ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย - ตอนที่ 709 ผู้ตรวจสอบ ส่งข้าว / ตอนที่ 710 ไม่มีบันไดให้ลง
- Home
- ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย
- ตอนที่ 709 ผู้ตรวจสอบ ส่งข้าว / ตอนที่ 710 ไม่มีบันไดให้ลง
ตอนที่ 709 ผู้ตรวจสอบ ส่งข้าว
“ยังมีแรงจะไปทำงานอีกเหรอ”
สิ้นเสียงของป๋อจิ่งชวน เฉินฝานซิงที่ซุกอยู่ตรงแอ่งคอของป๋อจิ่งชวนก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด พอพูดถึงเรื่องนี้เธอก็โมโหขึ้นมา
“แต่ฉันไม่อยากกลับนี่…น่าเบื่อจะตาย”
ป๋อจิ่งชวนโอบไหล่เธอเบาๆ แล้วนิ่งเงียบไปสองวินาที “ให้ผู้ช่วยคุณส่งเอกสารมาให้ผม”
“หืม ทำไมเหรอคะ”
–
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง รถก็เคลื่อนมาจอดใต้สมาคมสกุลป๋อ
ห้องโถงโอ่อ่าสุดเรียบหรู ธุรกิจที่ร่วมมือกันจากผู้คนทั่วทุกมุมโลกและพนักงานทุกคนที่สวมเสื้อสูทและชุดเดรสราคาสูงขวักไขว่ไปมา ในห้องโถงใหญ่ไม่ต่างอะไรกันกับโลกที่ถูกย่อส่วน
ขณะที่ป๋อจิ่งชวนจูงมือเฉินฝานซิง ผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างก็หยุดลง แล้วทักทายทำความเคารพป๋อจิ่งชวน
ทว่าสายตาจำนวนไม่น้อยกลับมุ่งความสนใจไปยังเฉินฝานซิง มีทั้งความแปลกใจ ความอิจฉา และความคลุมเครือ
เฉินฝานซิงอยู่ในกางเกงสูทสีขาวที่ตัวเองเปลี่ยนไม่ทัน ด้านบนถูกคลุมด้วยสูทตัวนอกสีดำของป๋อจิ่งชวน ทรงผมสั้นทะมัดทะแมง เครื่องสำอางที่ยังไม่ได้ถูกลบขับให้เครื่องหน้าสวยดูมีมิติลึกล้ำ
ราวกับคุณชายรูปงามที่หล่อเหลาและขาวสะอาดตา
ป๋อจิ่งชวนอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวแพงไร้เนคไท กระดุมสองเม็ดบนสุดตรงคอเสื้อที่ไม่ได้ถูกติดไว้ เผยให้เห็นผิวตรงลำคอขาวของเขาอยู่ลางๆ
เครื่องหน้าของเขาแสนจะสมบูรณ์แบบ หล่อเหลาเกินคำบรรยาย ทุกตารางนิ้วบนใบหน้าราวกับถูกวาดขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจงตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดจบ ร่างออกมาเป็นภาพวาดที่สมบูรณ์แบบที่สุด
คิ้วและดวงตาสุขุม ราบเรียบไร้ซึ่งความรู้สึกเสมอมา ตอนนี้คอเสื้อถูกเปิดออกกว้าง บวกกับความอ่อนโยนอีกหลายส่วน ก็เพียงพอที่จะทำให้ใครต่อใครคลั่งไคล้
ทว่าเห็นเช่นนี้ ก็ทำเอาคนไม่อาจจินตนาการออกว่า ชายหนุ่มผู้สูงส่งและเย็นชาแบบนี้ ตอนอยู่บนเตียงจะมีสภาพเช่นไร
เฉินฝานซิงก้มหน้า ปล่อยให้ป๋อจิ่งชวนจูงเธอเดินไปข้างหน้า
ร่างกายของเธอยังคงรู้สึกอ่อนล้า ทว่าเธอก็ปฏิเสธป๋อจิ่งชวนที่เตรียมจะอุ้มเธอลงจากรถไปในคราแรก
เธอเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวของป๋อจิ่งชวนไปท่ามกลางสายตาของคนจำนวนไม่น้อย
ก่อนที่เฉินฝานซิงจะผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
“มาบริษัทคุณทำไม”
ป๋อจิ่งชวนมองเธอ ดวงตาและคิ้วอบอุ่นแฝงไปด้วยความอ่อนโยนที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูดได้หมด
“ต่อไปที่นี่ก็จะเป็นบริษัทของคุณ คุณต้องทำความรู้จักลู่ทางก่อนล่วงหน้า ต้องมาเรียนรู้กิจการก่อนล่วงหน้า”
เฉินฝานซิงเม้มปาก “เมื่อก่อนก็เคยมาแล้วไม่ใช่รึไง หากมีวันนั้นจริงๆ ฉันจะต้องรับแต่เงินเท่านั้น ไม่ทำงาน! มีกิจการอะไรให้ฉันต้องเรียนรู้”
“ผู้ตรวจสอบ ส่งข้าว”
“…”
มาถึงชั้นบนสุด ป๋อจิ่งชวนก็จูงเฉินฝานซิงไปยังห้องทำงานของประธาน
เพิ่งจะเข้ามาในห้องทำงาน คนที่ตามเลขามาก็เคาะประตูและเข้าห้องมา
“ท่านประธานคะ…”
เพิ่งจะก้าวเข้าประตูมาก็รับงานทันที เฉินฝานซิงพาตัวเองไปนั่งลงบนโซฟา มองเลขาที่รายงานการทำงานต่อป๋อจิ่งชวนด้วยท่าทีจริงจัง
จนกระทั่งตอนที่เลขาเตรียมจะกลับออกไป จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็เรียกเธอเอาไว้
“อาหารกลางวันส่งมาที่ห้องทำงานเลย สองที่”
สายตาของเลขาเบนไปมองเฉินฝานซิงวูบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
“ได้ค่ะ”
เฉินฝานซิงเองก็โล่งอก
หากจะให้ออกไป…เธอจะไปเอาเรี่ยวแรงขนาดนั้นมาจากไหน
มื้อกลางวันถูกจัดเตรียมไว้หลากหลายและหรูหรา ทั้งสองรับประทานกันอย่างค่อยเป็นค่อยไป สำหรับพวกเขาทั้งคู่แล้ว ดูเหมือนว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีสิ่งใดควรค่าที่จะทำให้พวกเขาประหลาดใจในรสชาติได้เลย
ปริมาณที่ทั้งสองกินไปไม่ได้มากนัก ระยะเวลาหลายวันที่อยู่ร่วมกันต่างก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นกินอาหารปริมาณแค่ไหน ถึงแม้ว่าทั้งคู่ต่างก็รับประทานกันน้อย แต่ต่างก็ไม่ได้บังคับให้อีกฝ่ายต้องกินให้มากขึ้น
เลขาเพิ่งจะเก็บอาหารที่เหลือเสร็จแล้ว อวี๋ซงก็นำเอกสารของซิงเฉินกั๋วจี้ที่จำเป็นต้องจัดการเข้ามา
ตอนที่ 710 ไม่มีบันไดให้ลง
เลขาเพิ่งจะเก็บอาหารที่เหลือเสร็จ อวี๋ซงก็นำเอกสารของซิงเฉินกั๋วจี้ที่จำเป็นต้องจัดการเข้ามา
เปิดเอกสารไปได้สองสามฉบับ เฉินฝานซิงก็หันไปมองท่าทางของป๋อจิ่งชวนในขณะที่กำลังทำงานอยู่
หลังมื้อเที่ยงทั้งสองก็ผลัดกันไปอาบน้ำ ป๋อจิ่งชวนเปลี่ยนไปสวมเชิ้ตสีฟ้าลายตรงสะอาดเอี่ยม ตอนนี้เขานั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้ นิ้วมือที่แลเห็นข้อต่อชัดเจนกำลังถือปากกาด้ามแพงเอาไว้ หลุบนัยน์ตาสีนิลลงมองเอกสารในมือด้วยท่าทีเรียบเฉยไร้อารมณ์
ท่าทีเข้มงวดและเย็นชา อีกทั้งทั่วร่างกายก็ยังถูกประดับไปด้วยความหลักแหลม สุขุม และสูงศักดิ์
แค่นั่งอยู่เงียบๆ เช่นนั้น ไม่ได้ทำสิ่งใด ก็แผ่ขยายความดึงดูดที่ยากเกินจะบรรยายออกมาได้
เฉินฝานซิงจ้องมองเขาอยู่สักพัก มองท่าทีจริงจังและเข้มงวด ก่อนจะหันมองเอกสารข้างกายเธออีกครั้ง เธอลอบถอนหายใจกับตัวเอง ก่อนจะหาวออกมาครั้งหนึ่งอย่างไร้เสียง แล้วหยิบเอกสารหนึ่งชุดออกมาวางไว้ตรงหน้า…
จนกระทั่งป๋อจิ่งชวนจัดการกับเอกสารช่วงบ่ายเสร็จแล้ว เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง กลับเห็นว่าร่างตรงโซฟานั้นได้เอนตัวหลับลงตรงนั้นไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วก็ไม่อาจทราบได้
รอยยิ้มปนความประหลาดใจถูกจุดขึ้น เขาคิดว่าเธอมุมานะและมีความสามารถมาตลอด แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่มีมุมเกียจคร้านเลย!
เขาหยัดกายลุกขึ้นเดินไปหยุดลงตรงข้างๆ เธอ จัดการนำเอกสารในมือเธอออกมา
ความระมัดระวังทำให้เฉินฝานซิงรู้สึกตัว
ทว่ายามที่ได้สัมผัสกับใบหน้าอันแสนคุ้นเคยนั้น เธอก็หายใจออกมาอย่างโล่งอก
ป๋อจิ่งชวนถือโอกาสอุ้มเธอขึ้นมา
“อืม? จะไปไหน”
“ไปห้องพัก” ป๋อจิ่งชวนกดเสียงต่ำลงแล้วกระซิบเบาๆ
เฉินฝานซิงไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก ปล่อยให้ป๋อจิ่งชวนอุ้มเธอเข้าห้องพักไป
ถูกรังแกซ้ำไปซ้ำมาในห้องแต่งหน้านานขนาดนั้น เธอคงจะเหนื่อยมาก
–
และอีกด้านหนึ่ง กาแฟของกู้เจ๋อเหยียนได้เพิ่มขึ้นแก้วแล้วแก้วเล่า ทว่าผู้ช่วยก็ไม่กลับมาปรากฏตัวให้เห็นเลยอีกแม้แต่ครั้งเดียว
เผยเหยาฉือนั่งอยู่อีกฝั่ง เธอไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่เขาต้องไปสตูดิโอขึ้นมาอีกเลย
ก่อนหน้านี้เธอยื่นบันไดให้เขาแล้ว แต่เขากลับไม่ลงมาเอง ตอนนี้ไม่มีใครส่งบันไดให้เขา เขากลับเริ่มนั่งไม่ติดขึ้นมา
เรียกผู้ช่วยมาหาด้วยอารมณ์คุกรุ่น “เกิดอะไรขึ้น ทางสตูดิโอโทรมากี่ครั้งแล้ว”
สีหน้าของผู้ช่วยเต็มไปด้วยความอึดอัดและจนปัญญา
“ไม่โทรมาเลยแม้แต่สายเดียวค่ะ”
“ว่าไงนะ” กู้เจ๋อเหยียนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างฉับพลัน
ผู้ช่วยมองดูใบหน้าของเขาจากข้างๆ เมื่อรู้ว่าเขาเองก็เริ่มทุกข์ร้อนขึ้นมาแล้ว จึงใช้โอกาสนี้รีบเอ่ยขึ้น
“ประธานกู้ ฉันคิดว่าเราปล่อยให้เขาใจเย็นลงมาจะสามชั่วโมงได้แล้ว เกือบจะโอเคแล้วค่ะ เซียวหมิงเจี๋ยคนนั้นคือช่างภาพที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศเรา เกิดทำให้เขาผิดใจแล้วละก็ หากเขาคิดจะกลั่นแกล้งเราขึ้นมาตอนไหน ตอนนั้นเราลำบากแน่…ไม่สู้เราไปกันตอนนี้เลย พอถึงตอนนั้นก็ทำตัวดีๆ กับเซียวหมิงเจี๋ยสักหน่อย พยายามอย่าเอาน้ำมันไปราดใส่ไฟ…คุณ…คิดว่าไงคะ”
กู้เจ๋อเหยียนตระหนักถึงเหตุผลนี้เสียที่ไหน เขาเพียงแค่ต้องการจะตักเตือนเฉินฝานซิงเท่านั้นเอง ในเมื่ออยากจะหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวดีนัก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ก็ย่อมต้องเสียเวลาเสียแรงไปแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว
“เอาละ ไปเถอะ”
ในตอนนั้นเผยเหยาฉือก็ลุกยืนขึ้นด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอไม่ไปกับนายแล้วนะ”
กู้เจ๋อเหยียนขมวดคิ้วมุ่น ก่อนที่เผยเหยาฉือจะหมุนตัวเดินจากไป
กระทั่งผู้ช่วยขับรถมาส่งกู้เจ๋อเหยียนถึงสตูดิโอ กลับพบว่าตอนนี้สตูดิโอไม่ใช่ทีมช่างภาพของเซียว หมิงเจี๋ยอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นอีกทีมหนึ่งที่มาใช้สตูดิโอแทน
พวกเขากำลังถ่ายภาพสินค้าใหม่ให้กับร้านจิวเวลลี่สักร้านหนึ่ง
สีหน้าของกูเจ๋อเหยียนหม่นลงทันที ผู้ช่วยของเขาจึงรีบโทรหาผู้ช่วยของเซียวหมิงเจี๋ย