ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 89 ชดเชย
ตอนที่ 89 ชดเชย
ทั้งสองเข้ามาใกล้มากขึ้น
นางได้ยินเสียงหายใจหอบถี่ของเขา เขามองไปยังลำคอจาวผ่องหอมละมุนของหญิงสาว
มองจากหน้าต่างจะเห็นว่าร่างของคนสองคนทับซ้อนกัน
หลงต้านอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ
ภายในห้อง เจียงซื่อรู้สึกว่าตนกำลังเสียมารยาทจึงก้าวถอยหลังไป แต่ยังคงปิดกั้นเส้นทางของอีกฝ่ายไว้
อวี้จิ่นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “แม่นางเจียงคิดว่าข้าจะไปไหนหรือ ข้าเพียงจะไปห้องน้ำเท่านั้น”
ใบหน้าของเจียงซื่อร้อนผ่าว
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่เอ่ยปากขึ้นต่อหน้าหญิงสาวว่าจะไปเข้าห้องน้ำ เหตุใดหนังหน้าเขาจึงหนานัก
ไม่สิ อวี้ชีในบัดนี้ยังเด็ก บางทีเขาอาจยังไม่มีจิตสำนึกของความเป็นชายก็เป็นได้
อืม ต้องเป็นเช่นนี้แน่ จึงทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจนักหลังจากที่ทั้งสองกลับมาพบกันอีกครั้ง
อวี้จิ่นเห็นการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของนัยน์ตาหญิงสาว ทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างอธิบายไม่ได้
เขามักจะรู้สึกว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจเสมอ
อวี้จิ่นจึงนั่งลงอีกครั้ง
“ท่านไม่ไปห้องน้ำแล้วหรือ” เจียงซื่อเอ่ยถามพร้อมทั้งขมวดคิ้ว ใบหน้าคืนสู่ความสงบ
“ในเมื่อแม่นางเจียงซื่อเหมือนไม่เต็มใจให้ข้าจากไป เช่นนั้นข้าก็จะไม่ไป” อวี้จิ่นทำสีหน้าจริงจัง “ข้าทนได้”
เส้นเลือดที่หน้าผากของเจียงซื่อปูดโปนขึ้นมา
นางจะฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ได้!
อวี้จิ่นเอนตัวไปด้านหน้าด้วยใบหน้าหล่อเหลา “เราจะสนทนากันต่อหรือไม่”
นางจึงทำได้เพียงหลับตา หายใจเข้าลึกและระงับอารมณ์ที่จะฆ่าเขาเมื่อครู่ลง
เจียงซื่อเผยอยิ้มอย่างแข็งทื่อตรงมุมปากของนาง “สนทนาต่อ!”
“เช่นนั้นเป็นตาข้าแล้ว” อวี้จิ่นนั่งตัวตรงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงซื่อเลิกคิ้วขึ้น “เมื่อครู่คุณชายอวี๋เอ่ยถามข้าแล้วว่ารู้ได้อย่างไรถึงเรื่องฉังซิงโหวซื่อจื่อ บัดนี้ถึงตาข้าถาม”
ชายหนุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “แม่นางเจียงถามข้าไปแล้ว”
เจียงซื่อชะงักลงทันใด
อวี้จิ่นหัวเราะขึ้น “แม่นางเจียงเพิ่งถามข้าว่าจะไปไหน”
เจียงซื่อ “…”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะโวยวายขึ้น อวี้จิ่นจึงยื่นมือออกไปลูบศีรษะของหญิงสาว น้ำเสียงทะนุถนอมว่า “เอาเถิด อยากรู้สิ่งใดก็ถามมา หากข้าตอบได้จะตอบหมดอย่างไม่ปิดบัง ตกลงหรือไม่”
แม่นางผู้นี้ช่างซื่อเสียจริง ทั้งๆ ที่เขาเต็มใจขายร่างของตนเพื่อชำระหนี้แก่นาง ทั้งกายและใจของเขาก็เป็นของนาง นางจะมาสนใจเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยที่ว่าใครจะถามคำถามก่อนอีกทำไม
เจียงซื่อเอียงศีรษะไปด้านข้าง “คุณชายอวี๋ โปรดระวังกริยาของท่านด้วย!”
มือที่สัมผัสลงตรงศีรษะชะงักลง อวี้จิ่นหลับตาถอนหายใจ “ข้าว่า ข้ายังคงต้องออกไปด้านนอกสักหน่อย แม่นางเจียงอาจไม่ทราบว่าข้ามีนิสัยบางอย่าง”
“นิสัยใด”
“หากข้าอารมณ์ไม่ดีก็มักจะอยากฆ่าคนเพื่อระบาย ไอ้ฉังซิงโหวซื่อจื่อนั่นไม่ใช่คนดีอะไร คืนนี้ข้าจะไปฆ่าเขาเสีย เรื่องอาหารของเอ้อร์หนิวคงจะจัดการได้อีกหลายวัน
สุนัขตัวใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ หลงต้านส่ายหางมองด้วยความรังเกียจ
มันเลือกกินมากทีเดียว!
เจียงซื่อจ้องไปยังอวี้จิ่นและเอ่ยถามว่า “ข้าเข้าใจว่าท่านกำลังข่มขู่ข้าอยู่?”
อวี้จิ่นหัวเราะ น้ำเสียงหัวเราะสดใสผ่านหน้าต่างออกสู่ภายนอก
หลงต้านเกาศีรษะด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“คุณชายอวี๋ทำเช่นนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยนะ”
อวี้จิ่นพยักหน้า “ข้ารู้”
หากเป็นสุภาพบุรุษจะสามารถแต่งงานกับสตรีที่เขาชื่นชอบได้หรือ?
หึๆ ก่อนหน้านี้ที่จะแสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ได้แม้แต่จะกล่าวกับนางสักสองสามคำ แต่หลังจากที่เขาทำตัวเกเร กลับสามารถนำตัวนางกลับมาเรือนได้ในตอนดึกดื่น
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าวิธีใดดีกว่ากัน
“ท่านทำเช่นนี้…” เจียงซื่ออยากจะบอกว่าเขาทำเช่นนี้คงไม่สามารถหาภรรยาได้ แต่เมื่อนึกถึงตัวตนของอีกฝ่าย นางก็กลืนประโยคนี้ลงไปอย่างเงียบๆ
องค์ชายเจ็ดผู้สง่างาม จะไปกังวลเรื่องนี้ได้อย่างไร
“หรือแม่นางเจียงเสียดายชีวิตของฉังซิงโหวซื่อจื่อ?”
เจียงซื่อกล่าวออกมาอย่างเยาะเย้ย “สำหรับบางคนแล้ว หากจะให้ชดใช้เพียงชีวิตคงไม่อาจชำระความผิดที่ทำได้!”
หนึ่งชีวิตจะไปเพียงพอได้อย่างไร
แล้วเด็กสาวเหล่านั้นที่ถูกไอ้สัตว์นรกนั่นฆ่าตั้งแต่ต้นปี ไหนจะบรรดาญาติที่สูญเสียบุตรสาวสุดที่รักไปเล่า
สามีภรรยาฉังซิงโหวที่เลี้ยงดูซื่อจื่อบุตรของพวกเขาให้เป็นคนเช่นนี้ได้ ไม่ต้องรับผิดชอบสักหน่อยหรือ
นางไม่อาจทนดูจวนฉังซิวโหวอยู่อย่างสงบสุขหลังจากที่ฉังซิงโหวซื่อจื่อสิ้นชีวิตลงได้ดังเช่นในชาติก่อน
พวกเขาไม่สมควรได้รับความเคารพยกย่องเช่นนั้น!
เมื่อได้ยินที่เจียงซื่อกล่าว อวี้จิ่นก็ตกใจแล้วก็ยิ้มขึ้น
เขายังคิดอยู่ว่า หญิงสาวซึ่งสามารถตัดความเป็นชายของผู้หนึ่งโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี จะเป็นคนใจอ่อนกับสัตว์เดรัจฉานนี้ได้อย่างไร
ในความเห็นของเขา นี่ไม่ใช่ความเมตตาแต่เป็นความโง่เขลาต่างหาก
“ดังนั้น คุณชายอวี๋ได้โปรดอย่าแทรกมือเข้าไปทำลายแผนการของข้าที่วางเอาไว้”
อวี้จิ่นดูอึดอัดใจเล็กน้อย “แต่หากข้าไม่ได้ฆ่าผู้ใด อารมณ์ข้าก็ยังจะไม่สงบลง ส่งผลให้สองสามวันนี้คงนอนไม่หลับ ข้าเสียสละตนเช่นนี้ แม่นางเจียงจะไม่รับผิดชอบหน่อยหรือ”
เจียงซื่อตกตะลึง
เขาเสียสละอะไรกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อในชาติก่อนไอ้สารเลวนี่ก็นิสัยไม่ดี ตราบใดที่เขาต้องการ ไม่มีเรื่องใดที่เขาทำไม่ได้
อวี้ชีเกิดในครอบครัวราชวงศ์ เขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเมื่อเทียบกับพี่น้องผู้อื่นในราชวังที่คอยแต่จะสร้างภาพเพื่อชิงตำแหน่งฮ่องเต้
“ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทน” เจียงซื่อถามอย่างเย็นชา
เต้าหู้ไซซีซิ่วเหนียงจื่อจัดการได้เรียบร้อยแล้ว ยังมีที่วัดหลิงอู้ที่ต้องรีบจัดการ นางไม่มีเวลาพอจะมาเสียเวลาที่นี่
อวี้จิ่นเอนตัวไปด้านแล้วจุมพิตที่หน้าผากขาวนวลของหญิงสาว
เจียงซื่อรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า ร่างของนางไม่อาจตอบสนองได้ชั่วขณะหนึ่ง
“เรียบร้อยแล้ว” อวี้จิ่นยิ้มอย่างพออกพอใจ
น่าประหลาดใจเสียจริงที่ไม่ถูกนางแทง เป็นจริงที่ว่าคนใจกล้าจะกินจนจุกตาย คนขี้อายจะอดตาย
เมื่อเจียงซื่อได้สติกลับคืนมา นางก็ตบอวี้จิ่นอย่างแรง
อาหมานยืนอยู่ตรงห้องโถงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า
ยังดีที่คุณหนูไม่ถูกเอาเปรียบ
เสียงตบจากฝ่ามือดังชัดเจน ทุกคนในจวนล้วนได้ยิน แม้แต่สุนัขในลานบ้านก็ยังได้ยิน
เอ้อร์หนิวยกอุ้งเท้าเพื่อปิดตาของมัน
เจ้านายถูกตบงั้นหรือ ไม่น่ามองเสียเลย
หลงต้านกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
จู่ๆ เจ้านายจะใช้ไม้แข็งบังคับนาง! แต่กลับถูกแม่นางผู้นี้ตบกลับ เกิดอะไรขึ้น
“คิดไม่ถึงว่าแม่นางที่เจ้านายพากลับมาจะเก่งขนาดนี้!”
“นั่นเป็นเพราะเจ้านายไม่ได้หลบ” เหลิงอิ่งที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
“เจ้ามาได้อย่างไร”
“หากข้ายังนอนอุดอู้อยู่อีก เกรงว่าวันพรุ่งนี้อาจถูกเจ้านายตีตายได้”
หลงต้านลุกขึ้นยืนอย่างสิ้นหวังแล้วเดินกลับไปทางห้อง
เอ้อร์หนิวสะบัดขนของมัน
บัดนี้เห็นได้ชัดถึงความได้เปรียบของสุนัข มันอยากจะดูนานเท่าไหร่ก็ได้ตราบที่อยากดู
เมื่อมองไปยังชายหนุ่มที่ยิ้มแย้มต่อหน้านาง เจียงซื่อก็โกรธจนตัวสั่น
เขากระทำเช่นนั้นกับนาง แต่กลับทำท่าทางราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น!
อวี้จิ่นเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้านด้วยใบหน้าแดงจากแรงตบ “แม่นางเจียง เรามาคุยเรื่องของเราต่อกันดีกว่า บัดนี้อารมณ์ข้าดีขึ้นแล้ว”
“เจ้าไม่คิดว่าพฤติกรรมเมื่อครู่ไร้ยางอายหรอกหรือ!”
อวี้จิ่นกางมือออก กล่าวช้าๆ อย่างหมูตายที่เกรงกลัวน้ำเดือดกว่า “แต่นี่คือสิ่งตอบแทนที่ข้าต้องการ ไม่เช่นนั้นข้าก็จะอยากฆ่าคน”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เขาก็กลอกตาและยิ้มขึ้น “แม่นางเจียง เราหาใช่ญาติกัน แม่นางเพียงเอ่ยข้อเสนอมาแล้วข้าต้องทำตามหรือ มีเหตุผลเช่นนี้ด้วยหรือไร หากไม่สามารถใช้อำนาจกดดันผู้อื่นได้ เช่นนั้นอย่างน้อยก็ต้องแลกเปลี่ยนกัน”
เจียงซื่อรู้สึกโกรธยิ่ง
เขาเอาหลักการผิดๆ เช่นนี้มาจากไหน
อวี้จิ่นน้ำเสียงแปรเปลี่ยน “แน่นอนว่าถึงข้าจะไม่ใช่สุภาพบุรุษ แต่ข้าก็เป็นลูกผู้ชาย ข้าจูบแม่นางเจียงไปแล้ว ดังนั้นข้ายินดีรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน แม่นางยินดีแต่งงานกับข้าหรือไม่ล่ะ”
เขากล่าวออกมาอย่างสบายๆ แต่มือของเขาที่วางอยู่ด้านข้างกำแน่น เผยให้เห็นความตึงเครียดภายในใจ