ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!! - ตอนที่ 22 สแตมปีด (1)
วันที่ 15 ของการเดินทาง
อืม วันนี้มีการเปลี่ยนแปลงกำหนดการกันนิดหน่อยล่ะ ตามที่ผมตั้งใจแล้วผมกะว่าจะกลับในวันพรุ่งนี้ เปลี่ยนเป็นผมจะกลับไปที่ดินแดนของเจเนซิสในวันนี้แทน ส่วนในด้านเหตุผลต่างๆนั้นก็ไม่มีอะไรมากนอกเสียจาก.. ตังค์ผมจะหมดแล้ว
ใช่ มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนักที่ต้องกลับไปด้วยเหตุฉะนี้ เพราะงั้นผมจะอุบเอาไว้เป็นความลับจากคุณทวดก็แล้วกัน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เงินของผมหมดลงนั้น เป็นเพราะว่าผมเลือกซื้อของฝากอย่างตั้งใจมากไปหน่อย.. ตังค์ในกระเป๋าเลยบ๋อแบ๋เลย
ถึงแม้ว่าผมจะเป็นญาติของพวกเขาก็เถอะ แต่มันก็ดูไม่ดีใช่ไหมล่ะที่อยู่ๆก็ไปขอเงินเขาสุ่มสี่สุ่มห้าน่ะ เพราะงั้น.. ก็นะ กลับกันเถอะ
แถมที่นี่เองก็ยังเป็นมิตรกับผมมากเกินไปอีกด้วย มันทำเอาผมรู้สึกอายจนไม่กล้าที่จะขอเงินใครเลย.. แม้ว่าญาติของผมนั้นจะรวยมากๆเลยก็เหอะ
ซึ่ง ตอนนี้เองผมก็มาอยู่ที่ปากทางเข้าอาณาจักรแล้วล่ะ คนที่มาส่งผมจะมีแค่คุณกอร์ มิกะ และเรกกะก็เท่านั้น
เนื่องจากคนอื่นๆติดธุระกันหมด จึงไม่ว่างกันสักคน
คุณซิมฟ์ก็ต้องกลับไปดูแลที่ลาสต์โฮลเดอร์อย่างที่ควรจะเป็น คุณทวดยุ่งกับการฝึกนักเวทมือใหม่ในกองทัพ น้าฮากะกับคุณซาราก็ยุ่งกับงานเอกสารของพวกเขา แม้ว่าพวกเขาจะปาร์ตี้กันหนักก็เถอะ แต่งานพวกเขาก็เยอะใช่ย่อยเหมือนกัน เลยเอาเป็นว่า.. ไม่รบกวนพวกเขาดีกว่า
“ ดูแลตัวเองด้วยล่ะ ”กอร์
“ อื้ม ขอบคุณฮะ ”
“ ไว้พบกันที่สถาบันนะคะ ”มิกะ
“ ? เธอก็ไปเรียนที่สถาบันด้วยหรอ? ”
“ ค่ะ! แค่อยากลองเรียนดูอ่ะค่ะ! ”มิกะ
“ อ่อ.. โอเค ”
ดูท่าแล้ว ผมน่าจะยังต้องพัวพันกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ไปสักพักเลยล่ะนะ นั่นก็ไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องแย่อะไร
“ อย่าลืมกลับมาเยี่ยมบ้างนะพี่! ”เรกกะ
“ อืม! ”
หลังจากที่ได้ร่ำลากันเล็กๆน้อยๆแล้ว ผมก็รีบมุ่งหน้าออกเดินทางกลับทันที และในเมื่อตอนนี้ผมได้เรโมดิชมาแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องเดินอีกต่อไปแล้วล่ะ!
“ เอาล่ะ ขอแบบเฟี้ยวๆไปเลยนะเรโม่! ”
ผมพยายามนึกถึงภาพสกายไบค์ที่เป็นมอไซด์ลอยได้แบบในหนังไซไฟ ทั้งรูปลักษณ์ การทำงานของเครื่องยนต์ และส่วนประกอบสำคัญๆต่างๆ ผมพยายามประติดประต่อพวกมันให้ได้มากที่สุดในจินตภาพของผม
แต่แล้ว ระหว่างที่ผมกำลังใช้หัวคิดอยู่นั้น สติของผมก็ได้หลุดไปยังอีกที่หนึ่ง ที่ซึ่ง.. มีแต่สีขาว เป็นห้องสีขาวขนาดพอประมาณ ไม่ใหญ่เกิน ไม่เล็กเกิน ไม่กว้างเกิน ไม่สูงเกิน
แบบว่ายังไงดีล่ะ.. มันอธิบายไม่ถูก
แล้วก็ต้องหน้าผม เป็นสิ่งๆหนึ่งที่มีรูปร่างเป็นเหมือนกับของเหลวสีดำ.. ใช่ มันคือเรโมดิชนั่นเอง
ทันใดนั้น ผมก็เริ่มที่จะประติดประต่อเรื่องราวได้
“ หรือว่า.. นี่คือโลกระหว่างจิต? ”
[ คุณกับเรโมดิชเชื่อมถึงกัน 100% ]
[ ยินดีต้อนรับสู่ ‘กระบวนการรังสรรค์’ ]
หน้าต่างสกิลแบบเดิม ปรากฏขึ้นต่อหน้าผมอีกครั้ง แม้จะเห็นมันเป็นแบบนั้นผมก็ยังไม่เลือกที่จะด่วนตัดสินใจในตอนนี้ รอไอ้เจ้าหน้าต่างนี่มันอธิบายว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นอยู่ซะก่อน
[ กระบวนการรังสรรค์ ใช้สำหรับสร้างอาวุธ หรือพาหนะเพื่อเป็นต้นแบบให้กับเรโมดิชที่จะเลือกใช้ และไม่ลำบากเจ้าของที่จะต้องคงรูปลักษณ์สิ่งนั้นไว้ด้วยความคิดตลอดเวลา ]
อืมๆ เป็นระบบช่วยเหลือในการใช้งานเรโมดิชนี่เอง
[ ต่อจากนี้จะแนะนำการใช้งาน :
ฟังก์ชั่นทั้งหมดมี ดังนี้
ร่างส่วนประกอบ-ควบคุมน้ำหนัก-เพิ่มความสามารถ-การทำงานของชิ้นส่วน-ประกอบ-แต่งสี-ตั้งชื่อ ]
โอ้ว! เจ๋งโคตร!!
[ ระดับความสัมพันธ์ของคุณกับเรโมดิชปัจจุบันอยู่ที่ 2 ]
[ ปลดล็อคสล็อตเก็บต้นแบบอาวุธ 2 ชิ้น ]
ออ.. สล็อตในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอาวุธเปลี่ยนไปตามความสัมพันธ์ของเจ้าของกับอาวุธสินะ.. เรียกได้ว่าเรโมดิชเนี่ยเป็นอาวุธที่น่าสนใจและอเนกประสงค์มากเลยทีเดียว
เอาล่ะ! หลังจากนี้ไปจะเป็นการรังสรรค์สุดยอดผลงานล่ะ!!
…
“ เฮ้อ.. ใช้เวลาออกแบบไปนานพอตัวเลยนะเนี่ย ”
อย่างที่ผมได้ตั้งใจเอาไว้ในทีแรก ว่าจะให้ในสล็อตแรกของต้นแบบนั้นเป็นยานพาหนะอย่างสกายไบค์ ที่แฮนด์บังคับทั้งสองข้างของมันสามารถถอดออกมาเป็นอาวุธขนาดเล็กได้ อีกทั้งผมยังออกแบบให้มันมีแรงต้านกับอากาศน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่จะทำให้มันมีความเร็วที่สูงโคตรๆ
และแน่นอนว่าก็ต้องมาพร้อมกับชุดแบบพิเศษที่ผมจะใช้ในสล็อตที่สอง เป็นชุดบอดี้สูทแบบพิเศษที่ทำมาเพื่อใช้กับสกายไบค์คันนี้โดยเฉพาะ
และผมขอเรียกเจ้านี่ว่า BlackSun!!
เนื่องจากรูปลักษณ์และสีของมันที่ออกไปทางสีดำมันเงา มีไฟหน้าสีแดงประดับอยู่ ส่วนไอพ่นนั้นจะปล่อยไฟที่ร้อนแรงออกมาเหมือนกับดวงอาทิตย์
ส่วนการทำงานของมันนั้นจะใช้เวทแรงโน้มถ่วงในการลอยตัวดังที่ผมตั้งค่าเอาไว้ และการคับเคลื่อนไปข้างหน้าก็ต้องเกิดมาจากไอพ่นที่จะระเบิดไฟจำนวนมหาศาลออกมา ทำให้ความเร็วของเจ้าแบล็คซันคันนี้นั้นมีความเร็วเทียบเท่ากับเครื่องบินเจ็ทเลยทีเดียว
โคตรเท่ โคตรเจ๋งเลยอ่ะ
พอจัดการอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็ขึ้นปุ่มเซฟมาให้ผม
[ ต้องการบันทึกข้อมูลหรือไม่ ]
“ แน่นอน! ”
หลังจากนั้นผมก็หลุดการเชื่อมต่อจากโลกแห่งการสร้างทันที
ก่อนที่เจ้าเรโมดิชจะเปลี่ยนเป็นอาวุธ มันจะขึ้นสล็อตอาวุธต่างๆมาให้ก่อนว่าผมจะเอาแบบไหน ซึ่งผมก็กดเลือกทั้งสองแบบที่ตั้งเอาไว้มาเลย
มันเลยได้แบ่งส่วนหนึ่งของมันไว้กับผมเพื่อนสร้างเป็นชุด ส่วนที่เหลือของมันก็จะเอามาสร้างเป็นแบล็คซัน เจ้าสกายไบค์สุดจะเท่ห์ของผม
เอาล่ะ.. ได้เวลาซิ่ง!!
ตู้ม!!
ฟิ้วว–
เยี่ยมไปเลย การขับเคลื่อนของมันไม่มีเสียงรบกวนดังออกมาแม้แต่น้อย มันจะมีเพียงแค่โซนิคบูมในช่วงแรก กับเสียงลมก็เท่านั้น
ไม่กี่นาทีที่ผมกำลังขับออกมาจากดินแดนของเอล์ฟ ผมก็เริ่มมองเห็นท่าเรือที่ผมขึ้นมาจากทะเลแล้วล่ะ.. แต่สภาพของมัน.. มันเละตุ้มเป๊ะไปหมดเลย
อะไรกันเนี่ย.. มันเกิดอะไรขึ้น?
ที่นี่มัน.. เหมือนกับว่าถูกบางสิ่งที่มีจำนวนมากมาถล่มยังไงยังงั้น
แถมที่นี่ยังไม่มีใครเหลือสักคน.. เรือแบล็คเดรคของลุงโรมิโอก็ไม่อยู่ ให้เดานะ เขาคงจะออกจากท่าเรือนี้ไปแล้วแน่ๆ
อยู่ๆผมก็รู้สึกไม่ดีแฮะ ราวกับว่ามันกำลังจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นที่อาณาจักรเอล์ฟยังไงยังงั้น แต่ที่นั่นเป็นถึงดินแดนที่มีผู้แข็งแกร่งอยู่เยอะแยะเลยนะ ..
บึ้ม!!!
เกิดระเบิดขนาดใหญ่ขึ้นจากทางด้านหลังที่ผมผ่านทางมา ซึ่งทางนั้นเป็นทางที่อาณาจักรเอล์ฟตั้งอยู่
อีกทั้งตรงทะเลยังเกิดเป็นม่านพลังบางอย่างที่คล้ายกับโดมสีแดงครอบคลุมไปทั่วพื้นที่นี้อีก โดมนี้มันปกคลุมไปทั้งอาณาจักรของเอล์ฟเลย. ชักจะกังวลแล้วสิ..
ตามสูตรต่างโลกแล้วนี่น่าจะเกิดขึ้นมาจากพวกลัทธิคลั่ง.. ซึ่งประจวบเหมาะกับที่ผมได้ผ่านเรื่องอย่างว่านั่นมาพอดี แต่ไม่คิดว่าอิทธิพลของพวกมันจะครอบคลุมมาจนถึงที่นี่ด้วย.. บางที แผนการของพวกมันอาจจะเป็นการทำลายอาณาเอล์ฟที่เป็นตัวถ่วงดุลความเจริญของพวกมันก็ได้
แต่… พวกมันจะเอาพลังที่ไหนมาสู้กับจอมเวทระดับ 8 และ 10 ที่มีพลังเท่าๆกับเทพกันล่ะ
นั่นแหละคือที่ผมสงสัย
“ … เอาไงดีเนี่ย ออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้.. คงมีแต่ต้องกลับไปล่ะนะ ”
เอาไงเอากัน ผมขึ้นสกายไบค์ของผมก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับอารุฟานด้วยความเร็วสูง แต่ทว่า..
“ เห้ยย!! ”
ระหว่างทางมันดันมีตัวบ้าอะไรไม่รู้เข้ามาหยุดสกายไบค์ของผมเอาไว้ได้ซะงั้น!! แถมมันยังยกแบล็คซันของผมแล้วจับเหวี่ยงฟาดพื้นอีก.. เจ็บนะเฟ้ย!!
“ อูย… ”
ฮวา…
ฮว๊ากกกก!!!!
เสียงคำรามของมันช่างน่าสยดสยองซะไม่มี
“ ไซคลอปส์หรอ!? มาอยู่นี่ได้ไงวะเนี่ย!! ”
ดูท่าเจ้าตัวที่ผมกำลังเผชิญหน้าอยู่จะเป็นไซคลอปส์ล่ะ มันเป็นมอนสเตอร์ที่ถูกจัดให้อยู่ในแรงก์ A ของไลท์โนเวลหลายๆเรื่องเลย.. แถมมันยังไม่ได้มีแค่ตัวเดียวอีก..
คือไอ้ที่ออกมาจากป่าเนี่ยมันมาจากไหนกันไม่ทราบฟะ!! แม่งเอ้ย…
“ มีเป็นร้อยๆตัวเลยมั้งเนี่ย.. ”
นั่นแหละ ก็อย่างที่ผมได้พูดไป ไอ้ไซคลอปส์ตาเดียว สูงกว่า 50 เมตรนั่นน่ะมันไม่ได้มีแค่ตัวเดียว แต่มีเป็นร้อยๆตัว และมันก็กำลังจะมุ่งหน้ามาทางผมกันอีกด้วย..
เดี๋ยวสิ!! ทำไมต้องมาทางนี้กันล่ะเห้ย!!
“ แย่แล้วไงเล่า!! ท้องฟ้าดันมากลายเป็นแบบนี้อีก!! ”
ตอนนี้น่ะนะ.. ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงหม่นๆ และพระจันทร์สีเลือดดวงยักษ์ก็ขึ้นมาแทนที่พระอาทิตย์อย่างกระทันหันซะแบบนั้นน่ะ
แล้วไหนบอกว่าบลัดมูนมันจะเกิดครั้งเดียวในรอบสี่ปีไงเล่าคุณบาทหลวง!!!
.. แย่แล้วแฮะ อย่างน้อยๆในสถานการณ์แบบนี้เจ้าไซคลอปส์พวกนี้ แต่ละตัวน่าจะมีแรงก์ประมาณ AA++ เพราะว่าบลัดมูนช่วยเพิ่มความกระหายเลือดให้มัน อีกทั้งพละกำลัง ความรับรู้ และความเร็วของมอนสเตอร์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากอีกต่างหาก
แล้วนี่ผมจะไปที่อารุฟานทันไหมเนี่ย..
…
ไม่นานนัก โกรุมก็ได้มายืนอยู่ข้างๆข้าหลังจากที่มันจัดการงานของตนเสร็จ
“ พวกเราถูกล้อมแล้ว ”กอร์
“ ข้ารู้ ท่านพี่ ”โกรุม
หลังจากที่เสียงระเบิดที่เกิดจากเจ้าเด็กนั่นหมดไป ม่านพลังสีแดงก็เข้าปกคลุมอาณาจักรของพวกเราซะแล้ว
อีกทั้งท้องฟ้าที่ยังกลายเป็นสีแดงอีก.. นี่มัน บลัดมูนรึ?
ไม่สิ
“ พวกมันบังคับให้เกิดบลัดมูน ”กอร์
“ สถานการณ์แบบนี้มีแค่พวกเดียวที่ทำเช่นนี้ได้ ”กอร์
“ โก พวกมอนเทียสเคลื่อนไหวแล้วรึ ”กอร์
“ หลายร้อยปีมานี้ข้าไม่ได้ข่าวคราวของพวกมันเลย จนกระทั่งวันนี้ ”โกรุม
“ ระวังตัวไว้น้องชาย เป้าหมายของพวกมันอาจจะเป็นเจ้า ”กอร์
“ ข้าจะระวัง ”โกรุม
ดูจากเหล่าพลทหารที่เคลื่อนพลมายังประตูเมืองทั้งสี่จุดแล้ว พลธนูก็ได้เข้าประจำการบนกำแพงต่อทันที ไม่นานนักประตูเมืองก็ปิดลง สัญญาณอพยพผู้คนได้ดังขึ้น
ข้าคิดว่าสิ่งนี้น่าจะเกิดจากฮากะที่เป็นคนสั่งการ ตามแต่ละหัวเมืองเองก็จะมีเหล่าเอล์ฟอวุโส 2 คนที่มีพลังไม่ต่ำกว่าจอมเวทระดับ 8 คอยควบคุมดูแลอีกที
ดูท่า นี่จะเป็นเรื่องด่วนเสียแล้ว
“ ท่านพี่.. โปรดรับสิ่งนี้จากข้าด้วย ”โกรุม
โกคว้ามือเข้าไปยังช่องว่างระหว่างช่วงเวลาก่อนที่จะหยิบขวานยักษ์เล่มนึงออกมา แล้วยื่นมันให้ข้า
มันเป็นขวานที่ข้าเคยใช้มาเมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่สงครามครั้งใหญ่จะอุบัติขึ้นเมื่อครั้งก่อน
“ .. สะบั้นยักษ์.. เจ้ายังเก็บมันไว้อยู่รึ โก ”กอร์
“ ข้ารู้ว่าสักวันหนึ่งท่านจักเสียเรโมดิชไป ข้าเลยเก็บมันไว้ให้ท่าน ”โกรุม
“ ขอบใจมาก ”กอร์
แม้ตอนนี้ตัวข้าจะสูญเสียสกิลส่วนใหญ่จากการส่งมอบมันไปให้ผู้สืบทอดแล้วก็เถอะ แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่สำคัญทั้งหมด สกิลระดับต่ำกว่า S นั้นยังอยู่ที่ข้า.. และข้ามีสกิลพวกนั้นมากกว่า 10 รวมถึงพลังกายของข้า
ข้ามั่นใจว่าข้าในตอนนี้สามารถเอาชนะมอนสเตอร์แรงก์ AAA+++ ได้หากใช้พลังเต็มที่
“ เวลานี้มันช่างเหมาะเจาะเสียนี่กระไร ”กอร์
“ ทีแรกข้าว่าจะไม่กลับมาสู้อีกแล้วนะ.. แต่เรื่องนั้นมันคงจะเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ”กอร์
“ ท่านเลี่ยงจากคนได้ แต่กับมอนสเตอร์น่ะท่านเลี่ยงไม่ได้หรอก.. ยิ่งเป็นพวกมอนเทียสด้วยแล้ว ยิ่งต้องถอนรากถอนโคนทิ้งให้หมด ”โกรุม
นั่นสินะน้องชาย พวกมอนเทียสน่ะมันไม่น่าให้อภัยจริงๆ เพราะงั้นนี่จะเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่ข้าจะยืนหยัดสู้นอกจากสงคราม
คือการล้างบาง พวกลัทธิมอนเทียสนั่น!!
แออออออออออออออออออออ–
ทันทีที่เสียงแตรสงครามดังขึ้น ทหารทุกนายต่างก็กุมอาวุธในมือของตนแน่น พอเสียงนั้นสิ้นสุดลง มันเป็นสัญญาณบอกให้พวกทหารได้รู้ว่า..
สแตมปีด กำลังจะเริ่มขึ้น
ตัดจบตอน