ซื่อจิ่น หวนรักประดับใจ - ตอนที่ 96 บ่อน้ำ
ตอนที่ 96 บ่อน้ำ
ในตอนเที่ยงวัน ไม่เห็นเงาของพระสงฆ์บนภูเขาหลังวัดหลิงอู้เลย มีเพียงแอ่งผักสดสีเขียวที่วางตากแดดอยู่
เจียงจั้นยืนอยู่กลางภูเขาที่โล่งกว้างและมองไปรอบๆ ไม่ช้าก็เห็นว่ามีบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลจากแปลงผัก
เขาเดินไปอย่างรวดเร็ว จับผนังบ่อน้ำที่เย็นเยือกแล้วรวบรวมความกล้า จากนั้นชะโงกมองเข้าไปข้างใน
ในบ่อทั้งลึกและมืด ทำให้มองในนั้นไม่ชัด
เจียงจั้นออกแรงดมกลิ่น
ก็ไม่ได้กลิ่นอะไรนะ
เขามองไปที่รอกตักน้ำ
หรือว่าต้องตักน้ำขึ้นมาดู
เจียงจั้นยื่นมือไปจับคันจับ แต่ทันใดนั้นก็กระโดดหันกลับมา
มีพระสงฆ์หนุ่มยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกล
เจียงจั้นเสียวสันหลัง แต่บนใบหน้าก็ยิ้มอย่างมีความสุข “พระอาจารย์มายืนอยู่ข้างหลังข้า ทำให้ข้าตกใจหมดเลย”
พระสงฆ์หนุ่มพนมมือคารวะเจียงจั้น แล้วถามว่า “ทำไมโยมถึงมาที่นี่ได้ ภูเขาด้านหลังนี้ไม่ได้เปิดให้ศาสนิกชนเข้า”
“เอ่อ งั้นหรือขอรับ” เจียงจั้นเดินไปด้านข้างอย่างไร้ร่องรอย และเพิ่มระยะห่างกับพระสงฆ์หนุ่ม “เมื่อตอนเที่ยงข้ากินแกงผักที่โด่งดังที่สุดในวัด อร่อยมากจริงๆ ข้าถามพระอาจารย์ท่านหนึ่ง พระอาจารย์บอกว่าผักป่าที่นำมาทำเป็นแกงผักต้องปลูกบนภูเขาหลังวัดและใช้น้ำจากบ่อน้ำนี้รดโดยเฉพาะ ถึงจะสามารถปลูกออกมาได้รสชาติเช่นนั้น”
เจียงจั้นระวังเต็มที่ แต่แสดงสีหน้าออกมาเป็นธรรมชาติมาก “พระอาจารย์ไม่รู้ ข้าคนนี้ไม่สนใจอย่างอื่น ก็แค่รสชาติอร่อย แต่พอได้ยินพระอาจารย์ท่านนั้นพูด ในใจนี้ก็รู้สึกอยากรู้จนทนไม่ได้ ถึงได้มาถึงที่นี่เพื่อดูว่าผักป่านั่นรูปร่างเป็นอย่างไร และรสชาติน้ำจากบ่อน้ำเป็นอย่างไร เพราะแบบนี้ เมื่อข้ากลับไปแล้วอาจจะหาซื้อได้”
พระสงฆ์หนุ่มยิ้ม “ผักป่าชนิดนี้เมื่อหลายปีก่อนพระอาจารย์อาของพวกเราได้พบเจอและย้ายมาปลูกไว้ที่นี่จากในภูเขาลึก ที่อื่นไม่มีขาย เกรงว่าโยมต้องผิดหวังแล้ว”
เจียงจั้นดูท่าทางที่ผิดหวังมาก “เช่นนี้ ดูเหมือนว่าถ้าอยากกินรสชาตินี้คงต้องมาที่วัดนี้อีกครั้งเท่านั้น”
พระสงฆ์หนุ่มพอใจมากขึ้น “ช่วงนี้มีโยมจำนวนมากมาจุดธูปบูชา นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของวัดแล้ว ก็มาเพื่อแกงผักชามนี้”
เจียงจั้นสบายใจลงมาบ้าง
ถ้าในบ่อน้ำมีสิ่งที่มีลับลมคมนัยอยู่จริง แล้วเกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ตรงหน้าอีก พระสงฆ์ท่านนี้น่าจะไม่ภูมิใจเท่านี้
ก็ดีแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ก็ไม่ต้องกลุ้มใจที่จะฆ่าปิดปากอีกฝ่าย
เมื่อคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว เจียงจั้นก็ผ่อนคลายมากขึ้น และเริ่มพูดคุยกับพระสงฆ์หนุ่ม “นี่ก็เที่ยงแล้ว ทำไมพระอาจารย์ถึงไม่พักผ่อน มาที่นี่ทำไมหรือขอรับ”
บนใบหน้าชายหนุ่มที่งามเลิศมีรอยยิ้มที่มีความสุขอยู่ แล้วทำให้คนชอบพออย่างไม่ต้องสงสัย พระสงฆ์หนุ่มอดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ผักป่านี้บอบบางมาก และถึงเวลาต้องรดน้ำแล้ว……”
เจียงจั้นพอได้ยินแล้วก็ลิงโลด
คุยกันตั้งนาน ที่แท้พระสงฆ์หนุ่มรูปนี้ก็ถูกยัดเยียดให้มาทำงานหนักนี้นี่เอง
“โยมควรออกไปก่อน อาตมาต้องทำงานแล้ว” พระสงฆ์หนุ่มเดินไปที่บ่อน้ำ แล้วโยกคันจับอย่างคล่องแคล่ว
เสียงเอี๊ยดๆ ก็ดังขึ้น ไม่นานน้ำหนึ่งถังก็ถูกตักขึ้นมา
เจียงจั้นอดไม่ได้ที่จะยื่นคอไปมอง
“โยม?”
“พระอาจารย์ วันที่อากาศร้อนขนาดนี้ท่านตักน้ำคนเดียวคงเหนื่อยน่าดู ข้าว่างอยู่พอดี ข้าช่วยท่านรดน้ำแล้วกัน”
“นี่จะได้อย่างไร” พระสงฆ์หนุ่มยกถังน้ำแล้วเดินไปยังแปลงผัก
เจียงจั้นพยายามตามไป “พระอาจารย์อย่าปฏิเสธเลย นี่เป็นความจริงใจของข้าที่มีต่อพระพุธทเจ้า บางทีพระพุทธเจ้าอาจจะเห็นความจริงใจส่วนนี้ของข้า ความปรารถนาที่ข้าอธิษฐานในวันนี้อาจจะเป็นจริงในไม่ช้า”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระสงฆ์หนุ่มก็ไม่ขวางเขาไว้แล้ว และพยักหน้า
อมิตาพุทธ พระพุทธองค์โปรดรับรู้ ไม่ใช่ว่าเขาขี้เกียจ
ดูเหมือนว่าบ่อน้ำที่มืดมิดนี้กลับตักน้ำที่ใสมากขึ้นมาได้ จะดมอย่างไรก็ไม่กลิ่นแปลกๆ
รดน้ำแปลงผักเกือบจะเสร็จแล้ว คุณชายรองเจียงเหนื่อยมากนั่งหอบไม่เป็นท่าอยู่บนพื้น
เขาอยากจะพูดคุยเรื่องประสบการณ์ชีวิตกับน้องสี่เหลือเกิน
“วันนี้ขอบคุณโยมมากๆ โยมกลับไปพักผ่อนเถอะ”
เมื่อเห็นเจียงจั้นยังทำเป็นเก่งอยู่ พระสงฆ์หนุ่มยิ้มแล้วพูดว่า “หน้าของโยมตากแดดจนจะลอกหมดแล้ว”
เจียงจั้น “……”
เมื่อไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ เจียงจั้นก็ปัดฝุ่นบนร่างกายแล้วยืนขึ้น “ถ้าเช่นนั้นข้ากลับแล้วนะ ใช่สิ ยังไม่รู้ว่าจะเรียกพระอาจารย์ว่าอย่างไรเลย”
พระสงฆ์หนุ่มพนมมือใส่เจียงจั้น “อมิตาพุทธ ข้ามีนามว่าซื่อคง”
“พระอาจารย์ซื่อคง ถ้าพวกเรามีวาสนาคงจะได้พบกันอีก” เจียงจั้นประทับใจพระสงฆ์หนุ่มท่านนี้มาก กล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม แต่ก็รู้อยู่ในใจว่าคำสุภาพเช่นนี้เป็นเพียงแค่คำพูด และเมื่อออกจากวัดหลิงอู้แล้ว จะไม่คลุกคลีกับคนในวัดอีกอย่างแน่นอน
“แล้วพบกันใหม่โยม” พระสงฆ์หนุ่มมองเจียงจั้นจากไป นั่งพักบนพื้นอยู่สักครู่ แล้วเดินไปที่บ่อน้ำ
วันนี้เขามาเร็วกว่าวันก่อนๆ มาก แล้วยังมีโยมที่มีน้ำใจมาช่วยอีก ดูเหมือนว่าเขาจะได้กลับไปพักผ่อนในไม่ช้า
พระสงฆ์หนุ่มที่ฟื้นพละกำลังหลังจากพักผ่อนก็ได้ตักน้ำหนึ่งถังขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ถือน้ำเดินกลับไปทันที แต่จ้องไปที่ถังน้ำด้วยความตกใจ
ในถังน้ำที่เกือบเต็ม บ่อน้ำยังคงใสสะอาดอยู่ แต่กลับมีบางอย่างเกินขึ้นมา
นั้นคือรองเท้าหนึ่งข้าง
ทำไมในบ่อน้ำถึงตักรองเท้าขึ้นมาได้ล่ะ
พระสงฆ์หนุ่มมีสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวและสงสัย เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่างใบหน้าเขาก็ตกตะลึง
หรือว่าจะมีศิษย์คนไหนพลาดตกน้ำกัน
ไม่สิ แต่ไม่ได้ยินว่ามีศิษย์คนไหนขาดเรียนเมื่อเช้านี้เลย——
พระสงฆ์หนุ่มวางถังน้ำลง ก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น เกาะขอบบ่อและมองลงไป
“ซื่อคง เจ้ากำลังมองอะไร” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เมื่อเสียงดังเข้าไปในหูของพระสงฆ์หนุ่มแล้วกลับรู้สึกว่าน่าขนลุก
……
เจียงจั้นออกจากภูเขาด้านหลังอย่างเงียบๆ แต่พบว่าเจียงซื่อรออยู่ไม่ไกล และมีอวี้จิ่นยืนอยู่ข้างๆ
เจียงจั้นยิ้มให้ “เอ๊ะ น้องสี่พักกลางวันเสร็จแล้วหรือ”
“พี่รองไปไหนมา” เจียงซื่อถามอย่างหน้านิ่งๆ
“เดินไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” เจียงจั้นมองขึ้นไปบนท้องฟ้า และเปลี่ยนเรื่องคุย “ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ด้วยกันล่ะ”
“บังเอิญมาเจอกันน่ะ และพบว่าน้องเจียงเอ้อร์กำลังทำความดีอยู่ ก็เลยไม่ได้เข้าไปกวน”
เจียงจั้นเก้อเขินมาก “พวกท่านเห็นหมดแล้วงั้นหรือ”
“ไปจากตรงนี้แล้วค่อยคุยกันเถอะ ผ่านช่วงเที่ยงวันไปแล้ว อีกไม่นานก็จะมีคนมาทางนี้มากขึ้น” เจียงซื่อพูดอย่างหน้างอ
ทั้งสามคนกลับไปยังห้องพัก เจียงจั้นเทน้ำใส่กาแล้วหยุดลง “น้องสี่ เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ”
เจียงซื่อยักคิ้ว “พี่รองยังจะกล้าถามอีก ไปภูเขาด้านหลังคนเดียวตามอำเภอใจ ไม่กลัวจะเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นหรือ”
เจียงจั้นยังไม่ได้พูดอะไร แต่อวี้จิ่นก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ
สาวน้อยผู้นี้ยังกล้าเย้าแหย่ผู้อื่นอีก ก็ไม่รู้ว่ากลางดึกคืนนั้นใครกันที่สะกดรอยตามผีสุราไป
แต่ว่า… นี่อาจพิสูจน์ได้ว่าในใจของนางนั้นเจียงจั้นมีความสำคัญมาก?
สำคัญเกินไป
อวี้จิ่นชำเลืองมองเจียงจั้นที่กำลังเสียใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกปวดใจ
“น้องสี่ไม่รู้ หลังจากที่พวกเจ้าไปมีผีสาวมาเข้าฝันข้า! แต่ภูเขาด้านหลังนั้นไม่มีอะไรผิดปกติเลย ข้ายังผลัดกันตักน้ำกับพระสงฆ์นั้นตั้งหลายสิบรอบ แม้แต่ขนนกสักเส้นก็ไม่มี”
“เพราะฉะนั้นพี่รองก็ไม่ต้องทุกข์ใจเรื่องเหล่านี้แล้ว รออากาศเย็นลงหน่อยพวกเราค่อยไป”
เจียงจั้นทำได้แต่พยักหน้า
แม้ว่าพระอาทิตย์ข้างนอกยังคงแสบตาอยู่ แต่เสียงระฆังของวัดกลับดังขึ้น