ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 33-2 ความคาดหวัง
“ถ้าทรงกล้าถามคำถามตรงๆ เช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าชายาได้ตัดสินใจไปแล้ว เช่นนั้นแม้ว่าเราจะพูดสิ่งใด เห็นจะไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจของชายากระมัง”
“…ทรงหมายความว่า”
“ไม่รู้ว่าเราได้บอกชายาไปกี่ครั้งแล้ว ว่าทรงสามารถทำสิ่งใดก็ได้ตามแต่ปรารถนา เว้นแต่การกระทำที่จะเป็นผลเสียต่อเราในการขึ้นครองบัลลังก์ เราไม่สนใจว่าชายาจะเลือกอะไร หรือจะทำสิ่งใด”
บีพาอันรีบตอบแบบตัดจบและก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็ว กโยซึลรู้สึกมึนงงราวกับถูกตีเข้าที่ศีรษะอย่างแรง
“ขอทรงอภัยให้ความโง่เขลาของหม่อมฉันด้วยเพคะ”
กโยซึลพูดตอบออกไปอย่างยากลำบาก มันคือการตอบออกไปตามมารยาทที่เหมาะสม เป็นที่น่าสงสัยยิ่งนักว่าบีพาอันจะได้ยินเสียงอันเบาบางนี้หรือไม่ แต่อย่างไรมันก็ไม่สำคัญอยู่ดี แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นพระสวามีของนาง กโยซึลจึงดูจะมีความคาดหวังบางอย่าง ไม่รู้ว่าเป็นการหยั่งเชิงที่ไร้ประโยชน์หรือไม่ ไม่รู้ว่าตนต้องการสิ่งใดถึงได้ทำเช่นนั้นลงไป ช่างเป็นความคาดหวังที่สูญเปล่าเสียจริง บีพาอันก็เป็นเฉกเช่นเดิม เขาเอาแต่ทำตัวเย็นชาราวกับน้ำค้างแข็ง
“ยังคงหนาวเหน็บ…เช่นเคยเลยเพคะ”
จะต้องทำอย่างไรดี แม้ว่ากโยซึลจะพยายามคุมสติให้ได้ แต่ก็ดูเหมือนว่านางกลับกำลังถูกทำให้ปั่นป่วนจากทุกด้านแทน ราวกับว่าเขาจงใจสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อหลอกลวงตนเพียงเท่านั้น ในสถานการณ์นี้นั้นกโยซึลไม่รู้เลยว่าจะต้องทำอย่างไร หรือทำอย่างไรถึงจะดี นางไม่อาจสรุปคำตอบออกมาได้โดยง่ายได้ จนทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้จนอยากอาเจียนออกมา ความคิดที่ว่าควรปล่อยให้เรื่องมันดำเนินไปแบบนี้ ไปในทางที่สบายใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามดีหรือไม่เข้ามาในหัวชั่วขณะ ปกหนังสือที่กโยซึลกำเอาไว้ก็พลอยยู่ยี่สิ้นสภาพ
***
“จะพิสูจน์ให้เห็นอย่างนั้นหรือ”
รูแฮนั่งอยู่หน้าโต๊ะเขียนหนังสือเหมือนอย่างเช่นเคย แต่จุดที่ต่างจากปกติก็คือทั้งงานที่กองอยู่และหนังสือที่เขาเคยชอบนั้น ล้วนไม่อาจดึงดูดสายตาหรือความสนใจของเขาได้เลย
“เจ้าจะพิสูจน์อะไรได้กัน”
รูแฮสูดหายใจลึก เสียงตำหนิตัวเองของเขาเต็มไปด้วยความสลดใจ ต่อหน้ากโยซึล ตนไปคุยโวไว้เสียดัง แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้จะรับมือด้วยวิธีการอันแหลมคมเช่นใดดี ขึ้นชื่อว่าเป็นเรื่องความรู้สึกก็ยากเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รูแฮเป็นกังวลในเรื่องของความรู้สึก ไม่เคยคิดเลยว่าความรักมันจะบีบรัดสมองและทำให้เจ็บป่วยได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่จะจินตนาการก็ยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ
“รักอย่างนั้นหรือ”
เป็นคำที่แม้เพียงได้พูดออกมาก็ทำให้คันยุบยิบที่หัวใจ ทั้งยังทำให้ยิ้มได้อีกด้วย รูแฮผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ระทมใจกลับยิ้มกริ่มออกมาอย่างไม่อาจห้ามตัวเองไว้ได้
“เราเคยเอาแต่คิดว่าความรู้สึกนั้น คือโลกอีกใบหนึ่งที่แตกต่างและอยู่ห่างไกลเหลือเกิน เจ้าช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก”
ตัวเขาเองซึ่งได้รับการยอมรับทั้งจากตัวเองและผู้อื่นว่าเป็นหนอนหนังสือ แต่กลับมาหมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับวิชาการและบ้านเมืองอยู่ได้นานเช่นนี้นั้น เป็นสิ่งที่ผู้ที่รู้จักรูแฮไม่อาจจินตนาการถึงได้เลย ที่จริงแล้ว รูแฮเองก็รู้ว่ารักหมายถึงสิ่งใด ทว่ามันเป็นเพียงคำนิยามที่อยู่ในพจนานุกรม
“อีกทั้งยังเป็นความรักภายในพระราชวังแห่งนี้”
เหนือสิ่งอื่นใดมันเป็นคำนี้ถือเป็นคำที่ไม่เหมาะกับพระราชวังเป็นอย่างยิ่ง การพูดถึงความรักในราชสำนักนั้น เป็นเรื่องที่โง่เง่ามาก ไม่ต่างจากการกังวลว่าน้ำจะท่วมในทะเลทราย บุพเพสันนิวาสในราชสำนักนั้นเกิดมาจากการคำนวณผลประโยชน์ที่จะได้หรือเสียเพียงแค่นั้น แต่แน่นอนว่าย่อมมีผู้ที่มอบใจจริงให้กัน นั่นคือดึกวอลและโอรันนั่นเอง บินซองและฮเยจินก็เช่นกัน แม้ดึกวอลกับโอรันจะได้แต่งงานกันเพราะเรื่องผลประโยชน์บ้านเมือง ทว่าพวกเขาก็เข้ากันได้ดี เป็นกรณีที่คู่ที่สมพงษ์กันได้บังเอิญมาผูกสัมพันธ์กัน
ส่วนบินซองกับฮเยจินนั้น ก็เป็นกรณีที่ได้พบผู้ที่ถูกใจจนต้องยืนหยัดเพื่อคว้ามาให้ได้ บินซองประสบความสำเร็จนี้ได้จากความโปรดปรานเป็นพิเศษขององค์จักรพรรดิออฮยูลเจที่มีต่อสนมรองเจยง พระมารดาของบินซองซึ่งใกล้สิ้นชีพเต็มที บวกกับความดึงดันของตัวเขาเองด้วย เรื่องของพวกเขาเหล่านี้มันมีความพิเศษเฉพาะตัว แต่ไม่เคยคิดเลยว่ารูแฮ ผู้ที่ไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องใด กลับต้องเผชิญกับมันเช่นเดียวกัน อีกทั้งตัวเขาเองนั้นยังมีภาระความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากกว่าใครอีกด้วย
“แต่เราจะไม่เก็บซ่อนหรือพยายามข่มมันไว้อีกต่อไปแล้ว” รูแฮตั้งปณิธานอีกครั้ง จริงๆ แล้วมันคือคำพูดกำชับกับตัวเองซ้ำๆ มาแต่ไหนแต่ไร เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาปรารถนาคนๆ หนึ่งถึงเพียงนี้ คือความรู้สึก คือความปรารถนา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นครั้งแรกทั้งสิ้น
รูแฮหลับตาลง เขาผู้ซึ่งเคยใช้แต่สมองในการคิด ตอนนี้กลับมาใช้หัวใจพิจารณาเสียแล้ว ตึกตัก ตึกตัก จังหวะการเต้นที่รูแฮหลงลืมไปแล้ว ตอนนี้กลับกำลังเต้นอยู่ในตัวรูแฮ ในใจเขานั้นมีผู้ที่เขาคิดถึงอย่างสุดซึ้งสลักอยู่อย่างชัดเจน ความรู้สึกจากการได้เพียงกอดกโยซึลไว้ชั่วครู่นั้น ยังคงติดตรึงในใจเขาอยู่มิคลาย เขาไม่อยากลืมเลือนหรือสลัดมันทิ้งไปเลย
“คงต้องชัดเจนตั้งแต่แรก คงต้องแสดงให้เห็นอย่างจริงใจเพียงเท่านั้น”
รูแฮลืมตา ไม่มีเคล็ดลับหรือโชคช่วยใด ความสัมพันธ์ที่มีภาระติดพันธ์มากมายนั้น ไม่มีทางอื่นใดนอกจากค่อยๆ แก้ทีละขั้น หากเป็นเรื่องที่ประสบพบเจอเป็นครั้งแรกแล้ว ก็ไม่มีทางอื่นใดนอกจากทำในสิ่งที่คุ้นเคยที่ได้เคยทำมาตลอด
รูแฮนำกระดาษขาวโพลนสำหรับเขียนพู่กันออกมา เป็นกระดาษที่ใหญ่มากจนสามารถกางออกได้เต็มโต๊ะเขียนหนังสือ เขาถูแท่งหมึกบนหินฝนหมึกเป็นเวลานาน คุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย และค่อยๆ ใช้มือหยิบหินฝนที่เต็มไปด้วยหมึกนั้นขึ้นมาอย่างอ่อนโยน รูแฮค่อยๆ ฝนแท่งหมึกแท่งใหม่อย่างช้าๆ ราวกับจะทุ่มเทมันทั้งชีวิต จนเมื่อเริ่มค่ำลงแล้ว รูแฮถึงได้หยิบพู่กันขึ้นมา เขาจุ่มแล้วยกมันขึ้นลงซ้ำไปมาจนมันเปียกชุ่มด้วยหมึก จากนั้นจึงแต้มจุดสีดำลงบนกระดาษ
ทรงถามใช่หรือไม่ว่าเหตุใดจึงหลอกลวงกัน ทรงถามว่าแกล้งกันเล่นหรือไรใช่หรือไม่ กระหม่อมมิบังอาจหลอกลวงพระชายาขอรับ เพียงแค่ไม่อาจพูดออกไปได้เท่านั้น
คำสารภาพที่ได้เริ่มไปแล้วเพียงครั้ง กลับถูกพูดต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน รูแฮยังคงไม่หยุดเล่นพู่กัน กระดาษนั้นก็เต็มไปด้วยความในใจของเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่อาจปล่อยให้มีช่วงเวลาให้กังวลสิ่งใดได้อีกแล้ว
อาจเป็นเพราะตัวกล่อมนั้นมีพระชายาในหัวใจมาตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้ นั่นจึงยิ่งทำให้ตัวกระหม่อมไม่อาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกไปได้ เพราะไม่อยากให้ฐานะของเราทั้งสองมาขีดกั้นกลางระหว่างกระหม่อมกับพระองค์ แม้มันจะดูโง่เง่า แต่มันก็เป็นลูกไม้ตื้นๆ เพียงเท่านั้นจริงๆ แม้ว่าสักวันตัวตนที่แท้จริงของกระหม่อมจะถูกเปิดเผย แต่กระหม่อมเพียงแค่อยากจะซ่อนมันไว้ และอยู่กับพระชายาในฐานะนั้น ที่ไม่ใช่ตัวกระหม่อมในตอนนี้
ทั้งรูแฮและกโยซึลต่างทำเช่นเดียวกัน ที่พอนึกถึงอีกฝ่ายแล้วจะต้องจับพู่กันขึ้นมาเป็นอันดับแรก รูแฮนั่งเขียนกระดาษจนถึงดึกดื่น ความในใจของเขาที่เขียนออกไปนั้น กองทับถมกันอยู่ข้างโต๊ะเขียนหนังสือเต็มไปหมด เมื่อจบการเขียนจุดสุดท้ายแล้ว เขาจึงกลับมาอ่านทบทวนความรู้สึกที่เขียนลงไปนั้นทั้งหมดอีกครั้ง
“หัวใจของเรา หน้าตาเป็นเช่นนี้นี่เอง” เมื่อวาดภาพของหัวใจออกมาให้เห็นชัดเจนเช่นนี้แล้ว มันทำให้หน้าของเขาร้อนผ่าว แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ “ถ้าส่งมันไป พระชายาจะทรงรับรู้เพียงสักนิดหนึ่งได้หรือไม่”
กระนั้นเขาก็ยังต้องพบกับความยากลำบากในขั้นต่อไป พระราชวังนั้นกว้างใหญ่มาก หากไม่ได้มีธุระที่เกี่ยวข้องกัน การจะไปบังเอิญเจอกันได้นั้น มันช่างยากเย็นยิ่งนัก นอกจากนั้นสตรีในวังก็จะอยู่แต่ในที่พำนักของตนเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งตัวกโยซึลเองก็ทำแม้กระทั่งหลบเลี่ยงไม่อยากพบรูแฮอีกด้วย ดูเหมือนว่านางจะไม่ไปเหยียบแม้กระทั่งพระราชวังฝ่ายนอกที่เคยไปบ่อยๆ เลยด้วยซ้ำ ในสถานการณ์เช่นนี้ จะทำอย่างไรดีกับความในใจที่เปิดเผยออกมาถึงเพียงนี้แล้ว
“แม้ตั้งใจจะค่อยๆ แสดงออก แต่ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย”
เหมือนขึ้นบันไดมาแล้วหนึ่งขั้น แต่ก็ต้องไปหยุดที่หน้าบันไดขั้นต่อไป ตนยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยว่านี่เป็นเรื่องที่ยากนัก รูแฮได้แต่มองเหม่อไปยังที่แสนไกลด้วยใจอันเอ่อล้น แต่ทว่าเขากลับสามารถหาหนทางเพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ