ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 689 แรงกล้า / ตอนที่ 690 สายตาชอบกล
ตอนที่ 689 แรงกล้า
เธอยังรับรู้ได้ถึงความหยิ่งในศักดิ์ศรีและความทะนงตัวที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดของผู้ชายคนหนึ่ง
คำพูดที่เธอไม่ได้ใส่ใจเมื่อครู่ ดันไปดึงดูดความสนใจของเขาอย่างจัง
เธอลอบทอดถอนหายใจ ก่อนจะก้าวประชิดเข้าหาคนตรงหน้า จากนั้นจึงเป็นฝ่ายมอบจูบให้ป๋อจิ่งชวนไปหนึ่งครั้ง
บ่งบอกถึงความเอาอกเอาใจอย่างเห็นได้ชัด
ป๋อจิ่งชวนลู่สายตาลงมองเธอ ริมฝีปากบางเผยอออกเล็กน้อย “ทำอะไร”
“คุณไม่สบายใจอยู่ไม่ใช่เหรอ ก็ปลอบให้คุณสบายใจไง”
“…” ป๋อจิ่งชวนโอบกอดเอวของเธอไว้ แล้วจดจ้องเธออย่างลึกซึ้ง
“ผมไม่สบายใจตรงไหน”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้น เธอจ้องเข้าไปในดวงตาสีนิลลึกล้ำนั้นอย่างนิ่งสงบ “ไม่มีอดีตที่ก้าวผ่านไปไม่ได้ จริงอยู่ที่ฉันเคยฝากความหวังทุกอย่างไว้กับซูเหิง แต่มันก็เป็นแค่ความผิดพลาดครั้งหนึ่งเท่านั้น หากฉันแคร์เขาขนาดนั้นจริงๆ ฉันก็คงไม่เอ่ยถึงเขาออกมาง่ายๆ แบบนี้หรอก แต่เพราะไม่แคร์แล้วต่างหาก ฉันถึงได้เอ่ยถึงเขาออกมาได้อย่างไม่ระคาย…”
ป๋อจิ่งชวนคิดว่าบนโลกนี้คงไม่มีความรักไหนที่จะผ่อนคลายไปกว่าความรักของเขาแล้ว
ผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากจริงๆ เธอมองใจคนทะลุปรุโปร่งได้อย่างง่ายดาย เมื่อกี้เขาแค่ไม่สบายใจนิดหน่อยเท่านั้น แต่กลับถูกเธอมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งได้อย่างง่ายดาย
ทั้งยังปัดเป่าความกังวลที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจของเขาไปจนหมดสิ้น
อย่างนี้แล้ว…
“ไม่ระคาย แต่ก็จดจำไปตลอดชีวิต?” ในเมื่อเธอมองความอึดอัดใจของเขาออกได้อย่างแจ่มชัด อย่างนั้นหากเขาจะเปิดเผยกับเธอไปตรงๆ เสียเลยจะดีกว่า
เฉินฝานซิงระบายยิ้มขึ้น แสงดาวพร่างพราวจากนัยน์ตาสุกใสนั้นสว่างไสวเสียยิ่งกว่าดาราที่ส่องสกาวที่สุดบนท้องฟ้า
“แน่นนอนว่าฉันต้องจดจำเขาไปตลอดชีวิต เพราะแค่คิดถึงเขา ฉันถึงได้รู้ว่าผู้ชายที่คอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอมานั้น โดดเด่นมากแค่ไหน…”
ป๋อจิ่งชวนรู้สึกว่าการจะฝากฝังชีวิตนี้ไว้ในมือของเธอนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิดพลาด
“สบายใจขึ้นรึยังคะ” เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมองเขา รอยยิ้มภายใต้ดวงตานั้นแฝงไปด้วยความพึงพอใจอยู่หลายส่วน
ป๋อจิ่งชวนหรี่ดวงตาลง “ผมพูดตอนไหนว่าไม่สบายใจ”
เฉินฝานซิงย่นคิ้วเข้า “งั้นไม่เท่ากับว่าฉันปลอบคุณไปฟรีๆ หรอกเหรอ ไม่ได้นะ เอาจูบเมื่อกี้ของฉันคืนมาเลย?”
เฉินฝานซิงว่าพลางก็ยื่นมือไปเช็ดริมฝีปากบางของป๋อจิ่งชวน ยามที่นิ้วนุ่มสัมผัสกับกลีบปากของเขา มือเธอกลับถูกป๋อจิ่งชวนรั้งเอาไว้
“รู้รึเปล่าว่าอะไรที่เรียกว่าคืน ในเมื่อคุณมอบจูบให้ผมหนึ่งครั้ง งั้นผมเองก็ต้องให้คุณหนึ่งครั้ง…ไม่สิ ผมต้องบวกเพิ่มให้คุณถึงจะถูก…”
เขาว่าพลางก็จุดยิ้มทรงเสน่ห์และร้ายกาจขึ้น จากนั้นจึงก้มหน้าลงไปประกบจูบกับปากกระจับอ่อนนุ่มของเฉินฝานซิงอย่างหนักหน่วง
เดิมจุมพิตหยอกเย้าซ้ำไปซ้ำมาที่ไม่คิดจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ทว่ายามเมื่อสัมผัสกับกลีบปากนุ่มคู่นั้นก็กลับทำให้เขาอยากตักตวงให้มากยิ่งขึ้น
เฉินฝานซิงผ่อนลมหายใจแผ่วๆ แหงนหน้าขึ้นจูบตอบป๋อจิ่งชวนอย่างเก้ๆ กังๆ
จังหวะหายใจสอดประสาน ลมหายใจอุ่นร้อนของทั้งคู่แลกเปลี่ยนกันไปมาและพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ป๋อจิ่งชวนเผลอออกแรงรั้งร่างของเธอเข้ามาแนบอกตนเองไว้อย่างแน่นหนา ร่างอันสูงใหญ่บดเบียดเข้าหากายนุ่ม ยามที่ฝ่ามือร้อนผ่าวเริ่มลูบไล้ไปมาตามเนื้อผ้าที่ขั้นกลางตรงหลังเอวของเธอเอาไว้อย่างอยู่ไม่สุข จู่ๆ เสียงโทรศัพท์แสนน่ารำคาญก็ดังขึ้น
เฉินฝานซิงถูกจูบจนตื่นเต้น นัยน์ตาสุกใสที่ถูกเคลือบไปด้วยความพร่าเลือนอยู่หลายส่วนจ้องมองไปยังเขาราวกับถูกกั้นขวางด้วยม่านหมอกจางๆ
ท่าทางยุ่งเหยิงเช่นนั้น สำหรับป๋อจิ่งชวนแล้ว เขาไม่อาจต้านทานมันได้เลยแม้แต่น้อย
เขาอดไม่ไหวที่จะลงไปฉกชิมกลีบปากนุ่มที่ถูกจูบจนแดงปลั่งนั้นอีกครั้ง เฉินฝานซิงถอนหายใจแผ่วออกมาเฮือกหนึ่ง ทว่ากลับถูกริมฝีปากที่โน้มลงมาทาบทับเอาไว้
“อื้อ…”
เธอครางแผ่วออกมาเสียงหนึ่ง ก่อนจะน้อมรับจูบของอีกฝ่ายต่อไป ทว่ายามที่เขาหมายจะตักตวงจนถลำลึกไปมากกว่านั้น เธอก็กลับเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อหลบเลี่ยงจูบของเขา
จ้องมองไปยังป๋อจิ่งชวนอีกครั้ง ในดวงตาสีรัตติกาลสุดลึกล้ำคู่นั้นถูกเคลือบแฝงไปด้วยดำฤษณา ราวกับราชสีห์จำศีลที่พร้อมจะจู่โจมได้ทุกเมื่อ พร้อมกับความต้องการอันแรงกล้าที่มีต่อเหยื่อ
ตอนที่ 690 สายตาชอบกล
หัวใจเธอพลันกระตุกวูบ เธอคุ้นเคยแค่กับป๋อจิ่งชวนที่อ่อนโยน นิ่งเฉย และมีเพียงความอบอุ่น นุ่มนวลให้แก่เธอเท่านั้น
ทว่าสิ่งที่เขาเผลอแสดงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ กลับทำให้เธอตระหนักรู้ได้อย่างถ่องแท้ว่า ผู้ชายตรงหน้าของเธอนี้ จะต้องมีอีกด้านหนึ่งที่ยังไม่เปิดเผยให้เธอได้รับรู้อย่างแน่นอน
มือที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงไหล่ของเขาค่อยๆ วางลงอย่างเชื่องช้า ลมหายใจที่แฝงไปด้วยความผ่าวร้อนดังเปลวเพลิงยังคงหอบกระชั้นและยุ่งเหยิง
“ฉันจะไปรับโทรศัพท์”
ป๋อจิ่งชวนก้มลงมองเธออย่างไร้คำพูด เฉินฝานซิงถอนตัวออกจากอ้อมกอดของป๋อจิ่งชวนไปเอง เขาเองก็ไม่ได้เหนี่ยวรั้งเธอไว้อีก
ชายหนุ่มหมุนตัวเดินตามเธอออกไปจากห้องครัว
เฉินฝานซิงรับโทรศัพท์ เธอเห็นหมายเลขที่โทรเข้ามาก่อนหน้านั้นแล้ว
“อื้ม จี้อี้?”
จูบอันดูดดื่มเมื่อครู่ทำให้เสียงเธอติดจะแหบพร่าไปเสียเล็กน้อย ยามที่พูดออกมาจึงรู้สึกระคายในลำคออยู่บ้าง
จนอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอออกมาเสียงหนึ่ง
“แฮ่ม…”
“ประธานเฉิน คุณไม่สบายเหรอคะ”
“เปล่า…มีธุระอะไรงั้นเหรอ”
“เอ่อ คือฉันอยากจะบอกว่าพรุ่งนี้มีถ่ายแบบนิตยสาร อยากถามว่าคุณพอจะมีเวลามาไหมคะ…”
เสียงพูดของจี้อี้หยุดไปอีกครั้ง น้ำเสียงแอบเจือไปด้วยความเหนียมอายอยู่จางๆ
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้น จะว่าไปตอนนี้จี้อี้ก็เป็นศิลปินของซิงเฉินกั๋วจี้ืแล้ว นับตั้งแต่เธอมีชื่อเสียง ทุกๆ การแถลงข่าวของเธอ เฉินฝานซิงแทบจะไม่เคยไปปรากฏตัวให้เห็นเลยสักครั้ง
หลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอก็ค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า
“พรุ่งนี้เหรอ…ฉันขอคิดก่อนนะ เป็นนิตยาสารโฆษณาโปรดักซ์ใหม่ของ V-V ใช่ไหม อืมมม ไว้ฉันจะหาเวลาไปนะ! สู้ๆ! ไม่ต้องตื่นเต้น…”
“อื้ม! ฉันทำได้แน่ค่ะ ขอบคุณนะคะประธานเฉิน!”
เฉินฝานซิงยิ้มน้อยๆ แล้วยกแก้วชาบนโต๊ะขึ้นดื่มไปคำหนึ่ง ทำให้สุ้มเสียงฟังดูสดชื่นแจ่มชัดขึ้น
“สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เธอไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง พรุ่งนี้คนที่แบกปืนไปออกศึกก็เป็นเธอ เธอจะมาขอบคุณฉันทำไม”
สำนวนการพูดเช่นนั้น เป็นสิ่งที่ได้ใจผู้หญิงตัวน้อยๆ ไปมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งยังแฝงไปด้วยอำนาจของผู้เป็นนาย แถมยังเจือไปด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะตบท้ายด้วยถ้อยคำหยอกล้อ
จี้อี้ที่อยู่ปลายสายหน้าแดงเถือก “…ประธานเฉิน ก็แค่อยากขอบคุณคุณเท่านั้นเองค่ะ”
“หึ…เอาเถอะ ไว้พรุ่งนี้ฉันจะเวลาไปดูนะ เธอไม่ต้องคิดมาก รีบๆ พักผ่อน”
“อื้ม งั้นราตรีสวัสดิ์นะคะประธานเฉิน”
“อื้ม ราตรีสวัสดิ์”
เฉินฝานซิงพยักหน้ารับ เปลือกตาขยับปิดลงเบาๆ หนึ่งครั้งพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า
จี้อี้ตอบรับผ่านสายโทรศัพท์อย่างว่าง่าย จากนั้นจึงตัดสายไป
เมื่อได้ยินน้ำเสียงอ่อนหวานและเชื่อฟังนั้นของจี้อี้ เฉินฝานซิงก็ระบายยิ้มขึ้นพลางส่ายหน้า
จนป่านนี้แล้วก็ยังไร้เดียงสาเหมือนเด็กสาวตัวน้อยๆ
ลมหายใจแผ่วถูกพ่นออกมายามที่สายตากวาดมองไปบนหน้าจอโทรศัพท์ เมื่อเธอกำโทรศัพท์เอาไว้แล้วหันกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของใครบางคนก็ปกคลุมไปด้วยความอึมครึมอยู่หลายส่วน นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นมองตรงมายังเธออย่างดุดันและเยือกเย็น
คนตกใจสูดหายใจเข้าอย่างขวัญเสีย
จนกระทั่งรู้สึกตัวในนาทีต่อมา เธอจึงยกมือขึ้นทาบอกแล้วพ่นลมหายใจออกมาฟู่หนึ่ง “ฉันตกใจแทบแย่ ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ”
ป๋อจิ่งชวนจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าแล้วเอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า
“ดึกแล้ว ไปนอน”
เฉินฝานซิงเลิกคิ้วขึ้น เธอไม่เข้าใจในท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปจนชวนให้แปลกใจเช่นนี้ ทำได้แต่พยักหน้าตอบรับไป
ระหว่างที่ป๋อจิ่งชวนกำลังอาบน้ำอยู่นั้น เฉินฝานซิงก็จัดการกับเสื้อผ้าที่ต้องซักของพวกเขาทั้งคู่จนเสร็จ และนำเสื้อผ้าที่ต้องใส่ในวันพรุ่งนี้ออกมาเตรียมไว้
หลังจากที่รอป๋อจิ่งชวนเสร็จแล้ว เธอจึงเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องอาบน้ำบ้าง
ยามที่หญิงสาวก้าวออกมา ป๋อจิ่งชวนกำลังเอนตัวพิงอยู่ตรงหัวเตียง พร้อมทั้งถือแท็บเล็ตดูตลาดหลักทรัพย์
เมื่อเห็นว่าเฉินฝานซิงออกมาแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นจ้องเธอนิ่งๆ
“ดูอะไรอยู่คะ”
เฉินฝานซิงเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วซุกตัวเข้าไป การนอนร่วมเตียงกันของทั้งคู่ได้กลายเป็นความเคยชินของเธอไปเสียแล้ว
“ดูไปเรื่อยเปื่อย”
ป๋อจิ่งชวนเอ่ยเรียบๆ พลางใช้สายตาไล่มองตามเธออยู่ตลอด