ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 279 คืนนี้เราฮิตดื่มนมกัน / ตอนที่ 280 เขายังกินอาหารสุนัขได้อีกสักมื้อ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 279 คืนนี้เราฮิตดื่มนมกัน / ตอนที่ 280 เขายังกินอาหารสุนัขได้อีกสักมื้อ
ตอนที่ 279 คืนนี้เราฮิตดื่มนมกัน
เฉินฝานซิงพยักหน้ารับอย่างเรียบเฉย “คุณชายอินเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้”
คิ้วสีหมึกขมวดเข้าหากัน ความขุ่นมัวก่อเกิดขึ้นในแววตาขอเขา “ผู้มีพระคุณอะไร”
อีกด้านหนึ่ง ลี่ถิงเซินได้มองมายังป๋อจิ่งชวนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง ก่อนจะยกคิ้วขึ้นแล้วเอ่ยว่า “หรือว่าผู้หญิงที่ตกน้ำจากดาดฟ้าเรือในวันนั้นคือเธอเหรอ”
สายตาของป๋อจิ่งชวนเคลื่อนไปหยุดที่ลี่ถิงเซิน
ก้านบุหรี่ในมือมอดไปเกือบครึ่ง ระหว่างนั้นเขาไม่ได้สูบอีก ทว่ากลับลุกขึ้นขยี้บุหรี่ลงกับโต๊ะก่อนจะยกยิ้มขึ้นสามส่วน แล้วเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติว่า
“เดือนก่อนรุ่ยเจวี๋ยช่วยชีวิตผู้หญิงที่ว่ายน้ำไม่เป็นไว้ได้คนหนึ่ง ได้ยินมาว่าตอนนั้นเธออาการน่าเป็นห่วงมาก น่าเป็นห่วงจนถึงขั้นต้องผายปอด”
ฝายปอด…
อินรุ่ยเจวี๋ยเกร็งไปทั้งแผ่นหลัง ลมทมิฬแผดเสียงหวีดหวิวพัดผ่านเข้ามา
เฉินฝานซิงเองก็รับรู้ได้ถึงไอเย็นของอากาศที่เข้ามาสัมผัสตัวเธอ ก่อนจะหันหน้ามองชายหนุ่ม
ใบหน้าของเขาราวกับน้ำค้างแข็งที่เย็นเยียบดังโลหะ
ห้องวีไอพีกลายเป็นอุโมงค์น้ำแข็งไปในชั่วพริบตา ทำเอาทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตัวเกร็งกันไปตามๆ กัน
เฉินฝานซิงเม้มปากเข้าหากันก่อนที่ริมผีปากบางจะโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เขาช่วยฉันไว้นะ ทำไมทำหน้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อเขาอย่างนั้นล่ะ ฉันควรต้องขอบคุณเขา”
“ขอบคุณ?”
สีหน้าของป๋อจิ่งชวนดูไม่ค่อยดีนัก แฟนเขาถูกแต๊ะอั๋งแบบนี้ เขายังต้องขอบคุณอีกเหรอ
“ได้ ผมจะขอบคุณเขาก่อน”
อินรุ่ยเจวี๋ยเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาเสียดื้อๆ
รู้จักกับพี่ป๋อมานานขนาดนี้ ทำไม่เขาจะฟังไม่ออกว่าป๋อจิ่งชวนหมายความว่าอย่างไร
นี่มันเป็นการเจรจากันก่อนจะเปิดศึกชัดๆ
เขารีบส่ายหน้าอย่างร้อนใจ “ไม่ๆ พี่ป๋อ ผมไม่ได้…”
“ไม่ได้อะไร?”
“คนที่ผายปอดให้พี่สะใภ้ตอนนั้นไม่ใช่ผม ผมก็แค่โดดลงไปช่วยเธอขึ้นมา ตอนนั้นมันฉุกละหุกมาก อันที่จริงผมก็กะจะผายปอดให้เธออยู่เหมือนกัน แต่สวี่ชิงจือที่อยู่ข้างๆ เธอทำ เธอเป็นคนทำ!”
อินรุ่ยเจวี๋ยว่าพลางลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
พาตัวเองให้ห่างออกมาจากเฉินฝานซิง
เขาดูออกว่าตอนนี้พี่ป๋อของเขากำลังเอาจริง!
ได้ฟังอินรุ่ยเจวี๋ยเอ่ยเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็ค่อยดูอ่อนลง
จากนั้นเขาก็ได้หันไปมองเฉินฝานซิงแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าเย็นชา “จริงเหรอ”
เธอไหวไหล่แล้วตอบไปว่า “ไม่รู้สิ ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้สึกตัว”
สีหน้าของป๋อจ่งชวนเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่า
หัวของอินรุ่ยเจวี๋ยแทบระเบิดอยู่แล้ว “ไม่ใช่ผม ยังไงก็ไม่ใช่ผม สวี่ชิงจือไม่เคยพูดเรื่องนี้เลยรึไง ไม่ใช่ผมจริงๆ นะ ไม่เชื่อจะถามเธอตอนนี้เลยก็ได้นะ!”
เฉินฝานซิงพยักหน้าพลางครุ่นคิด “พอคุณพูดแบบนั้นแล้ว เหมือนฉันจะจำได้ว่าตอนที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นมา ฉันเหมือนจะเห็นหน้าของชิงจือ…”
อินรุ่ยเจวี๋ยดีใจจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ “คุณจำไม่ผิดแน่! เป็นเธอจริงๆ!”
ป๋อจิ่งชวนมองเธอก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงขุ่น “สวี่ชิงจือก็ไม่ได้”
“…”
“…”
“…”
อินรุ่ยเจวี๋ยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหมาพุดเดิ้ลที่เพิ่งจะได้พบโลกใหม่อย่างไรอย่างนั้น
กว่าจะรอดชีวิตมาได้ไม่ใช่ง่ายๆ แต่กลับต้องมาเกือบตายเพราะกระอักน้ำส้มสายชู!
พี่ป๋อของเขา กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วเหรอ?
ประตูใหญ่แห่งโลกใบใหม่ถูกเปิดออกในค่ำคืนนี้ อีกทั้งเขาก็รับรู้ได้ในเวลาเดียวกันว่า โลกใบใหม่ใบนี้ไม่ใช่จะเข้าไปยุ่งได้ง่ายๆ!
“เอาละ บุญคุณที่คุณชายอินได้ช่วยฉันเอาไว้ควรได้รับการตอบแทน ฉันดื่มให้คุณแก้วหนึ่งค่ะ”
เธอว่าพลาง กวาดตาไปมองแก้วเปล่าที่ว่างอยู่บนโต๊ะชาและคิดจะหยิบมันขึ้นมา ทว่าน้ำนมสีขาวกลับค่อยๆ ถูกเทลงในแก้วสีใสใบนั้น
ป๋อจิ่งชวนนำกล่องนมวางไว้อีกทาง ก่อนจะลงมือหยิบแก้วใบนั้นยื่นให้เธอด้วยตัวเอง
“ตอบแทนสิ”
เฉินฝานซิงขัดเขินเล็กน้อย “นี่มันดูไม่ค่อยจริงใจเลยไม่ใช่เหรอ”
ป๋อจิ่งชวนกวาดตามองอินรุ่ยเจวี๋ยอย่างเยือกเย็นวูบหนึ่ง อินรุ่ยเจวี๋ยจึงรีบตอบขึ้นทันที “ไม่เลยๆ คืนนี้เราฮิตดื่มนมกัน! นมนี่แหละจริงใจสุดๆ แล้ว!”
ตอนที่ 280 เขายังกินอาหารสุนัขได้อีกสักมื้อ
สิ้นคำของอินรุ่ยเจวี๋ย เสียงดังจ๊อกๆ จ๊อกๆ ก็แว่วขึ้น เครื่องดื่มมึนเมาในแก้วของทุกคนกลายเป็นสีขาวน้ำนม
กลิ่นหอมของนมได้ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งห้องกว้าง
เฉินฝานซิงรับรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาจงใจทำเช่นนั้น เธออดขำเสียงทุ้มออกมาไม่ได้
คนพวกนี้…
เธอยังนึกอยู่เลยว่าเพื่อนๆ ของป๋อจิ่งชวนจะสุขุมกันแค่ไหน
นึกไม่ถึงเลยว่าจะน่าสนใจได้ขนาดนี้
“ยังไงก็นะ พระคุณครั้งนี้ ฉันซึ้งใจสุดๆ”
“ได้ช่วยว่าที่พี่สะใภ้ไว้ ถือเป็นเกียรติมากครับ”
แก้วทั้งสองกระทบกันเกิดเสียงดัง กริ๊ก น้ำนมสีขาวกลิ้งกลอกไปทั่วขอบแก้ว
มือทั้งสองข้างของอินรุ่ยเจวี๋ยถือแก้วนมพลางมองลงไปยังของเหลวที่อยู่ในแก้วแล้วกระดกกลืนมันลงไปอึกหนึ่ง
เขาช่างไม่เข้าใจโลกของผู้ใหญ่เอาซะเลย
เขาตีหน้าเซ็งราวกับปลงชีวิตก่อนจะเงยหน้ากระดกนมทุกหยดในแก้วนั้นลงท้องไป
เฉินฝานซิงเองก็ดื่มมันลงไปจนไม่เหลือซักหยด เพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งในพระคุณของตนอย่างเต็มที่
“ทดแทนเสร็จแล้ว?”
ในตอนนั้น เสียงเย็นของป๋อจิ่งชวนก็ดังขึ้น ทำเอาอินรุ่ยเจวี๋ยคอหดตัวเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง
นี่…อย่าบอกนะว่าพี่ป๋อยังไม่ปล่อยเขาไป
เขามองอีกฝ่ายหนึ่งหน้าตาตื่น “พ…พี่ป๋อ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องทดทงทดแทนอะไรทั้งนั้น ได้ช่วยชีวิตพี่สะใภ้เอาไว้นับเป็นโชคดีในชีวิตผมแล้วครับ!”
“เหรอ”
อินรุ่ยเจวี๋ยรีบพยักหน้าตอบหงึกหงัก “ใช่ๆ จริงแท้และแน่นอนครับ!”
สายตาของป๋อจิ่งชวนค่อยๆ เบนไปหยุดที่ริมฝีปากของเฉินฝานซิง ก่อนยกมือขึ้นเช็ดคราบนมที่ติดอยู่บนริมฝีปากแผ่วเบา
การกระทำที่เรียบง่าย กลับกลายเป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่สำหรับเธอในค่ำคืนนี้ แม้เธอจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้ ก็ไม่อาจควบคุมใบหน้าไม่ให้เห่อร้อนขึ้นมาได้
เห็นเธอมีท่าทีเหนียมอายเช่นนี้ ริมฝีปากของป๋อจิ่งชวนก็ได้ยกยิ้มขึ้นอย่างเปิดเผย
นี่พี่ป๋อเขา…ยิ้มงั้นเหรอ
จู่ๆ ใบหน้าที่เป็นดั่งธารน้ำแข็งพันปี บัดนี้ได้มีบัวหิมะผุดออกมาแล้ว?
จู่ๆ อินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ใกล้ทั้งคู่มากที่สุดก็ถูกอาหารสุนัขยัดเข้าปากไปเต็มๆ คำ โดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
“เออะ…”
อินรุ่ยเจวี๋ยเผลอระเบิดเสียงเรอออกมาอย่างห้ามไม่ได้
แม่งเอ๊ย!
กลิ่นนมคลุ้งไปทั้งปากเลย!
จู่ๆ รอยยิ้มกริ่มบนดวงตาของป๋อจิ่งชวนก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็งก่อนจะตวัดไปมองอินรุ่ยเจวี๋ย
อินรุ่ยเจวี๋ยยกมือขึ้นอุดปากตัวเองเอาไว้ ก่อนที่เขาจะขำเจื่อนๆ ให้ป๋อจิ่งชวน
เวรกรรม นี่คงเป็นเพราะเขาดื่มนมเร็วเกินไป
ไม่ใช่เพราะอิ่มอาหารสุนัข!
แค่ไม่ให้เขาดื่มนมเพิ่มอีก เขาก็คิดว่าตัวเองยังกินอาหารสุนัข[1]นี้ได้อีกสักมื้อ!
“พี่สะใภ้ ผมดื่มให้พี่แก้วนึง ของผมหมดแก้ว ส่วนพี่ตามอัธยาศัยก็พอ”
“พี่สะใภ้ ผมดื่มให้พี่ ผมหมดแก้ว เชิญพี่ดื่มตามอัธยาศัย…”
“พี่สะใภ้…เชิญดื่มตามอัธยาศัยครับ…”
คนในห้องนั้นที่ไม่ได้สนิทสนมกับเฉินฝานซิงก็ได้ทยอยกันเข้ามาดื่มให้เกียรติกับเธอไม่ขาดสาย ต่างก็ไม่ได้ขอให้เธอดื่มจนหมดแก้ว เธอเองก็ไม่ได้เคร่งอีกต่อไป ทุกๆ ครั้งเธอจึงทำเพียงแค่จิบพอเป็นมารยาทเท่านั้น
แต่พวกเขาก็ยังคงดีใจกันยกใหญ่ เพราะถึงยังไง ‘เหล้า’ ที่พวกเขาดื่มให้ก็มีเสียงตอบรับกลับมาทุกครั้ง!
“มาๆ มา วันนี้เป็นวันดี ไม่เมา เอ่อ…ไม่อืดไม่กลับ”
ไม่อืดไม่กลับทวดแกสิ!
อินรุ่ยเจวี๋ยอยากจะถีบไอ้คนที่พูดคำนั้นให้สักป้าบ!
ไอ้พวกเฒ่าทารกนี่จะดื่มนมกันจนหัวราน้ำเลยรึไง
เขาหันไปมองลี่ถิงเซินที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอีกฝั่ง เขาคิดว่าหมอนั่นคงไม่เห็นดีเห็นงามไปกับพี่ป๋อด้วย
แต่งามไส้เอ๊ย ตรงหน้าของเหลียงซู่เอ๋อร์กับหมอนั่นดันมีแก้วนมสีขาวจั๊วะตั้งอยู่จริงๆ
“นายดื่มแล้ว?” เขาถามลี่ถิงเซิน
“ทำไมจะไม่ดื่ม” ลี่ถิงเซินทำหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ก่อนจะลดสายตาลงไปมองแก้วเหล้าบนโต๊ะ
อินรุ่ยเจวี๋ยจินตนาการภาพลี่ถิงเซินดื่มนมไม่ออกเลยจริงๆ เขาก้าวเข้าไปใกล้ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำว่า “นายก็เตือนๆ พี่ป๋อแกบ้าง มีอย่างที่ไหนมาที่แบบนี้จะให้ดื่มแค่นมอย่างเดียว เดี๋ยวตอนคิดเงินมีหวังได้อายเขาตาย!”
“ฉันว่าก็ไม่เลวนะ นม…มีประโยชน์ แถมยังประหยัดอีกต่างหาก”
อินรุ่ยเจวี๋ยกัดฟันกรอด
คำว่า ‘ประหยัด’ สองคำที่หลุดออกมาจากปากเขามันฟังดูปลอมซะยิ่งกว่าปลอม!
ทีตอนที่ผลาญเงินให้ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ นั่นเขาเคยเห็นค่าของเงินซะที่ไหน
“นายจะขัดใจฉันให้ได้ทุกครั้งเลยใช่ไหม ต่อให้พี่ป๋อจะก่อเรื่องยังไงนายก็ไม่สน นายเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกคน?”
ลี่ถิงเซินค่อยๆ เบนสายตาไปมองเขาช้าๆ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นเย็นชายิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“นายว่าไงนะ พี่ป๋อก่อเรื่อง? แล้วอะไรต่อนะ ประโยคหลังฉันฟังไม่ค่อยถนัด”
[1]กินอาหารสุนัขหมายถึงการเห็นคู่รักสวีทกันต่อหน้า