ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 181 ขอบเขต
ตอนที่ 181 ขอบเขต
ท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งจะเสียไป การแต่งงานของพี่ชายกลับกลายเป็นการแก่งแย่งชิงดีระหว่างคนในตระกูลกับญาติฝั่งท่านแม่ ความจริงนี้มันทำให้เซี่ยชิงเหยาโกรธจนตัวสั่น
“พี่ชายข้าว่าอย่างไรบ้าง”
“ซื่อจื่อมีการดูตัวไว้แล้ว จิ้วไท่ไท่กับปาไท่ไท่ไม่จำเป็นต้องห่วง ทว่าจิ้วไท่ไท่กับปาไท่ไท่ล้วนไม่เชื่อ เอาแต่ถามว่าหญิงสาวที่ดูตัวกับซื่อจื่อเป็นคุณหนูตระกูลไหน” พอสาวรับใช้พูดถึงเรื่องนี้ ก็แสดงสีหน้าโกรธเล็กน้อย
เซี่ยชิงเหยาสีหน้าย่ำแย่กว่าอีก “พี่ใหญ่คงไม่พูดอะไรหรอกใช่หรือไม่”
สาวรับใช้ส่ายหน้า “ซื่อจื่อเอาแต่เงียบ จิ้วไท่ไท่กับปาไท่ไท่จึงคิดว่าสิ่งที่ซื่อจื่อพูดมาก่อนหน้านี้เป็นข้ออ้าง ก็เลยทะเลาะกันขึ้นมาอีก”
เซี่ยชิงเหยาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “นี่มันเกี่ยวอะไรกับพวกเขากัน!”
สาวรับใช้รีบเล่าสิ่งที่ไปสืบถามออกมา “นายท่านแปดเป็นคนออกหน้าแทนหัวหน้าตระกูล นายท่านแปดกล่าวว่าการแต่งงานภายในเจ็ดวันนี้เป็นประสงค์ของหัวหน้าตระกูล คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
เซี่ยชิงเหยาได้ยินแล้วเซถอยไปทันที พร้อมกับกำมือแน่นจนเล็บหักกลางฝ่ามือ
ตอนนี้นางรับรู้ถึงความรู้สึกที่ไม่มีพ่อกับแม่คุ้มครองว่ามันแสนเศร้าเพียงใดอีกครั้ง
นายท่านแปดเป็นลูกชายของหัวหน้าตระกูล ซึ่งเป็นผู้อาวุโสของพวกเขา ถ้าหากว่าเป็นประสงค์ของหัวหน้าตระกูลจริง เช่นนั้นก็ไม่ง่ายเลยที่นางกับพี่ชายจะขัดขืน
พี่ใหญ่ยังไม่ได้เข้ารับการสืบทอดตำแหน่งเลย แถมยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วย ผู้อาวุโสในตระกูลคิดเรื่องชื่อเสียงของตระกูลแทนสองพี่น้องโดยยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องการแต่งงานของพี่ใหญ่ หากพี่ใหญ่ไม่ยอม ชื่อเสียงเรื่องความไม่กตัญญูรู้คุณอาจจะมีผลกระทบต่อการเข้ารับสืบทอดตำแหน่งได้ อย่างไรก็ตามทุกที่ล้วนยึดความกตัญญูปกครองแผ่นดิน ใต้หล้าล้วนยึดถือความกตัญญูเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเสมอ
ทว่าการแต่งงานของพี่ใหญ่จะรีบกำหนดวันได้อย่างไร ถ้าหากไม่รอบคอบตบแต่งภรรยาที่ไม่ถูกใจ ชีวิตทั้งชีวิตของพี่ใหญ่ก็คงจะน่าสงสารเกินไปแล้ว
เซี่ยชิงเหยาคิดถึงตรงนี้ก็ร้อนใจจนร้องไห้ออกมา แล้วกุมมือเจียงซื่อไว้พลางเอ่ยพึมพำ “อาซื่อ ทำอย่างไรกันดี”
“ชิงเหยา ซื่อจื่อมีการดูตัวแล้ว ไม่รู้ว่าทางฝ่ายหญิงมีท่าทีอย่างไรบ้าง” เจียงซื่อเอ่ยน้ำถามเสียงนิ่งเรียบ
ยิ่งเซี่ยชิงเหยาอารมณ์ใกล้จะพังทลายจนถึงจุดขีดสุดอยู่ตรงหน้า นางก็ยิ่งต้องนิ่งเข้าไว้
เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้แตกต่างกับชาติภพที่แล้วโดยสิ้นเชิง ราวกับว่ามันเป็นไปตามการตายของคู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋ว โชคชะตาของพี่น้องตระกูลเซี่ยก็เหมือนกำลังวิ่งเตลิดอย่างควบคุมทิศทางไม่ได้
นางจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อช่วยพี่น้องตระกูลเซี่ยให้หลีกหนีจากความลำบากนี้ให้ได้ นี่เป็นหน้าที่ที่นางต้องทำ
ที่เจียงซื่อพูดเรื่องการดูตัวในจวนหย่งชังปั๋ว ก็เหมือนเป็นความหวังอันริบหรี่
ชาติภพก่อนเป็นเพราะหย่งชังปั๋วมีเรื่องน่าขันว่าไปนอนในคอกหมู เช่นนั้นฝ่ายหญิงล้มเลิกความคิดเรื่องการดูตัวจึงเป็นเรื่องปกติ อย่างไรมันก็เป็นเพียงแค่การดูตัว ไม่ใช่การหมั้นหมาย หย่งชังปั๋วมีเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ ฝ่ายหญิงไม่พอใจที่จะแต่งงานด้วยจึงเป็นเรื่องปกติมาก
และตอนนี้คู่สามีภรรยาหย่งชังปั๋วก็ลาโลกนี้ไปแล้ว จึงไม่อาจเดาได้ว่าฝ่ายหญิงมีท่าทีเช่นไร
บางทีอาจจะกังวลว่าเซี่ยอินโหลวยังเด็กดูแลจวนปั๋วไม่ได้ จึงไม่ยอมยกลูกสาวให้แต่งงานกับผู้ที่กำลังจะตกอับ หรือบางทีอาจจะเห็นว่าถ้าลูกสาวแต่งเข้ามาจะได้เป็นปั๋วฮูหยินจึงยังจะเข้ามาดูตัว เจียงซื่อจึงได้ถามขึ้นเช่นนี้
“ท่าทีของฝ่ายหญิงงั้นหรือ” เซี่ยชิงเหยาได้รับความกระทบเทือนจากการตายอย่างกะทันของท่านพ่อกับท่านแม่ แม้จะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ไปบ้าง แต่สัญชาตญาณความนึกคิดก็ยังมีอยู่ พอได้ยินเช่นนี้จึงขมวดคิ้วขึ้น ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยกำชับสาวรับใช้ออกไปว่าให้ไปเชิญแม่บ้านเข้ามา
ไม่นานแม่บ้านก็รีบเดินเข้ามา
เซี่ยชิงเหยาไม่ได้ปิดบังเจียงซื่อ นางเอ่ยถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา “ท่ามกลางหมู่คนที่มาร่วมพิธี มี คนจากตระกูลเวินผู้อาวุโสแห่งกั๋วจื่อเจี้ยนบ้างหรือไม่”
ชาติก่อนผู้ที่มาดูตัวกับเซี่ยอินโหลวก็คือสตรีจากตระกูลเวินผู้อาวุโสแห่งกั๋วจื่อเจี้ยน
ตระกูลเวินเป็นวงศ์ตระกูลยศถาบรรดาศักดิ์สูงส่งมีชื่อเสียงโดดเด่นในเมืองหลวง ลูกคนรองของตระกูลเวินถูกส่งเข้าไปเป็นนางสนมในวังเพราะสติปัญญาความสามารถที่เลื่องลือตั้งแต่ยังเด็ก ลูกของนางก็คือองค์ชายหกของฮ่องเต้จิ่งหมิง องค์ชายหกได้สืบทอดสติปัญญาของท่านแม่มา จึงได้รับความรักความชอบจากฮ่องเต้จิ่งหมิงเพราะความเฉลียวฉลาดเฉกเช่นเดียวกัน
การที่จวนหย่งชังปั๋วสามารถปรองดองเป็นทองแผ่นเดียวกันกับตระกูลเวินได้เป็นเรื่องที่ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
ทว่าชาติภพที่แล้วเวลานี้เจียงซื่อไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงที่มาดูตัวกับจวนหย่งชังปั๋วเป็นใคร นางรู้แค่ว่าการดูตัวเป็นทั้งของสองตระกูลนี้ และเนื่องจากระหว่างทางอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้มากมาย เช่นนั้นก่อนที่จะมีกำหนดอย่างเป็นทางการทุกอย่างจึงเงียบกริบ หากท้ายที่สุดไม่มีงานสมรสเกิดขึ้นก็จะได้ไม่เป็นที่ถกเถียงกันด้วย
เจียงซื่อรู้ว่าฝ่ายหญิงเป็นหญิงสาวจากตระกูลไหนก็เพราะชาติภพที่แล้วหลังจากการนัดดูตัวล่มเพราะหย่งชังปั๋วไปนอนที่คอกหมู เซี่ยชิงเหยาจึงมาระบายกับนางเพราะสภาพจิตใจย่ำแย่มาก นางถึงได้รู้เรื่อง
การที่แม่บ้านสามารถดูแลจัดการเรื่องของท้ายเรือนได้ แน่นอนว่าต้องมีความสามารถอยู่พอควร เมื่อได้ยินเซี่ยชิงเหยาถาม ก็ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วเอ่ยขึ้น “เช้าวันนี้ตระกูลเวินส่งพ่อบ้านมาจุดธูปหน้าศพนายท่านปั๋วกับฮูหยิน จุดเสร็จก็ไปเลยเจ้าค่ะ”
“ไม่พูดอะไรเลยหรือ” เซี่ยชิงเหยาเค้นถาม พลางจับกระโปรงผ้าป่านสีขาวไว้แน่น
“ไม่เลยเจ้าค่ะ เพียงกล่าวทักทายตามมารยาทเท่านั้น”
เซี่ยชิงเหยาเลิกคิ้วขึ้น มองไปที่เจียงซื่อ แล้วฝืนยิ้มออกมา “อาซื่อ เจ้าว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร”
ชายที่กำลังดูตัวเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ หากฝ่ายหญิงมีใจอยากจะสานสัมพันธ์ต่อ เวลานี้คงไม่ส่งเพียงพ่อบ้านมาร่วมพิธีศพแล้วรีบกลับไปหรอก
ทั้งหมดนี้แสดงถึงการหลีกเลี่ยงเสียมากกว่า
เจียงซื่อคิดได้ เซี่ยชิงเหยาก็ต้องคิดได้เช่นกัน
“การเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[1]นั้นง่ายนัก แต่การให้ถ่านวันหิมะตกกลับยากนัก” เซี่ยชิงเหยาพูดพึมพำ
“ชิงเหยา ข้าจะอยู่ฝ่าฝันความยากลำบากไปกับเจ้าเอง”
สายตาของเซี่ยชิงเหยาหยุดลงที่ใบหน้าของเจียงซื่อ จู่ๆ ดวงตาสีดำขลับก็ส่องประกายวาบ “อาซื่อ เจ้าคิดว่าพี่ชายข้าเป็นอย่างไร”
เจียงซื่อตะลึงกับคำถามของเซี่ยชิงเหยา
เซี่ยชิงเหยาจับมือเจียงซื่อไว้ ด้วยท่าทีร้อนใจ “ว่ามาสิ เจ้ารู้สึกว่าพี่ใหญ่เป็นอย่างไรกัน”
คำถามนี้ค่อนข้างคลุมเครือ เจียงซื่อจึงตอบไปโดยไม่คิดอะไรมาก “พี่เซี่ยก็ต้องดีน่ะสิ”
“เช่นนั้นเจ้าจะยอมแต่งงานกับพี่ใหญ่ของข้าหรือไม่”
เจียงซื่อตะลึง
นัยน์ตาเซี่ยชิงเหยายิ่งเป็นประกายแวววาว “เจ้ากับพี่ใหญ่โตมาด้วยกัน พวกเราก็เป็นสหายสนิทกัน หากเจ้ามาเป็นพี่สะใภ้ข้าคงดีมาก! ข้าจะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องที่พี่ใหญ่ต้องแต่งกับสตรีที่ไม่ถูกใจ ซึ่งอย่าได้แม้แต่จะคิดเชียว อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าสตรีที่มีการดูตัวกับพี่ใหญ่เป็นผู้ใด ข้าจะหาโอกาสไปบอกกับพี่ใหญ่ แล้วให้เขาแอบส่งคนไปเจรจากับนายท่านเจียง เพียงแค่นายท่านเจียงพยักหน้าเห็นด้วย เรื่องนี้ก็สำเร็จแล้ว”
เซี่งชิงเหยายิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น จึงสะกิดเจียงซื่อ “อาซื่อ เจ้าว่าอย่างไร”
พอเห็นสายตาที่ส่องเป็นประกายของสหาย เจียงซื่อก็เงียบ
ความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อกับหย่งชังปั๋วถือว่าไม่เลว นับว่าเห็นเซี่ยอินโหลวตั้งแต่เด็กมาจนโต ถ้าหากตระกูลเซี่ยส่งคนไปเจรจาเรื่องนี้ในเวลานี้ ท่านพ่อก็คงเห็นด้วยแน่นอน
ในใจของท่านพ่อเซี่ยอิโหลวดีกว่าจี้ฉงอี้ตั้งเยอะ นางแต่งเข้าจวนหย่งชังปั๋วก็ดีกว่าแต่งเข้าจวนอันกั๋วกงตั้งหลายเท่า
ทว่านางไม่เห็นด้วย
นางตัดสินใจว่าจะช่วยพี่น้องตระกูลเซี่ยอย่างสุดกำลัง แต่นี่ต้องไม่รวมถึงการแต่งงานของนาง
ชาติภพที่แล้ว นางแบกรับการเป็นตัวแทนคนอื่นมามากพอแล้ว พอแล้วกับการที่ในใจของชายคนรักมีสตรีนางอื่น ใจเขาใจเรา ในใจนางยังมีผู้อื่นอยู่ แล้วจะเป็นภรรยาที่ดีของเซี่ยอินโหลวได้อย่างไร
หากเป็นเช่นนั้น มันไม่ใช่การช่วยเหลือ เป็นการทำลายเสียมากกว่า
นี่มันไม่ยุติธรรมต่อเซี่ยอินโหลว และการช่วยเหลือที่ไม่มีขอบเขตเช่นนี้ก็เป็นเพียงการทำลายความสุขที่เขาควรจะได้ครอบครองในอนาคต
“ชิงเหยา นั่นไม่เหมาะสม”
แววตาที่ส่องประกายของเซี่ยชิงเหยาดับวูบลงทันที
เจียงซื่อมองดูกลุ่มเมฆนอกหน้าต่าง พลางเอ่ยขึ้นเสียงเบา “มีวิธีที่ดีกว่านี้”
————————–
[1] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย เป็นสำนวน หมายถึงการประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น