ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 2 นางงูพิษ
สายตาเย็นเยียบหลุบต่ำด้วยความปวดร้าว
เธอว่ายน้ำไม่เป็น เวลาที่จมอยู่ในน้ำก็นานกว่าเฉินเชียนโหรว ไหนจะตอนนี้เธอเองก็เพิ่งฟื้น แม้ว่าความคับแค้นในใจจะมากมายเพียงไหน ก็ยากที่จะระบายมันออกมาได้หมด
“เธอนี่เลวได้ใจจริงๆ”
เฉินเชียนโหรวหัวเราะเสียงเย็น
“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ชาตินี้ทั้งชาติเธอก็ไม่มีวันรู้จักกับความสำเร็จหรอก เพราะเธอเอาแต่เกาะพี่เหิงไม่ยอมปล่อย!”
“เธอเอายางอายไปเก็บไว้ตรงไหน เฉินเชียนโหรว! ใครๆ เขาก็รู้กันทั่วว่าจือซูเหิงเป็นคู่หมั้นของฉัน! เธอคิดว่าพวกเขาโง่นักหรือไง!”
เฉินเชียนโหรวหัวเราะร่าออกมาจนตัวงอ
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว…พี่ยังมองว่าคนพวกนั้นฉลาดอยู่อีกเหรอ?”
“…”
ไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมา เฉินฝานซิงทำได้เพียงจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาเย็นชา
จริงอย่างที่เฉินเชียนโหรวพูด พวกนั้นก็โง่กันหมดทุกคน!
เห็นชัดๆ ว่ามันเป็นแผนสกปรก แต่กลับเชื่อเธออย่างสนิทใจไปเสียทุกครั้ง
ถึงขนาดว่าหากเฉินเชียนโหรวหกล้มขึ้นมาวันไหน ก็คงมีคนที่รักเธอหลงเธอออกมาร้องห่มร้องไห้ปานน้ำตาจะเป็นสายเลือด!
โง่ งี่เง่าที่สุด!
รวมทั้งตัวเธอเองด้วย!
“อะไรกัน? พี่ยังไม่แน่ใจอีกเหรอ งั้น…”
ท่าทีของเฉินเชียนโหรวเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา สีหน้าที่ดูไร้พิษสงจ้องมองพี่สาว พลางยื่นมือไปคว้าแขนเธอเอาไว้
“พี่คะ เป็นความผิดของฉันเอง…”
“อย่ามาแตะนะ!”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเข้ามาใกล้และมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เฉินฝานซิงก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
เธอยกแขนขึ้นปกปิดร่างกาย เพื่อปฏิเสธสัมผัสจากน้องสาว
ร่างของเฉินเชียนโหรวเสียหลักจนเซไปเล็กน้อย กระบอกน้ำร้อนที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของเธอตกลงสู่พื้นเสียงดัง เพล้ง!
หยดน้ำสาดกระจาย!
เสียงร้องน่าสงสารก็พลันดังขึ้น
“โอ๊ย…เจ็บ!”
“ฝานซิง เธอทำอะไร?!”
น้ำเสียงแข็งกร้าวดังขึ้นจากด้านหลัง
เฉินฝานซิงหันขวับกลับไปมอง บัดนี้ร่างสูงตรงประตูได้ย่างสามขุมเข้ามาใกล้
เธอเห็นเพียงสายตาของซูเหิงที่มองมาอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะถูกผลักออกไปให้พ้นทาง
ร่างกายที่อ่อนแอเป็นทุนเดิมโดนผลักไปกระแทกกับราวกั้นอีกด้านหนึ่ง ความเจ็บระบมแล่นขึ้นมาถึงช่วงเอว!
ใบหน้าซีดมากกว่าเดิม สองมือเกาะราวจับด้านหลังไว้แน่นหวังให้ช่วยพยุงตัว
สายตาเยือกเย็นมองฉากตรงหน้าซึ่งเป็นเครื่องตอกย้ำความโง่เขลาของตัวเองได้อย่างดี
รู้ทั้งรู้ว่าคนหน้าเนื้อใจเสืออย่างเฉินเชียนโหรวไม่มีทางเข้ามายั่วโทสะเธอเล่นโดยไม่มีแผนในใจ แต่สุดท้ายเธอก็กลับถูกน้องสาวตลบหลังเข้าอีกครั้งจนได้
เธอก็รู้ว่าซูเหิงไม่ใช่คนโง่ แต่เขาก็กลับ…
“พี่เหิง เจ็บจังเลย…”
ซูเหิงได้ยินดังนั้นก็ยืดตัวขึ้นเพราะคำพูดของเฉินเชียนโหรวทำเอาเขาอยู่ไม่สุข
“อดทนไว้ ฉันจะพาเธอไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
เขาว่าพลางโน้มตัวลงประคองเฉินเชียนโหรวเข้าสู่อ้อมแขน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉินฝานซิงเงียบๆ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม
“กลับห้องเธอไปก่อน อีกสักพักฉันจะตามไป!”
เฉินฝานซิงยิ้มหยัน แววตาเต็มไปด้วยความถากถาง
จวบจนซูเหิงอุ้มเฉินเชียนโหรวเดินจากไป เฉินฝานซิงจึงได้แค่นหัวเราะออกมา
ไม่ไกลนักใต้ต้นจือจื่อฮวา หญิงชราบนเก้าอี้วีลแชร์มองดูเหตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ
“ไหลหรงอา เมื่อกี้เธอเห็นหรือเปล่า”
หญิงชราถามขึ้น ดวงตาแหลมคมคู่นั้นเหม่อมองไปยังที่ที่เฉินฝานซิงยืนอยู่ไกลๆ
หญิงรับใช้ข้างกายอายุราวห้าสิบปีขานรับนอบน้อม “เห็นแล้วค่ะนายหญิง”
“เหอะ นางงูพิษ คิดลูกไม้กระจอกๆ ได้แค่นี้เหรอ โง่สิ้นดี!” หญิงชราหัวเราะหยันแล้วสบถอย่างโมโห
“ไม่ใช่ว่าเด็กผู้หญิงอีกคนโง่กว่าหรอกเหรอคะ ขนาดลูกไม้ตื้นๆ แค่นั้นยังจัดการไม่ได้”
หญิงชราส่ายหน้า ความเฉียบแหลมฉายชัดในแววตา
“ผิดแล้วล่ะ ไหลหรง”
“นายหญิงโปรดให้ความกระจ่างด้วย”
“เด็กผู้หญิงอีกคนน่ะซื่อตรงเกินไป เพราะตัวเองเกลียดและไม่คิดทำที่สิ่งที่ผิดศีลธรรมอันเกินขอบเขตของความเป็นมนุษย์! เธอเลยนึกไม่ถึงว่าบนโลกนี้ยังมีคนหน้าด้านที่กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนี้ได้จริงๆ”
ไหลหรงพยังหน้ารับ “เข้าใจแล้วค่ะ นายหญิง”
หญิงชรามองเฉินฝานซิงไปอีกครู่ใหญ่ แล้วเอ่ยขึ้น
“จะว่าไป ก็ไม่ค่อยเข้าท่าเลย…”
เธอพึมพำขึ้นมาอีกสักพัก ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“นิสัยใจคอถือว่าไม่เลวเลย ไปเรียกเธอมาให้ฉันได้เห็นหน้าชัดๆ หน่อยสิ”
คนเป็นบ่าวได้ยินดังนั้นก็มีท่าทีหนักใจ
“แต่คุณชายใกล้จะถึงมาแล้ว หากเห็นว่าปล่อยให้คนนอกเข้ามาในสวนนี้ละก็…”
“ทำไม มันจะฆ่าฉันรึ?!”
หญิงชราบุ้ยปากขัดใจ ในน้ำเสียงติดจะหมั่นไส้หลานชายตัวเองอยู่นิดๆ
ไหลหรงยิ้มเจื่อน “ได้ค่ะๆ! จะไปเรียกให้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ!”
ขณะที่พูดกันนั้น ประตูรั้วที่ขนาบด้วยต้นไห่ถงไว้ทั้งสองทางก็เคลื่อนตัวออก