้วกันนะคะ