ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 479 งานแถลงข่าวของซิงเฉินกั๋วจี้ / ตอนที่ 480 ฉันตาแหลม
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 479 งานแถลงข่าวของซิงเฉินกั๋วจี้ / ตอนที่ 480 ฉันตาแหลม
ตอนที่ 479 งานแถลงข่าวของซิงเฉินกั๋วจี้
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัท เจียงหรงหรงนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าโรยแรง ท่ากุมขมับของเธอบ่งบอกได้ชัดว่าเธอถูกเล่นงานจนหมดสภาพ
“คุณย่าคะ ย่าอย่ากังวลไปเลยนะคะ ก่อนหน้านี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยมีศิลปินคนอื่นลาออกไปนี่คะ แต่เราก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ไม่ใช่เหรอ หนูจะพยายามให้มากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้นหลังจากที่เงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น คุณภาพสูงขึ้น ทุนสนับสนุนของศิลปินคนอื่นๆ ก็จะสูงตามขึ้นไปเอง สักวันหนึ่งพวกนั้นจะต้องร้องไห้เสียใจกลับมาหาเรา!”
แม้ว่าในใจของเฉินเชียนโหรวจะโกรธแค้นไม่แพ้กัน ทว่าก็ยังเอ่ยปลอบเจียงหรงหรง
เจียงหรงหรงผ่อนลมหายใจก่อนจะมองเฉินเชียนโหรวด้วยสายตาชื่นชมและรักใคร่เอ็นดู!
“โชคดีจริงๆ ที่มีหนูอยู่ด้วย…”
-
สิบโมงสิบนาที ณ ตึกสูงตระง่านของบริษัทซิงเฉินกั๋วจี้ ได้ถูกรายล้อมไปด้วยกองทับนักข่าวที่มากันอย่างพร้อมเพรียง วินาทีนี้ต่างคนก็ต่างตั้งตารอการปรากฏตัวของตัวละครสำคัญของวันนี้!
“ก่อนหน้านี้ฉันได้ข่าวมาว่าซิงเฉินกั๋วจี้ปรับเปลี่ยนทิศทางในการจัดการใหม่แล้ว เป็นกิจการที่จะรับแค่ศิลปินในวงการบันเทิงเท่านั้น เปลี่ยนไปจากเดิมจนเห็นได้ชัดเลยนะ”
“ฉันเองก็ได้ยินมาเหมือนกัน อีกอย่างทางสกุลเฉินเพิ่งจะจัดงานแถลงข่าวไปหมาดๆ จู่ๆ ทางนี้ก็จะจัดงานแถลงข่าวขึ้นมาเหมือนกัน ฉันว่านี่อาจเป็นการโต้ตอบหลานอวิ้นก็ได้นะ ดูเสียก่อนสิว่าเจ้าของบริษัทนี่คือคุณหนูใหญ่ที่สกุลเฉินเหม็นขี้หน้าสุดๆ!”
“ก็ไม่รู้ว่าเนื้อหาในครั้งนี้คืออะไรเหมือนกันนะ กระตุ้นต่อมเผือกได้ดีจริงๆ!”
เจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรวเองก็ให้ความสนใจกับการแถลงข่าวครั้งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ต่างก็กำลังจดจ้องอยู่กับโทรทัศน์จอแอลซีดีในห้องทำงาน
เวลาค่อยๆ ล่วงเลยผ่านไป สิบเอ็ดนาฬิกาสิบสี่นาที อีกฝั่งหนึ่งของโถงใหญ่ ผู้คนเกือบสิบคนเดินออกมาจากฝั่งตรงข้าม!
เฉินฝานซิงอยู่ในชุดสูท เชิ้ตไหมแท้สีขาว ดีไซน์ตะเข็บสีดำ ส่วนด้านล่างเป็นกระโปรงดำสั้นเหนือเข่าดีไซน์ตะเข็บสีขาวเรียบง่ายและนำสมัย ร่างสูงโปร่งและบุคลิกที่ไร้ที่เปรียบแสดงออกถึงความยิ่งใหญ่และทรงอำนาจ
เบื้องหลังของเธอตามมาด้วยผู้คนราวๆ สิบคน เดินตรงมาทางนี้อย่างผึ่งผาย!
“มาแล้ว!”
“ดูด้านหลังประธานเฉินสิ!”
“แม่เจ้าโว้ย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย! เว่อร์วังขนาดนี้เชียวเหรอ!”
ใบหน้าสวยของเฉินฝานซิงไร้ซึ่งอารมณ์ นัยน์ตาเย็นชาไร้สิ่งเจือปน เธอตรงมาหน้าเวทีสูงและก้าวขึ้นไปโดยไม่หยุดพักแม้เพียงเสี้ยวนาที คนกลุ่มหนึ่งที่ตามหลังเธอมาถอยไปยืนอยู่อีกฝั่งอย่างรู้งาน
นักข่าวเก็บภาพตรงหน้าอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าที่ทั้งตื่นเต้นและฮึกเหิม!
ตอนนี้เวลานี้ สวรรค์รู้ดีว่าพวกเขาอยากจะพุ่งเข้าไปถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พวกเขาก็รู้ดีเช่นกันว่า ยิ่งเป็นช่วงเวลาเช่นนี้ ยิ่งต้องใจเย็น
เฉินฝานซิงยืนนิ่งอยู่บนเวที สองมือของเธอค้ำอยู่ตรงขอบทั้งสองฝั่งของโพเดียม เธอหันหน้าเข้าหากล้อง ใบหน้าเย็นชาบัดนี้ถูกประดับไปด้วยรอยยิ้มทางการ
น้ำเสียงสง่าค่อยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย…
“ก่อนอื่น ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ นักข่าวทุกท่านที่สนับสนุนงานแถลงข่าวของซิงเฉินกั๋วจี้ในครั้งนี้! เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ฉันมีเรื่องจะขอประกาศสักเรื่องสองเรื่อง…
เรื่องที่หนึ่ง ขณะนี้รูปแบบการจัดการของซิงเฉินกั๋วจี้ ได้เปลี่ยนแปลงจากบริษัทจัดการปัญหาการประชาสัมพันธ์แบบครบวงจรสู่บริษัทโมเดลลิ่ง!
เรื่องที่สอง ฉันจะขอพาศิลปิลและเอเจนซี่ที่เพิ่งเซ็นสัญญากันไปเมื่อครู่มาเปิดตัวต่อสาธารณชน!”
เธอว่าพลาง ก็หันไปมองคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อได้รับสัญญาณแล้ว พวกเขาก็ทยอยกันขึ้นมาบนเวที!
นักข่าวรัวเก็บภาพอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง!
บุคคลเหล่านั้นหาใช่ใครที่ไหน นั่นก็คือฉีน่าและศิลปินในสังกัดกลุ่มหนึ่งที่ถูกเจียงหรงหรงประกาศแบนพวกเขาไปเมื่อครู่ในงานแถลงข่าวของหลานอวิ้น รวมไปถึง…บุคคลที่ใครๆ ก็พากันสาปส่งอย่างจี้อี้!
ตอนที่ 480 ฉันตาแหลม
เรื่องที่จู่ๆ ซิงเฉินกั๋วจี้ก็เปลี่ยนไปเป็นบริษัทโมเดลลิ่ง แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีความคิดเห็น แต่ว่านี่…
ผู้ดูแลคนนี้เป็นบ้าไปแล้วรึไง
“ประธานเฉิน ขอถามหน่อยเถอะว่าการออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นการท้าทายหลานอวิ้นออกสื่อใช่หรือไม่”
“ประธานเฉิน ศิลปินท่านอื่นที่เซ็นสัญญาแล้วก็เซ็นไป แต่ว่า เอเจนซี่ที่นึกจะลาออกตอนไหนก็ออก แถมยังเสี้ยมให้เด็กในสังกัดออกไปกับเธอด้วยเนี่ย คุณแน่ในเหรอว่าจะทำสัญญาด้วย”
ซ้ำยังมีนักข่าวที่ ‘เอ็ดตะโร’ ขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดอย่างชัดเจน เขาเอ่ยถามเธอตรงๆ โดยไม่รักษามารยาท
“ในฐานะที่จี้อี้เป็นคนที่เคยมีประวัติ ‘คัดลอกผลงาน’ แถมยังมีคดีติดตัวอีกต่างหาก ผมคิดว่าการที่หลานอวิ้นประกาศแบนเธอต่อหน้าสาธารณชนนั่นก็เป็นวิธีที่ถูกต้องแล้ว! คุณสักแต่จะเอาชนะหลานอวิ้นด้วยการเซ็นสัญญากับคนเกรดต่ำแบบนี้ เคยคำนึงถึงผลประทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทหรือสังคมบ้างไหม!”
เมื่อต้องมาเผชิญกับนักข่าวที่ฉุนขาดเพราะความไม่เป็นธรรม จี้อี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็สีหน้าซีดลงทันตา ฝ่ามือผสานกันแน่นอย่างตระหนก นัยน์ตาวูบไหว เธอไม่แม้จะกล้าเงยศีรษะขึ้นมา!
แต่ทว่าเฉินฝานซิงกลับกระตุกริมฝีปากขึ้นจางๆ สายตาเยือกเย็นกวาดมองไปยังพวกนักข่าวอย่างเฉยชา จากนั้นจึงค่อยๆ เอ่ยปากขึ้นช้าๆ
“ประการแรก เราไม่ได้มีการท้าทายใดๆ ต่อหลานอวิ้นทั้งสิ้น! ถ้าพวกคุณจะหมายถึงศิลปินเหล่านี้ที่ฉันเพิ่งจะเซ็นสัญญาด้วยในวันนี้ล่ะก็ มันเป็นเพราะความตาแหลมของฉันเท่านั้นเอง!”
“…”
“…”
ทุกคนต่างก็มุมปากกระตุก สายตาเฉียบแหลม?ดูท่าสมองของประธานเฉินคนนี้จะเป็นโพรงไปจริงๆ เสียแล้ว…
“ประการที่สอง เพราะว่าฉันมีสายตาที่เฉียบแหลม ดังนั้นเอเจนซี่ที่มากความสามารถอย่างคุณฉี ถึงยังไงฉันก็จะเซ็นสัญญากับเธอ!
ที่คุณบอกว่าจู่ๆ เธอนึกจะลาออกตอนไหนก็ออก…เอเจนซี่ฉียังทนอยู่ในบริษัทพรรค์นั้นอย่างหลานอวิ้นมาได้ตั้งสิบสามปี อย่างนั้นถ้ามาอยู่ที่นี่สักสามสิบปี ฉันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว! ส่วนที่คุณบอกว่าเธอเสี้ยมให้เด็กๆ ในสังกัดลาออกจากบริษัท นั่นเป็นการยืนยันว่าความสามารถของเธอนั้นเยี่ยมยอดแค่ไหนไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง การที่รั้งศิลปินไว้ไม่ได้ ฉันว่านั่นเป็นปัญหาของบริษัทนะ!”
“…”
“…”
ฝูงชนหนังตากระตุก ยังจะบอกว่าไม่ได้ท้าทายหลานอวิ้นอีก คำพูดคำจาเหล่านี้กำลังแดกดันหลานอวิ้นอยู่ทั้งนั้นแท้ๆ นี่เธอคิดว่าคนอื่นเขาฟังกันไม่ออกรึไง อีกอย่าง เอาแต่ย้ำคำว่าสายตาเฉียบแหลมบ้าบออะไรนั่นอยู่ได้!
มีเพียงแค่ฉีน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ เท่านั้นที่ซาบซึ้งจนแทบหลั่งน้ำตา!
ถึงกระนั้น เฉินฝานซิงกลับไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของฝูงชนตรงหน้า เธอยังคงพูดต่อไปด้วยท่าทีเรียบนิ่งดั่งเช่นเคย
“ประการที่สาม ฉันจะอยากเอาชนะสกุลเฉินไปทำไม ชดใช้ให้บริษัทของฉันงั้นเหรอ อีกเรื่อง คำว่า ‘คัดลอกผลงาน’ เนี่ย ตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันเลยนะ ในฐานะนักข่าว ฉันจะขอเตือนคุณไว้สักหน่อย ถ้าให้ดีช่วยระวังคำพูดด้วย หรือคุณไม่รู้ว่าในวงการบันเทิงน่ะ แค่พูดผิดออกมาเพียงคำเดียวก็ดับอนาคตของคนๆ หนึ่งได้เลย! ถ้าหากยังไม่รู้ละก็ เชิญกลับไปศึกษาการที่ผู้ใหญ่บางคนประกาศแบนคนคนหนึ่งในงานแถลงข่าวของหลานอวิ้นที่เพิ่งจบไปเมื่อครู่ด้วย!
แล้วอีกอย่าง จี้อี้น่ะ เป็นนักดนตรีที่ไม่เลวเลย ต้องขอบคุณสายตาหลักแหลมของฉัน ที่ทำให้ฉันค้นพบว่าเธอคือมุกเยี่ยหมิงจูที่ถูกฝังกลบอยู่ใต้ตะกอนดินทราย! และต้องขอขอบคุณความผิดพลาดของคนอื่น ที่ทำให้ฉันได้พบกับเธอ แถมยังได้เธอมาครอบครอง!”
“…”
“…”
แถบสีดำคาดผ่านหน้าผากพวกเขา สายตาหลักแหลมอีกแล้ว…
ในตอนนั้นเองนักข่าวปากไวคนหนึ่งก็ยั้งปากตัวเองไว้ไม่ได้อีกครั้ง
“โปรดิวเซอร์หลินได้รวบรวมหลังฐานเพื่อฟ้องจี้อี้แล้ว แถมยังโพสต์หลักฐานลงในเวยป๋ออีก หลักฐานจวนตัวว่าจี้อี้ ‘คัดลอกผลงาน’ ขนาดนี้ จะไป…”
“ขอโทษนะคะ ขอขัดจังหวะหน่อย…” เฉินฝานซิงยกมือขึ้นห้ามปากของนักข่าวแล้วพูดต่อว่า
“ต่อไปฉันจะขอประกาศเรื่องที่สามของฉัน…”