ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 665 ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง / ตอนที่ 666 ร้อนแรงแผดเผา
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 665 ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง / ตอนที่ 666 ร้อนแรงแผดเผา
ตอนที่ 665 ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
“Michelle คุณโอหังเกินไป ผลงานของคุณ นอกจากที่ใช้น้ำมันหอมระเหยที่ดีที่สุดมาทำแล้ว ก็ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ในการแข่งหลายรอบมานี้ ดูเหมือนคุณจะวนเวียนอยู่กับธีม ‘สูงสง่า’ ธีมนี้มาโดยตลอด คงจะลืมความตั้งใจเดิมไปตั้งนานแล้วสินะ…
ที่จริงแล้วในทุกรอบของการแข่งขันระดับนานาชาติ เมื่อเห็นคุณปรากฏตัว ผมก็คาดหวังกับคุณสูงทุกครั้ง แต่ความเป็นจริง ครั้งนี้คุณกลับทำให้ผมผิดหวังอีกแล้ว…
ผมว่าคุณจำเป็นจะต้องกลับไปดูผลงานก่อนๆ ของคุณให้ดีแล้ว”
Michelle ถูกพูดตอกหน้าจนหน้าแดงหูแดง ได้แต่กัดฟันกรอด ภายในใจยังคงรู้สึกไม่ยินยอมอยู่ดี
หลายปีมานี้ มีวันไหนบ้างที่เธอไม่อยากจะพัฒนาตัวเอง ทำตัวเองให้ดีกว่าเดิม
แต่ผลกลับเป็นอย่างไร
ให้เธอกลับไปดูผลงานก่อนๆ ของตัวเอง เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
ที่น่าโมโหไปยิ่งกว่านั้นก็คือ เธอแพ้ให้กับเฉินเชียนโหรวเสียได้
“ให้ฉันลองดูผลงานของ Rosanna หน่อยได้ไหม อย่างน้อยก็ขอให้ฉันยอมแพ้อย่างสนิทใจหน่อย”
“ย่อมไม่ได้แน่นอน”
“…” Michelle เพียงแต่กัดฟันทนทั้งยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ดึงดันไปยอมจากไป
เอเลนเห็นท่าทางที่ดื้อดึงไม่ยอมรับในความพ่ายแพ้ของเธอก็ขมวดคิ้วมุ่น สุดท้ายก็นำกระดาษเทสเตอร์ที่มีกลิ่นน้ำหอมของเฉินเชียนโหรวยื่นให้เธอ
“คุณเอเลน แบบนี้ไม่ถูกกฎ”
“กลัวอะไร ยังไงซะพิธีมอบรางวัลปีนี้ ผลงานพวกนี้ก็จะถูกนำออกมาโชว์”
Michelle รีบยื่นมือออกไปรับกระดาษเทสเตอร์มาวางไว้ยังปลายจมูกแล้วสูดดม ทันใดนั้นสีหน้าพลันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าที่ดื้อดึงในที่สุดก็เริ่มโอนอ่อนสั่นไหว
สุดท้าย จู่ๆ เธอก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและประชดประชัน
“Rosanna บอกว่ามันคือหิมะแรกในยามเช้างั้นเหรอ เหอะๆ ผลงานที่อ่อนโยนขนาดนี้กลับใช้หิมะที่หนาวเหน็บมาบรรยายมันอย่างนั้นเหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอทำผลงานที่เพอร์เฟ็กต์ขนาดนี้ออกมาได้ยังไงกันแน่”
เหล่ากรรมการก็ส่ายหน้าไปตามๆ กัน
“คุณก็รู้สึกได้เหมือนกันเหรอ พวกเราก็ไม่มั่นใจว่าทำไมคนที่รังสรรค์มันออกมากลับไม่เข้าใจว่ามันนำความอบอุ่นอ่อนโยนมาให้กับผู้ใช้”
Michelle วางกระดาษเทสเตอร์ลง แล้วแค่นหัวเราะเบาๆ
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระแทกแดกดัน
สุดท้ายก็เดินออกจากสนามแข่งไปด้วยท่าทางอกผายไหล่ผึ่งดังเดิม
เฉินฝานซิงมองดูแผ่นหลังของ Michelle จากไป ลึกลงไปในสายตาหมองหม่น
เธอถือเป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ เพียงแต่ในด้านนิสัยนั้น แย่เกินไปหน่อยจริงๆ
ผู้เข้าแข่งขันอีก 2 คนทำผลงานเสร็จผ่านไป เฉินฝานซิงถึงจะวางมือจากทุกการกระทำ
มองดูผลงานที่เสร็จแล้ววางอยู่ตรงหน้า เฉินฝานซิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหยดมันลงบนข้อมือของตัวเองแล้วลองดมดูก่อน สุดท้ายก็ยกยิ้มมุมปากที่ยากจะสังเกตเห็นออกมา
เวลานี้จึงหยิบผลงานเดินไปยังที่นั่งของคณะกรรมการ
เหล่ากรรมการที่เห็นเฉินฝานซิงกำลังเดินไปทางตัวเองอยู่ไกลๆ สีหน้าต่างก็แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน
เอเลนยิ่งมีท่าทีอดใจไม่ไหวยิ่งกว่าใคร
รอจนถึงตอนที่เฉินฝานซิงเดินไปถึงตรงหน้าของพวกเขา พวกเขาแต่ละคนกลับดูท่าทางเหมือนนักเรียนที่กำลังรออาจารย์อย่างเชื่อฟัง ทุกคนต่างก็หาสูตรของเธอวางรอไว้ก่อนแล้ว
ไม่จำเป็นต้องถาม เพียงแค่หาสูตรที่เขียนไว้ว่า “star” ก็พอแล้ว
“รีบให้ผมดูเลย” เอเลนอดใจรอไม่ไหวแล้วจริงๆ ยื่นมือออกไปหยิบผลงานในมือของเฉินฝานซิงทันที
วินาทีที่หยิบกระดาษเทสเตอร์ขึ้นมาดมนั้น รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคาดหวังบนใบหน้าของเอเลนก็ชะงักงันในพริบตา
กรรมการคนอื่นๆ ก็แทบจะมีการตอบสนองแบบนี้เหมือนกันหมด
“นี่…เป็นกลิ่นที่เข้มข้น อุ่น…อบอุ่นมาก อบอุ่นแบบที่เกินไปแบบนั้น…” เอเลนพึมพำ น้ำเสียงฟังไม่ออกว่ารู้สึกอะไรอยู่
“ดูเหมือนจะเป็นผลงานที่ตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงกับผลงานของ Rosanna ความรู้สึกแรกที่ Rosana ให้ก็คือความรู้สึกเย็นสดชื่น แต่ของเธอนี้…ไม่ใช่อบอุ่น แต่เป็นร้อนแรง ร้อนแรงแบบแผดเผาดังไฟสุมทรวงแบบนั้นเลย”
ตอนที่ 666 ร้อนแรงแผดเผา
“ให้ความรู้สึกร้อนแรงราวกับจะแผดเผาคนให้มอดไหม้…”
เฉินฝานซิงเพียงแต่ยิ้มให้เล็กน้อยแล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองดูพวกเขาเงียบๆ
เหล่าคณะกรรมการหันมามองกันปราดหนึ่ง ภายในใจเริ่มรู้สึกกระวนกระวายด้วยเป็นกังวลว่า “Star” ในตำนานคนนี้คงจะไม่กลายเป็นผลงานชิ้นที่ไม่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการแข่งรอบนี้หรอกนะ
ทว่าภายใต้สายตาของเฉินฝานซิง พวกเขายังคงสะบัดกระดาษเทสเตอร์ในมือแล้วลองดมมิดเดิ้ลโน้ตต่อ
เพียงชั่วพริบตาต่อจากนั้น แววตาสีหน้าของคณะกรรมการแต่ละคนก็เริ่มเปล่งประกายออกมา
“อืม ความร้อนแรงแผดเผานั้นกำลังหายไปอย่างช้าๆ…”
“มีความรู้สึกราวกับจะเผาสิ่งต่างๆ ให้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านจริงๆ ความรู้สึกแบบนี้ผมไม่ค่อยชอบ…”
“ใช่ แต่ในใจผมกลับยังรู้สึกถึงความอาจหาญอย่างแปลกประหลาด แต่ก็ยังคงหดหู่เหมือนเดิม…”
น้ำเสียงและสีหน้าในขณะที่กรรมการแต่ละคนพูดนั้น สัมผัสถึงความรู้สึกหนักหน่วงกดดันได้อย่างง่ายดาย
แววตาของเฉินฝานซิงค่อยๆ มืดหมองลงไป รอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากก็ค่อยๆ หายตามไปด้วย ราวกับว่าดำดิ่งอยู่ในความรู้สึกเสียใจและจนปัญญาอย่างหนึ่งเช่นกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ เฉินฝานซิงจึงเงยหน้าอีกครั้ง มองดูคณะกรรมการทุกคนที่กำลังมองเธออยู่ ใบหน้าแฝงไว้ซึ่งแววตาแห่งความอัดอั้นอดกลั้น
“ถึงแม้ว่าผลงานชิ้นนี้จะทำให้ผู้ใช้เกิดความรู้สึกร่วมได้อย่างง่ายดาย แต่ความรู้สึกแบบนี้มัน…”
“ผลงานชิ้นนี้ มันช่างหดหู่เกินไปจริงๆ สิ่งเดียวที่ผมสัมผัสได้ว่าควรค่าแก่การทำให้ใจคนพลุ่งพล่านอยู่บ้างก็คือความรู้สึกกล้าหาญ ความรู้สึกเสียสละอย่างหนึ่ง…”
“ฉันรู้สึกว่าพวกเราในฐานะที่เป็นนักปรุงน้ำหอมควรสรรค์สร้างความสวยงาม นำพาความสุขมาให้ผู้คน ไม่ใช่ทำให้ผู้คนรู้สึกเศร้าหมองเสียใจ ผลงานชิ้นนี้…”
ทันใดนั้นเองเฉินฝานซิงก็หัวเราะออกมากะทันหัน “รบกวนอาจารย์ทุกท่านลองดูใหม่อีกคครั้ง”
กรรมการทุกคนขมวดคิ้วมุ่น แต่ก็ยังคงก้มหน้าลองดมกลิ่นบนกระดาษเทสเตอร์ใหม่อีกครั้งแต่โดยดี
ทว่าเพียงพริบตาเดียว บนใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงและเหลือเชื่อ
อาการช็อกแบบนั้นทำให้ผู้คนทั้งงานถูกดึงดูดเข้ามาด้วย ต่างพากันมองมาตรงนี้
“นี่มัน…” เอเลนถึงกับตื่นเต้นจนลุกขึ้นยืน มองเฉินฝานซิงด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
“คือชีวิตใหม่ คือความหวังใหม่ คือความเป็นไปได้ที่ไม่มีสิ้นสุด กลิ่นแบบนี้…มันอะเมซิ่งสุดๆ ไปเลย!”
“ผมไม่สามารถจินตนาการภาพแบบนั้นได้เลย แรกเริ่มมีเพียงแค่ไฟดวงหนึ่งที่ร้อนแรงแผดเผาจนทำให้คนรู้สึกอุดอู้มากๆ แต่ว่าตอนนี้ มันคือความรู้สึกทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ได้รับอิสรภาพอีกครั้ง ได้สัมผัสกับทั้งสี่ฤดูกาล ความสุขใจจากฝนหมอกลมหิมะ นี่มันคืออะไรกันแน่”
เอเลนมองเฉินฝานซิงด้วยความตื่นเต้น แววตาเต็มไปด้วยความชื่นชมและเลื่อมใส
เฉินฝานซิงแค่อมยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงใสกังวานดังขึ้นอย่างไม่รีบร้อน
“ท็อปโน้ตคือความประทับใจแรกที่ให้กับผู้คน ทุกท่านยังจำกลิ่นของท็อปโน้ตได้ไหมคะ”
คณะกรรมการแต่ละท่านพยักหน้า “กลิ่นนั้นมันร้อนแรงเป็นเอกลักษณ์มาก”
เฉินฝานซิงพูดต่อ “แต่ว่ามันระเหยออกมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ระยะเวลาที่กลิ่นคงอยู่นั้นไม่ยาวนาน กลิ่นมิดเดิลโน้ตที่ตามมาถึงแม้จะเป็นแก่นสารของน้ำหอมแต่ละชนิด ระยะเวลาที่กลิ่นคงอยู่เทียบกันแล้วค่อนข้างนาน แต่ว่าในสายตาของผู้ใช้น้ำหอมแต่ละรุ่นกลับสนใจในเบสโน้ตของมันมากที่สุด ซึ่งก็คือกลิ่นพื้นฐาน ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่า การระเหยของเบสโน้ตนั้นช้าที่สุด และคงอยู่ติดทนยาวนานที่สุด ความร้อนแรงของท็อปโน้ตเป็นเพียงแค่เวลาสั้นๆ กลิ่นเถ้าถ่านในมิดเดิลโน้ตเป็นการตกตะกอนของความเหงา เบสโน้ตคือปฏิหาริย์ที่เหนือความคาดหมายหลังจากการตกตะกอน…”
เอเลนพยักหน้ารัวด้วยความตื้นตัน
“ใช่ มันคือปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ไม่มีสิ้นสุด คุณใส่อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไปให้กับท็อปโน้ต มิดเดิ้ลโน้ต และเบสโน้ต สุดยอดจริงๆ ผมชอบมาก มันนำมาซึ่งความเซอร์ไพรส์มากมายที่ผมไม่อาจคาดคิด”
“อื้ม กลิ่นก็ทำให้คนรู้สึกทึ่งมากๆ เช่นกัน”
คณะกรรมการคนอื่นๆ ก็พากันพยักหน้าไม่หยุด
ความรู้สึกพึงพอใจที่ไม่ต้องพูดออกมาก็เห็นได้
แววตาที่เอเลนมองเฉินฝานซิงนั้นร้อนแรงยิ่งกว่าเดิม
“บอกผมได้ไหม ว่าผลงานชิ้นนี้ของคุณชื่อว่าอะไร”