ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 579 เรื่องตลกหลังอาหาร / ตอนที่ 580 พวกเธอเป็นเทวดากันรึไง
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 579 เรื่องตลกหลังอาหาร / ตอนที่ 580 พวกเธอเป็นเทวดากันรึไง
ตอนที่ 579 เรื่องตลกหลังอาหาร
“พอสักที! จนป่านนี้แล้ว เธอยังจะโยนความรับผิดชอบไปให้คนอื่นอีกเหรอ! ถ้าเธอไม่ถ่ายรูปนี้ตั้งแต่แรก มันจะเกิดเรื่องแบบวันนี้ไหม ฮะ! เธอยั่วโมโหฝานซิง แต่ดันไปโทษว่าฝานซิงจะทำร้ายเธอ? เชียนโหรว เธอ…ทำไมเธอถึงเป็นได้ขนาดนี้!”
ซูเหิงคำรามลั่น เมื่อสิ้นประโยคสุดท้าย ก็ส่งสายตาว่างเปล่ายังเธอราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
ความกระวนกระวายแผ่ขยายไปทั่วทั้งใจอย่างไร้ที่สิ้นสุด ข่าวอื้อฉาวก่อนหน้านี้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนแต่เป็นเรื่องส่วนตัวของเธอเสียส่วนใหญ่ เธอใช้ข้ออ้างในวงการมาใช้อ้างกับซูเหิงได้ทุกรูปแบบ เช่น ถูกใส่ร้าย เป็นข่าวลือ เป็นเรื่องที่กุขึ้น
แต่ว่าตอนนี้ ซูเหิงรู้แล้วว่าเธอไม่ได้อยากจะเป็นมิตรกับเฉินฝานซิงเท่าไหร่นัก สิ่งต่างๆ นานาที่เธอเคยเอ่ยถึงเฉินฝานซิงไปก่อนหน้า บัดนี้มันกลับตาลปัตรไปหมด นี่ไม่ต่างกับการถูกฝ่ามือนับไม่ถ้วนฟาดลงมาบนใบหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พี่เหิงฉันก็แค่…ก็แค่…”
เฉินเชียนโหรวกัดปากแน่น ทว่ากว่าค่อนวันแล้วก็ยังไม่มีสิ่งใดหลุดออกมาจากปากของเธอแม้เพียงครึ่งคำ
ซูเหิงข่มดวงตาลงแล้วสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด สุดท้ายเขาก็ดึงมือของตัวเองกลับมาและไม่ชายตามองเฉินเชียนโหรวอีกเลย ก่อนที่เขาจะพาตัวเองเดินลงจากเวทีไปเพียงลำพัง
เฉินเชียนโหรวหน้าซีดจัดในทันที
“พี่เหิง พี่เหิง...พี่จะไปไหน”
สถานที่จัดงานกลายเป็นความยุ่งเหยิงในชั่วพริบตา
“ซูเหิง นี่เธอกำลังทำอะไร!”
ดวงตาจ้องมองไปยังงานหมั้นที่กำลังจะล่ม เจียงหรงหรงก้าวออกมาขวางซูเหิงไว้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พลางเอ่ยถามเขาเสียงกร้าว
ซูเหิงเพียงแต่มองเธออย่างเรียบเฉย “คุณคิดว่างานหมั้นนี่ยังต้องดำเนินต่อไป? หรือคุณยังไม่รู้สึกขายหน้าอีก”
“…”
หนังตาของเธอกระตุกวูบ “แล้วเธอคิดจะทิ้งเชียนโหรวไว้ที่นี่คนเดียวรึไง”
ซูเหิงสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง “ตอนนี้ผมอยากอยู่กับตัวเองเงียบๆ สักพัก”
ว่าจบ เขาก็ก้าวผ่านร่างของเจียงหรงหรง แล้วเดินออกจากงานไปท่ามกลางสายตาของคนทั้งงาน
“นี่…น่าสงสารจังเลย เฉินฝานซิง พี่สาวคนนี้ก็ใจร้ายเกินไปแล้ว…”
“อื้ม...แต่เห็นแบบนี้ก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ…พี่น้องคู่นี้…”
และในขณะเดียวกันนั้นเอง จู่ๆ แอคเคาท์เวยป๋อของเฉินฝานซิงก็ได้แชร์รูปหน้าจอที่กำลังเป็นเทรนด์ในเวยป๋ออยู่ขณะนี้ของบล็อกเกอร์ข่าวกระซิบคนนั้น พร้อมกับประโยคที่ว่า…
[พอดีมือถือหาย เพิ่งรู้ข่าวนี้เมื่อกี้นี้เอง ต้องขอไว้แสดงความไว้อาลัย]
ไว้อาลัย?
“พรืด ไว้อาลัย คำพูดแบบนี้ ดูๆ แล้วเหมือนเธอไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด!”
“ฉันว่านี่ดูเหมือนเธอจะกำลังสะใจซะมากกว่านะ!”
“ไว้อาลัย ฮ่า ฮ่า นึกไม่ถึงเลยว่าประธานเฉินแห่งซิงเฉินกั๋วจี้จะซนได้ขนาดนี้”
“แค่ไม่กี่คำก็เล่นเอาคนกระอักตายไปเป็นแถบ ช่างปากคอเราะรายจริงๆ!”
“นี่ขนาดตัวไม่อยู่ยังตบดังสนั่นขนาดนี้ เป็นการเอาคืนที่เล่นเอาหงายเงิบไปเลย เยี่ยมจริงๆ นับถือๆ!”
พระเอกของงานหมั้นไม่อยู่แล้ว งานหมั้นในครั้งนี้จึงกลายเป็นเรื่องตลกซ้อนเรื่องตลก เฉินเชียนโหรวยืนอยู่บนเวทีด้วยสีหน้าซีดจัด เธอกวาดมองสายตาไปยังผู้คนเหล่านั้นที่กำลังจดจ้องมายังเธอด้วยสายตาสมเพช สะใจ เยาะเย้ย และถากถาง จนเธอแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
ความอัปยศและความคับแค้นใจจากการถูกเฉินฝานซิงกระทำครั้งแล้วครั้งเล่าที่สั่งสมไว้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน เธอโกรธเกี้ยวจนสั่นเทิ้มไปทั้งกาย ทั้งๆ ที่เป็นฤดูร้อน ทว่าราวกับร่างกายนั้นของเธอได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว
ซูปิ่งโย่วทนรับความอับอายอีกต่อไปไม่ไหว เขาส่งเสียงฮึดฮัดผ่านทางจมูกหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้าวจากไปด้วยความโมโห
ไช่จิ้งอี๋เห็นเช่นนั้นก็รีบปรี่ตามเขาไปติดๆ
เห็นทีว่าหากงานหมั้นในครั้งนี้ดำเนินต่อไปก็เหมือนจะไม่มีอะไรคืบหน้า บรรดาแขกเหรื่อในงานจึงทยอยแยกย้ายออกไปกันคนละทิศคนละทาง
เหลือไว้เพียงเจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ที่ยังยืนอยู่กับที่อย่างทำอะไรไม่ถูก
เฉินซั่งหวาพ่นลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เขาถือไม่เท้าพลางพยุงตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยท่าทางสั่นเทา
“ดี ดีจริงๆ ดูสิ ในเรื่องน่าขำยังมีเรื่องน่าขำ! ตอนนี้สกุลเฉินกลายเป็นเรื่องตลกของผิงเฉิงไปแล้ว! ขยันสรรหาเรื่องตลกหลังอาหารมาให้ครอบครัว พวกแกทุกคนนี่…เก่งกันจริงๆ”
ตอนที่ 580 พวกเธอเป็นเทวดากันรึไง
เจียงหรงหรงเก็บสีหน้าของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อได้ฟังเฉินซั่งหวากล่าวเช่นนั้นเธอก็ข่มโทสะเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
“ทั้งหมดนี้ไม่ใช่คุณูปการของแม่หลานสาวสุดที่รักของคุณรึไง ขนาดไม่โผล่หัวมายังสร้างเรื่องให้ฉันได้ขนาดนี้! เอารูปพรรค์นั้นมาป่าวประกาศต่อหน้าชาวบ้านชาวช่องแบบนั้น มันหมายความว่ายังไง อย่าบอกนะว่าคุณดูไม่ออก! เจ้าคิดเจ้าแค้นขนาดนี้ มันคงจงใจจะพังงานหมั้นเพื่อแก้แค้นตระกูลเรา ตอนนี้คุณก็ดีแต่แดกดันพวกเรา ถ้าว่างนัก ทำไมไม่ไปอบรมสั่งสอนนังเด็กนรกนั่นให้ดีๆ ล่ะ!”
“เธอ…เธอ ที่พูดนี่หมายความว่าไง ไหนจะยังมาโยนความผิดกันใส่คนอื่นแบบหน้าด้านๆ อีก!
รูปนี้ ฝานซิงบังคับให้เชียนโหรวถ่ายรึไง หรือฝานซิงบังคับให้เชียนโหรวส่งรูปนี้ไปให้เธองั้นเหรอ เจ้าคิดเจ้าแค้น? ใครกันแน่ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น!
ซูเหิงจะเลิกกับเธอ เธอเคยว่าอะไรสักคำไหม ซูเหิงคบกับเชียนโหรว เธอเคยมาวุ่นวายสักครั้งรึเปล่า ดูรูปนี้สิ! ดูสิว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายระราน!
ส่งรูปถ่ายบนเตียงของเธอกับซูเหิงให้ฝานซิง หวังจะให้ฝานซิงอยู่ไม่สุข ฉันว่าที่ฝานซิงพูดก็ถูกแล้ว ไร้ยางอายสิ้นดี! จงใจทำให้คนอื่นเขาไม่มีความสุข แล้วทำไมคนอื่นเขาจะเอาคืนไม่ได้ พวกเธอเป็นเทวดากันหรือไง หรือว่าเป็นอะไร โลกนี้ถึงต้องคอยโคจรรอบตัวพวกเธอ”
เจียงหรงหรงโมโหจนสีหน้าถมึงทึง แผ่นอกยกตัวขึ้นลงอย่างหนักหน่วง “เธอเอาคืนได้ แต่ทำไมต้องเลือกมาทำในวันแบบนี้”
“เพราะพวกเธอคิดว่าตัวเองวิเศษวิโสไง! คิดว่าคนอื่นเป็นเป้านิ่งอยู่ตลอด! ทำไมถึงเป็นวันนี้น่ะเหรอ เธอคิดว่าถ้าไม่ใช่วันนี้ ฝานซิงควรจะเอาคืนวันไหน”
เฉินซั่งหวาเหลืออดกับเจียงหรงหรงลงทุกนาที สายตาเดือดดาลกวาดมองไปยังใบหน้าของทุกคน ก่อนจะมาหยุดลงที่เฉินเต๋อฝาน
“ในบ้านนี้ มีแกไว้ทำประโยชน์อะไร!”
สีหน้าของเฉินเต๋อฝานย่ำแย่จนถึงที่สุด แต่ในเมื่อพักหลังๆ มานี้เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ เขาเองก็เถียงอะไรไม่ออก
เฉินซั่งหวาจ้องเขาเขม็งเกลียว ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากตรงนั้นมาโดยมีพ่อบ้านคอยประคอง
ภายในรถคันหนึ่งด้านนอกโรงแรม ไฟโทสะได้ลุกโชนจนท่วมร่างของซูปิ่งโย่ว ใบหน้าของเขาอึมครึมจนแทบจะมีฝนโปรยลงมา
ไช่จิ้งอี๋ที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยน
“โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอะไรขนาดนี้คะคุณ เรื่องที่เชียนโหรวไม่ได้ขอโทษซูเหิง...”
ดวงตาคู่นั้นของซูปิ่งโย่วถลึงโตขึ้นกว่าเดิม “เหอะ ขอโทษไม่ขอโทษนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง! แค่เรื่องที่เธอถ่ายรูปไปเยาะเย้ยฝานซิง ก็พอที่จะทำให้ผมมองเธอเปลี่ยนไปได้แล้ว! คนพวกนั้นพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ นี่มันไม่เหมือนกับลูกไม้สกปรกของพวกเมียน้อยชั้นต่ำตรงไหน หนูฝานซิงไม่ได้เป็นฝ่ายมาหาเรื่องก่อน แทนที่จะดีใจแต่ดันรนหาที่ซะเอง! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขนาดรูปแบบนั้นยังจะกล้าถ่ายส่งไปได้ คิดอะไรอยู่ มียางอายบ้างไหม”
ไช่จิ้งอี๋เองก็ซ่อนเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ เธอทำได้เพียงฝืนพูดออกมา “ก็ผู้หญิงไงคะ…คิดน้อยไปหน่อย…ปกติออก…”
ซูปิ่งโย่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ไช่จิ้งอี๋จึงเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่กลับได้พบว่าผู้เป็นสามีกำลังมองมาที่เธอด้วยสายตาถากถาง
“คิดน้อยไป?” ซูปิ่งโย่วเค้นขำเสียงเย็น “ตอนนี้เธอจดทะเบียนกับซูเหิงไปแล้ว กลายเป็นสะใภ้สกุลซูไปแล้ว คุณชอบเหรอที่เธอคิด ‘น้อย’ แบบนี้ เหอะ ระวังจะตายไม่รู้ตัว!”
จู่ๆ ไช่จิ้งอี๋ก็ใจสั่นเพราะคำพูดนั้น ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกกลัว
“คุณ…พูดอะไรของคุณน่ะ ก็แค่เรื่องชิงรักหักสวาทกันของพวกผู้หญิง เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ที่สกุลเฉินประคบประหงมเธอขนาดนั้นเพราะเธอถูกลิขิตให้เป็นหงส์ไงคะ สกุลซูของเราสู่ขอเธอมา ก็เท่ากับสู่ขอความโชคดีมา…”