ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 126 เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
ตอนที่ 126 เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
ฉังซิงโหวอกสั่นขวัญหายกับการกระทำของเอ้อร์หนิวพร้อมกับตะโกนเสียงเข้ม “ยืนทำบ้าอะไรกัน รีบไปจัดการเจ้าสัตว์เดรัจฉานนั่นให้ตายเสียสิ!”
ปลายคิ้วเจินซื่อเฉิงกระตุกเล็กน้อย
หากเพียงเพราะกลัวจะทำให้เหล่าหญิงสาวตกใจกลัว ฉังซิงโหวซื่อจื่อไม่จำเป็นต้องยั้งสติไม่ได้ถึงเพียงนี้
เช่นนั้นแล้ว ก็หมายความว่ามีสิ่งของอยู่ด้านใต้แปลงดอกไม้นั่นจริง แล้วเจ้าสุนัขตัวใหญ่ที่มาจากไหนไม่รู้ก็คงได้กลิ่น
แต่แปลงดอกไม้ที่เจ้าหมาตัวนี้กำลังขุดขุ้ยไม่ใช่แปลงดอกโบตั๋นเสียหน่อย…
เจินซื่อเฉิงมองดูรอบๆ พร้อมสังเกตพุ่มดอกโบตั๋นแปลงนั่นอย่างละเอียด
ดอกโบตั๋นทั้งแปลงออกดอกบานสะพรั่ง เหลืองอ่อน แดงจาง เด่นแดงจรัสสี
เดี๋ยวนะ…
สายตาของเจินซื่อเฉิงตกอยู่ตรงใต้ตำแพงที่ไม่น่าสนใจที่สุด พุ่มดอกโบตั๋นตรงนั้น เมื่อเทียบกับบริเวณอื่นมันแทบไม่มีชีวิตชีวา คล้ายว่าใกล้จะร่วงโรยแล้วเสียด้วยซ้ำ
ดอกโบตั๋นร่วงโรยในช่วงเวลานี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก แต่พอนึกถึงซิ่วเหนียงจื่อกับนายท่านโหวที่เคยกล่าวไว้ว่าศพของบุตรสาวได้ฝังอยู่ใต้แปลงพุ่มดอกโบตั๋นแล้วนั้น โดยสัญชาตญาณที่สั่งสมจากประสบการณ์การรับมือกับคดีต่างๆ มาหลายปี ทำให้เขานึกประเด็นสำคัญออกในทันที
นี่ฉังซิงโหวซื่อจื่อทำตัวเป็นวัวสันหลังขาดใช่หรือไม่
เหอะๆ เขาเจอมาเยอะแล้ว พวกฆาตกรที่ฉลาดเกินไปจึงเสียรู้
บ่าวรับใช้ที่ถือไม้กระบองพยายามล้อมเอ้อร์หนิวที่กำลังตะกุยดิน
เอ้อร์หนิวสัมผัสได้ถึงฃอันตราย อุ้งเท้าหน้ายังตะกุยดินไม่หยุด ส่วนอุ้งเท้าหลังถีบคนแรกที่พุ่งเข้ามาจนล้ม ต่อด้วยการใช้หางกวาดที่พื้นจนผงฝุ่นฟุ้งกระจายปลิวเข้าที่ตาของอีกสองคน
แล้วมันก็หยุดตะกุยดิน มันแยกเขี้ยวใส่บ่าวรับใช้อีกสองคนพร้อมส่งเสียงขู่คำราม
ภายใต้แดดจ้านี้ สุนัขขนาดใหญ่เกือบเท่าครึ่งตัวคนกำลังแสดงท่าทางดุดันดุร้ายและเผยเขี้ยวอันแหลมคมออกมา
บ่าวรับใช้สองคนถึงกับมองหน้าซึ่งกันและกัน
เอ้อร์หนิวกระโจนเข้าใส่อย่างไม่ให้โอกาสทั้งสองคนมีเวลาคิด
“ให้ตายเถอะ!” บ่าวรับใช้สองคนตกใจโยนไม้กระบองในมือออกแล้ววิ่งหนีทันที
สุนัขตัวนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ราวกับหมาป่าอย่างไรอย่างนั้น!
เอ้อร์หนิวขู่ร้องด้วยความพึงพอใจ จากนั้นตะกุยที่พื้นต่อ
หากปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จ ไม่แน่ นายหญิงอาจกลับไปกับมันก็เป็นได้… ความคิดอันไร้เดียงสาได้แล่นผ่านสมองของสุนัขตัวใหญ่
“พวกไร้ประโยชน์!” ฉังซิงโหวซื่อจื่อตบเข้าบ้องหูของบ่าวรับใช้ที่วิ่งหนีอย่างแรงจนกลิ้งล้มไปกับพื้น
ส่วนบ่าวรับใช้อีกคนพลันสงบนิ่งลง เขากัดฟันหันหลังกลับไปหยิบไม้ขึ้นมาแล้วเผชิญหน้ากับสุนัขตัวใหญ่อีกครั้ง
แล้วเจินซื่อเฉิงก็ออกปากห้าม “ช้าก่อน!”
ทุกคนมองมาพร้อมกัน
ฉังซิงโหวเผยสีหน้าทั้งอับอายและโกรธออกมา ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่ควรจะมีของเจ้าของจวนที่ทำให้เกิดเรื่องตลกขึ้นต่อหน้าคนนอก แต่ฉังซิงโหวซื่อจื่อกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เขาไม่สนใจเสียงตะโกนห้ามของเจินซื่อเฉิงสักนิด แต่หยิบไม้กระบองขึ้นและวิ่งเข้าหาสุนัขตัวใหญ่ด้วยตัวเองแทน
“กลับมาเดี๋ยวนี้ ระวังหมาบ้านั่นทำร้ายเจ้า!” ฉังซิงโหวกระวนกระวาย
เจินซื่อเฉิงส่งสายตาให้กับบ่าวรับใช้ “ยังไม่รีบไปคุ้มครองซื่อจื่ออีก!”
บ่าวรับใช้สองคนรับคำสั่งและวิ่งไปหาทันที คนหนึ่งดึงแขนของฉังซิงโหวซื่อจื่อเอาไว้พร้อมห้ามปราม “ซื่อจื่ออย่าได้เอาตัวเองไปเสี่ยงเลยขอรับ ให้พวกบ่าวไปจัดการเถอะขอรับ”
“ปล่อยมือข้า!” ใบหน้าของฉังซิงโหวซื่อจื่อบวมแดงจนแทบเป็นสีแดงตับหมู ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความกังวลใจหรือความโกรธ
แต่ผู้ติดตามที่เจินซื่อเฉิงพามาด้วยเห็นชัดว่ามีวิชาพอควร แม้เขาพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ เขาจึงใช้ขาทั้งสองข้างถีบสุดกำลังที่มี ซึ่งสภาพดูแย่เกินคำบรรยาย
ส่วนหญิงสาวตระกูลผู้ดีที่หลบอยู่ตามจุดต่างๆ พากันเบิกตาโตมองดูอย่างไม่ละสายตา
การชอบดูความคึกคักเป็นนิสัยของคนแต่กำเนิด ไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นชาย หญิง คนแก่หรือเด็ก
มีหญิงสาวคนหนึ่งรู้สึกซาบซึ้งพร้อมเอ่ยขึ้น “คิดไม่ถึงเลยว่าฉังซิงโหวซื่อจื่อจะรับผิดชอบแขกได้ถึงเพียงนี้ บ่าวรับใช้ไม่ได้เรื่อง จึงเข้าไปไล่หมาบ้าด้วยตัวเองโดยไม่คำนึงถึงอันตรายใด”
แต่มีสาวน้อยหน้าตานิ่งเรียบคนหนึ่งกลับเห็นถึงอะไรบางอย่าง “บางทีอาจไม่ใช่เช่นนั้นก็เป็นได้ ถึงแม้มีหมาบ้าบุกเข้ามาในงานเลี้ยง แต่การแสดงออกของฉังซิงโหวซื่อจื่อก็ดูจะมากเกินไปหน่อย…”
“หมายความเช่นไรรึ”
สาวน้อยหัวเราะ “ดูไปก่อนเถิด ข้าเพียงรู้สึกว่าจะได้เห็นเรื่องสนุกน่ะ”
“เหอะๆ ข้าชอบดูเรื่องสนุกเป็นที่สุดแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าตกใจมาก แต่ถ้ามีเรื่องสนุกให้ดูละก็ ถือเสียว่าเป็นการทดแทนไปก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นสุนัขตัวใหญ่ขุดพื้นด้วยความว่องไว ฉังซิงโหวซื่อจื่อที่เนื้อตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อพลางตะโกนขึ้นสุดเสียง “พวกเจ้าตายไปแล้วหรืออย่างไร กล้าดีอย่างไรให้คนนอกมาทำกับข้าเช่นนี้! ยังไม่รีบเอาสองคนนี้ออกไปอีก…”
พอสิ้นเสียง เขาพลันเปลี่ยนความคิดในทันใด “ไม่ เอาเจ้าหมาบ้านั่นออกไปก่อน ใครไล่มันออกไปได้ข้าจะตบรางวัลให้หนึ่งร้อยตำลึง!”
เงินรางวัลที่มหาศาลมักดึงดูดผู้กล้าได้ ทันใดนั้น บ่าวรับใช้หลายคนก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที
แต่ตอนนี้สุนัขตัวใหญ่ได้หยุดพฤติกรรมนั้นลงแล้ว
ด้วยความตกใจกับความเล่นใหญ่ของสุนัขตัวใหญ่ พอมันหยุด บ่าวรับใช้หลายคนก็หยุดตาม
เอ้อร์หนิวคาบรองเท้าไว้ข้างหนึ่งพร้อมหันมองไปทางเจียงซื่อ
ด้วยความที่เป็นสุนัขผู้จงรักภักดีต่อนายหญิงเสมอมา ปฏิกิริยาแรกของมันคือส่งมอบสิ่งที่ขุดได้ นำไปให้กับเจ้าของของตน
เจียงซื่อชี้ไปที่เจินซื่อเฉิง
เอ้อร์หนิวสะบัดหางไปมา แล้ววิ่งเอารองเท้าไปวางไว้ตรงหน้าเจินซื่อเฉิง
บนรองเท้าเต็มไปด้วยขี้ดินจนมองไม่ออกแล้วว่ามันเคยเป็นสีอะไร แต่เจินซื่อเฉิงมองออกทันทีว่ามันคือรองเท้าปักลายดอก!
“โฮ่งๆ…” เอ้อร์หนิวเห่าใส่เจินซื่อเฉิงสองที
ข้ามอบสมบัติที่ขุดได้ให้แล้ว ช่วยพูดอะไรหน่อยเถอะ จะเชยชมข้าหรือเชยชมนายหญิงของข้าก็ได้
ในเวลาเดียวกัน มีบ่าวรับใช้สองคนถึงกับขาอ่อนจนคุกเข่าลงไปกับพื้น
ซึ่งสองคนนั้นคือลู่จื่อกับอันจื่อ คนที่รับผิดชอบฝังศพเด็กรับใช้
เขาสองคนหน้าเปลี่ยนสีกลายเป็นสีเดียวกับดิน ภายในใจคิดถึงเพียงว่า “ตายแน่ ตายแน่!”
ในคืนนั้น พวกเขาเจอผีผู้หญิงและรู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก หลุมที่ขุดในครานี้จึงตื้นกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะถูกสุนัขขุดจนเจอรองเท้า!
ตรงที่ไม่ไกลจากตรงนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่น
“อ้าว มีรองเท้าอยู่ใต้ดินได้อย่างไรกัน”
“ใครบางคนคงทิ้งไว้กระมัง”
“เป็นไปไม่ได้ ในจวนเช่นนี้ จะทิ้งรองเท้าทิ้งมั่วซั่ว ได้อย่างไรกัน ที่สำคัญนั่นมันรองเท้าปักลายดอกเชียวนะ”
……
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา สร้างความอึดอัดใจให้กับฉังซิงโหวเป็นอย่างมาก พลางมองไปที่บุตรชาย
เจินซื่อเฉิงหยิบจอบข้างกำแพงขึ้นมาพร้อมกับเดินไปยังหลุมที่ถูกตะกุยจนเป็นหลุมลึก
“ใต้เท้าเจิน…” ฉังซิงโหวเรียกออกไปหนึ่งที
เจินซื่อเฉิงคล้ายว่าหัวเราะและไม่หัวเราะ “ท่านโหว ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจว่าเหตุใดถึงมีรองเท้าอยู่ใต้ดิน ข้าจะลองขุดดูหน่อยน่ะ”
ตอนนี้ ฉังซิงโหวซื่อจื่อไม่ต่อสู้อีกต่อไป แต่แววตานั้นกลับลุ่มลึกมากยิ่งขึ้น และสติก็เริ่มกลับคืนมาอย่างช้าๆ
ห้ามใจร้อนเด็ดขาด ถึงจะขุดเจอศพแล้วอย่างไรกันเล่า ใครจะมายืนยันว่าเขาเป็นคนทำ ถึงเวลานั้นแค่โยนความผิดให้กับบ่าวรับใช้ จวนฉังซิงโหวอย่างมากก็แค่เสียชื่อเสียง… ความคิดเหล่านี้แล่นผ่านสมองแล้วหายไปในพริบตา ฉังซิงโหวซื่อจื่อนิ่งสงบกว่าเดิม
เจินซื่อเฉิงขุดแล้วขุดอีก โชคดีที่เจ้าสุนัขตัวฉลาดนั่นขุดลงไปที่จุดเดิมค่อนข้างลึก เขาจึงขุดลงไปไม่กี่ทีก็เหมือนขุดโดนอะไรบางอย่างเข้า แล้วจึงเรียกผู้ติดตามเข้ามาช่วยเหลือ
แสงตะวันแผดเผาร้อนระอุ ดอกไม้ใบหญ้าที่ถูกขุดออกมาแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยความที่ดินชั้นบนสุดเป็นดินอ่อน และเป็นดินที่ถูกพรวนเมื่อไม่นานมานี้ ยามขยายพื้นที่การขุดจึงสามารถทำได้อย่างราบรื่น เวลาผ่านไปไม่นานก็พบศพที่ถูกห่อด้วยผ้าปูเตียง
กลิ่นเหม็นเริ่มส่งกลิ่นฟุ้งกระจาย
ความเงียบสงบที่นิ่งไปเพียงครู่เดียว พลันถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องแหลมของเหล่าหญิงสาว
ให้ตายเถิด สวนดอกไม้ในจวนฉังซิงโหวมีศพฝังอยู่!
“ขุดอีก!” เจินซื่อเฉิงออกคำสั่งเสียงเข้ม