ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 669 รอให้ถึงพิธีมอบรางวัลก่อนเถอะ! / ตอนที่ 670 เหตุผลคุณภาพต่ำ
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 669 รอให้ถึงพิธีมอบรางวัลก่อนเถอะ! / ตอนที่ 670 เหตุผลคุณภาพต่ำ
ตอนที่ 669 รอให้ถึงพิธีมอบรางวัลก่อนเถอะ!
สีหน้าของเฉินฝานซิงมืดครึ้มลงทุกที ไม่ว่าใครก็ไม่อยากเผยด้านอ่อนแอที่สุดของตัวเองให้คนที่เกลียดเห็นกันทั้งนั้น
ต้องขอบคุณในทุกๆ ความกรุณาของผู้หญิงตรงหน้า ที่วันนี้เธอได้ยกความขี้ขลาดและอ่อนแอของเธอในปีนั้นมาทำให้เป็นเรื่องตลกได้อีกครั้ง!
เฉินฝานซิงจ้องดิ่งไปยังนัยน์ตาของเฉินเชียนโหรว ความเยือกเย็นจากข้างในแทบจะทำให้เฉินเชียนโหรวกลายเป็นน้ำแข็งได้
“ถึงยังไงก็ต้องมีคนเชื่อฉัน”
เฉินเชียนโหรวกับไม่นึกสังหรณ์ใจเลยสักนิด “จะไม่มีใครเชื่อเธอทั้งนั้น เพราะ…ฉันไม่ยอมให้ใครเชื่อ”
เธอฝานซิงจ้องเธอเขม็งก่อนจะค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
“งั้นเธอคงต้องผิดหวังแล้วละ”
เฉินเชียนโหรวส่ายหน้าอย่างระอา ซ้ำยังหัวเราะเยาะให้กับความคิดเพ้อเจ้อของเฉินฝานซิง
“รอให้ถึงพิธีมอบรางวัลก่อนเถอะพี่สาว! ถึงตอนนั้น เธอก็คอยดูเอาแล้วกันว่าจะมีใครเชื่อเธอบ้าง!”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มตรงมุมปากคลี่ออกกว้างกว่าเก่า “จะคอยดู”
เฉินเชียนโหรวหุบรอยยิ้มบนใบหน้าลง นัยน์ตาสั่นเครือจับจ้องเฉินฝานซิงอย่างเยือกเย็น ก่อนจะยกมือขึ้นสะบัดผมหนึ่งครั้งแล้วเอ่ยขึ้น
“ฉันต้องรีบกลับไปฉลองวันชีซีกับพี่เหิงแล้ว! พี่สาว เธอน่ะ…ฮะๆ ช่างมันเธอ…จะรออยู่ที่นี่ก็ไม่เลวนะ จะได้ไม่ต้องกลับประเทศไปเห็นภาพบาดตาบาดใจ…”
เฉินฝานซิงย่นคิ้ว ไม่เปล่งเสียงออกมา
เฉินเชียนโหรวมองเธออีกครั้งด้วยสายตาโอหังและยั่วโทสะ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินจากไป
หลังจากนั้นเฉินฝานซิงก็ขยับคิ้วเข้าหากัน
วันชีซี?
มีชีวิตมายี่สิบหกปีเธอไม่เคยคิดจะใส่ใจกับเทศกาลประเภทนี้เลย
ไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังทันไหมนะ…
เธอยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูตั๋วเครื่องบิน ทว่ามันกลับไม่มีเที่ยวบินแล้ว
เธอยกมือขึ้นกุมหน้าผากด้วยความงุ่นง่าน ก่อนจะกดจองตั๋วของวันพรุ่งนี้ไปอย่างเสียดาย
เป็นวันชีซีปีแรกที่กลัวว่าจะไม่ได้ฉลองด้วยกัน!
เธอถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์แล้วยกกล่องอุปกรณ์ของตัวเองขึ้นมาตรงไปยังห้องพักของตน
ตอนเย็นหลังจากที่รับประทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็ยังคงสว่างอยู่เล็กน้อย เฉินฝานซิงลูบหน้าท้องที่ป่องออกมาน้อยๆ แล้วลุกเดินไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ถูกปูไว้ด้วยหินก้อนเล็กก้อนน้อย เพื่อเป็นการย่อยอาหาร
ขณะนี้ข้างนอกเองก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่พากันออกมาเดินเล่น ท่าทีผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อนเช่นนั้น เที่ยวชมดอกไม้ผลิบานและร่วงหล่นลงตรงหน้าลานบ้านไปมาอย่างสบายอารมณ์ คล้อยตามหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวไปมาอย่างสบายใจอยู่บนท้องฟ้า
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจและเชื่องช้าเช่นนี้มาก่อน เธอสูดกลิ่นพฤกษาหอมฟุ้งในอากาศ มองทุ่งลาเวนเดอร์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นก็กวาดตามองปราสาทที่สร้างขึ้นตามสไตล์โรมันโบราณด้วยความสบายใจ
แม้ว่าชีซีจะเป็นวันแห่งความรักของประเทศจีน แต่ทว่ามันก็ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นสากลอยู่บ้าง
เธอเดินมาจนถึงใจกลางของปราสาทหลังเก่า ลานหน้าใหญ่โตมโหฬารราวกับจตุรัสก็มิปาน
หนุ่มสาวเดินกันเป็นคู่ๆ บ้างก็เดินจับมือกัน บ้างก็โอบกอดกัน…
เฉินฝานซิงหามุมๆ หนึ่งในปราสาทหลังเก่าเพื่อหยุดยืน ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง สายลมจากทะเลเริ่มพัดพาความหนาวเย็นเข้ามาเล็กน้อย
สองแขนประสานกอดกันไว้ตรงกลางอก พลางกวาดสายตามองไปยังลานกว้างสุดโอ่อ่า ใจกลางของมันมีน้ำพุเก่าแก่ดีไซน์เรียบง่ายอยู่แห่งหนึ่ง ภายใต้ดวงไฟสีเหลืองนวล มีคู่รักที่บ้างก็โผเข้ากอดกัน บ้างก็คลอเคลียกันอย่างอ่อนโยน บ้างก็แลกจูบกันอย่างดูดดื่ม
นัยน์ตาคู่นั้นของเฉินฝานซิงทอประกาย ความรู้สึกแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
ยิ่งตอนนี้เธอยืนอยู่คนเดียว และที่ที่เธอยืนอยู่นั้นก็เป็นมุมอับของปราสาทพอดี ทำให้ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรกับพวกถ้ำมอง
เธอปัดผมอย่างหน่ายใจ นึกเสียใจนิดๆ ที่พาตัวเองเดินมาถึงตรงนี้
กระแสลมหนาวจู่โจมเข้ามาอีกครั้งจนเธอต้องห่อไหล่ เธอจึงก้าวเท้าเดินเตรียมจะกลับที่พัก
ทว่าในนาทีนั้นเอง จู่ๆ ร่างๆ หนึ่งก็โผล่เข้ามาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ ร่างของเธอถูกโอบกอดไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง!
ตอนที่ 670 เหตุผลคุณภาพต่ำ
ทว่าในนาทีนั้นเอง จู่ๆ ร่างๆ หนึ่งก็โผล่เข้ามาแนบชิดกับแผ่นหลังของเธอ ร่างของเธอถูกโอบกอดไว้แน่นด้วยแขนทั้งสองข้าง!
ก่อนจะถูกรวบเข้าสู่อ้อมกอดอุ่น สูทตัวนอกที่ถูกกางออกรับเธอเข้ามาห่มห่อเอาไว้ภายใน
เธอคิดจะดิ้นหนีตามสัญชาตญาณ แต่ผลสุดท้ายเมื่อกลิ่นหอมสดชื่นที่แสนคุ้นเคยโชยผ่านก็ทำเอาเธอตื่นเต้นหนักจนหัวใจกระตุกวูบ
เธอแหงนหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเพียงแค่เธอเงยหน้าขึ้น จูบที่แฝงไปด้วยความเย็นเล็กน้อยก็ประทับลงมาบนกลีบปากนุ่มของเธอได้อย่างพอดิบพอดี
กลิ่นหอมของชายหนุ่มชัดเจนขึ้นทุกขณะ ความดีใจและประหลาดใจอย่างไร้ที่สิ้นสุดพลันปรากฏขึ้นกลางใจ
จนกระทั่งเฉินฝานซิงโดนจูบจนหายใจไม่ทัน ชายหนุ่มถึงได้ยอมผละจากเธอ
ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาไปเงียบๆ เธอยังคงถูกเสื้อสูทของเขาที่สวมทับอยู่บนร่างห่อหุ้มเอาไว้อย่างแน่นหนา หัวใจของเธอยังคงเต้นระส่ำเสียงดัง ตึกๆ ตึก อย่างไม่หยุดพัก!
เนิ่นนาน เมื่อสงบลงจากการหอบหาย เธอก็เงยหน้าขึ้นมองโครงหน้าสมบูรณ์แบบแสนคุ้นเคยภายใต้แสงสลัว เขากำลังก้มหน้าอยู่พอดี เส้นโค้งตรงริมฝีปากบางผุดยิ้มขึ้นจางๆ ขณะที่จ้องมองมายังเธอ
“ทำไมถึงมากะทันหันแบบนี้ล่ะคะ”
ป๋อจิ่งชวนกอดเธอไว้แน่น เสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยความแหบพร่าอย่างน่าหลงใหล
“คุณบอกว่าคิดถึงผมไม่ใช่รึไง”
เฉินฝานซิงหน้าแดงปลั่ง ซุกหน้าเข้าหาอกของเขาเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องมาเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้
ทว่าเสียงหัวเราะทุ้มๆ กลับดังขึ้นเหนือศีรษะของเธอ แผ่นอกที่เธอแนบชิดอยู่นั้นไหวตัวเบาๆ พร้อมทั้งแว่วยินเสียงก้องต่ำจากกลางอก
เฉินฝานซิงรู้ว่าชายหนุ่มกำลังขำเธออยู่ การนิ่งเงียบของเธอถือว่าเป็นการยอมรับไปโดยปริยาย ผู้ชายที่เป็นฝ่ายได้เปรียบก็ย่อมมีความสุขเป็นธรรมดา
ทว่าไม่ถึงอึดใจ นัยน์ตาของเฉินฝานซิงก็พลันชะงักนิ่ง ก่อนจะยืดตัวออกมาจากในอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวน
จากนั้นคิ้วสวยข้างหนึ่งก็ถูกเลิกขึ้น มองป๋อจิ่งชวนภายใต้สีหน้าสุขุม
“เมื่อวานตอนเย็นฉันโทรหาคุณทำไมคุณถึงไม่รับสาย”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้นสูง ขณะที่ก้มมองเธออยู่นั้นรอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้จางหายไปแล้วหลายส่วน “ตอนนั้นผมกำลังยุ่ง”
รอยโค้งตรงมุมปากของเฉินฝานซิงยิ่งเผยกว้างขึ้น สีหน้าลึกซึ้งจนยากจะคาดเดา
“เหรอคะ แต่คุณกลับมีเวลาคุยแชทกับฉันตั้งยี่สิบนาที! สรุปว่าคุณยุ่งเรื่องอะไรอยู่กันแน่”
เมื่อเห็นการหัวเราะเยาะภายใต้ดวงตาของเธอ เขาก็เม้มปากเข้าหากัน “ยุ่ง…เรื่องที่คุยโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ส่งข้อความได้”
เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบอย่างไปไม่เป็น
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายพันกันยุ่งเหยิงเล็กน้อย จู่ๆ เธอก็ขำพรืดออกมา
โกหกไม่เนียนเลย
เธอยังคงถามต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
“งั้นเรื่องที่คุยโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ส่งข้อความได้มันคือเรื่องอะไรกันแน่คะ”
ป๋อจิ่งชวนเลื่อนสายตาลงมองเธอ ความเจ้าเล่ห์ที่แพรวพราวอยู่ในดวงตาประกอบกับความขบขันที่ชัดเจนยิ่งขึ้นทำให้เขาทั้งขำและรู้สึกจนปัญญา
เขาก้มลงกัดริมฝีปากนุ่มไปหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ
“แล้วคุณคิดว่าไง”
เฉินฝานซิงขำเบาๆ นัยน์ตาที่สีขาวตัดกับสีดำชัดเจนกลอกกลิ้งอยู่ในกรอบตาไปหนึ่งรอบก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันคิดว่า…ตอนนั้น…คุณกำลังอยู่บนเครื่อง!”
“…” สีหน้าของเขาดูเหนียมอายเล็กน้อย นัยน์ตาสีดำขลับชะงักไป ก่อนจะเลิกคิ้วแล้วขำขึ้นเบาๆ
เฉินฝานซิงเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ยิ่งอดไม่ไหวที่จะขำออกมาอีกครั้ง
ร่างบอบบางและงดงามสั่นไหวเบาๆ ในอ้อมกอดของเขา เซนส์ของเธอเกินคำว่าแรงมากไปแล้ว
“บนเครื่องบินรับโทรศัพท์ไม่ได้ แต่เข้าอินเตอร์เน็ตส่งข้อความได้ คุณว่าถูกไหมคะ”