ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 633 ประกาศ / ตอนที่ 634 จ่ายค่าราคา
ตอนที่ 633 ประกาศ
หยางลี่เวยร้อนรนกว่าเดิม “เพราะงั้นแม่คะ ตอนนี้พวกเราควรจะทำยังไงกันดี”
เจียงหรงหรงถอนหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “ไปรับพ่อแกกลับมาก่อน ในบ้านหลังนี้ ยัยตัวซวยนั่นบางทีอาจจะฟังเขาอยู่บ้าง จัดการกับพ่อแกให้เรียบร้อยก่อน ถึงเวลาค่อยให้พ่อแกไปพูดกับเธออีกที”
หยางลี่เวยรีบร้อนหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาเฉินฝานซิงทันที
เดิมทีเฉินฝานซิงตั้งใจจะหั่นผลไม้สักจาน แต่ยังไม่ทันหั่นเสร็จ จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์เข้ามาสามสายติดกัน
“มีธุระ?” สายจากหยางลี่เวยทั้งอยู่ในความคาดหมายและเหนือความคาดหมาย
ทั้งๆ ที่ลับหลังแอบอยากจะฮุบสินเดิมของเธอเอาไว้เอง ถ้าหากเป็นคนอื่นก็คงจะรีบซ่อนตัวไม่กล้ามาสู้หน้าเธอไปตั้งนานแล้ว แต่หยางลี่เวยนี่…
อุตส่าห์ไว้หน้าไม่เอาความแล้วยังคิดจะเหิมเกริมกว่าเดิมอีกหรือ
“เฉินฝานซิง นี่ป้าเองนะ…คือแบบนี้ คุณปู่ของเธอ ถ้าจะอยู่กับเธอที่นั่นไปตลอดมันก็ยังไงๆ อยู่ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนกัน พวกเราจะไปรับคุณปู่กลับมา…”
น้ำเสียงเป็นมิตรและอ่อนโยนกว่าที่คิดเอาไว้ ราวกับว่าเป็นคนละคนกับที่ชักสีหน้าใส่พร้อมพูดจาดูถูกเหยียดหยามเธอเมื่อวานนี้เลย
“ไม่ต้องแล้ว ฉันกลัวว่าถ้าเขากลับไป จะถูกพวกคุณยั่วโมโหจนอกแตกตาย”
หยางลี่เวยชะงักไปเล็กน้อย นึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในบ้านสกุลเฉินเมื่อคืน พวกเธอก็หุนหันกันเกินไปจริงๆ
สุดท้าย แม้แต่เฉินเต๋อฝานก็โกรธจนไม่ยอมกลับบ้านมาคืนหนึ่งแล้ว
“ถ้าไม่มีธุระแล้วฉันวางนะ”
“ฝานซิง ปู่ของเธอต้องกินยาให้ครบห้ามขาดนะ เขาอยู่บ้านจนคุ้นชินหมดแล้ว อย่างไรเสียก็อายุมากแล้ว ยากที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ถ้าหากเธอสบายใจละก็…เธอ…เธอย้ายกลับเข้ามาอยู่ก็ได้นี่…”
เฉินฝานซิงขมวดคิ้วมุ่น “ฉันไม่กลับไปหรอก ส่วนคุณปู่ ฉันก็จะไม่ให้เขากลับไปอีกแล้ว ส่วนเรื่องยาของเขา เดี๋ยวฉันจะกลับไปเอาที่บ้านสกุลเฉิน”
“ฝานซิง…”
หยางลี่เวยยังไม่ตัดใจ อยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่เฉินฝานซิงกลับตัดสายไปก่อน
จากนั้นก็เก็บโทรศัพท์กลับไปด้วยความโมโห เจียงหรงหรงก็ดูออกว่าผลลัพธ์เป็นยังไง พลางเลิกคิ้ว ภายในสายตาฉายประกายความขุ่นข้องใจ
“ยัยเด็กนั่นตอนนี้พักอยู่ที่ไหน”
หยางลี่เวยส่ายหน้า “ตั้งแต่เกิดเรื่องที่แฟนคลับเฉินเชียนโหรวทุบรถครั้งก่อน เธอก็ย้ายออกไปจากหมู่บ้านนั่นแล้ว”
คิ้วของเจียงหรงหรงขมวดเข้าแน่นกว่าเดิม ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พูดออกมา
“กลับกันก่อนเถอะ”
“แต่ว่าแม่คะ พ่อจะทำยังไงดี...”
เจียงหรงหรงไม่ตอบใดๆ เพียงแต่ตรงดิ่งขึ้นรถไปทันที หยางลี่เวยจึงทำได้เพียงแค่เดินตามไป นัดเล่นไพ่นกกระจอกไว้ตั้งแต่เช้า กลับไปตอนนี้ก็ทันเวลาได้เล่นสักหลายรอบอยู่พอดี
ตอนที่หยางลี่เวยไปถึง เฉินเชียนโหรวกำลังเล่นไพ่นกกระจอกเป็นเพื่อนไช่จิ้งอี๋และคุณนายคนอื่นๆ อีกหลายคน
เมื่อเห็นเธอแล้ว เฉินเชียนโหรวจึงรีบลุกให้ทันที
จากนั้นก็นั่งลงข้างไช่จิ้งอี๋ เมื่อดูไพ่แล้วก็ถือโอกาสเตือนไม่ให้พลาดโอกาสที่จะได้เก็บไพ่จำเป็นมา
มาถึงก็ชนะไปสามรอบติด หยางลี่เวยโดนไช่จิ้งอี๋เปิดไพ่ไปสองรอบ ส่วนคุณนายซุนที่เป็นผู้เล่นก่อนหน้าก็ถูกไช่จิ้งอี๋เปิดไพ่ไปหนึ่งรอบ
“โอ้โห แบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ลูกสาวที่ตบแต่งออกไปแล้ว ก็เหมือนกับน้ำที่สาดออกไป ดูสิ ความโชคดีในตัวลูกสาวคนนี้ พริบตาเดียวก็ย้ายไปอยู่บนตัวแม่ยายซะแล้ว”
ไช่จิ้งอี๋ยิ้มร่าไม่หุบ ในใจยิ่งรู้สึกพอใจในตัวเฉินเชียนโหรวมากกว่าเดิม ทำให้รู้สึกเชื่อในคำพูดที่ว่า “ชะตาดุจนกฟีนิกซ์มาแต่เกิด” หนักแน่นขึ้นไปอีก
เฉินเชียนโหรวสีหน้าเขินอาย “ที่ไหนกันคะ เป็นเพราะแม่มือขึ้นต่างหาก…”
“แหม คำว่าแม่คำนี้เรียกได้หวานไปถึงหัวใจจริงๆ เลยนะ แต่ว่าที่เธอเรียกน่ะหมายถึงแม่คนไหนเหรอ”
คุณนายซุนพูดกระเซ้า ทำให้เฉินเชียนโหรวเขินหนักกว่าเดิม “ป้าซุน อย่าแกล้งหนูเล่นแบบนี้สิคะ…”
“ฮ่า ฮ่า…โอ๊ะ รอแป๊บนะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน…”
หลังจากที่คุณนายซุนลุกไปเข้าห้องน้ำ คุณนายจางที่นั่งอยู่ตรงหน้ารู้สึกขัดหูขัดตากับเรื่องการแต่งงานของสองตระกูลนี้หลายต่อหลายเรื่อง
คนนอกต่างก็พูดว่าสมกันเป็นกิ่งทองใบหยก ชายหล่อหญิงงาม
ในใจก็รู้สึกอิจฉาอยู่ไม่น้อย ทนดูบ้านอื่นลืมตาอ้าปากไม่ได้
แล้วก็ไม่อยากจะยกยอปอปั้นอย่างกับคุณนายซุนด้วย ในระหว่างที่เบื่อๆ จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทิศทางตลาดหุ้น ปรากฏว่าเวลานั้นได้เห็นประกาศข่าวเรื่องหนึ่งพอดี ด้านบนเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องสกุลเฉินชิงสินเดิมให้เฉินเชียนโหรว
เงยหน้าขึ้นมามองสองบ้านที่กำลังคุยกันอย่างเข้าด้ายเข้าเข็มพลันเบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะกดเปิดประกาศเรื่องนั้น
สำเนาเขียนเอาไว้ว่าประธานเจียงแห่งหลานอวิ้นและลูกสะใภ้สกุลหยางบุกเข้าไปอาละวาดที่สำนักทนายความเรื่องสินเดิมของเฉินเชียนโหรว พยายามจะเอาสินเดิมที่แม่ของเฉินฝานซิงทิ้งไว้ให้เธอมาเป็นของตัวเอง
ตอนที่ 634 จ่ายค่าราคา
ภาพเป็นภาพของจีเฟิ่งเหมียนที่เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามกฎหมาย ในวันที่ลูกสาวคนเดียวเฉินฝานซิงแต่งงาน ทรัพย์สมบัติภายใต้กรรมสิทธิ์ของเธอจะตกเป็นของเฉินฝานซิงโดยปริยาย
ยังมีคลิปวิดีโออีกหนึ่งคลิป
คุณนายจางแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งที เงยหน้าขึ้นไปมองหยางลี่เวยปราดหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ทำลายครอบครัวของคนอื่นก็มากพอแล้ว ตอนนี้ยังคิดจะฮุบสมบัติที่เขาทิ้งไว้ให้ลูกสาวอีก ช่างหน้าไม่อายจริงๆ
เธอเปิดวีดีโอนั้นโดยไม่มีท่าทีจะปกปิดแม้แต่น้อย เสียงเล็กแหลมของหยางลี่เวยดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“ท่าทีแบบนี้ของพวกคุณนี่คืออะไรกัน ตอนนี้ฉันก็คือเป็นแม่ของเธอเหมือนกัน สินเดิมของเธอ ทำไมฉันจะเป็นคนตัดสินใจไม่ได้”
เมื่อเสียงดังออกมา หยางลี่เวยที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นอยู่ก็หน้าเปลี่ยนสีในทันที พลันหันไปมองทางคุณนายจาง
“ของพวกนี้ สรุปแล้วยังไงก็เป็นของสกุลเฉิน ตามกฎหมายแล้วคนที่ได้รับสืบทอดเป็นคนแรกก็คือคู่ครองไม่ใช่เหรอ เธอยังมีสามี ฉันเป็นแม่ของสามีของเธอ จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง นี่เป็นสิทธิ์ที่ฉันพึงมี”
น้ำเสียงของเจียงหรงหรงเย็นชาแฝงไว้ซึ่งความข่มขู่ทั้งยังเผด็จการและแข็งกร้าว
สีหน้าของหยางลี่เวยและเฉินเชียนโหรวแย่ลงเรื่องๆ ไช่จิ้งอี๋เองก็หันหน้ามามอง
“ประธานเจียง คุณหยาง พวกคุณสองคนน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี ในเอกสารนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน สมบัติส่วนตัวของคุณผู้หญิงจีล้วนแต่เป็นสิทธิ์ของลูกสาวคนเดียว คุณหนูเฉินฝานซิง มีชื่อมีแซ่ คุณหนูเฉินฝานซิงก็คือผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง อีกทั้งเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”
“สมบัติส่วนตัวอะไรกัน เธอเป็นลูกสะใภ้ของสกุลเฉินของฉัน เธอมีสมบัติส่วนตัวที่ไหนกัน…”
“…”
หลังจากที่ดูคลิปวีดีโอจบ คุณนายจางจึงเก็บโทรศัพท์ไปด้วยแววตาที่ผิดแปลกไปกว่าเดิม
เธอยกมือขึ้นมาวางใต้จมูกเพื่อป้องปาก พลางพูดราวกับไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรเลย
“ฉันเห็นสมบัติส่วนตัวที่สำนักทนายความประกาศออกมาดูเหมือนจะมีร้านกาแฟ ร้านคาราโอเกะ ร้านเครื่องปั้น ร้านเครื่องหยก อะไรประมาณนั้น ฉันจำได้ว่าหลายวันก่อนหน้านี้ลี่เวยไม่ใช่ว่าพูดกับไช่จิ้งอี๋เรื่องสินเดิมหรอกเหรอ ดูเหมือนจะมีของพวกนี้เหมือนกันนี่…ที่แท้ เหอะ เหอะ…เป็นสินเดิมที่จีเฟิ่งเหมียนเธอทิ้งไว้ให้ลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองทั้งนั้นเลยนะ…”
หยางลี่เวยหน้าเปลี่ยนสีในทันที พร้อมกับเอื้อมมือออกไปชิงมือถือจากในมือของคุณนายจาง ก้มลงดูข่าวเมื่อครู่นี้ สีหน้าก็ยิ่งเหยเกมากกว่าเดิม
ไช่จิ้งอี๋ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น “พวกคุณ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่”
คุณนายจางกระแอมออกมาเบาๆ ก่อนจะแกล้งพูดด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน
“หยางลี่เวย นี่จะเกินไปหน่อยแล้วนะ จีเฟิ่งเหมียนเป็นผู้หญิงแบบไหน คนอายุรุ่นพวกเราก็รู้ดีกันหมด ในแวดวงคุณนายที่ร่ำรวยเงินทอง เธอจัดเป็นคนที่ดิ้นรนที่สุดแล้ว สกุลเฉินนั้นแรกเริ่มเดิมทีก็ไม่ใช่ว่าไม่ค่อยเท่าไหร่หรอกเหรอ ก็อาศัยจีเฟิ่งเหมียนถึงทำให้เข้ามาอยู่ในวงสังคมนี้ได้ไม่ใช่เหรอ สิ่งที่คุณกำลังเสวยสุขอยู่ตอนนี้ เป็นสิ่งที่เธอสร้างมันมาด้วยน้ำพักน้ำแรงเลยนะ คนเราน่ะ จะต้องสำนึกในบุญคุณแล้วรู้จักพอบ้างใช่หรือเปล่า คุณว่าไหม ประธานเจียงก็เหมือนกัน ทำไมถึงได้ทำเรื่องเลอะเลือนแบบนี้ได้”
หยางลี่เวยลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลันโยนโทรศัพท์ไปตรงหน้าคุณนายจาง แล้วพูดหน้านิ่วคิ้วขมวด
“จางชุ่ย เธอหมายความว่ายังไง”
คุณนายจางสีหน้าอึมครึม พลันตบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้นมาจากเก้าอี้เช่นกัน
“เฮอะ มือที่สามก็คือมือที่สามอยู่วันยังค่ำ ล้วนแต่ใช้วิธีที่น่าอับอาย ก่อนหน้านี้ยังเสแสร้งแสดงละครอยู่ได้ ตอนนี้ทนไม่ได้แล้วใช่ไหม กล้าขว้างโทรศัพท์ฉัน…”
ได้ยินคำว่ามือที่สามคำนี้ หยางลี่เวยก็โกรธจนกัดฟันกรอด “เธอว่าใครเป็นมือที่สาม ฉันจะขว้างโทรศัพท์เธอแล้วจะทำไมเหรอ”
คุณนายจางกัดฟัน “ทำไมน่ะเหรอ กล้าขว้างโทรศัพท์ฉัน ฉันจะให้เธอได้ชดใช้”
ระหว่างที่พูดก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะออกแรงเหวี่ยงแขนออกไปฟาดหน้าของหยางลี่เวยเต็มแรง