ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 338 ฟ้อง
ระหว่างทาง
“คนอะไรกัน กล้าจ้องมองเช่นนี้ น่าเสียดายร่มของเราเหลือเกินเอาไปตีเขาเสียจนเกือบพังแล้ว…”
ฝีเท้าของเจียงซื่อดูรีบร้อนขึ้นไปกว่าเดิม
อาหมานยังคงบ่นต่อไปว่า “คุณหนูเจ้าคะ ชายผู้นั้นเข้ามาในจวนของผู้อื่นโดยพลการ พวกเราควรจะส่งจับเขาส่งศาล แต่เรากลับเดินหนีมาเช่นนี้จะทำอย่างไรต่อ”
“เขาน่าจะเป็นพี่ชายของอาหญิงโต้ว” เจียงซื่อกล่าวออกมาเบาๆ
อาหมานเบิกตากว้าง “อาหญิงโต้วที่เดินทางมาในวันนี้หรือเจ้าคะ”
เจียงซื่อพยักหน้า
อาหมานชะงักงุนงง นางกล่าวอย่างตะกุกตะกักว่า “คุณ คุณหนู แล้วเขา เขา ลวนลามคุณหนู…”
นับรุ่นอายุที่ห่างกันเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่สิ ต่อให้เป็นรุ่นเดียวกันก็จะมาลวนลามไม่ได้
เพียงแค่เรื่องต่างวัยก็ทำให้รู้สึกตกตะลึงมากแล้ว นี่มัน มันช่างไร้สาระสิ้นดี…
อาหมานมองไปทางเจียงซื่อด้วยท่าทางระมัดระวัง แต่กลับพบว่าเจ้านายของตนนั้นไม่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปแต่อย่างใด
เพียงแค่ฝีเท้ารวดเร็วกว่าเดิมเท่านั้น
“คุณหนูอย่าได้ไปติดใจเอาความกับคนเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้พยายามหาคำมาปลอบโยน
แม้ว่าคุณหนูจะดูสงบนิ่ง แต่ภายในใจนางโมโหหนัก
ผู้ใดเล่าจะไม่โกรธหากถูกญาติผู้ใหญ่ลวนลาม…
อาหมานคิดได้ดังนั้นก็อยากจะกลับไปกระทืบเขาเหลือเกิน
เจียงซื่อเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย “ใครบอกว่าข้าจะไม่ติดใจเอาความกับคนเช่นนี้ อีกประเดี๋ยวเมื่อพบนายท่านใหญ่ เจ้าจงบอกเช่นนี้…”
เจียงอันเฉิงนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายอารมณ์อยู่ในห้องหนังสือ เมื่อได้ยินว่าเจียงซื่อเดินทางมา เขาจึงได้รีบปิดหนังสือ เล่มนั้น แล้วเปลี่ยนไปหยิบหนังสือประวัติศาสตร์มาอ่าน
“หิมะตกเช่นนี้ ซื่อเอ๋อร์เดินทางมาทำไมกัน”
เจียงซื่อยืนกระแทกเข้าอยู่ที่ปากประตูแล้วปลดเสื้อคลุมสีแดงส่งให้อาหมาน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไป
เจียงอันเฉิงรับรู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติไป ร่างกายเดิมที่ที่นั่งเอนเอียงก็ยืดตรงทันที “ซื่อเอ๋อร์”
เจียงซื่อเงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตา ราวกับว่ากำลังจะร่วงหล่นลงมา
เจียงอันเฉิงตกใจยิ่งนัก เขารีบกระโดดลุกขึ้น “ซื่อเอ๋อร์ เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่!”
บุตรสาวของเขาร้องไห้
บุตรสาวที่ด่าทอตระกูลจูเสียจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาในชั้นศาล บัดนี้กลับร้องไห้?
นางคงจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก!
เจียงอันเฉิงยิ่งคิดก็ยิ่งร้อนรนใจ เขาจะเอื้อมมือไปโอบกอดลูกสาวก็ดูไม่เหมาะสม จู่ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะเอามือวางไว้ที่ใด
เจียงซื่อยื่นมือออกมาแล้วดึงแขนเสื้อของเจียงอันเฉิงเบาๆ “ท่านพ่อ มีคนลวนลามข้า…”
เจียงอันเฉิงได้ยินดังนั้นก็โมโหเสียจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เขาใช้มือพิงไปที่กำแพงแล้วตะโกนว่า “มันอยู่ที่ใด!”
เขาจะจัดการฆ่าไอ้โรคจิตนั่นเสีย
เจียงซื่อได้แต่ดึงชายแขนเสื้อของเจียงอันเฉิงเอาไว้โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา
อาหมานที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงได้รีบเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านใหญ่เจ้าคะ ท่านไม่รู้หรอกว่าเมื่อครู่ตอนที่บ่าวกำลังเดินมาเป็นเพื่อนคุณหนู ระหว่างทางบังเอิญพบเข้ากับชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในสวนดอกไม้…”
เมื่อเห็นสีหน้าอันมืดมนเคร่งขรึมของเจียงอันเฉิง บ่าวรับใช้ตัวน้อยก็ได้พยักหน้ากล่าวว่า “ท่านไม่ได้ฟังผิดไปนะเจ้าคะ ในสวนดอกไม้ของจวนเราปรากฏชายหนุ่มแปลกหน้าขึ้น!”
“แล้วอย่างไรต่อ” กล้ามเนื้อบนใบหน้าเจียงอันเฉิงตึงเครียดขึ้นทันที หากไม่ใช่เพราะว่าบุตรสาวของเขาดึงแขนเสื้อเอาไว้ และไม่รู้ว่าไอ้โรคจิตนั่นเป็นใคร เขาคงจะหยิบมีดพุ่งตัวออกไปข้างนอกแล้ว
“จากนั้นเจ้าโรคจิตนั่นก็พุ่งเข้ามาทางคุณหนู เขามาขวางกั้นไม่ให้คุณหนูเดินไปข้างหน้า อีกทั้งต้องการจะเอื้อมมือมาจับมือคุณหนู… บ่าวและคุณหนูกว่าจะหนีมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย บัดนี้ยังตกใจจนขาอ่อนอยู่เลยเจ้าค่ะ”
เจียงอันเฉิงมองไปทางเจียงซื่อแล้วกัดฟันถามว่า “จริงหรือ”
เจียงซื่อพยักหน้าเบาๆ
“ไอ้สารเลว!” เจียงอันเฉิงถีบเท้าออกไปถูกม้านั่งตัวเล็ก
น่าเสียดายเหลือเกิน ม้านั่งนั้นยังใหม่แท้ๆ บัดนี้กลับถูกถีบจนแยกเป็นชิ้นๆ
หลังจากระงับสติอารมณ์ได้แล้ว เจียงอันเฉิงก็เอ่ยถามขึ้นอีกว่า “ไอ้หมอนั่นมันหนีไปแล้วหรือ จำรูปร่างหน้าตามันได้หรือไม่”
อาหมานไม่สนใจคำถามแรก แต่นางตอบคำถามที่สองออกไปว่า “ดูๆ แล้วน่าจะยี่สิบต้นๆ เห็นจะได้เจ้าค่ะ สวมชุดยาวสีเทาหม่น ดูไม่เหมือนพวกบ่าวรับใช้”
เจียงอันเฉิงชะงักลง สมองของเขาปรากฏภาพของคนคนหนึ่งขึ้น
ลูกพี่ลูกน้องที่เจอในจวนปั๋ววันนี้ สวมชุดยาวสีเทาหม่น…
เมื่อคิดได้ดังนี้เจียงอันเฉิงก็โมโหจนสุดขีด เขาแทบจะทะยานขึ้นจนทะลุหลังคา
เป็นถึงอาชายแท้ๆ กลับกล้าลวนลามหลานสาว นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
ไม่ได้การละ เขาจะต้องไปจัดการไอ้สารเลวนั่น
เขามองไปทางบุตรสาวแล้วพยายามระงับความโกรธในใจลง หันไปปลอบโยนว่า “ซื่อเอ๋อร์ พ่อจะส่งลูกกลับไปที่เรือนไห่ถังก่อน ส่วนเรื่องในวันนี้อย่าได้ใส่ใจไปเลย พ่อจะจัดการกับไอ้โรคจิตนั่นอย่างแน่นอน”
“เขาคือใครหรือท่านพ่อ”
เจียงอันเฉิงถูกถามเช่นนี้ก็ทำตัวไม่ถูก เขายกมือขึ้นคลำจมูกแล้วตอบว่า “บัดนี้พ่อเองยังไม่รู้ แต่จะสืบให้เจอแน่นอน”
“อาหมาน เจ้าออกไปก่อน” เจียงซื่อสั่ง
อาหมานจึงออกไปข้างนอกตามคำสั่ง ภายในห้องหนังสือเหลือเพียงสองพ่อลูก
เจียงอันเฉิงรู้สึกกังวลใจขึ้นมา “ซื่อเอ๋อร์?”
เจียงซื่อมองไปที่เจียงอันเฉิง “ท่านพ่อรู้ใช่หรือไม่ว่าเขาคือใคร”
เจียงอันเฉิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที จู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
“ตลอดทางมาที่นี่ ลูกครุ่นคิดแล้วรู้สึกว่า ชายผู้นั้นกล้าปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้งในสวนดอกไม้ของจวนเรา คงจะไม่ใช่ขโมยหรือโจร และไม่ใช่บ่าวรับใช้ของเรือนใด เช่นนั้นคงจะเป็นแขกของท่านพ่อหรือท่านอาหรือไม่” เจียงซื่อเม้มริมฝีปาก แต่ใบหน้าของนางดูอึดอัดใจยิ่งนัก “วันนี้ลูกได้เข้าพบทำความรู้จักกับอาหญิงโต้ว และได้ยินมาว่าผู้ที่เดินทางมาพร้อมกับอาหญิงโต้วเป็นอาชายท่านหนึ่ง…”
เจียงอันเฉิงละสายตามองไปทางอื่น
เพราะหากเขาโกหกจะถูกบุตรสาวจับได้ ซึ่งมันรู้สึกย่ำแย่ไม่มีสิ่งใดเทียมทาน เป็นเพราะไอ้โต้วฉี่ถงแท้ๆ ประเดี๋ยวเขาจะต้องจัดการตีข้าของไอ้สารเลวนั่นให้หักจนได้
“ท่านพ่อตั้งใจจะทำอย่างไรเล่า”
“พ่อจะตีขามันจนหักแล้วไล่ออกไป!”
เจียงซื่อถอนหายใจออกมา “ท่านพ่อ หากทำเช่นนั้นเรื่องที่ลูกถูกเขาลวนลามจะมิถูกเผยแพร่ออกไปหรือ”
เจียงอันเฉิงตกตะลึง
สิ่งที่เจียงซื่อกังวลนั้นไม่ผิดเลย โต้วฉี่ถงไม่ใช่หมาใช่แมว เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องฝ่ายมารดาซึ่งเดินทางมาไกลแสนไกล หากถูกเขาขับไล่ออกไปเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงรู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแน่ และเรื่องที่ทำให้ซื่อเอ๋อร์ลำบากใจเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็คงเผยแพร่ออกไปด้านนอก
โต้วฉี่ถงไอ้คนหน้าด้านนั่นยังไม่เท่าไร แต่จะให้ซื่อเอ๋อร์เกลือกกลั้วกับเรื่องราวสกปรกนี้ได้อย่างไร
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เจียงอันเฉิงก้มศีรษะลงอย่างแรง
“ท่านพ่ออย่าได้โกรธเลยเจ้าค่ะ”
เจียงอันเฉิงหันไปมองทางเจียงซื่อ
เจียงซื่อจึงเผยอยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า “บัดนี้ลูกเองก็ไม่โกรธแล้ว หากรู้ว่าเขาผู้นั้นเป็นใคร ในอนาคตอยู่ให้ไกลก็พอ”
“จะต้องอยู่ให้ไกลเข้าไว้” เจียงอันเฉิงครุ่นคิดว่าหากเมื่อใดมีโอกาส เขาจะต้องจัดการกับไอ้โต้วฉี่ถงนี่ให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
“ท่านพ่อเองก็ควรอยู่ห่างจากเขาด้วย”
เจียงอันเฉิงชะงักลงเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “แน่นอน”
เจียงซื่อจึงวางใจลง
การที่นางรู้สึกวางใจ ไม่ใช่กลัวว่าอาชายผู้น่ารังเกียจนั้นจะถูกจัดการ แต่เพราะเรื่องนี้จะทำให้ท่านพ่อตีตัวออกห่างจากอาหญิงโต้ว
ในเรื่องนี้ เจียงซื่อเข้าใจและรู้จักพ่อของตนเป็นอย่างดี
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับน้องสาวของคนที่ลวนลามบุตรสาวตนเอง ความทรงจำและความรู้สึกที่มีต่ออาหญิงโต้วตั้งแต่ก่อนแรกพบก็คงจะลดต่ำลงไปเป็นศูนย์
“อ้อจริงสิ ซื่อเอ๋อร์มาหาพ่อมีเรื่องอันใดหรือ”
แววตาของเจียงซื่อเป็นประกาย นางยกมือขึ้นทัดผมไปที่ข้างหู “ลูกเย็บรองเท้าได้คู่หนึ่ง ท่านพ่อลองสวมดูว่าพอดีเท้าหรือไม่”
“พอดีเท้ายิ่งนัก!” เจียงอันเฉิงเอื้อมมือไปรับรองเท้ามา เขาตอบรับทั้งที่ยังไม่ทันสวมมัน
เมื่อมองไปยังใบหน้าอันคล้ายคลึงกับภรรยาที่ตายจาก หางตาของเจียงอันเฉิงก็แดงเรื่อเล็กน้อย
บุตรสาวของเขาโตขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นไอ้ก้อนขี้ที่ไหนกล้ามาเกาะแกะ!
จู่ๆ นายท่านใหญ่เจียงก็รู้สึกเกลียดแค้นชายหนุ่มที่ยังไม่แต่งงานทุกคนขึ้นทันใด แน่นอนว่าตระกูลเจียงของเขานั้นไม่นับ…