ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 34 เจียงอี
ตอนที่ 34 เจียงอี
พอเจียงซื่อกลับมาถึงเรือนไห่ถัง อาเฉี่ยวก็ส่งของสองสิ่งแต่เป็นอย่างเดียวกันมาให้
“คุณหนู นี่คือของที่คุณหนูใหญ่วานคนส่งมาให้เจ้าค่ะ” อาเฉี่ยวส่งห่อผ้าสีเขียวให้เจียงซื่อ
ห่อผ้าปกติไร้จุดประหลาดใด แต่กลับผูกปมไว้อย่างประณีต เจียงซื่อเพียงแค่มองก็รู้ทันทีว่าพี่สาวคนโตเจียงจัดเตรียมด้วยตัวเอง
ด้านในมีรองเท้าปักลายฝีมือประณีตอยู่คู่หนึ่ง พื้นรองเท้าสองคู่ ถุงเท้าไหมพรมหลายคู่ เชือกถักสมปรารถและผาสุกอีกคู่หนึ่ง นอกจากของเย็บปักถักร้อยเหล่านี้แล้ว ยังมีตลับไม้แดงอีกหนึ่งอัน
เจียงซื่อหยุดสายตาอยู่ที่ตลับไม้แดง นางยื่นมือไปเปิดออก ด้านในมีปิ่นปักผมประดับด้วยทองคำบริสุทธิ์อันหนึ่ง ปิ่นหยกขาวประดับมุกแปดมงคลอันหนึ่ง และดอกไม้ที่ทำจากไหมงามอีกหลายดอก
เครื่องประดับเหล่านี้ทับจดหมายไว้ข้างล่างแผ่นหนึ่ง
เจียงซื่อหยิบจดหมายขึ้นมา ลายมืองดงามสะท้อนสู่ม่านตา
ราวกับนางเห็นรอยยิ้มอบอุ่นที่มุมปากของพี่สาวคนโตปลอบนางให้วางใจ ไม่จำเป็นต้องเสียใจและเจ็บปวดให้แก่คนที่ไม่มีค่า ภายหน้าต้องได้แต่งกับคนที่ดีกว่านี้แน่ สุดท้ายอธิบายด้วยความระมัดระวังและละอายใจที่ไม่อาจมาได้ หวังว่าตนจะไม่ถือสานาง
เจียงซื่อน้ำตาไหลพราก
พี่สาวคนโตที่มีฝีมือเย็บปักถักร้อยโดดเด่นกว่าผู้ใดของนาง พี่สาวคนโตที่อ่อนโยนใจดีของนาง พี่สาวคนโตที่อ้อนน้อมถ่อมตนและอ่อนแอของนาง ตอนที่ตายไปอายุยังไม่ถึงยี่สิบดีเลย
พี่ชายพี่สาวของนางรวมทั้งตัวนางเองต่างก็เป็นผีอายุสั้นที่มีชีวิตไม่ถึงยี่สิบปีกันหมด
ชาติที่แล้ว พี่สาวคนโตโดนจับหย่าเพราะคบชู้สู่ชาย หลังจากกลับบ้านไม่นานก็ผูกคอตาย
ข่าวคราวดังไปถึงจวนอันกั๋วกง ความรู้สึกแรกของนางคือไม่เชื่อ
พี่สาวคนโตมีอุปนิสัยขี้ขลาด โอนอ่อนราวกับดอกอิ๋งชุนในยามเช้าของวสันตฤดู นางยอมเชื่อว่าตัวเองคนคบชู้เองดีกว่าเชื่อว่าพี่ใหญ่จะทำเรื่องประเภทนี้ได้
นางจะไปเจรจากับตระกูลจู กลับถูกท่านย่าขวางไว้ สุดท้ายนอกจากร้องไห้ยกใหญ่แล้วก็ทำอะไรไม่ได้อีกเลย
“คุณหนู…” ท่าทีของเจียงซื่อทำให้อาหมานกับอาเฉี่ยวทำอะไรไม่ถูก อาหมานเอ่ยเรียกอย่างระมัดระวัง ส่วนอาเฉี่ยวถือผ้าร้อนๆ มา
เจียงซื่อรับผ้าเปียกมาเช็ดดวงตา กำชับให้อาเฉี่ยวเอาของที่พี่ใหญ่ส่งมาไปเก็บให้เรียบร้อย แล้วหยิบเทียบเชิญอีกแผ่นขึ้นมา
เทียบแผ่นนี้คุณหนูรองเจียงเชี่ยนเป็นคนส่งมา เชิญนางไปพักผ่อนคลายอารมณ์ที่จวนฉังซิงโหวสองวัน แล้วเสนอให้เชิญเหล่าพี่สาวน้องสาวของจวนมาด้วย
เจียงซื่อออกแรงกดที่ปลายนิ้วโดยไม่รู้ตัว ทำให้มุมเทียบนั้นยับย่น
เทียบเชิญของเจียงเชี่ยนมาเร็วกว่าที่คาดไว้
เจียงซื่อไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ จึงเดินไปยังห้องรองทิศตะวันตก
ห้องรองทิศตะวันตกใช้เป็นห้องหนังสือ มีโต๊ะ ตำรา พิณวางตกแต่ง หลังจากเจียงซื่อกลับชาติมาเกิดก็มีความผ่อนคลายน้อยลง เพราะสายพิณกลายเป็นเถ้าไปเสียแล้ว
เห็นเจียงซื่อเดินไปทางตู้หนังสือ อาเฉี่ยวก็เริ่มฝนหมึกอย่างรู้งาน
เจียงซื่อเขียนจดหมายเสร็จอย่างรวดเร็ว ใส่ซองเรียบร้อยก็ส่งให้กับอาเฉี่ยว “นำสิ่งนี้ส่งไปที่จวนฉังซิงโหว”
“คุณหนูจะไปเป็นแขกของจวนฉังซิงโหวหรือเจ้าคะ” อาเฉี่ยวถาม
เจียงซื่อส่ายหน้าแย้มยิ้ม “ท่านย่าไม่สบายแล้วหลานสาวอย่างข้าจะออกไปเที่ยวเล่นได้อย่างไร”
นางเขียนจดหมายฉบับนี้เพื่อปฏิเสธเจียงเชี่ยน
จวนฉังซิงโหวคือหนามแหลมที่ฝังอยู่ในใจนาง บนหนามนั้นอาบด้วยยาพิษ ถ้าไม่ถอนเอาหนามพิษนี้ออก ไม่ช้าก็เร็วดวงใจนางก็จะเป็นแผลเปื่อยเน่า
จวนฉังซิงโหวนางย่อมต้องไปสำรวจดู แต่ยังมิใช่ตอนนี้
ก็อย่างที่นางบอกไปในจดหมายว่าท่านย่าไม่สบาย
เจียงซื่อแน่ใจได้ คราก่อนเจียงเชี่ยนได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาที่เรือนฉือซิน หลังจากที่ได้รับจดหมายแล้วเพื่อรักษาความโปรดปรานเอาไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นนางต้องกลับมาเยี่ยมท่านย่าอย่างแน่นอน
ทว่าความจริงแล้ว ยามนี้ดวงตาของท่านย่าเริ่มเจ็บปวดพร่ามัวขึ้นมาแล้ว พอถึงวันรุ่งขึ้นตาข้างซ้ายก็มองไม่เห็นอะไรแล้ว
ก่อนหน้านี้นางพูดถึงความฝันนั้น นำเรื่องราวในความฝันเกี่ยวโยงไปยังเจียงเชี่ยน ถึงแม้ท่านย่าปากจะตำหนินาง แต่หนามต้นนั้นได้ปลูกลงไปแล้ว
พอพรุ่งนี้เจียงเชี่ยนมาเยี่ยมท่านย่า ดวงตาท่านย่าก็จะมืดบอด นางไม่เชื่อว่าท่านย่าจะไม่คิดโยงไปยังเจียงเชี่ยน
ท่านย่าของนางมิใช่คนที่จะเห็นความรักที่มีต่อหลานสาวมาเป็นอันดับแรก
ใจเจียงซื่อไร้ซึ่งความละอายต่อการคิดบัญชีกับเจียงเชี่ยนแม้แต่น้อย ไม่พูดถึงเรื่องน่าแค้นเคืองที่เจียงเชี่ยนทำกับนางไว้ในชาติที่แล้ว เอาแค่เรื่องที่หลังจากดวงตาของท่านย่ามีปัญหา แม่มดที่เชิญมาได้ชี้ที่พี่รองเจียงจั้น ในเรื่องนี้เป็นไปมิได้ที่จะไม่ใช่ฝีมือของครอบครัวท่านอารอง
ชาติที่แล้วท่านอารองได้รับความดีความชอบจากการช่วยชีวิตฮ่องเต้ไว้ แต่ในขณะนั้นมีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวโยงไปถึงชีวิตคนที่บิดาเมาแล้วก่อคดีฆาตกรรมไว้ที่ชิงโหลว
บิดาจึงถูกริบตำแหน่งและไล่ออกจากตระกูล ท่านอารองเลยได้ตำแหน่งไปโดยปริยาย เพราะมีความดีความชอบจากการช่วยชีวิตฮ่องเต้ ตำแหน่งสามารถสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ไม่เปลี่ยนแปลง
ในที่สุดความปรารถนาอันสูงสุดของท่านย่าก็เป็นจริง ไหนเลยจะนึกถึงความเป็นความตายของลูกชายคนโตได้
พอเจียงซื่อกลับไปยังเมืองหลวงในฐานะของพระชายาองค์ชายเจ็ดเรื่องนี้ก็ผ่านไปได้ปีกว่าแล้ว นางไม่เชื่อว่าเรื่องจะบังเอิญเหมาะสมเพียงนี้ จึงขอให้อวี้ชีช่วยแอบตรวจสอบให้อย่างลับๆ
เสียดายก็แต่เพิ่งจะตรวจสอบได้แค่นิดเดียว นางก็ตายอย่างอนาถกลับชาติมาเกิดใหม่เสียแล้ว
เจียงซื่อไม่สนว่ามีหลักฐานหรือไม่ ไม่ว่าอย่างไรก็ใช้ท่าทีแข็งกร้าวต่อครอบครัวท่านอารองทั้งตระกูลก็พอ
“จดหมายฉบับนี้ส่งไปให้พี่สาวคนโตข้า” เจียงซื่อถือพู่กันเขียนจดหมายอีกฉบับส่งให้กับอาเฉี่ยว เดินออกจากห้องหนังสือไปยังกลางลานบ้าน นั่งลงบนชิงช้าอย่างเหม่อลอย
ทันใดนั้นชิงช้าก็ถูกผลักคราหนึ่ง กระโปรงสีแดงของแม่นางน้อยปลิวไหวไปกับสายลม
เจียงซื่อเงยหน้าทันใด ใบหน้างดงามแต่ไร้อารมณ์ใดกลับมีรอยยิ้มอ่อนบาง “พี่รองกลับมาแล้ว”
นางใช้ปลายเท้ายันพื้นหยุดความสั่นไหวชิงช้าไว้ ยื่นมือออกไป “เหอเปาของข้าเล่า”
เจียงจั้นหัวเราะแห้งๆ สองครา
“มิได้เอากลับมาหรือ” เจียงซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อย คาดไม่ถึงอยู่เล็กน้อย
ชาตินี้นางมิได้คบหากับอวี้ชีเลย นางไม่คิดว่าอวี้ชีจะเป็นเด็กหนุ่มที่เหลวไหลไม่เรียบร้อยแอบซ่อนเหอเปาของคุณหนูแปลกหน้าเช่นนั้น ที่เดือดดาลเมื่อคราก่อนก็แค่ไม่อยากให้อวี้ชีมีโอกาสคบหานางมากขึ้นเพราะความสัมพันธ์ของเขากับพี่รองเท่านั้นเอง
“เจ้าหมาตัวนั้นน่าชังเกินไปแล้ว อาจจะเห็นเหอเปาของน้องสี่เป็นกระดูกจึงเอาไปซ่อนแล้วก็ได้!” เจียงซื่อเอ่ยอย่างโกรธแค้น
เจียงซื่อขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม
เมื่อก่อนเอ้อร์หนิวมิได้ไม่รู้ความเช่นนี้นี่นา
“ในเหอเปาน้องสี่มีของสำคัญรึ” คิดไปถึงเรื่องที่เอาเหอเปากลับมามิได้ เจียงจั้นก็ยิ่งละอายใจ
“ในนั้นไม่มีของสำคัญอะไร”
“บนเหอเปามีสัญลักษณ์พิเศษอยู่รึ”
เจียงซื่อส่ายหน้า “ก็ไม่มีเช่นกัน”
เจียงจ้านถอนหายใจยาว “เช่นนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว เหอเปาที่ถูกเจ้าหมาขย้ำจนยุ่ยคงไม่มีใครเก็บหรอก ต่อให้เก็บไปก็ไม่รู้ว่าเป็นของน้องสาวอยู่ดี”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เจียงซื่อจึงจำต้องยอมรับในความโชคร้าย จนกระทั่งเจียงจั้นกลับไปยังห้องนอนแล้ว จึงหยิบกำไลทองคู่หนึ่งออกมาจากก้นหีบ
กำไลทองคู่นี้เป็นสิ่งที่ท่านแม่เหลือทิ้งไว้ ก่อนเจียงอีจะออกเรือนไปได้ให้กำไลทองคู่นี้แก่เจียงซื่อ
ในตอนนั้นเจียงซื่อเพิ่งจะสิบขวบ เป็นช่วงที่งอแงไร้เหตุผลพอดี รู้สึกว่ากำไลทองไม่มีรสนิยม จึงเอากำไลทองคู่นี้ยัดใส่ก้นหีบไว้
กำไลทองคู่นี้สำหรับเจียงซื่อในยามนี้ ช่างมีประโยชน์เหลือเกิน
กำไลที่กลวงตรงกลาง มีหยกมุกคั่นไว้ เหมาะจะใส่ผงยาที่เจียงซื่อเพิ่งจะปรุงเสร็จที่มีประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันพวกนั้นพอดี
เจียงซื่อที่ได้ใช้ชีวิตทั้งสองชาติทำให้นางเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่า ไม่ว่าสถานะคุณหนูจวนปั๋วหรือว่ามีสาวใช้คอยปกป้อง ในยามคับขัน ทั้งสองสิ่งนี้ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรนางได้เลย มีเพียงความสามารถแท้จริงที่ผู้อื่นแย่งไปมิได้เท่านั้นที่จะเป็นกำลังให้นางได้
หนึ่งวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วและแสนธรรมดา พอถึงวันรุ่งขึ้นก็เป็นอย่างที่เจียงซื่อคาดไว้จริงๆ เจียงเชี่ยนนำของขวัญชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ไปเยี่ยมเฝิงเหล่าฮูหยิน
ณ เรือนฉือซิน เฝิงเหล่าฮูหยินเห็นหลานสาวคนรองอย่างเจียงเชี่ยนที่มีรอยยิ้มบาง ก็สัมผัสได้ว่าตาซ้ายกระตุกอย่างรุนแรง
เหตุใดไก่ฟ้าจึงมาอีกแล้ว!