ซ่อนรักเคียงบัลลังก์ - ตอนที่ 51-1 ไข้หวัด
ซ่า…
แว่วเสียงฝนอยู่ใกล้หูราวกับว่าเสียงนี้ดังมาจากที่ไกลลิบ ยามหลับตาลงก็เห็นภาพหมอกหนาชื้นที่กระจายตัวไปทุกหนแห่ง จังอดที่ทำมาจากผ้าแพรเรียบลื่น หนาอยู่พอตัว รูแฮและกโยซึลที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมนั่นนั่งอยู่ท่ามกลางสายฝน และเหนือศรีษะของทั้งคู่มีต้นไม้ใบใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านออกสู่ท้องฟ้าไปทั่วทุกทิศ ยืนลำต้นตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม รูแฮและกโยซึลนั่งชิดกัน แผ่นหลังเอนพิงลำต้นของต้นไม้ใหญ่ที่มีวงรอบประมาณหกเมตรได้ กโยซึลที่นั่งนิ่งสัมผัสไออุ่นที่กระทบแขนอยู่ กระซิบขึ้นมาเบาๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย” ถึงแม้จะเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาราวกับสายลม แต่รูแฮก็ได้ยินมัน
“เรื่องใดหรือ”
“เรื่องตั้งแต่ที่เราได้พบกับรูแฮ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิมาจนถึงฤดูร้อน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหตุการณ์ที่เป็นที่น่าตกใจที่สุดในชีวิตของเราจะเกิดขึ้นภายในเวลาอันสั้นนี้”
อาจเป็นเพราะเสียงฝน เพราะเสียงฝนที่ดังกังวานไปทั่วทิศที่ทำให้ตนหลุดจากความซับซ้อน สามารถแสดงออกได้อย่างตรงไปตรงมา และจดจ่ออยู่กับอีกฝ่ายได้มากขึ้น กโยซึลรู้สึกสบายใจ ช่วงเวลาที่ได้นั่งอยู่ข้างๆ รูแฮคือทั้งหมดของกโยซึลในตอนนี้ รูแฮจับมือนางแน่นขึ้นราวกับเป็นการตอบรับคำสารภาพอย่างเขินอายจากนาง เขาลูบไล้นิ้วเรียวเล็กทีละนิ้ว ราวกับว่าต้องการที่จะจดจำมันทั้งหมด ราวกับว่าต้องการประทับมันไว้ที่นิ้วของตนเอง
“เป็นเหตุการณ์ที่น่าตกใจที่สุดในชีวิตของข้าเช่นเดียวกัน” รูแฮเอียงหน้าเข้าไปใกล้ หน้าผากแฉะสัมผัสกับเส้นผมเปียกชื้น “การที่ได้พบเจ้า ได้รู้จักเจ้า ได้รักเจ้า”
นิ้วของรูแฮแทรกเข้าระหว่างนิ้วของกโยซึล มือของทั้งคู่สอดประสานกันแน่นจนไม่สามารถแนบชิดไปมากกว่านี้ได้อีก “และเหนือสิ่งอื่นใด การที่เจ้าเองก็มีใจตรงกันกับเรา ถือเป็นเรื่องที่ทั้งน่าตกใจ น่ายินดี และมีความสุขอย่างยิ่ง”
“ความสุข…” กโยซึลพูดตามรูแฮ
ความสุข คำที่น่าเขินอาย คำที่ก่อนหน้านี้ตนยังไม่กล้าแม้แต่จะนึกถึงมัน ในตอนนี้กโยซึลพูดมันออกมาด้วยปากของตนอยู่หลายครั้ง
“เราเองก็มีความสุข แล้วก็ใจเต้นแรง”
หัวใจเต้นแรง มันเต้นดังตึกตักเสียจนทั่วทั้งร่างสั่นไหว เพราะตอนนี้ตนอยู่กับรูแฮ หัวใจของตนเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เพราะอยู่ใกล้เขา ไม่ใช่แค่เพียงตอนอยู่ใกล้เขาเท่านั้น เพียงแค่นึกถึง หัวใจก็มีปฏิกิริยาแล้ว เป็นครั้งแรกที่กโยซึลรู้สึกอย่างนี้ นางกำมือแน่น นิ้วมือที่สอดประสานกับรูแฮอยู่เกร็งแข็ง ไม่ใช่แค่นิ้วมือเพียงเท่านั้นที่ต้องการสัมผัสกันให้ลึกซึ้งกว่านี้ กโยซึลหันหน้าไปหารูแฮ และรูแฮเองก็มองนางอยู่เช่นกัน สายตาของทั้งคู่สบประสานกันเช่นเดียวกับนิ้วมือ ไม่ว่าจะนิ้วมือ หรือสายตา เมื่อได้สบประสานกันครั้งหนึ่งแล้ว ก็ไม่อาจถอดถอนออกจากกันได้เลย สายตาฉ่ำวาว ดวงตาสุกใสเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ เม็ดฝนที่ไหลลงจากเส้นผมของรูแฮหล่นลงบนแก้มของกโยซึล
“โอ๊ะ”
เสียงตกใจถูกเปล่งออกมา ริมฝีปากเปิดอ้าและไม่มีทีท่าว่าจะหุบลง ช่วงเวลาที่ลมหายใจเริ่มติดขัด ทันทีที่มีการเคลื่อนไหว สายตาก็สบไปที่ตรงนั้นโดยอัตโนมัติ ตาของรูแฮจ้องมองไปที่ริมฝีปากของกโยซึล ริมฝีปากอิ่มที่อ้าออกฉ่ำวาว ดูเต่งตึงจนน่าปรารถนา
ความปรารถนา เขามีความปรารถนา ความต้องการครอบครองทุกสิ่งและสัมผัสทุกอย่างบังเกิดขึ้น ไม่ต้องมีคำพูดอื่นใดอีก ในเวลานี้ไม่อาจใช้ภาษาสื่อสานกันได้อีกแล้ว สายตา ความรู้สึก บรรยากาศ เพียงประสาทสัมผัสคลุมเครือเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ซ่า ซ่า ซ่า
เสียงฝนเริ่มห่างไกลออกไป เหตุเพราะยิ่งประสาทสัมผัสจดจ่อไปที่รูแฮมากเท่าไร ประสาทสัมผัสต่อสิ่งอื่นก็ยิ่งลดน้อยลงไปมากเท่านั้น และรูแฮเองก็เช่นเดียวกัน ไออุ่นที่ปลายนิ้ว กลิ่นกายที่ปลายจมูก ช่องว่างระหว่างทั้งสองเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนจางหายไป บ่วงที่ผูกมัดทั้งคู่ไว้ก็พลันหายไปเช่นเดียวกัน ทั้งคู่รับรู้ได้เพียงกันและกัน ริมฝีปากอยู่ในตำแหน่งเดียวกันเช่นเดียวกันไหล่วางขนาน ช่องว่างระหว่างทั้งคู่หายไปดังเช่นนิ้วมือที่เกี่ยวพัน ริมฝีปากทั้งบนและล่างสอดประสาน รูแฮค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง และกโยซึลเองก็หาได้หลบเลี่ยง นางเอนพิงไหล่ของรูแฮพร้อมกับเงยหน้าขึ้น การกระทำไล่ตามความรู้สึกหอมหวานเป็นไปอย่างธรรมชาติ
อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง ราวกับโหยหามันนัก ริมฝีปากที่แผ่ไออุ่นต่างกัน ซ้อนทับกันอย่างนุ่มนวลราวกับกลีบดอกไม้ที่ซ้อนทับกัน จูบสัมผัสราวกับขออนุญาตเข้าไปลึกซึ้งกว่านี้ได้หรือไม่ และกโยซึลก็ทำเพียงตอบรับมันอย่างง่ายดาย ไม่สิ นางยื่นหน้าส่งสัญญานเร่งเร้าเสียด้วยซ้ำ รูแฮต้องการมากกว่านี้ กลีบดอกไม้ที่สัมผัสกันอยู่อ้าออก มันยังคงแนบชิดกับอีกฝ่ายอยู่ ทว่าระหว่างช่องว่างนั้น เกสรหอมหวานถูกยื่นออกมา เกสรนั้นกักเก็บน้ำผึ้งหวานล้ำอยู่
อึก สัมผัสแปลกใหม่ทำให้กโยซึลปั่นป่วน นางชะงักเพียงครู่ จากนั้นก็ตอบรับเขาเช่นเดิม เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่แลกเปลี่ยนสัมผัสกันเช่นนี้ กโยซึลและรูแฮขยับเข้าใกล้กัน และคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าทั้งคู่ต้องการลืมเลือนความยากลำบากที่ต้องเผชิญอยู่
***
วันที่ฝนตกหนัก วันที่พายุฝนโหมกระหน่ำอย่างยาวนาน หลังจากที่กโยซึลกลับมาที่ตำหนักนางก็ล้มป่วยลง เมื่อเจ้าของตำหนักดงบีล้มป่วยอีกครั้ง เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักต่างวิตกกังวลกันให้วุ่นวาย ล้มป่วยไปแล้วถึงสามครั้งภายในช่วงเวลายังไม่ถึงครึ่งปี เช่นนี้แล้วกโยซึลจะต้องได้ชื่อว่าเป็นชายาฮวางแทจาที่อ่อนแอ ร่างกายเจ็บป่วยง่ายเป็นแน่
ถึงแม้จะอยู่ในช่วงฤดูร้อน ทว่าบนเตียงนอนกลับมีผ้านวมผืนนุ่มปูอยู่ หน้าต่างถูกเปิดรับอากาศสดชื่น แต่เพื่อป้องกันลมก็ได้กางมุ้งไว้ด้วย ผ้าไหมผืนบางแขวนไว้หลายทบ กโยซึลนั่งฟังเสียงฝนที่ได้ยินอยู่แว่วๆ อยู่บนเตียงนอนนิ่งๆ นางได้ยินเสียงสายฝนเย็นชุ่มฉ่ำ ทว่าร่างกายกลับร้อนรุ่ม