ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 513 ดาวเด่น / ตอนที่ 514 ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากประธานเฉิน
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 513 ดาวเด่น / ตอนที่ 514 ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากประธานเฉิน
ตอนที่ 513 ดาวเด่น
เพียงแค่ชั่วครู่ สายตาลึกซึ้งของเขาก็เลื่อนออกมาจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสแสร้งจอมปลอมของเจียงหรงหรง จากนั้นก็ก้มมองต่ำ สุดท้ายสายตาก็ไปหยุดบนสองมือของเขาพร้อมกับนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็ยังคงไม่ยื่นมือออกมาอยู่ดี รอยยิ้มของเจียงหรงหรงค้างเติ่งอยู่บนใบหน้า รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูก
ในขณะที่มือของเธอที่ยกค้างอยู่อย่างนั้นทั้งล้าและชาเต็มทีจนทนรอต่อไปไม่ไหว กำลังจะชักมือเก็บกลับมา ป๋อจิ่งชวนถึงจะค่อยๆ ยื่นมาออกมาช้าๆ
เพียงแต่มือที่เขายื่นออกมานั้นกลับเป็นข้างซ้าย
เจียงหรงหรงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่รีบเออออเปลี่ยนเป็นมือซ้ายด้วยความรู้สึกไม่คาดฝัน
ทั้งสองคนจับมือกัน ดูเหมือนเป็นการจับมือการแบบปกติทั่วไป
ทว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหรงหรงกลับค่อยๆ แน่นิ่งไป
จากนั้น เธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมองป๋อจิ่งชวนปราดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีท่าผิดปกติอะไร สายตาของเจียงหรงหรงก็ฉายประกายของความประหลาดใจออกมาให้เห็น ก่อนจะฝืนยิ้มแหยๆ แล้วหันไปดึงตัวเฉินเชียนโหรวให้มายืนข้างหน้าแล้วพูดต่อ
“ประธานป๋อ นี่คือหลานสาวของฉัน เชียนโหรว เป็นดาวเด่นของบริษัทหลานอวิ้นของพวกเรา…”
“ผมรู้”
น้ำเสียงเรียบเฉยก็ป๋อจิ่งชวนดังขึ้นกะทันหัน ทำเอาเจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรวตกใจไปตามกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินฝานซิงที่อยู่ข้างๆ ก็ประหลาดใจจนค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาดู
แต่พวกเธอดีใจได้ไม่นาน ก็ได้ยินป๋อจิ่งชวนพูดต่อ
“ดาวเด่นสวยแต่รูปจูบไม่หอมประจำหลานอวิ้น นักปรุงน้ำหอมขี้แพ้อันดับต้นของซูซื่อ ได้ยินชื่อเสียงมานาน”
สีหน้าของเจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรวแข็งทื่อไปถนัดตา รอยยิ้มบนใบหน้าไม่อาจรักษาไว้ได้อีกต่อไป ภายในร่างกายรู้สึกอึดอัดใจเป็นที่สุด
แม้แต่สายตาไช่จิ้งอี๋ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ก็ล่อกแล่ก บ่ายหน้าไปอีกทางเพราะไม่อาจทนดูเหตุการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจตรงหน้านี้โดยตรงได้
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปาก รีบลากสวี่ชิงจือที่หัวเราะคิกคักด้วยความสะใจไปให้เดินไปด้านหน้า
ป๋อจิ่งชวนเหลือบมองแผ่นหลังของพวกเธอปราดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหน เขากลับหันไปมองทางซูเหิง
ซูเหิงแอบขมวดคิ้วด้วยความข้องใจ ในฐานะที่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ความดื้อดึงที่ไม่ยอมแพ้ต่อ ‘ศัตรู’ นั้นเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิด
สายตาของเขามองตามหลังของเฉินฝานซิงที่กำลังเดินจากไปอย่างไม่รู้ตัว
นั่นเป็นสถานที่ที่ป๋อจิ่งชวนปรากฏตัวขึ้น…
สายตาของป๋อจิ่งชวนฉายประกายแห่งความอันตรายออกมา เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยเพื่อบดบังสายตาของซูเหิง
ซูเหิงจึงจำต้องละสายตากลับมา ก่อนจะมองไปที่ป๋อจิ่งชวน ลึกๆ ในใจแอบมีความรู้สึกที่อยากจะตีสนิทเขา
“สวัสดีครับ ประธานป๋อ ผมคือซูเหิงจากซูซื่อ”
ซูเหิงหันไปหาป๋อจิ่งชวนพลางยื่นมือออกไป แต่ป๋อจิ่งชวนไม่ขยับ กลับเอ่ยปากพูดขึ้นมาอีกว่า
“ได้ยินมาว่าคุณกับ…นี่ จะแต่งงานกันแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าป๋อจิ่งชวนจงใจไม่ได้พูดคำว่าดาวเด่นสวยแต่รูปจูบไม่หอมออกมา แต่สีหน้าของเฉินเชียนโหรวกลับเหยกเกซีดเซียวสุดจะบรรยาย
ใบหน้าของซูเหิงก็แสดงให้เห็นถึงความอึดอัดใจ ก่อนจะเก็บมือที่ค้างรอจนเริ่มเมื่อยแล้วกลับมา พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
“ครับ…”
ขณะนั้นเอง ป๋อจิ่งชวนก็เม้มริมฝีปาก ก่อนจะพยักหน้า “เป็นเรื่องดี ขอแสดงความยินดีด้วย”
ไม่คิดเลยว่าป๋อจิ่งชวนที่ตั้งใจจะทำให้คนอื่นหน้าเสีย จู่ๆ ก็จะพูดประโยคน่าฟังออกมา
ในขณะที่แต่ละคนกำลังสติหลุดลอยไปกับเหตุการณ์เหนือความคาดหมายที่เกิดอย่างกะทันหันนั้น ป๋อจิ่งชวนก็หันหลังเดินจากไปแล้ว
รูปร่างสูงใหญ่ตระหง่านในเสื้อเชิ้ตหรูแบรนด์ดังราคาแพง ทั้งตัวส่งรังสีแห่งความสูงส่งน่าเกรงขามออกมา ทั้งยังมีท่าทางที่ไม่อาจใช้คำพูดมาอธิบายได้อย่างสิ้นเชิงพวกนั้นอีก ไม่มีสิ่งไหนเลยที่ไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากได้อยากเป็นเช่นเขาด้วย
เฉินเชียนโหรวมองดูร่างของเขาที่ค่อยๆ เดินหายไป ภายในใจก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมามากกว่าเดิม
เมื่อเห็นชายหนุ่มที่สูงส่งจนมิอาจทัดเทียมได้เคยยอมเสียเงินพันล้านเพื่อช่วยเฉินฝานซิง เธอก็โกรธจนระงับเอาไว้ไม่อยู่
นางแพศยานั่น เพราะอะไรกัน
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆ ตรงหน้าประตูก็มีเสียงความเคลื่อนไหวบางอย่างดังขึ้น ทุกคนพากันหันไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉีน่ากำลังเดินพาใครคนหนึ่งเข้ามาพอดี
ตอนที่ 514 ศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากประธานเฉิน
ทุกคนพากันหันไปมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่ฉีน่ากำลังเดินพาใครคนหนึ่งเข้ามาพอดี
หญิงสาวสวมใส่เสื้อเชิ้ตชีฟองปาดไหล่ ท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวลายทางเส้นเล็กสีฟ้าน้ำทะเล ดีไซน์ผ่าข้างขวาเป็นรูปตัววี ทำให้ในขณะที่ก้าวเดินก็มองเห็นเรียวขาเนียนขาวทั้งสองข้างได้ลางๆ ดูสวยสดงดงามอย่างมาก
ใบหน้ารูปไข่เรียวเล็กถูกบดบังด้วยหน้ากาก ราวกับพยายามจะไม่ทำให้เป็นที่จับตามอง ทว่าผมหยักศกสีแดงสดยาวระเอวที่ดึงดูดสายตานั้นดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวเธอไปแล้ว แวบแรกก็ถูกผู้คนสังเกตเห็นได้ทันที สร้างความฮือฮาไม่น้อย
ผู้คนพากันมาขอลายเซ็นและถ่ายรูปคู่
เดิมทีจี้อี้ทำใจที่จะต้องแจกลายเซ็นและถ่ายรูปคู่กับแฟนคลับไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ฉีน่าก็พาเธอเดินเข้าประตูมาอย่างรวดเร็วในทันที
“พี่ฉี แบบนี้ไม่ค่อยดีเท่าไรหรือเปล่า”
ฉีน่ามองไปด้านหน้า พร้อมกับเดินตรงไปด้วยความเร็วพลางคุ้มกันจี้อี้ ในขณะเดียวกันก็พูดตอบอย่างกระชับฉับไว
“วันนี้ไม่ใช่งานเลี้ยงสังสรรค์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะตั้งแต่แรก สถานการณ์ของเธอตอนนี้ยังไม่นับว่าเข้าที่เข้าทางมากนัก จำเป็นต้องมีการวางแผนแวดวงสังคมที่ไปร่วมด้วยให้ดี เปิดเผยอะไรออกไปมากเกินไปในขณะที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยไม่ได้ อีกอย่าง งานเลี้ยงคืนนี้ยังมีเพื่อนของประธานเฉินอีก ต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของพวกเขาด้วย หากดึงดูดความสนใจของผู้คนมากไป อาจจะเกิดปัญหาวุ่นวายตามมาทีหลัง เพื่อป้องกันไว้ก่อน ต่อไป ในยามที่ควรปฎิเสธ เธอก็ปฎิเสธซะ แฟนคลับเยอะขนาดนั้น เธอดูแลให้ทั่วถึงทุกคนไม่ได้หรอก เข้าใจไหม”
จี้อี้พยักหน้าด้วยสีหน้าหนักแน่น พลางมุ่งหน้าเดินต่อไปกับฉีน่า
“จี้อี้…เป็นเธอจริงด้วย…”
“สวยจังเลย ฉันชอบผมยาวๆ ของเธอ…”
“อยากได้ลายเซ็นจังเลย แล้วก็ถ่ายรูปคู่ด้วย”
ไม่นาน หน้าประตูสโมสรก็มีคนกลุ่มใหญ่มายืนออ
เฉินเชียนโหรวมองจี้อี้ด้วยแววตาร้ายกาจ สองมือกำไว้แน่น
สีหน้าของเจียงหรงหรงก็ไม่ได้ดูดีไปกว่ากันสักเท่าไหร่
ฉีน่าเหลือบมองกลุ่มคนหลายคนที่ยืนขวางทางเดินอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเก็บสีหน้ากลับมาด้วยท่าทางปกติ ท่าทีนั้นราวกับกำลังปฏิบัติต่อคนแปลกหน้า
ทว่าจี้อี้ หลังจากที่ได้เห็นเจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรว สีหน้าก็เปลี่ยนไป ฝีเท้าของเธอก็ชะงักลงกลางคันด้วย
ฉีน่าโอบเอวเธอเอาไว้ แขนที่วางอยู่บนเอวของเธอออกแรงดันเธอไปด้านหน้า
เมื่อเดินมาถึงหน้ากลุ่มคนเหล่านั้น ฉีน่าปฏิบัติตัวเหมือนกับอยู่ต่อหน้าผู้คนทั่วไป พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ขอโทษด้วย ช่วยหลีกทางหน่อย”
ไช่จิ้งอี๋ได้ยินดังนั้นก็รีบหลบไปด้านข้างโดยอัตโนมัติ แต่เจียงหรงหรงและเฉินเชียนโหรวกลับยืนอยู่กับที่ ไม่ขยับไปไหนชั่วขณะ
ฉีน่าพาจี้อี้เดินไปด้านหน้าสองก้าว ก่อนจะพูดเร่งเร้าขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค “ขอโทษด้วย ช่วยหลีกทางหน่อย”
เจียงหรงหรงยังคงยืนหน้าขรึมอยู่อย่างเดิม ไม่ขยับไปไหน
“ทำไม นี่ดังแล้วก็ไม่รู้จักกันเลยใช่ไหม จี้อี้”
ฉีน่าที่ได้ยินแบบนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป เธอยืดตัวตรงขึ้นมามองหน้าเจียงหรงหรงด้วยท่าทางไม่แยแส
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไร จี้อี้ก็เอ่ยพูดขึ้นมาก่อน
“ขอโทษค่ะ เมื่อกี้ไม่ทันสังเกตเห็นว่าคนที่มายืนขวางทางเดินอยู่นั้นจะเป็นประธานเจียงที่ทั้งสูงส่งและมารยาทเป็นเลิศของพวกเรา ฉันจะจำไม่ได้ได้ยังไงล่ะคะ เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่ขนาดนั้น ถ้าหากไม่ใช่พวกคุณ ฉัน จี้อี้ก็คงไม่ได้มีวันนี้ ควรจะขอบคุณคุณเป็นอย่างดีถึงจะถูก”
ฉีน่าหัวเราะประชดประชันออกมาเบาๆ ฝีปากร้ายกาจหน้าตายแบบนี้ได้รับวิชามาจากประธานเฉินแน่
สูงส่งงั้นเหรอ
มารยาทเป็นเลิศงั้นเหรอ
เพราะงั้นก็เลยมาขวางทางเดินในที่สาธารณะเนี่ยนะ
แล้วยังมีการขอบคุณตอนสุดท้ายนั่นอีก ช่างยั่วโมโหได้ดีจริงๆ
จี้อี้คนนี้ ความสามารถในการเรียนรู้เป็นที่หนึ่งเลย
เป็นศิษย์ที่ได้รับถ่ายทอดวิชาโดยตรงจากประธานเฉินชัดๆ
เจียงหรงหรงถูกแขวะจนใบ้กินไร้คำพูด เธอโกรธจนต้องหลับตาปี๋พลางกุมหัวใจที่โมโหจนเจ็บขึ้นมาไว้ พูดไม่ออกไปครู่ใหญ่