ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 133 สาเหตุ
ตอนที่ 133 สาเหตุ
“โฮ่งงง…” เอ้อร์หนิวเห่าร้องเสียงเบาที่เต็มไปด้วยการเอาอกเอาใจอีกครั้ง
เจียงซื่อถึงกับใจอ่อน
ช่างเถอะ เห็นแก่เอ้อร์หนิว นางตบหลังเอ้อร์หนิวแล้วกลับไปหาอาหมาน “อาหมาน เอาที่เขียนคิ้วให้ข้าหนึ่งแท่ง”
สาวรับใช้คนสนิทของคนในตระกูลชั้นสูงอย่างอาหมานจะพกที่เขียนคิ้ว ชาดสีแดงและแป้งติดตัว ขนาดเล็กกะทัดรัด เพื่อให้คุณหนูของตนเองได้เติมแต่งในเวลาจำเป็น
อาหมานหยิบที่เขียนคิ้วออกมาจากเหอเปายื่นให้กับเจียงซื่อ
คุณหนูงดงามอยู่แล้ว จะใช้ที่เขียนคิ้วอีกทำไมกัน เอ…หรือว่าจะเขียนคิ้วให้กับเอ้อร์หนิว
อาหมานส่ายหัวสลัดความคิดนี้ทิ้งและคงความนิ่งเอาไว้
พูดให้น้อย ทำให้มาก ทำตามที่คุณหนูสั่งไม่มีทางผิดแน่
เจียงซื่อเดินกลับไปหาเอ้อร์หนิว แล้วใช้ที่เขียนคิ้วเขียนคำว่า ‘ขอบคุณ’ ที่ด้านหลังกระดาษนั่นและเก็บเข้าถุงปักดิ้นถุงเดิม นำมันห้อยไว้ที่คอของเอ้อร์หนิว จากนั้นใช้มือนวดตรงที่มีขนปุยของมันพลางเอ่ยขึ้น “กลับไปได้แล้ว”
สุนัขตัวใหญ่ไม่พึงพอใจ พลันกัดเข้าที่กระโปรงของเจียงซื่อพร้อมกับดึงถอยหลัง
เจ้านายสั่งไว้แล้ว หากพานายหญิงกลับไปได้เขาจะให้รางวัลเป็นกระดูกสองถ้วย
“รีบกลับไปเถอะน่า ตอนนี้ข้ายังไม่สะดวก” คำว่า ‘ขอบคุณ’ ได้แสดงท่าของนางอย่างชัดเจนแล้ว นางคงไปหาเขาโดยที่ไม่มีธุระอันใดไม่ได้หรอกกระมัง
เอ้อร์หนิวคลายออกพลางจ้องเจียงซื่อนิ่ง ดวงตากลมโตสีดำเงาวับคู่นั้น ดูแล้วช่างน่าเห็นใจเหลือเกิน
“ไม่ได้จริงๆ” เจียงซื่อถอนหายใจและเตือนตัวเองว่าห้ามใจอ่อนเด็ดขาด
เอ้อร์หนิวจึงนั่งลงพร้อมยกอุ้งเท้าขึ้นปิดหูของตัวเองหนึ่งข้าง
เจียงซื่อ “…”
“หงิงๆ” เอ้อร์หนิวใช้โอกาสน้ำขึ้นให้รีบตัก
เจียงซื่อไม่รู้จะทำอย่างไร จึงเอ่ย “เอาล่ะๆ ไว้ข้าสะดวกแล้วข้าจะไปนะ”
นางกลัวเอ้อร์หนิวไม่เข้าใจ จึงแสดงภาษามือเพื่ออธิบาย “ไม่ใช่ตอนนี้…”
เอ้อร์หนิวลุกขึ้นอย่างดีใจ ส่ายหางขนปุยเสร็จก็วิ่งจากไปทันที
เจียงซื่อเม้มริมฝีปาก
เอ้อร์หนิวรู้จักแกล้งทำตัวน่าสงสารด้วย! นี่มันคือสิ่งที่สุนัขตัวหนึ่งควรรู้รึ
ต้นพุทราคอเอียงด้านหน้าเรือนหลังหนึ่งในตรอกซอยเชวี่ยจื่อยังคงเต็มไปด้วยดอกพุทรา สุนัขตัวใหญ่ตัวหนึ่งเดินผ่านไป พลางยกเท้าหน้าขึ้นเคาะประตูอย่างชำนาญ
ประตูถูกแง้มออกเล็กน้อย สุนัขตัวใหญ่มุดเข้าไปอย่างช่ำชอง
อวี้จิ่นนั่งยกแก้วน้ำชารออยู่ที่โต๊ะหินอย่างใจร้อน
ถ้าเอ้อร์หนิวยังไม่กลับมาอีกเขาจะลงโทษด้วยการลดปริมาณกระดูก
“โฮ่งๆ” อุ้งเท้าหน้าสองข้างของเอ้อร์หนิวเกาะตรงโต๊ะหิน
อวี้จิ่นยื่นมือหยิกหน้ามัน “ทำท่าขอรางวัลเช่นนี้ แล้วเจ้ามีสิ่งใดตอบแทนข้าเล่า”
เอ้อร์หนิวอยู่กับเขามานาน เมื่อก่อนรู้สึกเพียงว่ามันต่อสู้เก่งมาก ยามอยู่ในสนามรบนับว่าเป็นผู้ช่วยที่ดี ‘คน’ หนึ่ง ตั้งแต่กลับเข้าเมืองหลวงรู้สึกว่ามันยิ่งอยู่ยิ่งฉลาด
เอ้อร์หนิวของเขาคงกลายเป็นเทพเซียนไปแล้วกระมัง
อวี้จิ่นไม่มีความไม่สบายใจหรือกังวลใจเป็นเพียงเสี้ยวเดียวในฐานะที่เป็นเจ้าของสุนัขเซียน แต่สิ่งที่ห้อยอยู่ตรงคอของเอ้อร์หนิวต่างหากที่ทำให้เขาอดตื่นเต้นไม่ไหว
อย่างน้อยนางก็ต้องแสดงปฏิกิริยาตอบโต้กลับมาให้เขาบ้างล่ะ
อวี้จิ่นเปิดถุงปักดิ้นดึงกระดาษออกมา แล้วจ้องมองพร้อมทั้งอดขำไม่ไหวกับคำว่า ‘ขอบคุณ’ ที่เขียนอย่างรีบร้อน
หมึกนั้นดูเหมือนจะไม่ใช่หมึกทั่วไป มันมีกลิ่นหอม
เมื่อเห็นอวี้จิ่นก้มดมกระดาษแผ่นนั้น หลงต้านมองขึ้นฟ้าอย่างหมดคำพูด
ขายหน้าเสียจริง เขาตัดสินใจทำเป็นมองไม่เห็น!
เอ้อร์หนิวกระชากแขนเสื้ออวี้จิ่นอย่างใจร้อน
อวี้จิ่นได้สติ พลางสั่งหลงต้าน “ไปหยิบกระดูกหนึ่งถ้วยมาให้เอ้อร์หนิว”
เอ้อร์หนิวส่งเสียงอย่างไม่พอใจสองครั้ง
หืม? อวี้จิ่นมึนงง
เอ้อร์หนิวส่งเสียงอีกสองครั้ง
อวี้จิ่นหลุดขำ “เจ้าอยากได้สองถ้วย?”
เอ้อร์หนิวพยักหน้าหงึกๆ
“ไม่ได้ เจ้าไม่ได้พาคนกลับมาด้วย ได้แค่ถ้วยเดียวเท่านั้น”
ถึงแม้เขาได้รับสิ่งตอบแทนกลับมาเป็นคำพูด แต่เขาก็ไม่สามารถตามใจเอ้อร์หนิวให้เสียนิสัยได้ ไม่เช่นนั้น ครั้งต่อไปก็คงไม่สามารถเรียกใช้งานง่ายๆ อย่างครั้งนี้ได้อีก
เอ้อร์หนิวส่งเสียงร้องอย่างไม่พอใจ และวิ่งออกไปด้านนอกแล้ววิ่งกลับมาถึงหลายครั้งหลายครา อวี้จิ่นเริ่มเข้าใจในท่าทีนั้น พลางแสดงความดีใจออกมาทันใด “นางรับปากว่าจะมางั้นรึ”
“บรู๊วววว…” เอ้อร์หนิวส่งเสียงร้องยืนยัน
อวี้จิ่นดีใจมาก “หลงต้าน เอากระดูกเพิ่มให้เอ้อร์หนิวอีกหนึ่งถ้วย!”
หลงต้านวุ่นวายเสร็จ พอเห็นเอ้อร์หนิวเคี้ยวกระดูกอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนเจ้านายก็จับคางและเผลอยิ้มอย่างคนโง่ เขาอดไม่ไหวจึงกล่าวออกไป “เจ้านายขอรับ เจ้านายกับคุณหนูเจียงเคยพบหน้าไม่กี่ครั้งเอง ไม่น่า…ขนาดนี้หรอกกระมัง”
ไม่น่าหลงคุณหนูท่านนั้นจนหัวปักหัวปำถึงเพียงนี้หรอกกระมัง เจ้านายไม่ใช่คนมองคนผิวเผินเช่นนี้นี่!
“ไม่น่าอะไรรึ” อวี้จิ่นขมวดคิ้วสงสัย
ด้วยความที่มีประสบการณ์ชีวิตไม่เหมือนกับพระโอรสองค์อื่น อวี้จิ่นจึงไม่ได้ปฏิบัติตัวสูงส่งกับหลงต้านและหลงอิ่ง
“ข้าน้อยแค่รู้สึกว่าท่านยังไม่รู้จักคุณหนูเจียงดีพอ แม้แต่จุดเด่นของคุณหนูเจียงคือสิ่งใดท่านก็ไม่ทราบ คงไม่ถึงขั้น…”
อวี้จิ่นเหลือบมองหลงต้านหนึ่งที “เจ้าไม่รู้จุดเด่นของคุณหนูเจียงงั้นรึ”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ!” หลงต้านปฏิเสธยิ้ม
ถึงรู้ก็ไม่กล้าพูด เจ้านายโมโหขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า
“มีรูปลักษณ์ที่สวยไงล่ะ”
“ฮะ?” หลงต้านถูใบหู เพราะสงสัยว่าตนฟังผิด
อวี้จิ่นขมวดคิ้ว “จุดเด่นเด่นชัดถึงเพียงนี้เจ้ามองไม่ออกเลยหรือ”
หลงต้านเงียบไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยถาม “ถ้าเช่นนั้น ท่านรู้สึกไปเพียงเพราะว่าคุณหนูเจียงมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม…”
“เท่านี้ยังไม่เพียงพออีก?” อวี้จิ่นถามกลับ
หรือว่าต้องให้เขายอมรับว่าเมื่อสมัยวัยหนุ่มเขาเคยพลาดพลั้งถูกเข้าใจว่าเป็นสตรีจนถูกขายให้กับหอนางโลม แล้วเกิดโชคดีที่ได้อาซื่อเคยช่วยไว้ นางถึงได้อยู่ในใจเขามาถึงทุกวันนี้?
เรื่องน่าอายเช่นนี้อย่าว่าแต่พูดกับคนอื่น แม้แต่กับอาซื่อเขาก็พูดให้นางฟังไม่ได้
เขายอมมอบทุกสิ่งให้กับนาง ส่วนสาเหตุนั้นมาจากไหน มันจะไปสำคัญอย่างไรอีกเล่า?
ลมพัดผ่านพาดอกเหอฮวนคล้ายพัดใบเล็กมาหา อวี้จิ่นปิดตาพักพิงอยู่บนเก้าอี้ เขารู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างมาก
เขาไม่รีบร้อนและจะค่อยเป็นค่อยไป สักวันหนึ่งเขาจะทำให้นางแต่งงานกับเขาอย่างสมัครใจ
หลงต้านมองขึ้นฟ้าอย่างช้าๆ
เขาผิดเอง เจ้านายยังไม่ครบสิบแปดปีบริบูรณ์ หากพูดถึง ก็นับว่ายังเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง จะมองคนเพียงผิวเผินบ้างจะเป็นอะไรไปเล่า
มีบุรุษคนไหนบ้าง ที่เมื่อวัยเยาว์ไม่เคยมองคนแค่ภายนอกบ้าง
ยามที่เจียงซื่อเตรียมตัวกลับเข้าไป นางเห็นรถม้าจวนปั๋วใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
อาหมานกระซิบข้างหู “คุณหนู นั่นนายท่านรองกับเอ้อร์ไท่ไท่นี่เจ้าคะ บ่าวได้ยินมาว่าพวกเขาไปจวนฉังซิงโหวเจ้าค่ะ”
ตอนที่กำลังพูดอยู่ รถม้าก็ได้หยุดลง นายท่านรองเจียงสองสามีภรรยาลงจากรถเม้าก่อน จากนั้นเจียงเชี่ยนเดินลงมาคนสุดท้าย
อาหมานทำตาโตอย่างไม่รู้ตัว พลันดึงเสื้อเจียงซื่ออย่างแรง นางกดเสียงต่ำพลางเอ่ย “คุณหนู คุณหนูรองกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
“เป็นไปตามคาด” สีหน้าของเจียงซื่อนิ่งเรียบ
เรื่องที่ฉังซิงโหวซื่อจื่อทำร้ายหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ เจียงเชี่ยนมีส่วนรู้เห็นมากน้อยแค่ไหน คงมีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด มีหนึ่งสิ่งที่มั่นใจได้นั่นคือนางไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์
“ท่านอารอง อาสะใภ้รอง พี่รอง” ตอนที่ทั้งสามคนเดินผ่าน เจียงซื่อย่อกายทักทายทุกคนด้วยความเคารพ
นายท่านรองเจียงสองสามีภรรยาไม่แม้แต่จะสนใจ พยักหน้าเป็นพิธีเสร็จก็เดินผ่านไป เจียงเชี่ยนกลับหยุดลงและมองหน้าเจียงซื่อไม่ขยับไปไหน
สาวน้อยเสื้อท่อนบนสีขาวคู่กระโปรงสีแดง ดอกโบตั๋นเต็มสวนดอกไม้ในสวนของจวนโหวยังสู้ความสดสวยงดงามของนางไม่ได้
เจียงเชี่ยนออกแรงกำมือไว้แน่น
พริบตาเดียว นางก็เปลี่ยนสถานะจากซื่อจื่อฮูหยินผู้สูงส่งกลายเป็นภรรยาของปีศาจได้ แม้นจะตัดขาดความสัมพันธ์ไปแล้ว ทว่านับจากนี้ไปก็อย่าหวังว่าจะโงหัวขึ้นมาได้อีก แต่หญิงสาวตรงหน้าคนนี้กลับขาวใสบริสุทธิ์ และมีอนาคตที่ยาวไกล
เวลานี้เจียงเชี่ยนลืมการดูถูกที่เจียงซื่อเคยถูกยกเลิกงานสมรสจนหมดสิ้น นางมีเพียงความคิดเดียว นั่นคือ นางมีสิทธิ์อะไร
“เชี่ยนเอ๋อร์…” เซียวซื่อขานเรียก
เจียงเชี่ยนก้มหน้าลงพร้อมกับยกชายกระโปรงขึ้นและเอ่ยตอบเสียงเบา “มาแล้วเจ้าค่ะ”