ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 683 แอปเปิลห้ากิโลเท่ากับแตงโมลูกเดียว / ตอนที่ 684 ได้น้อยดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 683 แอปเปิลห้ากิโลเท่ากับแตงโมลูกเดียว / ตอนที่ 684 ได้น้อยดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
ตอนที่ 683 แอปเปิลห้ากิโลเท่ากับแตงโมลูกเดียว
อวี๋ซงหนังตากระตุก!
ผลไม้ห้ากิโล?!
นี่กะจะให้เขาจุกตายรึยังไง
เป็นเพราะความ ‘หวานคนเดียวไม่สู้หวานเป็นหมู่คณะ’ ของคุณผู้ชายแท้ๆ เลย!
“…ครับ”
เขากัดฟันรับปากไปเสียงหนึ่ง ก่อนจะหันไปยิ้มแหยๆ ให้กับเฉินฝานซิงหนึ่งครั้งแล้วเดินออกจากห้องหนังสือไป
เมื่อเห็นว่าอวี๋ซงออกไปแล้ว เฉินฝานซิงจึงเท้ามือลงบนขอบโต๊ะพลางมองไปยังป๋อจิ่งชวน
“คุณจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ มีอย่างที่ไหนไปใช้ให้เขากินผลไม้ห้ากิโลลงไปรวดเดียว”
ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วมองเฉินฝานซิง “ใจร้าย? นี่ไม่ใช่ว่าผมเห็นใจลูกน้องอยู่รึไง คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าผลไม้คือผลิตภัณฑ์สุขภาพสารพัดประโยชน์ที่ดีเยี่ยมที่สุด”
“…” แทบจะเป็นคำโต้แย้งที่ฟังไม่ขึ้น
อวี๋ซงขับรถออกมาเพียงลำพัง เขามุ่งหน้าไปยังร้านผลไม้อย่างไม่ยี่หระต่อความตาย
แค่เท้าก้าวผ่านประตูเข้าไปเขาก็ตะโกนขึ้นกับเถ้าแก่ร้านในทันที “เถ้าแก่ เอาแอปเปิลให้ผมห้ากิโล”
“ถุงอยู่ข้างๆ เลือกเอาเอง!”
“…”
เมื่อเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยกำลังยุ่งอยู่กับการชั่งผลไม้ให้คนอื่นอยู่ อวี๋ซงจึงจำต้องเลือกด้วยตัวเองไปอย่างจนใจ
“นี่ เถ้าแก่เนี้ย แตงโมนี่ขายไงจ๊ะ” จู่ๆ หญิงสาวเสียงแหลมที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนถามขึ้น
“ครึ่งกิโลหนึ่งหยวนห้าเหมา ในมือเธอลูกนั้นก็ราวๆ สิบห้าหยวนเห็นจะได้…”
มือที่กำลังเลือกแอปเปิลอยู่ของอวี๋ซงก็พลันหยุดชะงักลง
ครึ่งกิโล หนึ่งหยวนห้าเหมา ลูกนึงสิบห้าหยวน นั่นก็แปลว่าแตงโมลูกเดียวก็ถึงห้ากิโลไปแล้วไม่ใช่เหรอ
เขาหันกลับไปมอง เมื่อได้เห็นกับแตงโมในมือของหญิงสาวคนนั้น วินาทีนั้นเขาก็พลันคิดไปว่าแตงโมคงจะเป็นผลไม้ที่น่ารักที่สุดแล้วบนโลกใบนี้!
–
“เมื่อกี้คุยกับผู้ช่วยอวี๋คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ งานยังไม่เสร็จเหรอ”
เฉินฝานซิงเอนกายเข้าหาเก้าอี้ ก้มหน้าลงใช้ไม้จิ้มฟัน เดี๋ยวก็ป้อนแอปเปิลเข้าปากไปหนึ่งคำ เดี๋ยวก็ป้อนสาลี่เข้าปากไปหนึ่งคำ กินจนแทบจะหยุดไม่อยู่
ผลไม้กรอบๆ พวกนั้นถูกเธอเอาเข้าปากไป เกิดเสียงดัง หยับๆ หยับ ในขณะที่ปากกำลังขยับ ทั้งยังได้ยินเสียงกลืนน้ำผลไม้อยู่เป็นครั้งคราว
ใบหน้าขาวสะอาดเนียนนุ่มไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ กลีบปากนุ่มหยุ่นถูกเคลือบไปด้วยน้ำจากผลไม้จนฉ่ำวาว
จู่ๆ ลูกกระเดือกสวยของป๋อจิ่งชวนก็เคลื่อนตัวสองครั้งอย่างไร้การควบคุม นัยน์ตาที่สีดำตัดกับขาวอย่างชัดเจนก็ยิ่งมืดดำขึ้นทุกที
เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากป๋อจิ่งชวน เฉินฝานซิงจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความสงสัย
“หืม?”
ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับยื่นมือออกไปโอบรอบเอวบางของเธอเอาไว้ในคราเดียว แล้วออกแรงดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของเขา
เฉินฝานซิงไม่ทันสังเกตว่าร่างของเธอกำลังโผเข้าหาอ้อมแขนของป๋อจิ่งชวน
จนเมื่อเธอรู้สึกตัวอีกที ร่างของเธอก็ขึ้นไปนั่งอยู่บนตักของเขาอย่างมั่นคงแล้ว
ระหว่างนั้น เนื่องจากกลไกการป้องกันตัวเอง สองแขนของเธอจึงยกขึ้นเหนี่ยวรั้งไหล่ของชายหนุ่มเอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
ท่าทางน่าขายหน้านี่!
ในปากยังคงเคี้ยวผลไม้ที่ยังเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายแล้ว ท่าทางที่หยุดเคี้ยวผลไม้ไปเมื่อครู่ก็กลับมาขยับอีกครั้ง
ป๋อจิ่งชวนมองท่าทีตื่นตูมของเธอเช่นนั้น ก็พลันรู้สึกว่ามันน่ารักดี ลำคอของเขาตีบแคบลงเล็กน้อย เขายกมือขึ้นกดตรงท้ายทอยของเธอ ให้คางเชิดขึ้นเล็กน้อยแล้วประทับจูบลงไปบนปากของเธอ
เป็นอีกครั้งที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ป๋อจิ่งชวนยื่นปลายลิ้นไปกวาดชิมริมฝีปากที่เคลือบไปด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของเธอ จากนั้นก็หวังจะแง้มเปิดไรฟันของเธอออก
ทว่าในปากยังคงเหลือลูกแพร์เขียวอยู่อีกครึ่งหนึ่ง เฉินฝานซิงจะอ้าปากออกได้อย่างไร
เธอขบฟันเอาไว้แน่นพลางส่ายหน้า นัยน์ตาคู่นั้นที่ใช้มองป๋อจิ่งชวนอยู่เต็มไปด้วยคำปฏิเสธ
จู่ๆ มือที่รั้งเอวเธอเอาไว้อยู่ก็เพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย ร่างของเธออ่อนยวบไปทั้งกาย ทันใดนั้นเธอก็เผลอปล่อยให้ป๋อจิ่งชวนบุกรุกเข้ามาได้สำเร็จ
ในขณะที่เฉินฝานซิงกำลังตื่นตะลึงอย่างถึงขีดสุด เขาก็ได้ตวัดเอาลูกแพร์เขียวในปากเธอออกมา
หลังจากที่ปล่อยเธอให้เป็นอิสระแล้ว เขาก็จัดการกลืนลูกแพร์เขียวที่ฉกชิงจากเธอมาได้ลงท้องไป
ตอนที่ 684 ได้น้อยดีกว่าไม่ได้อะไรเลย
น้ำผลไม้รสหวานถูกเฉินฝานซิงรับไปแล้วกว่าครึ่ง รสชาติของมันในตอนนี้ ป๋อจิ่งชวนพึงพอใจเป็นที่สุด
“คุณ…”
เมื่อเห็นท่าทีไม่สะทกสะท้านเช่นนั้นของป๋อจิ่งชวน ไหนจะใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่ทำเหมือนไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนทำนั้นผิดตรงไหน ก็ทำเอาเฉินฝานซิงพูดไม่ออกไปค่อนวัน
จากนั้นใบหน้าของเธอก็ขึ้นสีแดงก่ำ!
เขาจะหมกมุ่นไปหน่อยรึเปล่า!
นั่นมันเป็นสิ่งที่เธอกินไปแล้วครึ่งหนึ่งนะ
ยังจะมาแย่งไปจากปากของเธออีก
“อร่อยจัง”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเฉินฝานซิง ป๋อจิ่งชวนก็ผุดยิ้มขึ้นมุมปากพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
ใบหน้าของเฉินฝานซิงซับสีแดงปลั่ง ยิ่งยามที่ได้เห็นประกายแสงวูบไหวในดวงตาสีนิลคู่นั้น ก็ยิ่งทำให้เธอกัดริมฝีปากแน่นขึ้นด้วยความเขินอาย
เมื่อท่าทางขบกัดริมฝีปากเช่นนั้นปรากฏสู่สายตาของป๋อจิ่งชวน เขาก็รับรู้ได้เพียงว่าอุณหภูมิของเลือดในกายกำลังเพิ่มสูงขึ้นทุกชั่วขณะ ทั้งยังรู้สึกเกร็งๆ ตรงท้องน้อย
นัยน์ตาเขามืดดำลง ป๋อจิ่งชวนซบหน้าลงกับแอ่งคอของเธอ แล้วสูดดมกลิ่นหอมจางๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของอีกฝ่าย
เขาโดนพิษของเธอไปแล้วจริงๆ แค่มองเธอแวบเดียวก็กลายมาเป็นแบบนี้ได้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตรงแอ่งคอของเธอ ความนุ่มนวล ขาวสะอาด อบอุ่น และหอมกรุ่นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วอ้อมกอดของเขานี้ ทำให้ความโลภเข้าครอบงำได้จริงๆ
“ครั้งนี้สกุลเฉินว่ายังไงอีก”
จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็ถามขึ้น เสียงทุ้มนุ่มแฝงไปด้วยความแหบพร่าอันเปี่ยมเสน่ห์
ท้ายที่สุดเขาก็ยอมละความสนใจออกมาท่ามกลางแรงดึงดูดพวกนั้น เขาจะเห็นเธอทุกครั้งแล้วจะอยากรังแกเธอไปเสียทุกครั้งไม่ได้
เขาแหงนหน้าขึ้น ใช้มือใหญ่ลูบลงบนเส้นผมตรงไหล่ สายตาที่มองไปยังเธอทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน
เฉินฝานซิงสบายใจขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง แต่เมื่อได้ยินคำถามของเขา นัยน์ตาเธอพลันวูบไหว เธอแหงนหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้าสีดำสนิทนอกหน้าต่าง ก่อนที่ใบหน้างดงามจะกรีดยิ้มเย้ยหยันขึ้น
“ให้คอนโดที่ทำเลใช้ได้มาหลังหนึ่ง…”
ห้องหนังสือกลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ครู่ใหญ่ๆ มือของป๋อจิ่งชวนที่ลูบไล้ผมของเธออยู่ก็หยุดชะงักลง ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองเธอ
คิ้วมันขลับย่นเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจ้องมองเธออย่างเรียบนิ่ง
“หมดแล้ว?
เฉินฝานซิงละสายตากลับมา เธอหลุบลงมองเขาแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “คุณคิดว่าเจียงหรงหรงจะให้อะไรฉันอีกงั้นเหรอ อ้อ…จริงสิ เธอยังบอกอีกว่า ถึงตอนนั้นให้ฉันเอาของหมั้นที่บ้านสามีให้มาทำเป็นสินเดิม แล้วให้ฉันเอากลับไปในสภาพเดิม”
ไฟโทสะพลันผุดขึ้นบนใบหน้าสงบนิ่งของป๋อจิ่งชวน “เรื่องเอาของหมั้นมาทำเป็นสินเดิมแบบนี้พวกเขาก็ยังคิดออกมาได้…” เมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไม่รู้สึกแปลกใจบนใบหน้าของเฉินฝานซิง ป๋อจิ่งชวนก็พ่นลมหายใจออกมา “สกุลเฉินสร้างคุณขึ้นมาได้คนหนึ่ง ก็แสดงว่าดีเอ็นเอของพวกเขามันกลายพันธุ์แล้ว”
เฉินฝานซิงกะพริบตาปริบๆ หลังจากที่ได้สติกลับมาแล้วก็อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้
ผู้ชายคนนี้ ปากคอเราะรายใช่ย่อย
ทว่าสีหน้าของป๋อจิ่งชวนกลับไม่ได้สู้ดีนัก “คอนโดหลังนั้น คุณก็ไม่ควรจะรับไว้! ไม่อายคนอื่นเขารึไง ก็แค่คอนโดหลังเดียว พอพวกเขาให้ คุณก็รับมาโดยไม่รังเกียจเลยงั้นเหรอ คอนโดหลังเดียวผมจะให้คุณไม่ได้? หืม?”
“รับสิ ทำไมฉันจะไม่รับ! จะเหลือเอาไว้ให้พวกนั้นเอาไปใช้ประโยชน์เหรอ ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องทะนงตัวหรือศักดิ์ศรีอะไรนั่นกับฉันเลยนะ ให้ฉันไปทำตัวประเสริฐเลิศหรู ก้าวเท้าออกจากบ้านมาโดยไม่หวังสมบัติเลยสักชิ้นเหมือนคนอื่น ฉันจะทำไปเพื่อ? ฉันรู้ค่ะ ว่าคุณให้ฉันได้ แต่มันไม่พอไง เรื่องเงินๆ ทองๆ อะ ได้น้อยดีกว่าไม่ได้อะไรเลยนะ!”
ยอมได้น้อยดีกว่าไม่ได้เลยก็ดี
ป๋อจิ่งชวนรู้สึกขบขันกับมุมมองการตลาดเช่นนี้ของเธอ จนอดกดจูบลงไปบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของเธอครั้งหนึ่งไม่ได้
“อืม คุณพูดถูก!”
คนถูกชมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะหันไปหยิบผลไม้มากินอีกครั้ง
ป๋อจิ่งชวนจ้องมองเธอ เสียง หยับๆ หยับ ที่ดังออกมาช่างฟังดูไพเราะเหลือเกิน เขาจ้องมองริมฝีปากนุ่มชมพูฉ่ำเยิ้มของเธออยู่ค่อนวัน เสียงทุ้มนุ่มในลำคอของเขาแฝงไปด้วยความน่าหลงใหลอยู่หลายส่วน
“จากนั้นล่ะ กรรมสิทธิ์ในหุ้นที่คุณปู่ของคุณมอบให้คุณล่ะ”