ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 91 ข้าฆ่าคนเป็น
ตอนที่ 91 ข้าฆ่าคนเป็น
เจียงซื่อเดินทางไปพบกับอาเฟยตรงสถานที่ที่เพิ่งเช่าไว้
“ขอบใจเจ้ามาก ลำบากไม่น้อยสินะ”
อาจเป็นเพราะเดินทางอย่างเร่งรีบ จึงทำให้อาเฟยมองดูแล้วดำคล้ำกว่าเดิมไปเล็กน้อย แต่ยังคงกระฉับกระเฉงดังเดิม
“คุณหนูกล่าวอะไรเยี่ยงนั้น การได้รับใช้คุณหนูไม่ได้ลำบากเลย” อาเฟยยิ้มแล้วโบกมือ
มีทั้งเงินมีทั้งอนาคต เหตุใดต้องรู้สึกลำบากเล่า
“คนคนนั้นเป็นอย่างไรบ้าง”
อาเฟยส่ายหน้า มองไปทางเจียงซื่อดูเหมือนจะกล่าวอะไรออกมาแต่ก็หยุดไว้
เจียงซื่อไม่ได้รีบร้อน นางรอคำตอบของอาเฟยอย่างเงียบๆ
นางพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว ฃท้ายที่สุดจะเลือกอย่างไรคงต้องแล้วแต่ผู้เลือก
อาเฟยยิ้มออกมาแห้งๆ แล้วมองเจียงซื่อ “พี่ชายผู้นั้นเดินทางตามข้าเข้ามาในเมืองด้วยขอรับ”
เจียงซื่อวางถ้วยน้ำชาในมือลง “เขาจะมาพบข้าให้ได้งั้นหรือ”
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ นางเองก็คิดมาออกถึงเหตุผลที่คนผู้นั้นจะเดินทางเข้ามาในเมืองหลวง
อาเฟยชะงักลง “ถูกต้องขอรับ เขากล่าวว่าจะมาพบคุณหนูให้จงได้ ข้าพยายามสลัดเขาทิ้งแต่ไม่อาจทำได้ จึงต้องยอมให้เขาติดตามมาด้วย”
“แล้วเขาอยู่ที่ใด”
“ข้าจัดการให้เขาพำนักในโรงเตี๊ยมแล้ว คุณหนูประสงค์จะให้เขาเข้าพบหรือไม่”
เจียงซื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “อืม ช่วยเตรียมการให้ด้วย ข้าจะไปพบเขา”
เขาสืบหาสาเหตุการเสียชีวิตของคู่หมั้นสาวมานานกว่าสิบปี และฆ่าตัวตายต่อหน้าหลุมศพของคู่หมั้นหลังจากฆ่าฆาตกรได้ คนเช่นนี้ แม้นไม่กล่าวถึงความจริงใจของเขา หากพูดถึงความตั้งมั่นแล้วก็ทำให้ผู้ที่ได้ฟังสะเทือนใจได้
ในที่สุด เรื่องของหลิวเซียนกูก็จบลงอย่างสมบูรณ์ หากนางปฏิเสธที่จะพบเขา ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นจะทำเรื่องบ้าคลั่งใดในเมืองหลวง เมื่อถึงเวลานั้นคงจะปวดหัวน่าดู
“คุณหนูจะไปพบเขาที่ใด ที่โรงน้ำชาเทียนเซียงดีหรือไม่”
“ที่นั่นไม่เหมาะสม” เจียงซื่อส่ายหัว
คนผู้นั้นไม่ได้เหมือนอาเฟย
แม้ว่าอาเฟยจะเป็นเพียงอันธพาลตามท้องถนน แต่เขาก็เป็นคนในเมืองหลวง ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ไม่มีใครจับตามอง แต่หากเป็นเขาผู้นั้น ถ้านับพบในโรงน้ำชาคาดว่าจะเป็นจุดสนใจไม่น้อย
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจียงซื่อจึงได้ตัดสินใจว่า “พาเขามาที่นี่”
อาเฟยลังเลเล็กน้อย “คุณหนู จะให้เขามาเจอที่นี่จริงหรือขอรับ”
เจียงซื่อยิ้ม “อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นบ้านเช่า ไม่สำคัญอะไรหรอก”
“ตกลง ข้าจะไปพาเขามา”
เจียงซื่อนั่งบนเก้าอี้หวายรออย่างอดทน ส่วนอาหมานหยิบพัดกลมขึ้นมาพัดวีให้นางอยู่ด้านข้าง
เสียงจักจั่นบนต้นไม้ส่งเสียงร้อง
ในที่สุดอาหมานก็ทนไม่ไหว นางเหน็บพัดไว้ที่เอวก่อนจะดึงชายเสื้อของเจียงซื่อและเอ่ยถามว่า “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อคืนนี้คุณหนูถูกเจ้าคนโรคจิตนั่นรังแกหรือไม่เจ้าคะ”
เดิมทีนางไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเสียงตบนั่น แต่เมื่อคิดไปคิดว่าจึงรู้สึกว่าไม่ปกติ
หากว่าคุณหนูไม่ได้ถูกเขารังแก แล้วจะไปตบเขาด้วยเหตุใด
เจียงซื่อลืมเงยหน้าขึ้นเหลือบมองอาหมาน อารมณ์ของนางจมดิ่งในทันใด “เจ้าอย่าได้กล่าวถึงเรื่องเมื่อคืนนี้อีก”
อาหมานหุบปากของนางลง “ถ้าอย่างนั้นหมายความว่าถูกเขารังแกจริงๆ โธ่เอ๋ยตัวข้า บ่าวสมควรตายเจ้าค่ะ บ่าวควรจะเข้าไปช่วยคุณหนูไว้ตั้งแต่แรก!”
“อาหมาน!” เจียงซื่อส่องเสียงลอดไรฟัน ใบหน้าขาวผ่องของนางแดงระเรื่อ
นางไม่ได้เขินอาย ทว่าเป็นความโกรธ
เมื่อนึกถึงการกระทำอันกล้าหาญของไอ้หมอนั่น แต่ในตอนนั้นนางกลับไม่กล้าที่จะสั่งสอนเขา เจียงซื่อโกรธอวี้จิ่น แต่โกรธตัวเองมากกว่า
เจ้าเด็กคนนี้ก็จริงเชียว เรื่องมีมากมายนางไม่พูด กลับมาพูดถึงเรื่องนี้
“อ้าว ดูเหมือนอาเฟยจะกลับมาแล้วนะเจ้าคะ” เมื่ออาหมานเห็นว่าคุณหนูของนางโกรธจริงๆ จึงได้รีบปลีกตัวหนี
อาเฟยเดินเข้ามาด้านใน ตามด้วยชายร่างสูงใหญ่อยู่ข้างๆ
“คุณหนู ผู้นี้คือฉินเจียงจวิน” อาเฟยรีบแนะนำกับเจียงซื่อ
เจียงซื่อจ้องมองไปยังชายผู้นั้นและพยักหน้าอย่างสุภาพแต่ดูเหินห่าง
ในตอนนั้นนางไม่มีผู้ใด เป็นจังหวะที่พบเข้ากับอาเฟย คนเช่นนี้สามารถทำได้ทุกอย่างเพราะกลัวตาย แต่แท้จริงแล้วควบคุมง่ายยิ่ง
แต่ชายตรงหน้านางที่เป็นคนไม่กลัวตายและไม่มีสิ่งใดต้องกังวลในโลกนี้ นางอาจไม่มีความสามารถพอที่จะรับมือ
สำหรับคนเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่ควรจะสุภาพด้วย จากนั้นส่งเขากลับไปอย่างปลอดภัย
“เจ้าคือคนที่เขียนจดหมายหรือ” ชายผู้นั้นก้าวไปข้างหน้าและไม่รอช้าที่จะเอ่ยถาม
อาหมานเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงซื่อในทันที นางขมวดคิ้วและดุว่า “เจ้าเป็นใครมาจากที่ใด ทำตัวไร้มารยาทกับคุณหนูเช่นนี้ เจ้าทำให้คุณหนูของข้าตกใจกลัว”
“อาหมาน เจ้าออกไปก่อน” เจียงซื่อไล่อาหมานออกไปและพยักหน้าเล็กน้อยให้กับชายผู้นั้น “คือข้าเอง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร” ชายผู้นั้นดูท่าทางตื่นเต้น
“ข้าไม่สามารถบอกเจ้าได้” เจียงซื่อยิ้ม “แท้จริงสำหรับฉินเจียงจวิน เรื่องนี้สำคัญหรือ ท่านได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ยังไม่พออีกหรือ”
“ข้า…” ชายผู้นั้นกำหมัดไว้แน่นและจ้องไปที่เจียงซื่ออย่างไม่ขยับเขยื้อน
อาหมานเริ่มเกิดความประหม่า
นางสัมผัสได้ว่าชายตรงหน้านางไม่ธรรมดา แม้แต่นางยังอาจรับมือได้ไม่ง่าย
อาเฟยก็ประหม่าเช่นกัน
ระหว่างทางที่เดินทางมา เขาและพี่ชายผู้นี้นับว่าผูกพันกันบ้าง ประเดี๋ยวหากถูกคุณหนูจัดการ เขาควรจะเข้าไปช่วยร้องขอดีหรือไม่
“ข้ายังมีคำถามจะถาม” ชายผู้นั้นจ้องไปที่เจียงซื่ออย่างกลัวว่านางตรงหน้าจะหนีไป “อีกแค่คำถามเดียว”
เจียงซื่อยิ้มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและอ่อนโยน “เชิญฉินเจียงจวินเอ่ยมาเถิด”
“ภรรยาของข้าไม่รอข้า แต่นางไปเกิดใหม่แล้วจริงหรือ”
เมื่อเห็นชายผู้นั้นกระวนกระวายใจ อาเฟยก็ทำท่ากลอกตา
ชายคนนี้ตามเขามาเมืองหลวงด้วยระยะทางหลายร้อยลี้เนื่องด้วยสิ่งนี้?
เขาก็สามารถตอบคำถามนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องไร้สาระที่คุณหนูสร้างขึ้น
เจียงซื่อนิ่งเงียบ
นางเข้าใจพฤติกรรมของผู้ชายผู้นี้ดี
ในสายตาของใครๆ นี่อาจเป็นคำถามที่ไร้สาระ แต่สำหรับชายที่คิดถึงเพียงภรรยาของเขามานานกว่าสิบปี นี่เป็นแรงจูงใจของเขาที่จะมีชีวิตอยู่หรือตาย
ดังนั้นเขาจึงไม่รีรอที่จะเดินทางมาหลายร้อยลี้เพียงยืนตรงหน้านางผู้ช่วยเขาไขปริศนาและเอ่ยถามคำถามนี้
หากเป็นคนอื่นถามคำถามนี้ คงไร้สาระ หากเป็นคนอื่นตอบคำถามนี้ ก็ช่างน่าขัน
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คนที่เอ่ยถามดูจริงจังอย่างยิ่ง เขาแค่อยากจะได้ยินคำตอบจากคนตรงหน้านี้
“ฉินเจียงจวินคิดว่าภรรยาของท่านเป็นคนอย่างไร”
“นางเป็นสตรีที่ดีที่สุด ใจดี เข้มแข็ง และน่ารัก…” คำเยินยอที่สวยงามออกมาจากปากของเขา
เจียงซื่อยิ้ม “ภรรยาของฉินเจียงจวินเป็นคนดีมาก นางจะไม่ตกนรกและต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน ข้าคิดว่านางคงจะไปเกิดใหม่นานแล้ว”
ชายผู้นั้นตกใจจนเซถอยหลังไปสองสามก้าว เขายกมือขึ้นกุมหน้าของตนไว้
ท่ามกลางแสงแดดแผดเผา ชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ในลานร้องไห้ออกมาอย่างไร้เสียง จักจั่นที่ซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้ก็เงียบทันใด พวกมันหยุดเสียงร้องอันน่ารำคาญลง
“โอ้ หากว่าภรรยาของพี่ชายไปเกิดใหม่แล้ว นางน่าจะกลายเป็นสาวแล้ว” อาเฟยทนไม่ไหวกับบรรยากาศเคร่งขรึมเช่นนี้จึงกล่าวติดตลก
ชายหนุ่มหยุดลง จากนั้นวางมือลงดวงตาเป็นประกาย
อาเฟยไม่กล้ากล่าวอีกต่อไป
เขารู้สึกว่ากำลังรนหาที่
“เอ่อพี่ชาย สิ่งใดควรถามก็ได้ถามแล้ว ข้าพาท่านกลับไปยังโรงเตี๊ยม ไปกินข้าวกันเถิด”
ชายผู้นั้นส่ายหัว “ข้าไม่มีเงินกินข้าว”
เงินก้อนเดียวของเขาถูกใช้ไปเมื่อตอนเข้าเมืองหลวงแล้ว
“ข้าเลี้ยงเอง กว่าท่านจะเดินทางมาเมืองหลวงไม่ใช่ง่ายๆ ข้าวเพียงมื้อเดียวข้าเลี้ยงได้!”
“ข้าไม่มีเงินจะกลับ”
“ข้าจ่ายข้าเดินทางให้!” อาเฟยกัดฟันกรอด
ชายผู้นั้นเหลือบไปยังอาเฟย ทันใดนั้นเขาก็กำมือขึ้นคารวะ “ข้าอยากจะอยู่รับใช้คุณหนูเพื่อขอข้าวประทังชีวิต”
ซีเม่ยมักกล่าวเสมอว่านางอยากเดินมาทางดูเมืองหลวงว่าเป็นอย่างไร หากเกิดใหม่นางคงจะชอบที่นี่
เขาอยากอยู่ในที่ที่นางชอบ
เจียงซื่อคาดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะกลายมาเป็นเช่นนี้ นางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รับคนไร้ประโยชน์”
ชายผู้นั้นยิ้มอย่างมั่นใจ “ข้าฆ่าคนได้”