ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 671 ผู้สูงส่งลดความสูงค่า / ตอนที่ 672 ไม่น่าพิสมัยนัก
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 671 ผู้สูงส่งลดความสูงค่า / ตอนที่ 672 ไม่น่าพิสมัยนัก
ตอนที่ 671 ผู้สูงส่งลดความสูงค่า
“บนเครื่องบินรับโทรศัพท์ไม่ได้ แต่เข้าอินเตอร์เน็ตส่งข้อความได้ คุณว่าถูกไหมคะ”
“แล้วไง เรื่องนี้มันบ่งบอกว่าอะไรงั้นเหรอ”
ร่างอันสูงสง่าของชายหนุ่มทำให้เธอต้องแหงนหน้าขึ้นเท่านั้นจึงจะมองหน้าเขาได้อย่างชัดเจน
เธอขยับเข้าใกล้เขาอีกเล็กน้อย ลมหายใจถูกพ่นลงบนปลายคางของเขา
“บ่งบอกว่า…จริงๆ แล้วคุณเป็นคนที่คิดถึงฉันก่อน จนอดไม่ได้ที่จะมาเจอฉันโดยไม่หวั่นแม้ระยะทางหมื่นลี้ จริงไหมคะ?”
ในเมืองเล็กๆ ของโพรวองซ์ ดูเหมือนว่าแม้แต่ลมหายใจของเธอก็พลอยเจือกลิ่นหอมของลาเวนเดอร์ไปด้วย
นัยน์ตาของเขาสีเข้มขึ้น สองแขนที่โอบรอบเอวเธออยู่กระชับแน่นขึ้นหลายส่วน ก่อนที่เขาจะโน้มศีรษะลงใกล้ใบหน้าของเธอ
“ใช่…เพราะคิดถึงคุณ เลยอดมาเจอหน้าคุณโดยไม่หวั่นแม้หนทางหมื่นลี้ไม่ได้ พอใจรึยัง”
นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมรับง่ายๆ ขนาดนี้ เฉินฝานซิงจึงแอบทึ่งอยู่เล็กน้อย
ทว่าหัวใจกลับถูกเติมเต็มไปด้วยความหวานอย่างไม่ทันตั้งตัว
ป๋อจิ่งชวนยกมือหนึ่งขึ้นบีบคางเกลี้ยงเกลาของเฉินฝานซิง น้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนหลงใหล
“คุณก็คิดถึงผมไม่ใช่รึไง”
ระยะห่างของทั้งคู่ที่ห่างกันเพียงคืบทำให้ลมหายใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย
ราวกับว่านัยน์ตาสีดำขลับนั้นจะลึกล้ำและเปล่งประกายยิ่งขึ้น ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังปรวนแปร อยู่ภายในความสงบนิ่งนั้น
นัยน์ตาของเฉินฝานซิงสั่นระริก เธอหวังจะเพิกเฉยต่ออารมณ์ที่พร้อมจะประทุออกมาจากดวงตาของเขา ทว่าเพราะนัยน์ตาที่วอกแวกไปชั่วขณะ จึงกลายเป็นว่ายิ่งปิดก็ยิ่งเห็น ท่าทีเขินอายและลุกลี้ลุกลนเช่นนั้นยิ่งดึงดูดความสนใจ
“ใช่ไหม หืม”
ป๋อจิ่งชวนถามขึ้นอีกครั้ง เสียงทุ้มนุ่มนั้นเคาะลงไปบนแก้วหูของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปั่นป่วนหัวใจเธอจนมันเต้นระรัว
ริมฝีปากบางค่อยๆ เผยอออก เพียงแค่คิดจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา ป๋อจิ่งชวนกลับโน้มกายลงมาประกบจูบกับริมฝีปากของเธออย่างหนักหน่วง
หากจะพูดออกมา เปลี่ยนเป็นการแสดงออกแบบนี้ยังดีเสียกว่า
–
ป๋อจิ่งชวนจูงมือเฉินฝานซิงไปหาที่พักของแขกในเมืองเล็กๆ อย่างพรอวองซ์ได้อย่างชำนาญทาง
สะอาดเรียบง่ายแล้วยังมีสไตล์
แต่สำหรับป๋อจิ่งชวนแล้ว บรรยากาศที่สงบเรียบง่ายเช่นนี้ดูจะไม่ค่อยเข้ากับเขาเสียเท่าไหร่
รังสีความแข็งแกร่งแผ่ขยายออกมาจากกายของเขา และรัศมีความสูงศักดิ์ซึ่งติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดของเขา ก็พลันทำเอาระดับของห้องพักที่ตบแต่งอย่างงดงามและเป็นเอกลักษณ์นี้ลดต่ำลงไปถนัดตา
ผู้สูงส่งลดความสูงค่า
ความรู้สึกเช่นนี้เกินกว่าคำว่ารุนแรง
ก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง เธอก็แอบรู้สึกอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
พอมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ความแตกต่างเช่นนี้กลับแสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนว่าระยะห่างระหว่างเธอและเขาถูกกั้นขวางด้วยระยะทางที่แสนยาวไกล
ขณะที่เฉินฝานซิงจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดที่ยุ่งเหยิง
ห้องของเธอถูกเปิดออกเมื่อไหร่ อย่างไร เธอเองก็ยังไม่รู้
และถูกปิดลงตอนไหนเธอก็ไม่รู้อีกเช่นเคย
จนกระทั่งเมื่อเธอถูกกดลงบนบานประตู ร่างกายอันสูงใหญ่ของป๋อจิ่งชวนก็ทาบทับลงมาทันที ร่างสูงสง่าแทบจะบดบังเธอไว้ได้ทั้งหมด ริมฝีปากเย็นเล็กน้อยประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธอไปอย่างหนักหน่วง
แตกต่างกับจูบอันนุ่มนวลและซาบซึ้งใต้ปราสาทโบราณหลังนั้นโดยสิ้นเชิง จูบในครั้งนี้แฝงไปด้วยความใจร้อนและเร่าร้อน ช่วงชิงลมหายใจของเธอ ร้องเรียกเธอ ไล่ต้อนอย่างเอาแต่ใจ
สติอันล่องลอยของเธอที่กลับมาแล้วจมหายไปกับจูบแสนครอบงำและถี่กระชั้นของเขาอีกครั้งจูบของเขาค่อยๆ เคลื่อนไปตรงมุมปากของเธอ และกดจูบลงบนใบหูของเฉินฝานซิง จุมพิตแผ่วเบา ปลุกปั่น ลูบไล้
ใบหูเล็กนิ่มถูกเสียดสีเช่นนี้จนค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
ตอนที่ 672 ไม่น่าพิสมัยนัก
“คุณ…คุณอย่า…”
เฉินฝานซิงสั่นเทิ้มไปทั้งกาย หัวใจเต้น ตึกๆ ตักๆ ราวกับไม่อาจทานทนต่อการปลุกปั่นเช่นนี้ได้
“อย่าอะไร? เมื่อกี้คุณพูดได้ไม่เลว เพราะผมคิดถึงคุณจนอดรนทนไม่ไหวที่จะ…มาหาคุณ”
ความนัยของจุดที่เสียงนุ่มทุ้มและแหบพร่านั้นหยุดลง คนฉลาดอย่างเฉินฝานซิงมีหรือที่เธอจะไม่เข้าใจความหมาย
“จุดประสงค์ของคุณ คงไม่น่าพิสมัยนักใช่ไหม”
เฉินฝานซิงหอบแผ่ว ใบหน้างดงามนั้นขึ้นสีแดงจัด ในตาปริ่มน้ำ กลีบปากบวมแดงและฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำจากการโดนจูบ
เป็นความสามารถที่แทบจะทำให้เธอไม่อาจต้านทานได้
มือของป๋อจิ่งชวนโอบรอบแผ่นหลังของเธอไว้ แล้วค่อยๆ จับซิปที่อยู่ตรงหลังคอของเธอดึงลงมาอย่างเชื่องช้า
นัยน์ตาเธอวูบไหว พลันเชิดหน้าขึ้นมองเขาด้วยความตระหนก
ป๋อจิ่งชวนจูบลงไปบนริมฝีปากเธอเบาๆ อีกครั้ง นัยน์ตาสีดำขลับของป๋อจิ่งชวนจ้องลึกไปยังนัยน์ตาของเธอ
“ผมจะทำให้คุณชอบเอง”
เดรสยาวเลื่อนหลุดลง ไหล่ขาวฉ่ำเงาปรากฏแก่สายตา เมื่อได้สัมผัสเข้ากับผิวเนียนละเอียดนั้น ลมหายใจของป๋อจิ่งชวนก็พลันทวีความหนักหน่วงขึ้นในทันใด ริมฝีปากบางประทับลงบนผิวเนียนละเอียดตรงหัวไหล่ มือที่วางอยู่ตรงเอวของเธอค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้าตามผิวเนียน และเคลื่อนมาจนถึงสะโพกของเธอ
ชายกระโปรงของเธอถูกร่นขึ้นมาเล็กน้อย มือใหญ่เคลื่อนไปตามริมกระโปรง ลาดตระเวนอย่างอ้อยอิ่ง เขาลูบไล้แผ่วเบาลงบนผิวกายเรียบลื่น พลางพรรณนาไปถึงเรือนร่างโค้งเว้าอันนิ่มมือของเธอ
เฉินฝานซิงกัดริมฝีปากแน่น สองมือที่จับอยู่ตรงเสื้อสูทของเขาเผลอออกแรงอย่างไม่รู้ตัว ลมหายใจที่ระบายออกผ่านจมูกที่เป่ารดลงบนหัวใจของเธอค่อยๆ หอบถี่ยิ่งขึ้น
แม้จะมีเสื้อเชิ้ตคอยขวางกั้นไว้ ทว่าเขาก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความร้อนของลมหายใจอันสง่างามและมีกลิ่นหอมดุจดอกกล้วยไม้
เขารับรู้ว่าเฉินฝานซิงกำลังฝืนร่างอันสั่นเทาให้ยืนตรงขึ้น ยิ่งเขาสัมผัสไปที่สองขาของเธอ อาการสั่นเทานั้นก็ยิ่งปรากฏให้เห็นชัดยิ่งขึ้น
ทันใดนั้นความรู้สึกจนใจพลันถูกฉาบขึ้นในดวงตาที่บรรจุแน่นไปด้วยความปรารถนา เขาโน้มตัวลงไปช้อนร่างของเธอขึ้นมาก่อนจะวางเธอลงบนเตียง
จากนั้นจึงถอดที่คาดผมที่คาดอยู่บนผมของเธอออกมา
ความนุ่มนวลที่รองรับร่างของเธออยู่นั้นทำให้เธอพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ป๋อจิ่งชวนมองไปยังเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ตอนอยู่บนเตียงคุณก็ดูมีเรี่ยวแรงดีอยู่หรอก แต่ทำไมตอนยืนแค่จูบเดียวก็ทำเอาคุณยืนไม่อยู่แล้วล่ะ”
นัยน์ตาของเฉินฝานซิงสั่นระริก
เสน่ห์มากล้น แรงดึงดูดมหาศาล ในโลกนี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ปั่นป่วนเขาได้ขนาดนี้
มือที่สำรวจเสื้อผ้าของเธออยู่ยังคงอยู่ไม่สุข ฝานซิกถูกจูบจนนัยน์ตาสุกใสสั่นระริก เธอกัดฟันเบาๆ ข่มใจทนต่อเพลิงร้อนที่ฝ่ามือร้อนคู่นั้นนำพามาให้
ป๋อจิ่งชวนไม่ใส่ใจแม้จะไม่ได้รับการโต้ตอบจากเธอ เพียงแต่กระตุกมุมปากขึ้นน้อยๆ ต่อด้วยการโน้มตัวลงกดจูบลงไปบนผิวพรรณขาวสะอาดของเธอเบาๆ
เดรสยาวลื่นหลุดออกจากไหล่ทั้งสองข้าง ทัศนียภาพอันงดงามที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายในจึงปรากฏออกมาให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัย
หัวใจของเฉินฝานซิงกระตุกไปวูบหนึ่ง สองแขนที่อยู่ไม่สุขวางทาบลงบนอกเบาๆ ท่าทางที่ปกปิดด้วยความเหนียมอายเช่นนี้ยิ่งชวนหลงใหลขึ้นอีกหลายส่วน
นัยน์ตาของป๋อจิ่งชวนแปรเปลี่ยนเป็นมืดดำอีกครั้ง จูบอันยุ่งเหยิงทำเอาเฉินฝานซิงสับสนได้อีกครั้งหนึ่ง
ทว่าระหว่างนั้น จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็หยุดลง
เฉินฝานซิงปิดตาลง พลางได้ยินเสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันรางๆ
เธอคิดว่าเขากำลัง…
เนิ่นนาน เธอกลับรู้สึกว่าลำคอสัมผัสได้ถึงความเย็นเล็กน้อย
เฉินฝานซิงนึกสงสัย เธอลืมตาขึ้นน้อยๆ แล้วมองลงไป สิ่งที่เธอเห็นก็คือ จี้เพชรอันวิจิตรงดงามเส้นหนึ่งนอนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
เธอมองไปยังเขาด้วยความตื่นเต้น
ป๋อจิ่งชวนกลับจุมพิตลงบนริมฝีปากเธอไปหนึ่งครั้ง “ของขวัญวันชีซีครับ”
“…” ความอุ่นซ่านจู่โจมเข้าสู่หัวใจของเฉินฝานซิง