ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 178 บ่อน้ำส้ม
ตอนที่ 178 บ่อน้ำส้ม
โคมไฟสีแดงที่แขวนอยู่หน้าประตูจวนหย่งชังปั๋วเปลี่ยนเป็นโคมสีขาวที่เขียนตัวอักษรจีน ‘เตี้ยน[1]’ ติดอยู่ ทว่าสีหน้าของอวี้จิ่นนั้นแย่กว่าโคมสีขาวที่แกว่งไปมาเสียอีก
เขารออยู่ที่นี่มาตั้งนานเพื่อสิ่งนี้น่ะหรือ
เขาใช้กำปั้นชกเข้าที่ลำต้น ต้นไม้ขนาดใหญ่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ใบไม้ร่วงหล่นลงมาเต็มไปหมด
“เจ้านาย มือของท่านมีเลือดออก!”
อวี้จิ่นหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดที่หลังมืออย่างไม่แยแส พลางจ้องที่หน้าประตูจวนหย่งชังปั๋วไม่วางตา
หลงต้านแอบกลอกตา
เจ้านายนี่ไหน้ำส้ม[2]ชัดๆ จวนหย่งชังปั๋วเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ต่อให้หย่งชังปั๋วซื่อจื่อเป็นคนชั่วแค่ไหนก็ไม่อาจมีเรื่องชู้สาวอะไรในตอนนี้ได้หรอก แม่นางเจียงปลอดภัยแน่นอน
เขาประเมินเจ้านายต่ำไป
อวี้จิ่นจะเป็นแค่ไหน้ำส้มได้อย่างไร ระดับเขานี่มันบ่อน้ำส้มชัดๆ!
หลงต้านยังทำความเข้าใจถึงเหตุและผลได้ แล้วเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไรล่ะ เพียงแต่เมื่อนึกภาพเจียงซื่อยืนอยู่ข้างชายอื่น เขารู้สึกไม่พอใจ
“หลงต้าน…”
“ขอรับ”
“เมื่อครู่สาวรับใช้ที่ตามหลังเจียงซื่อถือสัมภาระมาด้วยใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ”
อวี้จิ่นหรี่ตาลง “จวนของพวกเขาใกล้กันขนาดนี้ แล้วสาวรับใช้ของนางถือสัมภาระมาด้วยทำไมกัน”
หลงต้านทำท่าครุ่นคิด นึกออกทันที “แม่นางเจียงคงจะค้างคืนอยู่ที่นี่ขอรับ!”
ทั้งสองจวนเป็นเพื่อนบ้านกัน มีเพียงแค่การค้างคืนเท่านั้นถึงได้หอบสัมภาระมาด้วย
อวี้จิ่นสีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม พลางหันหลังเดินหนีไป
“เจ้านาย ท่านจะไปไหนขอรับ” หลงต้านรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“ไปหาเอ้อร์หนิว”
ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เอ้อร์หนิวมีประโยชน์มากกว่าองครักษ์เสียอีก
เอ้อร์หนิวกลับไปที่ตรอกเชวี่ยจื่อในหมู่บ้าน และกำลังแทะเนื้อติดกระดูกชามใหญ่อย่างเอร็ดอร่อย
เหลิงอิ่งปกติเป็นคนพูดน้อย ดูเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก ทว่ากลับอ่อนโยนกับเอ้อร์หนิวเป็นพิเศษ “ไม่ต้องรีบ ยังมีให้กินอีก”
พูดจบก็มีมือที่เห็นข้อกระดูกอย่างชัดเจนยื่นออกมาข้างหนึ่ง แล้วเลื่อนชามเนื้อติดกระดูกออกไปอย่างไม่ใยดี
มันไปแล้ว!
เอ้อร์หนิวเงยหน้าขึ้นทันควัน ที่หนวดยังมีน้ำจากเนื้อเลอะติดอยู่เลย
อวี้จิ่นตบหลังเอ้อร์หนิวเบาๆ “หยุดกินได้แล้ว มีเรื่องสำคัญ”
เอ้อร์หนิวหมอบลงกับพื้น ส่ายหางไปมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เนื้อติดกระดูกที่กินไปได้เพียงครึ่งถูกชิงไปแล้ว แล้วยังจะมีอะไรสำคัญกว่านี้อีก
อย่างไรก็ตาม มันไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
“เอ้อร์หนิว…” น้ำเสียงของอวี้จิ่นแฝงไปด้วยคำเตือน
เอ้อร์หนิวชำเลืองมองเจ้านายด้วยความสงสัย ยังคงทำหน้านิ่ง
ยึดอาหารของสุนัขตัวหนึ่งไป นี่เจ้านายยังมีจิตสำนึกอยู่หรือไม่
“ไปจัดการธุระก่อน เดี๋ยวกลับมาข้าจะให้หลงต้านซื้อเนื้อตุ๋นซีอิ๊วมาให้”
เอ้อร์หนิวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางสะบัดขนที่เรียบลื่นของมันไปมาพร้อมกับส่ายหาง
อวี้จิ่นพาเอ้อร์หนิวไปยังหน้าประตูจวนหย่งชังปั๋วที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วชี้ไปที่ประตูใหญ่แดง “หาโอกาสมุดเข้าไป ปกป้องแม่นางเจียงให้ดี”
ก่อนหน้านี้อาซื่อไปพักที่จวนฉังซิงโหว เผชิญหน้ากับคนวิปริตอย่างฉังซิงโหวซื่อจื่อที่ฝังศพไว้เต็มสวนดอกไม้ ครั้งนี้นางต้องมาพักที่จวนหย่งชังปั๋วอีก ใครจะรู้ว่าต้องพบเจอกับเรื่องอะไรบ้าง
อยากจะสลับตัวกับเอ้อร์หนิว แล้วเข้าไปด้วยตัวเองจริงเชียว!
เอ้อร์หนิวสำรวจอวี้จิ่นอย่างระแวดระวัง
เหตุใดสายตาของเจ้านายถึงเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
“ไปเถอะ” อวี้จิ่นข่มความเสียดายไว้ในใจ แล้วลูบหัวของเอ้อร์หนิว
เอ้อร์หนิวครางออกมาเบาๆ หลบหลีกผู้คนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วิ่งเลียบกำแพงไปทางด้านหลัง
อวี้จิ่นดึงสายตากลับมา ก้มมองแผลบนมือ แล้วเดินจากไปเงียบๆ
……
เจียงซื่อถูกพาไปที่ห้องของเซี่ยชิงเหยา เซี่ยชิงเหยานั่งเหม่ออยู่บนเตียง มีหญิงสาวรายล้อมคอยพูดปลอบ
เจียงซื่อใจลอยไปเล็กน้อย
เมื่อวาน นางกับเซี่ยชิงเหยายังคุยเล่นที่นี่กันอยู่เลย อย่างเช่นเรื่องคุณชายรูปงามดุจหยก เอ่ยชมเรื่องขนมเสวี่ยฮวาที่แม่ครัวในจวนทำอย่างไม่หยุดปาก ทั้งคู่ทั้งมีความสุขและไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวลเลย
ทว่าผ่านไปแค่วันเดียวเท่านั้น ชีวิตของเซี่ยชิงเหยากลับเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็กระทบกระเทือนจิตใจนางอย่างใหญ่หลวงด้วยเช่นกัน
เจียงซื่อยืนอยู่ที่เดิม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเท้าของตนนั้นหนักอึ้ง ก้าวไม่ออก
สาวรับใช้ที่พาเจียงซื่อมาตะโกนเรียก “คุณหนู แม่นางเจียงซื่อมาแล้วเจ้าค่ะ”
เซี่ยชิงเหยาเงยหน้าขึ้น สบตากับเจียงซื่อ ใบหน้าที่เลื่อนลอยจู่ๆ ก็เปลี่ยนไป นางผลักคนที่อยู่ตรงหน้าหลบไป แล้วเดินออกมาอย่างรวดเร็ว
“อาซื่อ เจ้ามาแล้วหรือ”
เจียงซื่อกุมมือที่เย็นเฉียบไว้ พลางยิ้มออกมา “ข้าบอกกับที่จวนไว้แล้ว วางใจเถอะ”
เซี่ยชิงเหยาดึงเจียงซื่อไปที่เตียง มองคนที่ล้อมรอบอยู่ข้างๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก “ข้าอยากคุยกับอาซื่อ พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
สตรีที่ถูกเซี่ยชิงเหยาผลักออกไปเมื่อครู่สีหน้าไม่สบอารมณ์ “ชิงเหยา อาตั้งใจมาอยู่กับเจ้าโดยเฉพาะเลยนะ ตอนนี้ในจวนกำลังชุลมุนวุ่นวาย เจ้ายังเด็กจึงยังไม่รู้เรื่อง อย่าพาคนอื่นเข้ามาในเรือนมั่วซั่วสิ อารู้ว่าเจ้าเสียใจ แต่เจ้ายังมีลูกพี่ลูกน้องของเจ้าอยู่ มีเรื่องอะไรก็พูดกับอาสิ อาจะจัดการให้อย่างดีแน่นอน”
คนอื่นๆ พยักหน้าตามๆ กัน แล้วมองเจียงซื่อด้วยสายตาจ้องจับผิด
เจียงซื่อเดาว่าคนพวกนี้คงเป็นคนในตระกูลของเซี่ย
คนตระกูลเซียอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเขตชานเมือง หลังจากได้ยินเรื่องงานศพถ้าเดินทางเร็วก็คงถึงแล้ว ทว่าญาติฝั่งแม่ของชิงเหยาอาศัยอยู่ต่างถิ่น เร็วที่สุดก็คงมาถึงวันพรุ่งนี้
ตระกูลเจียงกับตระกูลเซี่ยสนิทชิดเชื้อกันมานานหลายปี เจียงซื่อรู้ว่าปกติจวนหย่งชังปั๋วจะติดต่อกับคนในตระกูลไม่มากนัก มีเพียงแค่ช่วงตรุษจีนที่จะไปมาหาสู่กัน และสิ่งที่สตรีนางนี้พูดออกมาเมื่อครู่ก็มีความหมายเป็นนัยน์เล็กน้อยว่าต้องการเป็นจะเป็นผู้รับผิดชอบในจวน
เจียงซื่อหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
นี่คือเห็นแก่คู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋วที่ตายไปและเซี่ยชิงเหยายังเด็ก ก็เลยอยากจะมาดูแลจวนหย่งชังปั๋วแทนงั้นหรือ
เรื่องแบบนี้มันไม่แปลกหรอก เสาหลักของตระกูลใหญ่ล้มลง ผู้ที่อยากจะหาผลประโยชน์ก็มักจะเป็นคนในตระกูลพวกนี้เสมอ
เมื่อเซี่ยชิงเหยาได้ยินสตรีนางนี้พูดเช่นนี้ก็โมโหขึ้นมาทันที “ข้าจะรู้ไม่รู้เรื่อง เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนข้า เจ้าเป็นอะไรกับข้ากัน”
พูดถึงตรงนี้เซี่ยชิงเหยาก็นึกถึงท่านพ่อกับท่านแม่ที่เสียไป น้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ท่านพ่อไม่มีญาติพี่น้อง หากท่านพ่อกับท่านแม่ยังอยู่ พวกลูกพี่ลูกน้องของเขาไม่มีทางมาพูดสั่งสอนนางเช่นนี้หรอก
“ไอ้หยา ชิงเหยาเจ้าพูดแบบนี้ อาเสียใจนะ อาหวังดีกับเจ้าทั้งนั้นนะ” สตรีนางนี้ตบฉาดลงที่หน้าขา
“ใช่ๆ พี่ชิงเหยา นี่เพราะแม่ข้ารักและสงสารท่านนะ” เด็กสาวในชุดสีขาวพูดเสริม
สตรีนางนี้ถอนหายใจ “พี่ชิงเหยาของเจ้าคงยังเสียใจอยู่ จึงพูดจาเลอะเลือนเช่นนี้ออกมา ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเด็กหรอก”
เซี่ยชิงเหยาเสียใจกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่ ความรู้สึกนึกคิดเดิมก็ช้าอยู่แล้ว ยิ่งถูกสตรีนางนี้มาพูดเช่นนี้อีก นางโกรธจนร้องไห้และลืมเรื่องโต้กลับ
เจียงซื่อจับมือเซี่ยชิงเหยาไว้ แล้วแค่นเสียงหัวเราะออกมา “ท่านอาสะใภ้มาอยู่ดูแลเซี่ยชิงเหยางั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ” นางตอบไปโดยไม่คิด
“เมื่อครู่ข้าเข้ามาเซี่ยชิงเหยายังดีๆ อยู่เลย พอท่านพูดแค่ไม่กี่คำกลับทำชิงเหยาร้องไห้แล้ว แสดงว่าท่านใช้การไม่ได้ในเรื่องดูแลคนเลย ในเมื่อเรื่องเล็กๆ ยังทำได้ไม่ดีท่านก็อย่าคิดเลยว่าจะมาจัดการอะไรแทนชิงเหยา ท่านมาจากชานเมือง เกรงว่าคงจะไม่เข้าใจ แม้นท่านลุงกับท่านป้าจะเสียแล้ว แต่กฎของจวนปั๋วยังอยู่ พวกพ่อบ้านจะจัดการตามระเบียบเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาช่วยหรอก”
สิ่งที่เจียงซื่อพูดมีทั้งเหตุผลและหลักฐานก็เป็นที่ประจักษ์ ทำให้สตรีนางนั้นอับอาย นางหน้าแดงขึ้นมาทันที แล้วพูดขึ้นอย่างโมโห “เจ้า เจ้าเป็นใคร”
เดิมนางเห็นว่าเด็กคนนี้มาอยู่เป็นเพื่อนเซี่ยชิงเหยา และยังคิดว่าคงเป็นลูกสาวจากครอบครัวเล็กๆ ที่มักจะถูกใช้มาอยู่ดูแลพวกคุณหนู ทว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงเรียกหย่งชังปั๋วว่า ‘ท่านลุง’
เซี่ยชิงเหยาได้ยินคำพูดของเจียงซื่อถึงได้มีสติกลับมา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด “เอาตัวพวกนางออกไป!”
————————
[1] เตี้ยน ตัวอักษรจีน 奠 เป็นคำที่ใช้แปะตัวโตๆ ในงานศพ อักษรคำนี้แปลว่าการนำของเซ่นไหว้ผู้เสียชีวิต
[2] ไหน้ำส้ม กินน้ำส้มสายชู หมายถึงคนขี้หึง เมื่อกล่าวว่าผู้ใดเป็นไหน้ำส้มจึงหมายถึงผู้นั้นเป็นคนขี้หึงมาก