ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 709 องค์หญิงตกอยู่ในอันตราย
เช้าวันถัดมา เจียงซื่อเข้ามาที่วังหลวงเพื่อน้อมทักฮองเฮา
ก่อนหน้านี้องค์หญิงฝูชิงและองค์หญิงสิบสี่อุตส่าห์เดินทางไปเยี่ยมนางถึงจวนเยี่ยนอ๋อง ฉะนั้นแล้วนางมีเหตุผลมากพอที่จะเข้าวังคราวนี้
“วันนั้นที่องค์หญิงทั้งสองเสด็จไปเยี่ยมหม่อมฉัน หม่อมฉันมัวแต่พะวงเรื่องสวดภาวนาอ้อนวอนเพื่อท่านอ๋องจึงไม่ได้ต้อนรับองค์หญิงทั้งสองอย่างสมเกียรติ วันนี้เลยตั้งใจมาขออภัยองค์หญิงทั้งสองเพคะ”
ฮองเฮาเห็นเจียงซื่อวางตัวเหมาะสม นางก็ยิ่งรู้สึกพอใจจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าพูดอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกล พี่สะใภ้จะมาขอโทษน้องสาวทำไมกัน หากเรื่องนี้ถูกขยายออกไป คนอื่นๆ คงจะหัวเราะเยาะเจ้าเด็กทั้งสอง ถึงอย่างไรฝูชิงก็ชอบเจ้ามากที่สุด หากนางรู้ว่าวันนี้เจ้าเข้าวังมาหานาง นางคงดีใจแย่”
เรื่องตลกที่เกิดขึ้นที่ตำหนักอวี้เฉวียนเมื่อวานถึงหูของฮองเฮาแล้ว ด้วยเหตุนี้ฮองเฮายิ่งรู้สึกถูกใจเจียงซื่อมากขึ้นไปอีก
เป็นจริงตามที่อวี้จิ่นกล่าว ในวังหลวงนี้ไม่มีผู้ใดอยู่โดยไม่แก่งแย่งชิงดี
ฮองเฮาไม่มีโอรส พวกพระสนมต่างก็คิดว่าฮองเฮาที่ไม่มีโอรสคงอยู่ในตำแหน่งได้ไม่นาน ถึงได้มักจะมาอวดโอรสของตัวเองให้นางฟัง
ฮองเฮาจะรู้สึกยินดีเมื่อมีคนจี้จุดด้อยของนางได้อย่างไร แต่เพราะนางเข้าใจดีและเลือกที่จะไม่มีปากเสียงก็เท่านั้น
ในช่วงที่ผ่านมา ใครต่างก็เห็นว่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับการสืบทอดบัลลังก์ยิ่งกว่าสิ่งใด คนอื่นๆ จึงพยายามประจบฮองเฮา
แต่ฮองเฮารู้แจ้งแก่ใจว่า หากนางอายุสั้นกว่าฝ่าบาทก็นับว่าโชคดี แต่ถ้าหากนางมีชีวิตอยู่นานกว่านั้นและได้มีโอกาสเป็นไทเฮา ความสัมพันธ์จืดชืดของไทเฮาและจักรพรรดิองค์ใหม่อาจทำให้ท่าทีของคนอื่นๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน
แม้นางจะทราบความจริงข้อนี้แต่ก็หลีกหนีความจริงไม่พ้น
ใช่ว่านาอยากจะมีโอรสก็มีได้ นางคงทำได้เพียงเฝ้าดูหนึ่งในนางสนมได้รับความภาคภูมินั้นไปครอง
ฮองเฮาเองก็เป็นมนุษย์ที่มีทั้งรักโลภโกรธหลง ฉะนั้นเมื่อเห็นอวี้จิ่นและเสียนเฟยไม่ลงรอยกัน นางก็สุขใจ
อะแฮ่ม เป็นถึงฮองเฮาคิดเช่นนี้คงไม่เหมาะนัก แต่นางจะแอบดีใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้เลยหรือ
เมื่อมีความคิดนี้แวบเข้ามา ฮองเฮาก็คลี่ยิ้มสง่างาม
“น้องทั้งสองไปที่พระตำหนักฉือหนิงหรือเพคะ”
ฮองเฮายิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ ยามนี้ของทุกวันพวกนางจะไปอยู่เป็นเพื่อนไทเฮา แต่ข้าได้ส่งคนไปแจ้งฝูชิงและสิบสี่แล้ว หากพวกนางน้อมทักไทเฮาเสร็จเดี๋ยวก็คงมา”
“ดูแล้วเสด็จย่าคงพอพระทัยน้องทั้งสองนะเพคะ” เจียงซื่อกล่าวลอยๆ ทว่าในหัวยังคงครุ่นคิด
หากไทเฮามีปัญหาจริง คนที่เก็บความลับไว้กับตัวเองมานานเป็นสิบปีจะเรียกหลานสาวไปอยู่ด้วยเพียงเพราะเหงาอย่างนั้นหรือ ถึงอย่างไรไทเฮาก็มิใช่คนเลี้ยงองค์หญิงทั้งสองฉะนั้นแล้วยากที่จะพูดว่าพระนางมีความรู้สึกดีๆ ต่อหลาน
เจียงซื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่ยังหาสาเหตุไม่ได้ ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ไปเงียบๆ
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าฝูชิงและสิบสี่จะมีวาสนาถึงขั้นได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา” ในช่วงแรกที่ไทเฮาขอให้ธิดาของนางไปอยู่เป็นเพื่อน ฮองเฮามีความกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อผ่านมานานแล้ว ทุกอย่างยังสงบดี นางถึงได้เบาใจ
เจียงซื่อยิ้มตาม
ฮองเฮาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาดื้อๆ “ข้าอยากรู้ว่าอะไรดลใจให้เจ้าหันมาสวดมนต์ภาวนา”
ขนตาของเจียงซื่อสั่นไหวพลางเผยสีหน้าลำบากใจ “ในตอนนั้นพี่ชายของหม่อมฉันประสบเคราะห์ร้าย และท่านอ๋องต้องออกเดินทางไกล หม่อมฉันที่เป็นหญิงสาว อ่อนแอไร้กำลัง ช่วยอะไรไม่ได้ แต่การจะอยู่เฉย หม่อมฉันก็ไม่สบายใจเพคะ หม่อมฉันคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าจะเก็บตัวสวดมนต์ภาวนาเพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจขึ้นเพคะ…”
ฮองเฮาดึงมุมปากเล็กน้อย
หญิงสาวอ่อนแอไร้กำลังอย่างนั้นหรือ พระชายาเยี่ยนอ๋องก็พูดซะเกินจริงเชียว
แต่นั่นมิใช่ประเด็น ประเด็นสำคัญอยู่ที่หลังจากนั้น
ฮองเฮาประหม่าเล็กน้อยก่อนจะแสร้งทำเป็นเกรงใจ “ไม่ทราบว่าเจ้าบูชาพระโพธิสัตว์องค์ใดอยู่หรือ”
พักหลังฝ่าบาทเหมือนคนที่ถูกวิญญาณร้ายเข้าสิงไปทุกที มาตำหนักคุนหนิงทีไรเป็นต้องตรัสเป็นนัยว่าจะสร้างหอพระให้นางบูชาทุกที
นางก็อุตส่าห์อดทน ฝ่าบาทยังมิวายบอกให้นางบูชาพระโพธิสัตว์องค์เดียวกับที่พระชายาเยี่ยนอ๋องบูชา นางชักจะหมดความอดทนเข้าไปทุกที
ถึงแม้ความอดทนของนางจะใกล้หมด แต่นางก็ยังอดทนถึงได้ถามคำถามนี้
เมื่อเอ่ยถามแล้ว ใบหน้าของฮองเฮาก็ร้อนผ่าว นางด่าจิ่งหมิงฮ่องเต้ในใจไปหลายประโยค แต่แน่นอนว่านางไม่กล้าว่าแรงๆ เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นฮ่องเต้
ท่าทีของเจียงซื่อผิดไปจากเดิมเล็กน้อย แต่ใช้เวลาไม่นานนางก็กลั้นยิ้มพลางตอบ “ลูกบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิม ปางประทานบุตรเพคะ”
ฮองเฮาได้รับคำตอบก็ประหลาดใจ สีหน้าของนางบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เดี๋ยวสิ สวดมนต์อ้อนวอนให้สามีกลับมา เหตุใดถึงได้บูชาเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตร
เจียงซื่ออรรถาธิบาย “เผอิญว่าที่จวนมีเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรอยู่องค์หนึ่ง ลูกเชื่อว่าพระสงฆ์องค์เจ้าเป็นผู้มีจิตใจเมตตา ตราบใดที่ลูกอ้อนวอนด้วยศรัทธา คำสวดภาวนาก็จะสัมฤทธิ์ผลเพคะ…”
ฮองเฮายิ่งสับสนหนัก
แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ
ตอนนี้นางไม่รู้แล้วว่าอย่างพระชายาเยี่ยนอ๋องต้องเรียกว่าเลินเล่อ หรือหัวขบถกันแน่
ขอเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรให้พาคนที่รักกลับมาอย่างปลอดภัย นางยังทำได้ โลกนี้กฎเกณฑ์ยังจำเป็นอยู่หรือ
แต่มีอีกเรื่องที่ฮองเฮารับประกันได้คือ หากฝ่าบาทสั่งให้นางบูชาเจ้าแม่กวนอิมปางประทานบุตรทุกวัน หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรนางก็จะไม่ทำ เรื่องนี้นางสู้สุดใจ!
จากอายุของฮองเฮาและสถานะของนางแล้ว มิควรทำเรื่องน่าขันเช่นนั้น
ฮองเฮาตัดสินใจแน่วแน่ และความสนใจเกี่ยวกับคำถามเมื่อครู่ก็หายไปทันที
เป็นจังหวะเดียวกับที่นางในเข้ามารายงาน “เหนียงเหนียง องค์หญิงทั้งสองเสด็จมาถึงแล้วเพคะ”
เด็กสาวหน้าตางดงามส่งยิ้มมาก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำใด นางย่างกรายเข้ามา หันไปถวายความเคารพฮองเฮาแล้วจึงเดินมาจับมือเจียงซื่อ “หม่อมฉันกลัวเหลือเกินว่าท่านพี่สะใภ้เจ็ดจะกลับไปก่อน”
เด็กสาวหน้าตาโดดเด่นเป็นสง่าคือองค์หญิงฝูชิง
ส่วนเด็กสาวที่เดินตามหลังเข้ามามีรูปร่างผอมกว่าเล็กน้อย ท่าทีสุขุมของนางทำให้มั่นใจได้ว่านางคือคือองค์หญิงสิบสี่อย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อพบหน้ากัน เจียงซื่อก็ส่งยิ้มพลางบอก “วันนี้ข้าตั้งใจมาขออภัยน้องทั้งสองแล้วจะกลับก่อนได้อย่างไร คนไร้ยางอายอย่างข้าถึงต้องมาขอหลบอยู่ที่พระตำหนักของเสด็จแม่”
องค์หญิงฝูชิงหน้าแดงรีบกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ท่านพี่สะใภ้เจ็ดก็พูดไปเพคะ ท่านพี่เข้าวังมาหาพวกข้า ข้าก็ดีใจจะแย่แล้ว น้องสิบสี่ว่าจริงไหม”
องค์หญิงสิบสี่ไม่คิดว่าองค์หญิงฝูชิงจะหันกลับมาถามนาง เด็กสาวจึงผงะเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะรับ “ใช่แล้วเพคะ พบพี่สะใภ้เจ็ดคราวนั้นยังไม่ได้สนทนากันเป็นกิจจะลักษณะเลยเพคะ”
แต่ในความคิดขององค์หญิงสิบสี่ นางมิได้รู้สึกสนิทใจกับเจียงซื่อปานนั้น
แม้นางจะไม่ได้เกลียดท่านพี่สะใภ้เจ็ด แต่เพราะเคยเห็นอภินิหารของพระชายาเยี่ยนอ๋องมาบ้างแล้ว อีกทั้ง ครั้งก่อนหลังจากที่นางกลับมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง นางถูกฮองเฮาเรียกไปถามส่วนตัว นางเลยรู้สึกว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องคงไม่ธรรมดา
กับคนที่ไม่ธรรมดาอย่างพระชายาเยี่ยนอ๋อง นางขออยู่ให้ห่างไว้ ตราบใดที่นางไม่ได้มียศสูงส่งอย่างพี่สิบสาม ภัยคงมาถึงตัวองค์หญิงที่ไร้ที่พึ่งอย่างนางอย่างง่ายดาย
บรรยากาศในห้องกลมเกลียวเป็นหนึ่งจนกระทั่งฮองเฮาเอ่ยเร่ง “เอาเถอะ ไหนเจ้าบอกว่าจะปักฉากกั้นหมื่นพรรษาให้เสด็จย่ามิใช่รึ เวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว อย่าแอบอู้อยู่ที่นี่อีกเลยจะดีกว่า”
องค์หญิงฝูชิงทำได้พาองค์หญิงสิบสี่มาลาเจียงซื่อ
เมื่อองค์หญิงทั้งสองเดินออกไปแล้ว ฮองเฮาก็หัวเราะพลางส่ายศีรษะ “ข้าตามใจฝูชิงจนเสียนิสัย”
แววตาของเจียงซื่อยังคงจดจ้องไปที่บานประตู
สาเหตุที่นางเข้าวังมาวันนี้มิใช่เพราะมาทักทายตามธรรมเนียม แต่เพราะเมื่อวานอวี้จิ่นบอกว่าจะให้ฮองเฮาเป็นคนแย่งตำแหน่งนั้นมาให้เขา นางถึงฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อชาติที่แล้วองค์หญิงฝูชิงตกลงมาจากแท่นสูงจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต คาดว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นน่าจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลซั่งหยวน[1]
ฮองเฮารู้สึกว่าเจียงซื่อแปลกไปจึงถามว่า “มีอะไรรึ”
เจียงซื่อลังเลชั่วครู่ก่อนจะตอบ “องค์หญิงโปรดปรานการชมประทีปหรือไม่เพคะ”
[1] เทศกาลซั่งหยวน หรือเทศกาลหยวนเซียว หรือเทศกาลโคมไฟ จัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 1 ของทุกปี จะมีการประดับโคมประทีปเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเทพแห่งฟ้าประทานพร