ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 186 เรื่องน่าขัน
ตอนที่ 186 เรื่องน่าขัน
เอ้อร์หนิวฉลาดมาก มันซ่อนตัวแทะไก่อยู่ตรงหัวมุมแต่ไม่มีแม้เสียงเล็ดลอดออกมา กลิ่นหอมอบอวลของไก่อ้วนได้จางหายไปตามน้ำฝนที่ล้างออก
ไก่อ้วนหนึ่งตัวถูกมันกัดกินจนหมดภายในไม่กี่คำ เอ้อร์หนิวหรี่ตาลงอย่างชอบใจ
นี่สิ ถึงจะเป็นความสุขของการเป็นสุนัข ซาลาเปาไส้ผักเมื่อตอนเช้ากินจนแทบสำลักคอ
เอ้อร์หนิวลุกขึ้นสะบัดน้ำบนตัวออกพร้อมตั้งหูชัน
บริเวณไม่ไกลจากตรงนี้มีคนสองคนกำลังเดินมา ทำตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงบริเวณด้านหน้าของเรือน
“ประตูเรือนล็อกไว้ จะเข้าไปอย่างไรดีล่ะ” อาสะใภ้แปดที่ตัวห่อด้วยผ้าสีดำทั้งตัวเอ่ยถาม
อาแปดเองก็ห่อด้วยผ้าสีดำเช่นกัน เหลือเพียงใบหน้าที่โผล่ออกมา “กำแพงไม่สูงมาก ข้าจะดันเจ้าเข้าไปนะ”
“แล้วท่านล่ะ” อาสะใภ้แปดคว้าคอเสื้อมาหาแล้วกล่าวออกไป
“หญิงโง่ พอเจ้าเข้าไปแล้ว เจ้าปลดที่คล้องออกไม่เป็นหรือไงเล่า”
อาสะใภ้แปดเข้าใจทันที “อ้อใช่ จะได้สะดวกตอนวิ่งหนีหลังจากทำให้เด็กนั่นตกใจด้วย”
ถ้าเซี่ยชิงเหยาเห็นผี จะต้องตะโกนร้องลั่นเป็นแน่ ถึงเวลานั้น บ่าวรับใช้ที่นอนพักแล้วจะต้องตื่นขึ้นมาดู แล้วถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วยังต้องปีนกำแพงวิ่งหนีอีก ก็คงหนีไม่ทัน และอาจกลายเป็นจุดสนใจมากเกินไป มิสู้แอบหนีออกทางประตูในช่วงที่ทุกคนชุลมุน น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
อาสะใภ้แปดมองดูกำแพงที่สูงกว่านางครึ่งศีรษะก็เกิดความตื่นเต้น “ตาแก่ ดูให้ดีๆ ล่ะ ระวังอย่าให้ข้าล้มเชียวนะ”
“พูดมากเสียจริง เร็วเข้าเถอะ” อาแปดย่อตัวลง สองมือสอดประสานไขว้และยื่นออกไป
ตรงมุมมืด เอ้อร์หนิวนั่งนิ่งเอียงหัวดูความเคลื่อนไหวของสองคนนั้น
อาสะใภ้แปดขึ้นเหยียบฝ่ามืออาแปดแล้วดันตัวเองไปอีกด้านของกำแพงโดยอาศัยแรงยกของอาแปด
อาแปดแนบหูกับกำแพงจนได้ยินเสียงเท้ากระทบพื้นแล้วจึงยิ้มออกมา
ไม่นานนัก ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา อาสะใภ้แปดยื่นศีรษะออกมาพร้อมกับตะโกนเรียกออกไปเสียงเบา “ตาแก่ เข้ามาเร็ว”
“เจ้าจะตะโกนทำไม!” อาแปดด่าไปพร้อมกับเดินไปทางประตู
เอ้อร์หนิวเอียงหัวมองอาแปดเดินเข้าไป มันจึงลุกขึ้นสะบัดน้ำบนตัวออกจนน้ำกระเด็นไปทั่ว จากนั้นเดินตามไปเงียบๆ พอมุดตัวผ่านประตูเรือนแล้ว มันยกเท้าหน้าขึ้นปิดประตูไม้ลง จากนั้นเอาปากคาบที่คล้องประตูกลับเข้าที่
ทุกความเคลื่อนไหวของสุนัขตัวใหญ่ราบรื่นราวกับเมฆเหินน้ำไหลแทบไม่มีเสียง ส่วนอาแปดกับอาสะใภ้แปดที่มัวแต่สังเกตการณ์ในตัวเรือนก็แทบไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ด้านหลัง
ตัวเรือนที่เซี่ยชิงเหยาอาศัยมีชื่อว่าเรือนเจิ่นสยา ประดับด้วยพุ่มไม้ใบหญ้า มีต้นหลี่จื่อ[1]ที่เริ่มออกผลสีเขียวเต็มต้น มีกิ่งไม้มากมายยื่นออกไปด้านนอกกำแพง
หลังจากที่สังเกตการณ์เสร็จเรียบร้อย ตัวเรือนอันเงียบสนิทที่อยู่เบื้องหน้ากลับทำให้ทั้งคู่มีความตื่นเต้นเล็กน้อย
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง อาแปดก็ผลักอาสะใภ้หนึ่งที “ชะงักอยู่ใยกันเล่า ยังไม่รีบเอาผ้าสีดำบนตัวเจ้าออกมาอีก!”
หลังจากที่อาสะใภ้แปดดึงผ้าสีดำออกแล้วยัดลงที่มือของอาแปด ก็ทำให้ชุดสีขาวบนตัวนั้นได้เผยออกมา จากนั้นนางได้หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาแล้วสวมเข้ากับใบหน้า
ดวงตากลมโตของเอ้อร์หนิวพลันเบิกกว้าง คล้ายว่าตกใจในความเปลี่ยนแปลงของอาสะใภ้แปด
เวลานี้อาสะใภ้แปดได้นำกระดาษแผ่นหนึ่งมาทำเป็นหน้ากาก แล้วเหลือช่องเป็นเส้นไว้สองเส้นบริเวณดวงตาเพื่อเอาไว้ดู แม้หน้ากากนี้จะดูธรรมดา แต่ในเวลากลางคืนเช่นนี้ก็เพียงพอให้คนรู้สึกกลัวได้เหมือนกัน
“รีบไปสิ รีบทำให้จบ จะได้รีบกลับไปนอน”
อาสะใภ้แปดรู้สึกตื่นเต้นจึงสูดหายใจลึก พอเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาเอ่ยถาม “ยืนตรงหน้าต่างก็พอแล้วใช่หรือไม่”
ก็เพิ่งเคยปลอมเป็นผีครั้งแรก ไม่มีประสบการณ์นี่
“เคาะหน้าต่างก่อน!”
อาสะใภ้แปดยื่นมือออกไปอย่างลังเล
เอ้อร์หนิวหรี่ตาพลันกระโดดพุ่งตัวใส่อาสะใภ้แปดที่ยืนนิ่งตรงหน้าต่างจนล้มลง
อาสะใภ้แปดรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ตั้งแต่แรก เพราะยังไม่สามารถลืมเรื่องในห้องโถงลงได้ แล้วยังจะถูกเงาดำจากที่ไหนไม่รู้พุ่งเข้าใส่จนล้มลงอีก นางจึงได้แต่กรีดร้องดังสนั่น “ผี….”
เสียงกรีดร้องแสบแก้วหูดังออกไปทั่วในทันใด
ชั่ววินาทีนั้น อาแปดเองก็ตะลึงไม่ต่างจนลืมไปเลยว่าจะต้องทำอย่างไรต่อ จนกระทั่งโคมไฟหลายจุดเริ่มสว่าง เขาถึงได้สติเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน พอยกขาขึ้นก็ออกตัววิ่งหนีทันที
เขามีเพียงความคิดเดียว นั่นคือ รีบหนีออกจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้ถูกจับ!
อาแปดพุ่งมาถึงด้านหน้าประตูเรือนและออกแรงดึงทันทีแทบไม่เหลียวมองอย่างอื่น
แต่ประตูกลับไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
ความรู้สึกเย็นวาบพลันพุ่งขึ้นจากก้นกบผ่านกระดูกสันหลัง
เมื่อตอนเข้ามา เขาได้แง้มประตูไว้แล้วนี่ เหตุใดตอนนี้ถึงเปิดไม่ออกเล่า
เมื่อคิดถึงเรื่องประหลาดในห้องโถง อาแปดก็ถึงกับเขาอ่อน หรือว่าจะมีผีจริงๆ
เมื่อตอนกลางวันที่ห้องโถงพลันมืดลง ฝนฟ้าแลบที่พลันเกิดขึ้น และยังมีสตรีอีกสองคนที่พลันเกิดคลุ้มคลั่ง เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ได้แล่นผ่านสมองของอาแปดไม่หยุดหย่อน
หากจะบอกว่าตอนนั้นเขาไม่คิดอะไรเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เขาเพียงกลัวว่าเมียแก่จะทำเสียเรื่อง จึงต้องแกล้งทำเป็นไม่คิด
หากจะให้พูดคงต้องพูดกันอีกยาว ความจริงมันก็แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น
เอ้อร์หนิวยกเท้าหน้าออกจากหน้าอาสะใภ้แปด แล้วพุ่งเข้าใส่ด้านหลังอาแปดต่อ จากนั้นก็ออกแรงกัดเข้าที่ก้นของเขาอย่างสุดกำลังที่มี
อ้ากก… อาแปดส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมาดังลั่นยิ่งกว่าอาสะใภ้แปด
ตอนนี้ไม่เพียงแต่ในเรือนมีความเคลื่อนไหว คนที่เรือนอื่นที่ได้ยินเสียงร้อง บ้างก็ถือโคมไฟ บ้างก็ถือไม้กระบอง บ้างก็รีบร้อนจนลืมใส่รองเท้าและพุ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว
อาแปดคลานอยู่ที่พื้น และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนถูกสิ่งใดโจมตี แต่เขากำลังตะเกียกตะกายหนีอย่างสุดชีวิต
เอ้อร์หนิวเห็นผู้คนพุ่งเข้ามา มันจึงรีบคลายปากออกแล้วมุดเข้าใต้ต้นกล้วยทันที
“นั่นใคร” คนที่มาถึงอย่างรวดเร็วยกโคมไฟขึ้นส่องดู ตัวเรือนที่เดิมทีเงียบสนิทพลันสว่างจ้าราวกับเป็นตอนกลางวัน
หน้าต่างถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา เจียงซื่อกับเซี่ยชิงเหยามองออกมาจากด้านในหน้าต่าง
เสียงร้องตะโกนดังขึ้นว่า “ผี…”
คนที่ส่งเสียงนี้ออกมาคือสาวรับใช้ที่ใบหน้าซีดขาวกำลังชี้นิ้วไปยังคนปล่อยผมเผ้าลงมา นางตกใจจนเข่าอ่อนไปหมด
ส่วนสตรีที่อยู่บนพื้น ใบหน้าด้านข้างที่ถูจนขาวจนมองไม่เห็นรูปหน้า พลางยื่นแขนที่หยาบกร้านดุจฟืนออกมาหนึ่งข้าง แม้อยู่ภายใต้แสงสว่างแต่กลับไม่เห็นแม้แต่เส้นเลือด
ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ หากคนทั่วเห็นเข้าคงตกใจตายเอาได้ แต่วันนี้คนเยอะ นอกจากมีเสียงกรีดร้องตกใจแล้วก็ไม่มีเหตุการณ์อื่น
เสียงร้องลั่นดังขึ้นอีกหนึ่งเสียง “เอะ นั่นมันนายท่านแปดนี่”
เจียงซื่อมองดูพลางพูดกับเซี่ยชิงเหยาอย่างแผ่วเบา “สตรีนางนั้นสวมหน้ากาก”
เซี่ยชิงเหยาพลันตาลุกเป็นไฟและเดินออกไปทันที นางยืนอยู่ตรงบันไดหินแล้วสั่งออกไป “มัดตัวโจรสองคนที่ปลอมเป็นผีนี่เสีย!”
ทุกคนเดินเข้าไปปฏิบัติทันทีตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่
อาสะใภ้แปดพอได้สติ ก็กระโดดตัวขึ้นเตรียมวิ่งหนี
เมื่อมีคนเยอะความกล้าก็จะมาก พอเห็น ‘ผีสาว’ จะหนี ความรู้สึกลัวของทุกคนก็หายเป็นปลิดทิ้ง ผอจื่อคนหนึ่งยื่นขาออกไปอย่างเฉียบขาดจน ‘ผีสาว’ นั่นสะดุดล้มลง และหน้ากากของ ‘ผีสาว’ ก็หลุดออกมาและกลิ้งไปตามแรงลมที่พัดผ่าน
“นั่นปาไท่ไท่นี่!” ผอจื่อที่เห็นกับตา พอเห็นรูปหน้าก็รู้ทันที
อาแปดที่เห็นผอจื่อล้อมพวกเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง เอามือปิดก้นที่เลือดไหลและกล่าวอย่างรีบร้อน “เข้าใจผิดแล้วๆ!”
เซี่ยชิงเหยาเดินเข้าไปหาทั้งสองคนพร้อมกับกล่าวด้วยเสียงเรียบนิ่ง “เข้าใจผิด? ถ้าเช่นนั้นอาแปดกับอาสะใภ้แปดช่วยอธิบายต่อหน้าคนในตระกูลกับท่านลุงของข้าหน่อยก็แล้วกันว่าเข้าใจผิดอย่างไร”
อาสะใภ้แปดที่ได้ยินพลันเกิดความกังวล จึงร้องไห้ร้องขอ “ชิงเหยา เราเป็นครอบครัวเดียวกัน เจ้าจะให้คนนอกมาดูเรื่องน่าขันเช่นนี้ได้อย่างไร”
ชิงเหยาหัวเราะอย่างเย็นชา “นั่นมันเรื่องน่าขันของพวกท่าน หาใช่เรื่องน่าขันของข้าไม่ พวกเจ้า ไปเชิญซื่อจื่อ ผู้อาวุโสในตระกูลและท่านลุงมาที่นี่!”
———————————-
[1] หลี่จื่อ ลูกพลัม