ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 56 ตาบอดกลับกลายเป็นมองเห็น
ตอนที่ 56 ตาบอดกลับกลายเป็นมองเห็น
ฟ้าจะมืดแล้ว ควร ‘เชิญ’ หลิวเซียนกูให้ออกไปได้แล้ว!
ในเรือนฉือซินยังคงเงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เซียวซื่อที่ว้าวุ่นใจกำลังเดินไปหาหลิวเซียนกูพร้อมกับบ่าวรับใช้
“เซียนกู เชิญเถิด”
เด็กสาวเหลือบมองหลิวเซียนกูแวบหนึ่งแล้วค่อยๆ หยิบห่อผ้าใบน้อยที่ใส่ข้าวของเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานขึ้นมา
หลิวเซียนกูสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดเพื่อข่มกลั้นสติที่ใกล้จะพังทลายลงทุกที
ดูเหมือนว่านางจะหาทางลงจากเรือโจรของคุณหนูสี่ตระกูลเจียงนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ
จนถึงตอนนี้เรืออับปางลง นางตกลงไปในร่องน้ำและดูเหมือนว่าใกล้จะจมเต็มที แต่ผลปรากฏว่าเพื่อนร่วมทางกลับลอยตัวได้ซะอย่างนั้น!
เมื่อเห็นหลิวเซียนกูมีสีหน้ากดดัน เซียวซื่อจึงหัวเราะอย่างมีความสุขเอ่ยว่า “หากหลิวเซียนกูใคร่จะทานมื้อเย็นก่อนก็ย่อมได้”
“ไม่ ไม่ต้องหรอก…” หลิวเซียนกูหลับตาลงอย่างแช่มช้า พยายามแสดงท่าทีเฉยเมยและค่อยๆ เดินออกไป
ยังไม่ต้องไปสนใจว่านางจะถูกแม่ที่ลูกตายจับตัวไปให้ทางการ เพราะนางมั่นใจว่าในวันนี้แค่นางก้าวเท้าออกจากประตูใหญ่จวนปั๋ว คนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ก็แทบจะจับนางฉีกกินเป็นชิ้นๆ แล้ว
เกียรติยศชื่อเสียงก็กำลังจะดับสูญตามไป
หลิวเซียนกูค่อยๆ ก้าวเท้าของนางทีละก้าวๆ แต่เหมือนว่าขาทั้งสองข้างถูกตุ้มน้ำหนักถ่วงเอาไว้
เซียวซื่อหยุดเท้า สายตาเยือกเย็นของนางจับจ้องไปยังแผ่นหลังของหลิวเซียนกูที่กำลังเดินไปยังประตูใหญ่อย่างเชื่องช้า
ประตูด้านข้างประตูบ้านใหญ่ถูกเปิดเอาไว้ คนเฝ้าประตูมองหลิวเซียนกูที่กำลังเดินมาด้วยสายตาดูถูก
“เซียนกูระวังพื้นต่างระดับด้วยขอรับ มิฉะนั้นอาจล้มได้นะขอรับ”
หลิวเซียนกูย่างเท้าเดินไป คำพูดของคนเฝ้าประตูทำให้ใบหน้าของนางซีดเผือด
“ออกมาแล้ว ออกมาแล้ว” ด้านนอกประตูมีฝูงชนคับคั่ง เมื่อเห็นเงาของหลิวเซียนกูปรากฏขึ้น เสียงผู้คนก็เริ่มโหวกเหวกขึ้นทันที
“สรุปแล้วตาของเหล่าฮูหยินหายดีหรือยัง”
“เห็นชัดๆ ว่าไม่ดี ไม่เห็นหน้าหมดอาลัยตายอยากของหลิวเซียนกูหรือยังไง”
“โธ่ ข้าคิดไว้แล้วเชียวว่าต้องเป็นเช่นนี้ ไม่สนุกเอาเสียเลย พนันชนะก็ได้เงินไม่เท่าไหร่”
“ช่างเถอะ ถือว่าได้เปล่าแล้วกัน อย่างน้อยๆ ก็มีเงินไปซื้อเนื้อกินสักมื้อ”
“ก็จริง ถือเสียว่าได้เปล่า”
ในขณะนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน แสงสีส้มอ่อนปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าทางทิศตะวันตก หลิวเซียนกูมองไปนอกประตูที่ค่อยๆ มืดลง ตัวของนางไม่มีความกล้าที่จะก้าวเท้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว
ซวยแล้ว นางคงถึงคราวซวยแล้วจริงๆ
“ถุย นังแม่หมอลวงโลก!” หญิงที่กำลังอุ้มเด็กด่าประณาม
คำด่านี้เป็นเสมือนเชื้อไฟปลุกเร้าความรู้สึกของฝูงชน ทั้งไข่เน่าและผักเน่าเก่าเก็บลอยมาทางหลิวเซียนกู
ในชั่วพริบตาเดียว ไข่เน่าใบหนึ่งก็ลอยมาโดนหลิวเซียนกูเข้าอย่างจัง ไข่เน่ากลิ่นเหม็นหึ่งไหลเยิ้มอาบลงข้างแก้ม หลิวเซียนกูที่หมดสิ้นแล้วซึ่งความหวังกลับมิได้ตอบสนองใดๆ
กลายเป็นคนเฝ้าประตูที่เริ่มร้อนใจ “หยุดปา หยุดปาได้แล้ว!”
ประตูจวนปั๋วสกปรกเละเทะไปหมด สุดท้ายก็ต้องเป็นเขาที่ต้องทำความสะอาด
“รีบไปสิรีบไป!” เมื่อเห็นว่าหน้าจวนเริ่มชุลมุนวุ่นวายคนเฝ้าประตูจึงรีบไล่ให้นางไปให้พ้นทาง
“เซียนกู พวกเราไปกันเถอะ” เด็กสาวที่อุ้มห่อผ้าแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
ในขณะนั้นบนตัวของเด็กสาวก็เปรอะเปื้อนไปด้วยเศษผักเน่าไม่ต่างกัน
“ไป” หลิวเซียนกูรวบรวมพลังเอ่ยออกมาในที่สุด ทั้งสองรีบสาวเท้าเดินออกไป
หญิงในชุดคลุมสีฟ้าพุ่งมาคว้าตัวหลิวเซียนกูเอาไว้ “แกมันคนหลอกลวง เอาลูกฉันคืนมา!”
หลิวเซียนกูที่ยังคงแสดงท่าทีเมินเฉยถูกหญิงในชุดคลุมสีฟ้าเขย่าตัวอย่างบ้าคลั่ง
อาฝูสาวใช้รีบวิ่งตามออกมาพร้อมตะโกนว่า “จับตัวนางไว้ก่อน!”
เสียงตะโกนนั้นทำให้ผู้คนที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์แตกตื่นราวกับถูกฉีดเลือดไก่เข้าเส้น[1] ก็ไม่ปาน
“ทำไมรึ หรือว่าตาของเหล่าฮูหยินหายดีแล้วหรือ”
“ไม่มีทาง คงไม่หักมุมหรอกมั้ง”
ในชั่วพริบตาอาฝูก็วิ่งตามมาทัน ปากตะโกนบอกคนเฝ้าประตูอย่างรีบร้อนว่า “ยังให้หลิวเซียนกูไปไม่ได้ ตาของเหล่าฮูหยินมีเลือดไหลออกมา!”
เมื่อคนเฝ้าประตูได้ยินก็รีบเข้าไปขวางหลิวเซียนกูไว้ทันที “เจ้ายังไปไม่ได้ ตาของเหล่าฮูหยินมีเลือดไหลออกมา”
“อะไรนะ” แววตาของหลิวเซียนกูเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน น้ำมนตร์ที่นางเอาให้เหล่าฮูหยินดื่มเป็นน้ำสะอาด จะส่งผลเสียร้ายแรงเช่นนั้นได้อย่างไรกัน
“นำตัวนางไปมัดไว้ที่เรือนฉือซิน รอพวกนายท่านลงโทษ!” อาฝูกวาดตามองหลิวเซียนกูด้วยสายตาเย็นชาไม่ต่างอะไรกับการมองซากศพที่ตายแล้ว
ทันใดนั้นมีหญิงแก่สองคนปรี่เข้ามาหิ้วปีกซ้ายขวาของหลิวเซียนกูเข้าไปในจวน
ระหว่างการฉุดกระชากลากถู หลิวเซียนกูบังเอิญเดินสวนกับเจียงซื่อในเรือนฉือซิน
หลิวเซียนกูที่รู้ว่าคราวเคราะห์กำลังคืบคลานมาถึงตัวสบตากับเจียงซื่อโดยทันที
เจียงซื่อขยับริมฝีปากขมุบขมิบแต่ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา
นางยังคงสงบนิ่ง เป็นความสงบนิ่งที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกว่านางเป็นผู้ทรงปัญญา ราวกับจะบอกว่านางนี่แหละคือผู้ชนะ
ผู้ชนะ?
หลิวเซียนกูที่กำลังเข้าตาจนตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวขึ้นมาทันทีความรู้สึกเหล่านั้นปรากฏผ่านแววตาของนางอย่างชัดเจน
นางและเจียงซื่อได้ทำข้อตกลงกันอย่างลับๆ หากนางล่มจม คุณหนูสี่เองก็คงมือเปล่ากลับไปไม่ต่างกัน
ถ้าอย่างนั้นคุณหนูสี่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
เมื่อคนตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวัง บางทีสมองก็อาจมีความคิดดีๆ เกิดขึ้น หลิวเซียนกูกำลังทบทวนบางอย่าง นางกำลังขบคิดอย่างหนักว่าเมื่อครู่เจียงซื่อขยับปากขมุบขมิบเป็นคำว่าอะไร
นางพูดออกมาหนึ่งคำ เจียงซื่อกำลังจะบอกสิ่งใดกับนางกันแน่
“หลิวเซียนกู เจ้าเอาอะไรให้เหล่าฮูหยินกิน รีบบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้!”
ขณะนี้ในเรือนฉือซินอลหม่านอย่างที่สุดเนื่องจากเจ้านายจากทุกเรือนมารวมตัวกันในที่แห่งนี้ ทันทีที่หลิวเซียนกูปรากฏกายนายท่านรองเจียงก็ตะโกนถามด้วยความขึงขังทันที
มารดาเสียตาไปข้างหนึ่งก็แล้วกันไป แต่หากมีเหตุให้ถึงแก่ชีวิตคนที่จะซวยคนแรกก็คือเขา
ตามธรรมเนียมปฏิบัติในยุคต้าโจว หากบุพการีของขุนนางมีอันเป็นไป ลูกหลานจะต้องไว้อาลัยเป็นเวลาสามปี
ในวัยของเขาเป็นช่วงที่กำลังดิ้นรนต่อสู้เพื่อหน้าที่การงาน แต่การพ้นจากตำแหน่งเป็นเวลาสามปีจะกระทบต่อความก้าวหน้าในการเป็นขุนนางอย่างมหาศาล
“ก็แค่น้ำมนตร์…” ภายใต้ท่าทางองอาจน่าเกรงขามของนายท่านรองเจียง ทำให้หลิวเซียนกูที่เผลอตอบออกมาได้เพียงครึ่งประโยคหยุดชะงักทันที
น้ำ!
สิ่งที่เจียงซื่อบอกนางเมื่อครู่คือ ‘น้ำ’ !
หลิวเซียนกูปรี่ไปดูอาการของเฝิงเหล่าฮูหยิน
ตาซ้ายของเฝิงเหล่าฮูหยินมีเลือดไหลออกมาทำให้คนที่เห็นรู้สึกตกใจกลัว
การที่เลือดไหลออกจากตาแตกต่างจากเลือดไหลออกจากอวัยวะอื่นๆ สาวรับใช้สองสามคนที่ถือผ้าขนหนูอยู่ในมือไม่รู้ว่าควรทำตัวอย่างไร พวกนางเพียงแต่ยืนนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา
“น้ำ!” หลิวเซียนกูเอ่ยเสียงดัง
ผู้คนในห้องต่างมองมาที่นางเป็นตาเดียว
มาถึงตอนนี้หลิวเซียนกูเองก็ทุ่มสุดตัวเพราะไม่มีสิ่งใดจะเสีย นางรีบสั่งว่า “รีบไปเอาน้ำเย็นมาให้เหล่าฮูหยินล้างตาเร็วเข้า”
“พอเถอะ เจ้าทำให้เหล่าฮูหยินเป็นถึงขนาดนี้ ยังจะทำร้ายท่านอีกหรือ” เซียวซื่อแผดเสียง
“อาฝู รีบไปตักน้ำมาให้ท่านย่าล้างตาเร็วเข้า” เจียงซื่อเอ่ยขึ้นภายใต้บรรยากาศตึงเครียด
“คุณหนูสี่จะมาสั่งการโดยพลการเช่นนี้ไม่ได้!”
“ท่านอาสะใภ้รอง ต่อให้ท่านจะไม่ฟังหลิวเซียนกู แต่ตาท่านย่าเป็นเช่นนี้ก็ควรล้างด้วยน้ำสะอาดมิใช่หรือ” เจียงซื่อชำเลืองมองไปที่อาฝู “อาฝู ชักช้าอยู่ไย ใบหน้าท่านย่าเปื้อนเลือดหมดแล้ว”
อาฝูลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าแล้วรีบเอาผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดให้เฝิงเหล่าฮูหยิน
ในเมื่อเป็นคำสั่งของเจ้านาย สาวใช้จึงพยายามตั้งสติให้มั่นและรีบทำตามคำสั่งทุกขั้นตอน
น้ำในอ่างที่เปลี่ยนเป็นสีขุ่นถูกยกออกไปใบแล้วใบเล่า ในที่สุดดวงตาข้างซ้ายของเฝิงเหล่าฮูหยินก็ไม่มีเลือดไหลออกมาแล้ว
“ท่านแม่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เจียงอันเฉิงและอีกหลายคนในที่นั่นถามขึ้น
เปลือกตาของเฝิงเหล่าฮูหยินสั่นระริกและเปิดขึ้นช้าๆ
หลังจากความเงียบปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง เฝิงเหล่าฮูหยินก็เอ่ยเสียงสั่นว่า “ดูเหมือนว่าตาซ้ายของข้าจะมองเห็นแล้ว…”
[1]ฉีดเลือดไก่เข้าเส้น เป็นสำนวนจีนใช้เปรียบเปรยคนที่มีอาการคึก ตื่นเต้นหรือลิงโลด