ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 93 เครื่องราง
ตอนที่ 93 เครื่องราง
คนที่เดินออกมารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
เจียงจั้นตะโกนด้วยความประหลาดใจ “พี่อวี๋ชี”
อวี้จิ่นดูเหมือนเพิ่งจะเห็นเจียงจั้นที่กำลังรอคนอยู่ จึงแสดงท่าทางประหลาดใจออกมา “น้องเจียงเอ้อร์มาได้อย่าไร”
เจียงจั้นชี้ไปยังเจียงซื่อที่อยู่ข้างๆ “ข้าพาน้องสาวมาจุดธูปบูชา แล้วพี่อวี๋ชีอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
“เอ้อ ข้าก็มาจุดธูปบูชาเหมือนกัน” อวี้จิ่นยิ้มแล้วเหลือบมองเจียงซื่อ มองเพียงไม่นานแล้วจึงถอนสายตา ด้วยท่าทางที่สุภาพ
“ทำไมพี่อวี๋ชีถ่อมาจุดธูปบูชาถึงทีนี่ได้ล่ะ” เจียงจั้นเพ่งมองเณรน้อย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเณรน้อยของที่นี่จะฉลาดกว่าเณรน้อยในวัดเมืองหลวงเลย ทำไมทุกคนจึงถ่อมาที่วัดหลิงอู้กันล่ะ
อวี้จิ่นยิ้มและพูดว่า “ได้ยินมาว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะฉะนั้นข้าก็เลยมาขอพร”
“เณรน้อย ที่นี่ขออะไรแล้วศักดิ์สิทธิ์ที่สุดงั้นหรือ” เจียงจั้นถาม
เณรน้อยยิ้มหวาน ลมผ่านออกมาตรงที่ไม่มีฟันหน้า “คู่วาสนาไงล่ะ แน่นอนว่าต้องเป็นคู่วาสนา”
ทำไมโยมที่รูปงามเช่นนี้มักถามคำถามที่โง่แบบนี้เสมอล่ะ
เจียงจั้นชะงักไปเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองไปที่เจียงซื่อ แล้วยังมองไปที่อวี้จิ่นอีก
ขอคู่วาสนา?
น้องสี่ให้เขาพาออกมาจุดธูปบูชา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นการขอคู่วาสนางั้นหรือ
ในชั่วพริบตานี้ คุณชายรองเจียงไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกว่าน่าสนใจ กลับรู้สึกแย่เสียด้วยซ้ำ
โชคดีที่เขายังตามออกมาด้วย ตั้งนานแล้วก็ยังไม่ได้เรื่องอะไรเลย
“นึกไม่ถึงว่าพี่อวี๋ชีจะเชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย” ทำใจโกรธใส่น้องสาวไม่ลง เจียงจั้นหัวเราะเยาะอวี้จิ่น “เจ้าโตกว่าข้าไม่เท่าไหร่ ก็ใจร้อนที่จะแต่งงานแล้วงั้นหรือ”
อวี้จิ่นอมยิ้มแล้วมองไปที่เจียงซื่อ “ใจร้อนมากๆ เลยล่ะ หากช้าไปก้าวเดียวหญิงสาวดีๆ ก็ถูกคนอื่นหมั้นหมายไปแล้ว ดังนั้นข้าเลยมาขอพร ถ้าตั้งใจขออะไร มันก็เป็นจริงไงล่ะ”
เขาไปอยู่แถบหนานเจียงมาหลายปี ไม่ง่ายเลยที่จะมีผลงานอันยิ่งใหญ่ และมีคุณสมบัติที่จะกลับไปเมืองหลวงเพื่อช่วงชิงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ผลสุดท้ายกลับรอจนได้ข่าวว่านางหมั้นหมายแล้ว
ในตอนนั้น เขาเกือบจะถือมีดไปสับน้องชายที่กวนใจนั้น แต่คนอื่นพูดว่าคุณหนูเจียงซื่อค่อนข้างพอใจกับเรื่องงานแต่งงานนี้
เขาเลยปล่อยหัวของน้องชายไปชั่วคราว
ยังดีที่สุดท้ายการแต่งงานของพวกเขาก็ไม่สำเร็จ ทันทีที่ได้ยินการถอนหมั้นของพวกเขา เขาก็รู้สึกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ในตอนนั้นเขาก็สาบานว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันปล่อยมืออีก ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ต้องเป็นเจียงซื่อเท่านั้น
เขาไม่เชื่อว่าผู้ชายคนอื่นจะใช้ชีวิตเพื่อคิดถึงคุณหนูเจียงคนนั้นเหมือนกับเขา
เนื่องจากการแต่งงานเป็นคำสั่งของพ่อแม่ คำพูดของแม่สื่อ เดิมทีนางก็ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับชายที่นางต้องหมั้นหมายด้วย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชอบเลย แล้วทำไมเขาไม่สามารถเป็นคนนั้นได้ล่ะ
เขาจะอดทนรอจนกว่านางพยักหน้า จากนั้นก็ขอร้องพระบิดาประทานพิธีพระราชสมรสให้ ไม่ใช่ใช้พระราชโองการกดดันให้นางและเขากราบไหว้ฟ้าดินเข้าพิธีแต่งงาน
ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชั่วชีวิตของหญิงสาว เขาหวังว่านางจะยินยอมพร้อมใจ และตั้งตารอ
เจียงจั้นเริ่มสนใจ “พูดเช่นนี้ พี่อวี๋ชีมีคนที่หมายปองแล้วงั้นหรือ”
“อืม” อวี้จิ่นตอบเบาๆ
“พี่อวี๋ชีเพิ่งมาที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ ไม่นึกเลยว่ามีคนที่หมายปองแล้ว บอกมาเร็วๆ ว่าคุณหนูคนนั้นเป็นใคร ไม่แน่ว่าข้าอาจจะช่วยได้” เจียงจั้นถาม
มักจะรู้สึกว่าการปรากฏตัวของพี่อวี๋ชีที่นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไป คนๆ นี้คงจะไม่ได้หมายปองน้องสี่ใช่ไหม
อวี้จิ่นยิ้ม “รู้จักตั้งนานแล้ว”
เจียงจั้นก็โล่งอก “ที่แท้เป็นกิ่งทองใบหยก ข้าคงช่วยไม่ได้แล้ว พี่อวี๋ชีต้องพยายามแล้วล่ะ”
อวี้จิ่นพยักหน้า “อืม ข้าจะพยายาม”
เจียงซื่อฟังอยู่อย่างเงียบๆ ในใจรู้สึกคลุมเครือ
เมื่อตอนที่องค์ชายเจ็ดอายุไม่ถึงสิบสองปีได้เสด็จไปทางหนานเจียง คนสนิทของเขานอกจากสตรีศักดิ์สิทธิ์อาซังแล้วยังจะมีใครอีก
อาซังตายไปแล้ว เขายั่วนางที่โฉมหน้าคล้ายกันหลายรอบ ซึ่งถือว่าสูสีกับจี้ฉงอี้
นับว่าเป็นคู่บุญวาสนาของนาง ที่ได้พบคนที่หลงใหลสองคน
“พี่รอง คุณชายอวี๋ เชิญพวกท่านค่อยๆ คุย ข้าไปเดินเล่นก่อนล่ะ”
อวี้จิ่นอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ถูกเจียงจั้นฉุดไว้ “ไม่ง่ายเลยที่จะได้พบกัน พี่อวี๋ชี พวกเราไปดื่มชากันเถอะ”
เจียงซื่อเดินสวนอวี้จิ่นโดยมองไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ไม่สนใจเขา? อวี้จิ่นท่าทางปกติ และดีดนิ้วเบาๆ
เจียงซื่อโซเซ
“คุณหนู…”
อาหมานไม่ทันตั้งตัว อวี้จิ่นเข้าไปประคองเจียงซื่อไว้ได้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปล่อยมืออย่างรวดเร็วแล้วก้าวถอยหลัง เหมือนสุภาพบุรุษ “คุณหนูเจียง ระวังด้วย”
เจียงซื่อ “……”
“น้องสี่ เจ้าเหนื่อยใช่ไหม ไม่งั้นเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนค่อยออกมาเดินเล่นเถอะ”
“ไม่ล่ะ พี่รองไปดื่มชากับคุณชายอวี๋เถอะ” เจียงซื่อไม่มองอวี้จิ่นแม้แต่น้อย และเดินไปอย่างรวดเร็ว
ชาติที่แล้วเจ้าคนเลวผู้นี้ไม่ได้ไร้ยางอายขนาดนี้นิ หรือว่าชาติที่แล้วนางจะหลอกง่ายเกินไป จึงไม่มีโอกาสได้แสดงธาตุแท้ออกมา?
เจียงซื่อยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
“คุณหนูเจียงเข้าใจข้าผิดหรือเปล่า” อวี้จิ่นถอนหายใจเบาๆ “น้องเจียงเอ้อร์เป็นคุณชายของจวนปั๋ว บางทีคุณหนูเจียงคงรู้สึกว่าคนแบบข้าไม่เหมาะสมที่จะเป็นเพื่อนกับน้องเจียงเอ้อร์”
เจียงจั้นได้ยิน ก็รีบอธิบายแทนเจียงซื่อ “น้องสี่ของข้าไม่ใช่คนแบบนั้น นางแค่เป็นคนเย็นชา พี่อวี๋ชีอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย”
ดูเหมือนว่ากลับไปต้องเตือนน้องสี่หน่อยแล้ว ต้องไว้หน้าเขาบ้าง และเกรงใจต่อผู้ช่วยชีวิตของเขาหน่อย
เณรน้อยได้ลูกอมหิมะอีกหนึ่งถุงและเดินข้างเจียงซื่ออย่างร่าเริง แนะนำสภาพภายในวัดให้นางฟัง
“เณรน้อย สามารถขอเครื่องรางได้ที่ไหนงั้นหรือ”
“สีกาเชิญตามเณรมา”
เณรน้อยนำทางเจียงซื่อไปถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว
ภายในวิหารมีศาสนิกชนเข้าๆ ออกๆ ไม่ขาดสาย ชั้นด้านในสุดแขวนเครื่องรางรูปร่างต่างๆ เต็มไปหมด และข้างๆ มีพระสงฆ์ท่านหนึ่งกำลังแกะเครื่องรางส่งให้กับศาสนิกชนที่เข้าแถวอยู่ด้านหน้าสุด
“ในวันธรรมดาคึกคักแบบนี้ไหม” เจียงซื่อไม่ได้รีบไปข้างหน้า ถามข่าวจากเณรน้อยอย่างใจเย็น
“ในวันธรรมดาคนไม่ได้เยอะแบบนี้ เครื่องรางจะมีแค่วันที่ลงท้ายด้วยห้า สีกามาทันเวลาพอดีเลย” เณรน้อยกินลูกอมเข้าไป แม้แต่รอยยิ้มก็ยังหวานเลย “สีกาอยากขอเครื่องรางอะไร เฌรสามารถไปเข้าแถวแทนสีกาได้”
“เอ่อ เครื่องรางยังแบ่งประเภทอีกหรือ”
“แน่นอน มีขอให้สุขภาพแข็งแรง แล้วยังมีขอให้ทุกอย่างราบรื่น มีหลายประเภท”
“ถ้าอย่างนั้นข้าขอทั้งหมดเลยได้ไหม”
เณรน้องลังเลไปสักพัก เห็นแก่ลูกอมสองถุงเลยพยักหน้า “สีกาให้เงินค่าน้ำมันงามากขึ้น พระพุทธเจ้าก็ไม่คิดว่าสีกาโลภแล้วล่ะ”
ไม่นานก็ได้เครื่องรางทั้งหมดมาถึงมือ สายตาของเจียงซื่อมองไปยังตัวอักษรสี่ตัว ‘มงคลคุ้มภัย’ ที่เขียนไว้บนเครื่องราง จดจ้องไม่ขยับเป็นเวลานาน
เครื่องรางที่ได้มาจากศพหญิงสาวก็เป็นแบบนี้!
“เครื่องรางชิ้นนี้ ปกป้องอะไรหรือ”
เณรน้องเหลือบมอง ยิ้มแล้วพูดว่า “โยมที่ขอเครื่องรางแบบนี้มีน้อยมาก สีกาเห็นภาษาสันสกฤตที่อยู่ข้างล่าง ‘มงคลคุ้มภัย’ บรรทัดนี้ไหม นี่คือมนตร์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในศาสนาพุทธของเรา โดยทั่วไปแล้วคนที่พบเจอเรื่องไม่ดีมาก่อนถึงจะมาขอเครื่องรางแบบนี้”
เจียงซื่อใจเต้น
สาวน้อยอายุสิบสามสิบสี่ปีที่ฐานะทางตระกูลดีเคยพบเจอเรื่องไม่ดีมาก่อน เพียงเท่านี้ก็ลดขอบเขตการตามหาลงมากโขแล้ว
เจียงซื่อส่งสายตาให้อาหมาน
อาหมานยิ้มกริ่มๆ แล้วพูด “เณรน้อยที่นี่ไม่ใช่ว่าขอเรื่องคู่วาสนาศักดิ์สิทธิ์สุดหรือ ข้าคิดว่าเครื่องรางแบบนี้คงเหมือนกับคุณหนูของพวกเราไม่มีคนมาขอ”
“ไม่ใช่แล้ว เมื่อเดือนที่แล้วคุณหนูของตระกูลนายท่านหลี่แห่งเมืองต้าหยางเพิ่งจะมาขอไป แต่ว่าสีกาคนนั้นไม่ได้มาที่วัดสักพักแล้วล่ะ”