ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 693 โดนเบี้ยว / ตอนที่ 694 ตอนเรียนไม่เคยโดดเรียน?
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 693 โดนเบี้ยว / ตอนที่ 694 ตอนเรียนไม่เคยโดดเรียน?
ตอนที่ 693 โดนเบี้ยว
ได้ฟังเช่นนั้น หัวคิ้วของเฉินฝานซิงก็ตีขมวดขึ้นทันใด
คนในสตูเริ่มเตรียมงานที่จะต้องถ่ายวันนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ วันๆ ต้องทำแต่งานที่ทั้งเหนื่อยและจืดชืดพวกนี้ ก็ทำให้เบื่องานพออยู่แล้ว มาตอนนี้แม้ว่าจะฝืนใจทำสักแค่ไหน แต่อะไรที่พวกเขาพอจะทำได้พวกเขาก็ทำไปหมดแล้ว
ทว่าผลตอบแทนของการที่ยุ่งอยู่กับงานมามากกว่าค่อนวัน สุดท้ายแล้วก็กลับกลายเป็นความเหนื่อยเปล่า
“จี้อี้ถูกเบี้ยวนัด?”
เฉินฝานซิงมุ่นคิ้วพลางครุ่นคิด ก่อนจะเริ่มกระจ่าง
ก่อนหน้านี้เธอทุ่มเทแรงใจทั้งหมดให้กับการวิจัยผลงานการแข่งขัน เรื่องศิลปินของบริษัทจึงมอบสิทธิ์ให้แก่เอเจนซี่ทุกคน
เธอเพียงแค่เปิดกำหนดการของจี้อี้เป็นครั้งคราว ถึงได้เห็นงานของเธอในวันนี้
ส่วนรายละเอียดของงานนั้น เธอเองก็ยังไม่ค่อยชัดเจนนัก
“ใช่ค่ะ หากไม่ใช่เพราะดาราใหญ่กู้เจ๋อเหยียนหน้าตาดี สองมือก็สวยน่าถนอมอย่างกับมือผู้หญิง แถมยังเล่นเปียโนได้อีก ใครจะไปอยากได้เขากัน!”
เฉินฝานซิงคิดขึ้นในใจ เงื่อนไขที่โดดเด่นสามข้อนี้ ไม่ง่ายเลยที่จะอยู่รวมกันในคนๆ เดียว
นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่า การถ่ายแบบในวันนี้ ฝ่ายชายมีเพียงแค่กู้เจ๋อเหยียนเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุด
เพียงแต่กู้เจ๋อเหยียนคนนี้…
เฉินฝานซิงเม้มริมฝีปากพร้อมกรีดยิ้มที่เจือไปด้วยความเย้ยหยันขึ้น
เหตุผลที่เขาไม่มา เธอก็พอจะเดาได้
ผู้ชายที่เห็นเฉินเชียนโหรวเปรียบดั่งเทพีแห่งชีวิต ผู้ที่เคยไล่ตามและให้ความสำคัญในวันนั้น ผู้พิทักษ์ที่ซื่อสัตย์ในวันนี้ โอกาสเอาคืนแทนเฉินเชียนโหรวไม่ได้มีมาง่ายๆ แน่นอนว่าเขาต้องไม่มีทางพลาด
เขาเบี้ยวนัดจี้อี้ เบี้ยวนัดคนทั้งกองถ่าย ควรจะไปตบใครได้อีก
ก็ต้องไปตบหน้าเขาสิ!
จี้อี้คือศิลปินที่ออกมาจากหลานอวิ้น และต่อมาได้กลายมาเป็นคนของเฉินฝานซิง หลังจากนั้นเฉินฝานซิงก็ช่วยเธอพลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่ เหยียบเฉินเชียนโหรวจนเธอตกจากกลีบเมฆลงมากระแทกกับพื้นดินเข้าอย่างจัง จนตกเป็นเป้าให้ผู้คนนับหมื่นพันรุมหยามเหยียด กลิ่นเน่าเหม็นนี้ ดูเหมือนจะถูกสะกดเอาไว้ในตัวเฉินเชียนโหรวอยู่ตลอดมา และยังไม่ได้รับการปลดปล่อย
นี่ไม่ใช่ว่า เวลาแห่งการปลดปล่อยได้มาถึงแล้วหรอกเหรอ
ทว่าการเดินหมากของกู้เจ๋อเหยียนในครั้งนี้ เป็นเพราะเธอสะเพร่าเอง การเล่นทีเผลอแบบนี้รับมือยากอยู่ไม่น้อย
“ชู่ววว อย่างเพิ่งพูดอะไรก่อน อาจารย์เซียวมาแล้ว เดี๋ยวอย่าเผลอเดินเข้าไปหากระบอกปืนอีกล่ะ”
เซียวหมิงเจี๋ยเพิ่งจะระเบิดอารมณ์ไปด้วยความฉุนเฉียว ท่าทางไม่เป็นมิตรเช่นนั้นทำเอาทุกคนไม่อยากเข้าไปประจบประแจงเอาเสียเลยจริงๆ
ยามเมื่อได้เห็นเฉินฝานซิง สีหน้าของเซียวหมิงเจี๋ยก็ไม่ได้ดูดีขึ้นสักเท่าไหร่
เฉินฝานซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเซียวหมิงเจี๋ยที่นั่งลงเซตกล้องถ่ายรูปอยู่บนเก้าอี้พับ ผู้ช่วยข้างกายเขาหันมาโน้มศีรษะให้กับเฉินฝานซิงด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ อาจารย์เซียว”
เฉินฝานซิงเป็นฝ่ายยื่นมือออกไปทักทายเซียวหมิงเจี๋ยก่อน
เซียวหมิงเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมองเธอวูบหนึ่ง เขาเม้มปากแน่น วางกล้องถ่ายรูปในมือลง ทั้งยังหยัดกายลุกขึ้นยืนจับมือทักทายกับเฉินฝานซิง
“สวัสดีครับ”
เฉินฝานซิงกระตุกยิ้ม เธอกวาดมองไปรอบด้านแล้วก้มลงมองนาฬิกาตรงข้อมืออีกครั้ง
“ถ่วงเวลาทำงานของกองถ่ายแบบนี้ก็ใช่เรื่อง อาจารย์เซียวเคยคิดจะเปลี่ยนคนบ้างไหมคะ”
เซียวหมิงเจี๋ยเพิ่งจะนั่งลง เมื่อได้ยินข้อเสนอของเฉินฝานซิงเขาก็เค้นขำออกมาด้วยความเย้ยหยัน
“เคยสิ แต่ผมจะไปหาคนมาจากไหน”
ท่าทางของอาจารย์เซียวดูไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างๆ กันจึงรีบเอ่ยขึ้น
“ประธานเฉิน คือแบบนี้ครับ ตอนนั้นที่เราเล็งคุณชายกู้ไว้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า หน้าตาดี มือสวย แถมยังเล่นเปียโนเป็นอีกด้วย สามเงื่อนไขนี้จะขาดข้อใดข้อหนึ่งไปก็ไม่ได้ อีกอย่าง การเปลี่ยนตัวกะทันหันในวงการบันเทิง หากเรื่องถูกแพร่งพรายออกไป จะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของศิลปิน…”
เซียวหมิงเจี๋ยเตะเก้าอี้ตัวข้างๆ ล้มดัง โครม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างฉุนขาด
ตอนที่ 694 ตอนเรียนไม่เคยโดดเรียน?
เซียวหมิงเจี๋ยเตะเก้าอี้ตัวข้างๆ ล้มดัง โครม แล้วเอ่ยขึ้นอย่างฉุนขาด
“ฉันควรจะสนชื่อเสียงมันดีไหม! คนที่โดนเบี้ยวมันฉันเว้ย แหกตาแกดูให้ดีๆ คนทั้งกองสิบกว่าคนเริ่มหัวหมุนกันตั้งแต่ตะวันโด่ง แม่งบอกจะไม่มามันก็ไม่มา?! ฉันยังต้องมาสนใจชื่อเสียงแม่งอีก? ฉันไม่ฆ่าแม่งให้ตายก็บุญโขแล้ว!”
คำพูดนั้นทำเอาคนทั้งสตูดิโอขวัญกระเจิง
พวกต่างก็พากันกัดริมฝีปากแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
“แต่อาจารย์เซียวครับ ถึงยังไงคุณชายกู้เขา…”
“ฉันสนเหรอว่ามันเป็นคุณชายหรือคุณท่าน! ถ้าแม่งไม่มีจรรยาบรรณในอาชีพก็อย่ามาเสนอหน้า”
เฉินฝานซิงที่อยู่ข้างกันเม้มปากแน่น ได้ยินมาว่าความเจ้าอารมณ์ของเซียวหมิงเจี๋ยคนนี้เป็นที่เลื่องลือ เมื่อได้สัมผัสกับฟางเส้นสุดท้ายของเขาแล้ว จะไม้อ่อนไม้แข็งก็ใช้ไม่ได้ผลทั้งนั้น
“ใช่ครับ ใช่ๆ …” ผู้ช่วยแสร้งประจบอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของอาจารย์เซียว เฉินฝานซิงจึงถอยห่างออกมาอัตโนมัติ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรเข้าบริษัท
“ให้คนสืบหน่อยว่า ตอนนี้กู้เจ๋อเหยียนอยู่ที่ไหน”
แม้ว่าคนรับสายจะงุนงงอยู่บ้าง แต่ก็ยังคงตอบรับ
ในร้านกาแฟระดับไฮเอนด์แห่งหนึ่ง กู้เจ๋อเหยียนกำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่บนที่นั่งบูธในส่วนที่ลับตาคนอย่างสบายอกสบายใจ
“เจ๋อเหยียน นี่เลยเวลานัดมาแล้วนะ นายทำแบบนี้จะดีเหรอ” เผยเหยาฉือที่ยืนอยู่ข้างกันก้มลงมองนาฬิกาอีกครั้ง
กู้เจ๋อเหยียนไม่แม้แต่จะช้อนเปลือกตาขึ้นมอง “ไม่ดีตรงไหน ทำคนอื่นอารมณ์เสีย ก็ต้องมีค่าใช้จ่ายนิดๆ หน่อยๆ บ้างเป็นธรรมดา”
รสขมฝาดพลันผุดขึ้นกลางใจของเผยเหยาฉือที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ใครทำให้นายหงุดหงิดงั้นเหรอ V-V หรือChopard หรือทีมกองถ่าย หรือเป็นคุณจี้อี้ เจ๋อเหยียน ตอนนี้คุณจี้อี้กำลังดัง มีคนอีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่ที่อยากจะทำความรู้จักกับเธอ อีกเดี๋ยวนายก็ต้องเข้ากองถ่ายละครแล้ว ในมือก็ยังมีหนังที่ตัวเองจะต้องถ่ายอีก ยกระดับชื่อเสียงของตัวเองไว้ตอนนี้สำคัญมากนะ นาย…”
“หุบปากซะ! การที่คนอย่างฉันจะยกระดับความนิยมของตัวเองได้มีเป็นร้อยเป็นพันวิธี คิดจะให้ฉันเกาะกระแสของจี้อี้งั้นเหรอ เหอะ…หากไม่ใช่เพราะเธอกับเฉินฝานซิง…”
ชื่อเสียงเชียนโหรวก็คงไม่ต้องย่ำแย่แบบนี้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้เอ่ยประโยคนี้ออกไป เพราะถึงอย่างไร เผยเหยาฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาตรงนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขา
แต่พูดมาจนถึงตรงนี้แล้ว มีหรือที่เผยเหยาฉือจะฟังไม่ออก
เป็นเพราะเฉินเชียนโหรวอีกแล้ว
ฟันของเธอสบเข้าหากันแน่น ใบหน้าของเผยเหยาฉือท่วมท้นไปด้วยความผิดหวัง “ฉันรู้ว่านายมีศักดิ์ศรีและความภูมิใจในตัวเอง แต่ต่อให้นายไม่อยากเกาะกระแสคุณจี้อี้ นายก็ควรจะคิดถึงชื่อเสียงของตัวเองบ้าง นายถ่วงเวลาไม่ยอมไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นหากเรื่องมันไปถึงหูนักข่าวขึ้นมา นายจะอธิบายยังไง”
“ป่วย ไม่สบาย ตอนเรียนเธอไม่เคยโดดเรียนรึไง”
“…”
ในตอนนั้นเอง เป็นอีกครั้งที่ผู้จัดการของกู้เจ๋อเหยียนได้รับโทรศัพท์จากสตูดิโอ
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ พอดีเมื่อวานเขาตากลมจนไม่สบาย ตอนนี้กำลังให้น้ำเกลืออยู่ค่ะ รอให้น้ำเกลือหมดแล้วเราจะรีบไปนะคะ ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษจริงๆ”
กู้เจ๋อเหยียนมองไปยังเผยเหยาฉืออย่างพอใจ “ได้ยินรึยัง โง่จริงๆ อยู่กับฉันมาตั้งหลายปีแล้ว ยังจะ ซื่อบื้อขนาดนี้อีก”
ประกายในตาของเผยเหยาฉือหม่นลงเล็กน้อย ภายใต้ผมหน้าม้าหนา ใบหน้าขาวสะอาดสูญสิ้นไปแล้วซึ่งทุกความรู้สึก
“นายคิดจะยื้อเวลาไปถึงเมื่อไหร่”
“จะรีบร้อนอะไรนักหนา ดื่มกาแฟแก้วนี้ให้หมดก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เผยเหยาฉือไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีกเลย แต่กลับกลายเป็นผู้ช่วยที่เป็นฝ่ายตักเตือนขึ้นมาอย่างลำบากใจ
“ช่างภาพเซียวหมิงเจี๋ยเกลียดพวกดาราที่ชอบเล่นตัวมาก เขาไม่สนแน่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไร ต่อให้คุณต้องกลั้นใจ คุณก็ต้องทำ เพื่อทำในสิ่งที่คุณรับปากไว้ให้สำเร็จให้ได้ หากเขาโมโหขึ้นมา เขาก็ด่าไม่เลือกหน้าทั้งนั้น…”