ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 131 ฟ้ากระจ่างใส
ตอนที่ 131 ฟ้ากระจ่างใส
วันนี้ศาลาว่าพระนครการต้องคึกคักอย่างแน่นอน
ภายหลังที่เจินซื่อเฉิงนำตัวฉังซิงโหวซื่อจื่อและบ่าวรับใช้สองคนกลับมาถึง ก็ทำการตั้งเรื่องสอบสวนทันที
ฉังซิงโหวซื่อจื่อรู้ดีว่าตนได้สูญเสียโอกาสไปแล้ว จึงไม่ปริปากตอบแม้แต่คำเดียวจนถึงตอนนี้ ท่าทางตีหน้าเซ่อ มันช่างชวนให้โมโหที่ไม่สามารถทำอะไรได้
โชคดีทีบ่าวรับใช้อีกคนสองรับสถานการณ์แบบนี้ไม่ไหว จึงได้ยอมรับความผิดและยืนยันสถานะของหญิงสาวผู้ถูกกระทำทันที
หญิงสาวที่ถูกกระทำมีหกคนที่เป็นคนเมืองหลวง สามคนเป็นคนในเมืองที่อยู่รอบๆ และมีอีกสองคนมาจากถิ่นอื่น หนึ่งในนั้นเป็นบุตรสาวของนายท่านฉือ ส่วนประวัติของหญิงสาวที่ถูกกระทำอีกหนึ่งคน คำบอกเล่าของบ่าวรับใช้ไม่สามารถจับใจความได้เลย พวกเขาจำได้เพียงว่าสำเนียงการพูดเป็นสำเนียงแถบหลิงหนาน ประสบการถูกทำร้ายเมื่อสามปีก่อน โอกาสการค้นหาญาติผู้ใหญ่พบนั้นน้อยมาก
ฉังซิงโหวซื่อจื่อสามารถทำเรื่องไม่น่าให้อภัยเช่นนี้ขึ้นได้นั้น ไม่เหมือนกับคนที่ลงมือทันทีที่เจอผู้หญิงสวยอย่างที่คิด แต่ความจริงแล้ว เขาเป็นคนช่างเลือกเป็นอย่างมาก แล้วหญิงสาวพวกนั้นล้วนแต่มีบางอย่างที่สร้างความน่าสนใจให้กับเขา ถึงได้นำพาความโชคร้ายมาสู่ตัวเอง
และด้วยเหตุผลนี้ เหล่าหญิงสาวที่ถูกกระทำจึงมีแทบทุกสถานะ แม้กระทั่งบุตรสาวของข้าราชการก็มี
สำหรับฉังซิงโหวแล้ว หญิงสาวเหล่านี้เป็นเหยื่อที่เขาเล็งไว้ เพียงแค่ยืนยันในเป้าหมายเสร็จ ก็จะทำการรอเวลาอย่างอดทน บ้างก็รอมานาน บ้างก็รอไม่นาน อย่างไรเสียก็ต้องมีสักโอกาสที่เหมาะสมที่จะพาเข้าไปอยู่ในจวนโหว
ส่วนบ่าวรับใช้สองคนที่สามารถจดจำประวัติของหญิงสาวเหล่านี้ได้ นั่นก็เพราะมีหญิงสาวอยู่สองคนที่พวกเขาคอยจับตาเฝ้ามองอยู่ที่เรือนของฝ่ายตรงข้ามเป็นเวลานานถึงครึ่งเดือน
หลักฐานแน่นหนา ลงนามได้ เจินซื่อเฉิงพิพากษาฉังซิงโหวซื่อจื่อกับบ่าวรับใช้ให้ประหารชีวิตทันที ประชาชนที่มุงดูถึงกับปรบมือในความเด็ดขาดนี้
แน่ล่ะการประหารชีวิตทันทีในปัจจุบัน หาใช่การประหารทันทีหลังจากพิพากษาเสร็จ แต่ต้องรอให้ถึงหลังฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ก่อนถึงจะทำการประหารได้
ฉังซิงโหวอ้วกเลือดกลางโถงศาลทันที พร้อมกับตะโกนเสียงแหบซ่า “เจินซื่อเฉิง เจ้าไม่ผ่านการพิจารณาคดีโดยราชสำนัก พิพากษาประหารชีวิตลูกชายข้าได้อย่างไร ลูกข้าเป็นถึงโหวซื่อจื่อนะ!”
โดยทั่วไป การตัดสินประหารชีวิตโดยผู้เป็นข้าราชการจะต้องมีการไตร่ตรองอย่างเข้มงวด ยิ่งเป็นการตัดสินต่อผู้กระทำผิดที่ยังไม่มั่นใจในสถานะหรือผู้ที่มีสถานะพิเศษแล้วนั้น ส่วนใหญ่จะตัดสินประหารชีวิตแบบรอลงอาญา ซึ่งก็คือรอให้ถึงการพิจารณาคดีโดยราชสำนักในปีหน้าแล้วจึงพิพากษาอีกที
อย่างสถานะของฉังซิงโหวซื่อจื่อ อันมีฉังซิงโหวคอยช่วยอยู่ด้านนอก หนึ่งปีผ่านไปก็อาจได้รับการยกโทษไม่ต้องประหารชีวิต
เพราะฉะนั้น การประหารชีวิตทันทีแตกต่างกับการรอประหารชีวิตมาก อันหนึ่งตายแน่นอน อีกอันหนึ่งรอดชีวิตแน่นอน
เจินซื่อเฉิงนั่งอยู่ใต้แผ่นป้ายที่มีข้อความเขียนไว้ว่า ‘เอาคันฉ่องไปแขวนไว้ในที่เปิดเผย; เขาตอบกลับด้วยเสียงดังสนั่นโถงศาล “ต่อให้พระราชโอรสกระทำผิด ยังต้องรับโทษเสมือนประชาชน ฉังซิงโหวซื่อจื่อเฉาซิงอวี้ ปล้นสะดม เหยียดหยามและฆ่าผู้หญิงสิบคนอย่างโหดเหี้ยม หลักฐานหนาแน่น ความผิดนี้ไม่สามารถให้อภัยได้ ต้องดำเนินประหารชีวิตทันที! หากท่านโหวมีข้อโต้งแย้ง จะไปยื่นคำร้องต่อฝ่าบาท ข้าก็จะสู้กับท่านจนสุดทาง!”
“คอยดูเถอะ เจินซื่อเฉิง…” ฉังซิงโหวรู้สึกแก่ตัวลงอีกเจ็บแปดปีในทันใด นิ้วที่ชี้เจินซื่อเฉิงสั่นระริก
เจินซื่อเฉิงเคยพบคนขมขู่มานับไม่ถ้วน เขากลัวคำพูดแบบนี้ที่ไหนกัน จึงหัวเราะเบาๆ พร้อมตอบกลับไป “ข้าจะคอยท่านอยู่ที่ศาลาว่าการนี่ล่ะ ขากลับ ท่านโหวช่วยเตรียมเงินไว้หน่อยก็แล้วกัน”
ฉังซิงโหวชะงักไปชั่วครู่
นั่นหมายความว่าอย่างไร หรือว่าประชดประชันว่าเขาจะจ่ายติดสินบนกับฝ่าบาท ล้อเป็นเล่นไป เขาไม่ใช่คนโง่ มิสู้ติดสินบนกับคนที่สามารถพูดกับฝ่าบาทได้โดยตรงยังจะดีเสียกว่า
แต่คำพูดเช่นนี้ไม่ควรออกมาจากปากของคนแซ่เจินนี่
ช่วงเวลาครู่เดียว ฉังซิงโหวพลางเกิดการมองเห็นถึงทางแห่งแสงสว่าง
แม้ว่าความคิดนี้ที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาจะไร้สาระ แต่เมื่อเป็นหมาจนตรอก แม้เพียงหญ้าอ่อนหนึ่งต้นก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ แล้วจะมีเวลาให้คำนึงถึงอย่างอื่นได้อย่างไรอีก
เจินซื่อเฉิงคิดไม่ตก “บุตรของท่านทำร้ายหญิงบริสุทธิ์ถึงสิบคน อีกไม่นานคนในครอบครัวของพวกนางก็จะมาสอบถามที่นี่ แล้วจวนโหวไม่คิดจะเตรียมค่าทำขวัญให้กับพวกเขาหน่อยหรือ”
“อะไรนะ” ฉังซิงโหวคิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคำตอบนี้ มีลมหายใจอยู่หนึ่งเฮือกที่เกือบหายใจไม่ทัน
ประชาชนที่มุงดูต่างเห็นด้วยกับสิ่งนี้
“เยี่ยมมากขอรับ/เจ้าค่ะ ใต้เท้าเจิน!”
“ช่างเป็นผู้ดำรงความยุติธรรมจริงๆ ต่อแต่นี้ไปพวกเราสบายใจได้แล้ว”
“ใช่ๆ ข้าราชการดีๆ อย่างท่านเจินชิงเทียน หากว่าถูกคนอย่างฉังซิงโหวรังแก พวกเราก็ไปฟ้องเบื้องบนกัน!”
ความคิดของประชาชนนั้นใสซื่อมาก ตาแก่ที่เลี้ยงดูบุตรชายให้เป็นปีศาจฆ่าคนเช่นนี้ จะใช่คนดีที่ไหนกัน
ลูกรับผิดแทนพ่อ ลูกไม่รักดีเพราะความผิดพ่อ คำพูดเหล่านี้หาใช่คำพูดลอยๆ ในเวลานี้อีกต่อไปไม่ แต่เป็นคำพูดที่ทุกคนต่างเข้าใจในหลักเหตุผลเป็นอย่างดี
คำพูดต่างๆ นานาเป็นเหมือนมีดที่กำลังทิ่มแทงหัวใจของเขา หลังถูกโจมตีจนแทบทนไม่ไหว เขาพลันเป็นลมล้มหมดสติทันที
“มีใครอยู่หรือไม่ พาฉังซิงโหวกลัวจวนเสีย! พาตัวนักโทษกลับห้องขัง ออกจากโถงศาลได้!” เจินซื่อเฉิงเคาพไม้ปลุกสติพร้อมกับยืนขึ้น
ฉังซิงโหวซื่อจื่อถูกโยนผักใบเน่า เปลือกผลไม้ใส่ตัวนับไม่ถ้วน
เจ้าหน้าที่หลายคนพากันขมวดคิ้ว
กี่ปีแล้ว พวกประชาชนก็ยังจะทำเช่นนี้ราวกับในละครอีก ไม่รู้กันเลยหรืออย่างไรว่ามันทำความสะอาดลำบากแค่ไหน!
พ่อบ้านจวนฉังซิงโหวที่มาฟังคำตัดสินที่ศาลาว่าการได้เดินทางกลับจวนโหวก่อนฉังซิงโหว
“ซื่อจื่อเป็นอย่างไรบ้าง” ฉังซิงโหวฮูหยินเอ่ยถามอย่างร้อนอกร้อนใจ
“ซื่อจื่อ…ซื่อจื่อถูกตัดสินให้ประหารชีวิตทันทีขอรับ!”
ฉังซิงโหวฮูหยินถึงกับเซ แต่ไม่ได้หมดสติจนล้มลงไป
สตรีนั้นแม้จะอ่อนแอแค่ไหน หากวันใดที่บุตรของตนประสบปัญหาใหญ่หลวง พวกเขามักกลายเป็นคนแข็งแกร่งขึ้นมาในทันทีทันใด
“ท่านโหวล่ะ ท่านโหวไม่ได้ทำอะไรเลยรึ”
“ทางศาลาว่าการบอกว่า ถึงท่านโหวจะฟ้องร้องไปถึงฝ่าบาท เขาก็ไม่กลัว ท่านโหวฟังแล้วรู้สึกโมโหมากจนเป็นลมหมดสติไปแล้วขอรับ…”
แววตาของฉังซิงโหวฮูหยินมองตรงไม่ขยับ แล้วจึงพูดงึมงำขึ้น “ประหารชีวิตทันที ประหารชีวิตทันทีรึ…ลูกข้าเป็นคนดี จะประหารตัดหัวได้อย่างไร…”
สายตาที่ไร้จุดมุ่งหมายทำให้ร่างของนางล้มลงที่ตัวของเจียงเชี่ยนทันที
เจียงเชี่ยนยืนนิ่ง สายตามองลงที่ด้านล่าง ไม่พูดไม่จามาแล้วพักใหญ่
ถึงเวลานี้ นางเองก็ยังไม่รู้ว่าควรจะพูดสิ่งใด
นางได้พยายามในสิ่งที่ควรพยายามแล้ว คิดว่าฝั่งบิดามารดาก็คงกำลังคิดหาทางให้อยู่ ตอนนี้นางทำได้เพียงรอ
ฉังซิงโหวฮูหยินพลันเกิดอาการบ้าคลั่งพลันตบหน้าเจียงเชี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฮูหยิน…” พวกสาวรับใช้แทบไม่กล้าเข้าไปใกล้ ทำได้เพียงเรียกขานออกไป
“ข้าจะตีนังตัวซวยนี่ให้ตาย เจ้าเป็นภรรยาแบบไหน ซื่อจื่อทำเรื่องเช่นนี้แต่เจ้ากลับไม่เคยรู้เรื่อง และไม่เคยห้ามเลยหรืออย่างไร”
เจียงเชี่ยนเป็นบุตรสาวที่ถูกประคับประงมอยู่ในมือของบิดามารดาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่ตั้งแต่ที่ได้แต่งงานกับฉังซิงโหวซื่อจื่อ นางถูกทุบตีมาแล้วแทบนับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้ฉังซิงโหวฮูหยินทุบตีนางอย่างรุนแรง สำหรับนางแล้วมันเทียบกับสิ่งใดไม่ได้เลย
นางไม่ได้ตอบโต้และไม่ได้หลบหลีก แต่ยินยอมให้ฝ่ามือข้างนั้นฟาดเข้าที่ใบหน้าของตน แล้วใบหน้าเนียนขาวรูปไข่ก็เริ่มบวมแดงขึ้น
เวลานี้ มีสาวรับใช้วิ่งเข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ คนจวนตงผิงปั๋วมาเจ้าค่ะ”
เกิดเรื่องใหญ่เพียงนี้ นายท่านรองเจียงกับภรรยาจึงเดินทางมาด้วยกัน
ฉังซิงโหวฮูหยินทักทายอย่างฝืนทน “ชิ่งเจียกง ชิ่งเจียหมู่ มาแล้วหรือ”
“ฮูหยินโหว พวกข้ารู้เรื่องเรื่องของซื่อจื่อแล้วล่ะ เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไรกัน” เซียวซื่อเอ่ยถามพร้อมน้ำตา
ฉังซิงโหวฮูหยินน้ำตาไหลพรากไม่พูดจา
เวลานี้มีคนๆ หนึ่งพุ่งตัวเข้าอย่างกะทันหัน ศีรษะมุดเข้าที่อ้อมอกของเซียวซื่อและสั่นอย่างแรง “ท่านแม่ ช่วยลูกด้วย…”
ฉังซิงโหวฮูหยินสีหน้าเปลี่ยนทันใด
นังตัวซวยนี่กล้ามาฟ้องเช่นนี้ได้อย่างไร สาวรับใช้ที่คอยดูนางตายไปแล้วหรือไง
“เชี่ยนเอ๋อร์ เกิดสิ่งใดขึ้นกับลูก”
เซียวซื่อเอ่ยถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นแก้มที่บวมเป่งของเจียงเชี่ยน