ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 615 ทิ้งห่างไปหลายขุม / ตอนที่ 616 โง่น่ะดีที่สุด
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 615 ทิ้งห่างไปหลายขุม / ตอนที่ 616 โง่น่ะดีที่สุด
ตอนที่ 615 ทิ้งห่างไปหลายขุม
ไม่มีใครจะมาเทียบเคียงเฉินเชียนโหรวไปได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนเลวที่เกิดมาเพื่อขัดขวางความโชคดีของเฉินเชียนโหรวอย่างเฉินฝานซิง!
หยางลี่เวยที่อยู่ข้างๆ เองก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“แต่พอเอาเข้าจริง ระหว่างลูกกับฝานซิง ซูเหิงก็เลือกลูกไม่ใช่รึไง อันดับที่สี่ในการแข่งขันปรุงน้ำหอมนานาชาติ คนเอเชียคนแรก อีกอย่าง Rosanna ชื่อนี้ ก็พอให้ทิ้งห่างกับเธอไปได้หลายขุมแล้ว! ลูกไม่ต้องกดดันตัวเองให้มากขนาดนั้น!”
เฉินเชียนโหรวเม้มปาก “คุณแม่คะ พี่สาวเขาเก่งมากจริงๆ นะคะ หนูยอมรับในตัวพี่เขา เพราะงั้น หนูยิ่งไม่ควรชะล่าใจ หนูทักไปคุยกับอาจารย์แล้ว พรุ่งนี้ก็จะบินไปหาเขาที่อังกฤษ กว่าจะถึงวันแข่งก็ยังพอมีเวลาเหลืออยู่บ้าง ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ หนูจะขอร้องให้เขาช่วย…อ๊ายยย”
เฉินเชียนโหรวไม่ทันพูดจบ จู่ๆ เธอก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยถูกเสียงกรี๊ดของเธอทำเอาตกใจจนสะดุ้งโหยง ก่อนจะพากันหันไปมองอย่างพร้อมเพรียง พวกเธอกลับได้พบว่าเฉินเชียนโหรวกำลังถูกผู้ชายคนหนึ่งกอดเธอเอาไว้แน่นจากทางด้านหลัง!
“คนสวยๆ …คนสวย เรามานอนด้วยกันดีไหม”
สีหน้าของเจียงหรงหรงและหยางลี่เวยแปรเปลี่ยนไปในทันที!
เฉินเชียนโหรวตอบโต้ด้วยการบิดกายและสลัดผู้ชายข้างหลังออกไปอย่างแรง!
“คนสวยทั้งหอมทั้งนุ่มนิ่ม…”
ยิ่งเฉินเชียนโหรวดิ้นรน ผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น มันแน่นเสียจนเฉินเชียนโหรวรู้สึกเหมือนว่าร่างกายของเธอจวนจะหักเป็นสองท่อน!
“ปล่อยฉันนะ! นายปล่อยฉันนะ!”
เฉินเชียนโหรวทั้งโกรธทั้งอาย หยางลี่เวยที่อยู่ข้างๆ ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบเข้าไปช่วย แกะเฉินเชียนโหรวออกมาจากการเกาะกุมของชายหนุ่มด้านหลัง
“แกนี่…แกเป็นบ้าอะไรฮะ ประสาทเหรอ อยู่ๆ ก็มาทำตัวเป็นอันธพาลแบบนี้!”
หยางลี่เวยกระชากมือของชายคนนั้นที่เกาะเกี่ยวอยู่ด้านหน้าของเฉินเชียนโหรวออกอย่างแรง!
ชายคนนั้นกลับยังคงขัดขืนและกอดเกี่ยวเธอเอาไว้แน่นกว่าเดิม
“คนสวยอย่าไป คนสวยนอนกับฉันดีไหม ฉันจะให้เงินเธอเยอะๆ เลย…บ้านเรามีเงินเยอะ…เธออยากได้เท่าไหร่ฉันก็จะให้เท่านั้น”
คนที่มุงดูอยู่ละแวกนั้นก็หันมามองพวกเขาด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่ามันถูกมองเป็นเรื่องตลกไปอีกครั้ง!
เฉินเชียนโหรวลนลานด้วยความหวาดกลัว พลันข่มเสียงคำรามขึ้น
“แกไสหัวไปนะ!”
“คนสวยจ๋า…คนสวยจ๋า…”
“จื้อเซวียน!”
เสียงทรงอำนาจแผดดังขึ้น ตามมาด้วยบอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำสองคนเดินเข้ามา กระชากผู้ชายข้างหลังคนนั้นออกไป!
เฉินเชียนโหรวรีบปรี่เข้าไปหลบหลังเจียงหรงหรง!
พลางมองไปยังผู้ชายตรงหน้าอย่างขวัญเสีย!
จวบจนกระทั่งเธอได้มองเห็นใบหน้าผู้ชายคนนั้นอย่างชัดเจน ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็กระตุกเล็กน้อย สีหน้าเธอแปรเปลี่ยนไปเป็นทั้งสี แดง ส้ม เหลือง เขียว น้ำเงิน ม่วง ไม่หยุด!
เขาคือคุณชายโง่สกุลฉินแห่งเมืองผิงเฉิงคนนั้น!
ฉินจื้อเซวียน!
เธอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางจ้องมองไปยังฉินจื้อเซวียนอย่างเดือดดาล! ซึ่งอีกฝ่ายก็กำลังมองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้มโง่เง่าอยู่พอดี!
“คนสวยจ๋าาา”
เฉินเชียนโหรวตัวสั่นขึ้นทันใด จนอดจะหลบไปอยู่หลังเจียงหรงหรงอีกครั้งไม่ได้
“ที่แท้ก็เป็นประธานเจียงกับคุณหนูเฉินนี่เอง ต้องขออภัยจริงๆ ที่…ล่วงเกิน”
แม้ว่าบนใบหน้าของนายหญิงสกุลฉินจะเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ทว่าท่าทีสูงส่งเช่นนั้นกลับทำให้ผู้คนมองไม่เห็นความจริงใจของเธอเลยแม้แต่น้อย
ภายในใจของเจียงหรงหรงเองก็มีความดูถูกและไม่ชอบใจอยู่ไม่น้อย เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกผ่านสีหน้า
ต่อหน้าคนรุ่นหลัง พวกเขาต่างก็วางมาดเป็นผู้มากประสบการณ์และผู้ทรงอำนาจได้ ทว่าต่อหน้าคนรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเขาก็กลับกลายเป็นสุดยอดจิ้งจอก
ต่างก็กำลังใช้ความคิดอยู่ในใจ
“นายหญิงฉิน นี่คือ…”
เจียงหรงหรงนิ่งเงียบไป พลางกวาดสายตาไปมองฉินจื้อเซวียนที่ยืนอยู่อีกทาง แม้ไม่เอ่ยสิ่งใดก็พอจะเข้าใจความหมายได้
ตอนที่ 616 โง่น่ะดีที่สุด
เจียงหรงหรงนิ่งเงียบไป พลางกวาดสายตาไปมองฉินจื้อเซวียนที่ยืนอยู่อีกทาง แม้ไม่เอ่ยสิ่งใดก็พอจะเข้าใจความหมายได้
“อื้ม พาฉินจื้อเซวียนมาตรวจสุขภาพ ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญขนาดนี้ ได้มาเจอกันที่นี่!”
เจียงหรงหรงคลี่ยิ้ม พลางเอ่ยถามไปตามมารยาท
“ใช่ค่ะ บังเอิญจริงๆ …เป็นยังไงบ้าง ผลการตรวจร่างกายขอคุณชายฉินไม่เป็นไรใช่ไหม”
“อื้ม แข็งแรงมาก!”
“ฮ่าๆ งั้นก็ดี!”
ทักทายปราศรัยกันไม่กี่คำ ในที่สุดลิฟต์ก็หยุดลง พวกเขาจึงทยอยกันเดินเข้าไปในนั้น
เจียงหรงหรงเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด
“ปีนี้หลานชายของคุณอายุเท่าไหร่เหรอคะ”
“ยี่สิบเจ็ดค่ะ”
เจียงหรงหรงคลี่ยิ้มพลางเอ่ยขึ้นตามมารยาท “ยังวัยรุ่นอยู่เลย…”
นายหญิงสกุลฉินเงยหน้ามองเฉินเชียนโหรววูบหนึ่ง ต่อด้วยการหันมามองหลานชายตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ราวกับจนปัญญาเต็มที
“ไม่เด็กแล้ว ควรจะหาภรรยาที่ว่านอนสอนง่ายสักคนมาดูแลเขาได้แล้ว เราคงอยู่ดูแลเขาไปไม่ได้ตลอดชีวิต…”
เจียงหรงหรงกระตุกยิ้ม “ลูกหลานมีทางรอดของเขาเอง บางทีพรหมลิขิตอาจจะยังมาไม่ถึง…”
“คนสวยจ๋า คนสวยจ๋า ภรรยาจ๋า…”
ฉินจื้อเซวียนถูกบอดี้การ์ดยึดตัวไว้ทั้งซ้ายขวา ทว่าก็ยังไม่ละสายตาไปจากเฉินเชียนโหรว เขายืนโง่ๆพลางหันมองเธอด้วยความเริงร่า
เฉินเชียนโหรวจ้องเขาเขม็งด้วยความรังเกียจ
ไอ้ปัญญาอ่อนนี่สมควรตาย!
ในที่สุดตัวลิฟต์ก็มาหยุดลงตรงชั้นหนึ่ง เฉินเชียนโหรวผ่อนลมหายใจเบาๆ กระชับแขนของหยางลี่เวยเอาไว้แน่น เธอแทบจะแนบเข้ากับผนังลิฟต์ยามที่เดินออกมา เพราะกลัวว่าจู่ๆ ฉินจื้อเซวียนจะกระโจนเข้าหา
คนสองกลุ่มแยกทางกันตรงทางเข้าของโรงพยาบาล หยางลี่เวยมองมองแผ่นหลังของฉินจื้อเซวียนอย่างเอือมระอา ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างอดไม่อยู่!
“บ้าอะไร เรื่องอะไร ก็แค่คนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง! ยังจะหาลูกคุณหนูที่ฐานะทางสังคมเท่าเทียมกันมาเป็นเมียให้อีก หน้าใหญ่มาจากไหน”
“เงินก็คือหน้าตาของพวกเขา! ในช่วงปีแรกๆ กิจการเหมืองถ่านหินสร้างกำไรให้พวกเขาเป็นกอบเป็นกำ ต่อมาพอเปลี่ยนไปจับกิจการอสังหาริมทรัพย์ มันก็ทำกำไรให้พวกเขาอีกมหาศาล! เพราะดันไปทำในโอกาสที่เหมาะสม! ตอนนี้ต่อให้เขาอยู่เฉยๆ ทั้งชาติ เงินในบ้านก็ยังเหลือพอให้พวกเขาใช้ผลาญอยู่ดี! ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ยังมีอุตสาหกรรมไม่น้อยที่เขาเข้าไปลงทุนอยู่…”
หยางลี่เวยเบ้ปาก “อย่างที่เขาว่าคนโง่คือพวกมีวาสนา!”
“เหอะ! จะรวยแค่ไหนก็ไม่เกี่ยวกับเรา!”
เจียงหรงหรงขำหึออกมา ก่อนจะเดินนำไปก่อน
ทว่าเดาไม่ออกเลยว่าเฉินเชียนโหรวกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ เธอจึงได้หันมองตามรถของสกุลฉินที่ขับจากไปอย่างครุ่นคิด!
“เชียนโหรว...เชียนโหรว! มัวมองอะไรอยู่ รีบขึ้นรถกลับบ้านได้แล้ว!”
เฉินเชียนโหรวหลุดจากภวังค์ หันไปส่งยิ้มงดงามและผ่อนคลายให้กับหยางลี่เวยแล้วโน้มตัวขึ้นรถ
ตัวรถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป เฉินเชียนโหรวเหม่อมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง มุมปากของเธอกลับกรีดยิ้มร้ายขึ้นอยู่ตลอดเวลา
โง่ก็ดีน่ะสิ!
โง่น่ะดีที่สุด!
โง่ๆ น่ะกล่อมง่ายที่สุดแล้ว…
—
เมื่อเห็นรูปที่เธอไปข้องแวะข้องเกี่ยวกับซูเหิงที่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนโพสต์มันลงโซเชียล เฉินฝานซิงก็พลันรู้สึกเพียงความปวดตุบๆ ที่ตรงศีรษะ
เธอพอจะจินตนาการออกว่าตอนที่เฉินเชียนโหรวได้เห็นรูปพวกนี้เธอจะมีสีหน้าแบบไหน
ทว่าเรื่องพวกนี้อย่างมากก็ได้แต่ทำให้เธอหงุดหงิดใจเท่านั้น
ตอนนี้ สิ่งที่ทำให้เธอกังวลได้มากที่สุดก็คือ…
เพียงแค่ความคิดแวบเข้ามาในหัว โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นทันที
เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรมา สองมือของเฉินฝานซิงก็ยกขึ้นกุมขมับด้วยสีหน้าจนใจ
“เหวย…”
“ผมเห็นที่พวกคุณจับมือกันแล้ว…”
เสียงทุ้มของป๋อจิ่งชวนเอ่ยขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม
เฉินฝานซิงสูดหายใจเข้าเต็มปอด “เรื่องนี้ฉันอธิบายได้…”
“อืม คืนนี้ผมจะรอให้คุณกลับมาอธิบายอย่างละเอียด”
“…”