ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!! - ตอนที่ 23 สแตมปีด (2)
“ อุ- ฮวากก… ”
“อ่ะ อั่ค- ”
แม่งเอ้ย!! ไม่ว่าจะทำยังไงก็ฆ่าพวกมันไม่ได้เลยสักตัว! ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์ก็แล้ว กำลังกายก็แล้ว แต่ก็ถูกมันตบกลับมายับเลย!!
เวลาแบบนี้.. ถ้ามีปาร์ตี้ก็คงจะดีน่ะสิ ไม่น่าโซโล่เลยบี๋เอ๊ยยย!!
ก็นั่นแหละ แม้ว่าตัวผมจะใช้ยุทธศาสตร์จำลองไปแล้ว บวกกับใช้เวทเสริมกำลังต่างๆไปแล้ว แม้กระทั่งใช้ท่า หอกเพลิงที่ถูกยกระดับขึ้นมาก็แล้ว มันก็ยังไม่สามารถทำอะไรเจ้าพวกนี้ได้เลยแม้แต่ตัวเดียว.. ตามความเข้าใจของผมนะ เจ้าพวกนี้น่ะมันสามารถต้านทานเวทมนตร์ได้ถึง 300% เลยล่ะ
เพราะว่าเจ้าท่าหอกเพลิงสุริยะนั่นน่ะ มันมีความรุนแรงถึงขนาดที่สามารถเป่าพื้นที่นี้ในระยะ 5 กิโลเมตรให้เป็นหลุมเป็นบ่อได้เลย แต่พวกมันก็ยังไม่เป็นอะไร นี่มันจะเหนือความคาดหมายเกินไปแล้วนะ.. ระดับดับเบิ้ล A มันเก่งขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย…
ก็นะ ด้วยเหตุนั้นที่มันแกร่งมากเกิน ผมเลยมานอนจมกองเลือดตัวเองอยู่นี่แหละ แม้ว่าผมจะตัดเอ็นมันขาดเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวได้ ก็ไม่มีปัญญาไปฆ่ามัน เพราะไอ้ตัวอื่นมันก็จะมาขัดขวางผมอยู่เรื่อยๆ
อีกทั้งมันยังร่วมมือกันยำผมจนเละอีก.. แม่ง โคตรเจ็บ
“ เชี่ยเอ๊ย- ชาไปหมดทั้งตัวเลยวุ้ย.. ”
โอ้ยน้อ- ไม่น่าห้าวเลยตู
ด้วยความที่ผมหลงระเริงในพลังที่ได้รับมามากจนเกินไป จนลืมคิดไปว่านี่คือพลังของคนอื่น และผมก็ยังไม่ชินกับมัน มันทำให้ชั่วขณะหนึ่งที่ผมได้คิดว่าตนเองนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งสุดยอด
แต่ที่ไหนได้ ดันเป็นแค่ไอ้ขี้แพ้ที่คอยแต่จะพึ่งพลังของคนอื่น.. เพราะงั้นในตอนนี้ผมเลยต้องเรียนรู้มัน วิถีของนักรบ วิถีของนักเวท และวิถีของตัวเองที่ผมควรจะเป็น ก็นะในเมื่อผมมาต่างโลกแล้ว
ก็ต้องเอ็นจอยกับมันสิ
ตุ้มม!!!
“ อึ่ก– กรอด!!– ”
แต่ก่อนที่ผมจะได้ไปถึงฝันนั้น ก็โดนดับฝันโดยการที่ต้องโดนไอ้ยักษ์ห่านี่เหยียบซ้ำมาที่ร่างอันบอบช้ำของผม ซึ่ง.. มันทำผมหงุดหงิดนิดหน่อยน่ะ
“ ห่า- เอ๊ยยย!!!! ”
ผมรีดเค้นแรงทั้งหมดที่มี พร้อมด้วยร่ายเวทเสริมกำลังกาย และพยายามดันเท้าที่ไอ้ไซคลอปส์นี่เหยียบมาหาผมกลับไป
“ โอ้ววววว!!!! ”
ด้วยแรงทั้งหมดของผมบวกด้วยความพยายามที่จะมีชีวิตรอด ทำให้ผมสามารถผลักร่างของมันกระเด็นออกไปได้
“ ฮ่า- ฮ่า-.. อาา!! อย่ามาดูถูกกูนะเว้ย ไอ้ยักษ์เหี้ย!!! ”
และเป็นความพยายามที่จะเอาชีวิตรอดจากความตายนี้เอง ที่ทำให้ผมสามารถปลดล็อคสกิลหนึ่งของกอร์ขึ้นมาได้ และจากแรงใจในครั้งนี้ ก็ทำให้ผมได้รับสกิลเฉพาะตัวของผมเอง
[ สกิล : ผลาญชีพ S (ปลดล็อค!!!) ]
แต่ไอ้สกิลบ้านี่มันไม่ได้มีประโญชน์อะไรในสถานการณ์แบบนี้เลย เพราะจากที่ดูแล้วมันเป็นสกิลที่ต้องคอมโบกับฟื้นฟูฉับพลัน เพื่อคงค่าพลังชีวิตเพื่อประคองสติเอาไว้ มันจึงไม่ใช่สกิลที่ดีนักในสถานการณ์แบบนี้เพราะเจ้าสกิลฟื้นฟูฉับพลันนั่นมันถูกลบไปแล้วไงล่ะ
เพราะงั้น ผมขอมาพึ่งพาอีกสกิลที่พึ่งได้มาดีกว่า
“ หืม? ”
ผมนี่ถึงกับเหวอเลย ไม่คิดว่าในโลกที่เวทมนตร์เด่นเป็นที่สุดแบบนี้จะมีสกิลอะไรแบบนี้ได้
“ เยดเข้… ”
[ สกิล : พลังจิต F- (เติบโต) [NEW!!!] ]
แต่ว่านะ.. ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาดีใจนี่หว่า!! แย่แล้ว!! พวกมันกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้วว้อยยย!!!
ชิบหายแล้วไง- นี่ตูจะมาตายที่นี่หรอวะเนี่ย.. ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยเนี่ยนะ!!
ไม่ยอมหรอกเฟ้ย!!!
ฮว๊ากกกกก!!!!
อ่ะ.. กำลังจะตายล่ะ
“ …. เหี้ยเอ๊ย- ”
“ ขอโทษนะคะ รุ่นพี่ ” ???
…
“ … ”
นี่ตู.. ยังไม่ตายหรอวะเนี่ย?
แล้วนั่นคือ.. ผู้หญิง.. ที่ใช้หอก??? ไม่ดิ นั่นมันทวนหนิ?
แต่ประเด็นคือ.. ผู้หญิงคนนั้นจัดการเจ้าไซคลอปส์ที่ฆ่ายากนักยากหนาซะอยู่หมัดเลย.. นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร- เดี๋ยวนะ เสื้อคลุมแบบนั้น.. ชุดที่เป็นเอกลักษณ์นั่น แล้วก็สัญลักษณ์รูปหอกกับปีก..
วาคิวเรียเรอะ!?
เดี๋ยวดิ นี่ตูเจอวาคิวเรียมาทั้งหมด 7 คนละนะ.. ทำไมมันมากระจุกรวมกันอยู่ที่ผมฟระ!! ผมล่ะไม่เข้าใจโชคชะตาจริงๆ..
…อืม
……… ฮึ่ม…
ยัยคนนี้.. มันจะเก่งเกินไปละ แม้ว่าเจ้าตัวจะเก่งถึงขนาดไหนก็เถอะ แต่ผมก็สามารถมองเธอออกได้ในทันทีว่าเธอกำลังเหนื่อย แต่เธอก็ยังสู้ต่อไปราวกับว่ากำลังถ่วงเวลาอยู่
เท่าที่ผมนับได้ เธอฆ่าไป 4 ตัวจากเกือบๆร้อยตัว.. ก็ถือว่าเก่งละนะ ขนาดผมยังจัดการไม่ได้สักตัวเลย เจ๋งชะมัด
จะว่าไป ผมไม่ได้สังเกตลักษณะของเธอให้ชัดๆและเอามาบอกกับพวกคุณเลยสินะ.. คือว่า เธอมี.. –
ตุ้มม!!!
ส้นตีนของไซคลอปส์ได้กระแทกลงมายังพื้นที่ที่เฉียดร่างของผมไปเพียงไม่กี่เมตร ดีที่มันไม่เหยียบร่างของผมไม่งั้นผมได้ไปหวันไปแล้ว.. ฮ่ะๆ ตอนนี้คงจะยังไม่มีเวลาว่างล่ะสินะ
นั่นสิ ต้องจัดการพวกมันให้หมดก่อน..-
แผละ-
เธอคนนั้นขว้างหอกมาใส่ไซคลอปส์ที่จู่โจมผมซะหัวมันแตกกระจุย สมองระเบิดและกระเด็นไปทั่ว จนเลือดของมันท่วมร่างของผมไปหมดเลยล่ะ
“ จ- ใจเย็นๆหน่อยก็ได้นะ ”
“ ไม่ได้หรอกค่ะ!! เดี๋ยวคุณจะโดนลูกหลงเอา!!” ???
เธอตอบกลับมาทันควันเลยล่ะ ….แล้วนี่ผมไปรู้จักกับเธอตอนไหนกันล่ะเนี่ย ทำไมคุณเธอถึงแลดูเป็นห่วงผมมากขนาดนี้ ผมล่ะไม่เข้าใจ
ผมงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนกระทั่ง..
“หมอบ ”วี
พอผมได้ยินเสียงนั้น ทั้งผมและเธอคนนั้นต่างก็หมอบลงไปพร้อมๆกันโดยสัญชาตญาณ
“ สะบั้น- ภูผา ” วี
ท่าดาบสุดรุนแรงที่ผมคุ้นเคยได้ปรากฏออกมาโดยคนๆเดิม จากเมื่อครั้งยังอยู่บนเรือ
ผมรู้ได้เลยว่าความรุนแรงที่มากมายมหาศาลขนาดนี้นั้นมันเป็นของใคร เพียงแค่พลังเศษของมันได้ถูกปล่อยออกมาก็เท่านั้น …แน่นอน ว่าคนที่ทำแบบนี้ได้ มีแค่วิกตอเรียแห่งวาคิวเรีย เท่านั้นที่ผมรู้จัก
ทั้งป่าตรงหน้า และฝูงไซคลอปส์ถูกผ่าเป็นแนวราบออกเป็นสองส่วนทั้งหมด ไม่ว่าผมจะได้เห็นมันสักกี่ครั้ง ความแรงของมันก็ยังทำให้ผมฟินและทึ่งเหมือนเดิม จะว่ายังไงดีล่ะ ผมเป็นพวกที่ชอบท่าใหญ่แรงๆอ่ะนะ มันแบบ เห็นมันกวาดล้างไปหมดแล้วรู้สึกดี
ผมหันกลับไปข้างหลัง.. เห็นปาร์ตี้วาคิวเรียตี้เดิมกำลังพากันวิ่งมาทางนี้
พอเรียที่เป็นพรีสต์ได้เห็นสภาพของผม เธอก็รีบบึ่งมารักษาทันที แม้มันจะพอบรรเทาอาการบาดเจ็บได้บ้าง แต่บาดแผลภายในมันก็ยังไม่หายสนิดดี แต่เท่านี้ผมก็ขอบคุณเธอมากแล้วแหละ
แล้วก็นะครูว์.. ทำไมยัยผู้หญิงตรงนั้นถึงรู้จักฉันได้ล่ะ?
“ เออ ก็… ฉันเล่าเรื่องของนายระหว่างที่มาที่นี่ให้เธอฟังน่ะ เธอประทับใจในความกล้าของนายมากเลยนะรู้ป่ะ เพราะว่าพวกขุนนางที่เป็นผู้ชายในรุ่นๆเราน่ะ พวกนั้นไม่ได้กล้าหาญแบบนายไง แบบว่า ไม่กล้าตายน่ะ ”ครูว์
“ โอเค.. ”
พูดถึงก็มาเลยแฮะ เธอคนนั้นรีบวิ่งจากกองซากศพของไซคลอปส์มาที่ตรงนี้ทันที เอาล่ะ ผมขออธิบายลักษณะภายนอกของเธอเลยก็แล้วกัน
เธอเป็นผู้หญิงที่มีผมสีเขียวมรกต มัดผมเปียยาวไว้ด้านหลัง มีดวงตาสีทองกับใบหน้าที่เรียบเฉยและเย็นชาตามฉบับสาวเท่ เธอสูงประมาณ 180 กว่าๆ อาวุธประจำตัวเป็นทวนที่มีใบมีดเป็นมรกต เธอสวมเสื้อเชิ้ตเหมือนคนอื่นๆ แต่กระดุมตรงหน้าอกของเธอนั้นดูจะไม่สามารถยื้อขนาดของมันเอาไว้ได้จนเธอต้องปลดกระดุมออกมาหนึ่งเม็ด
และสวมเสื้อคลุมแคลนวาคิวเรียทับเสื้อเชิ้ตไว้ แล้วคือเสื้อคลุมแคลนของเธอเป็นสีดำตัดสีเขียวมรกตด้วยนะ โคตรจะเท่ห์เลย อีกอย่างดูเหมือนว่าเธอจะใส่เป็นเกราะหนัง แทนที่จะเป็นเกราะเหล็กแบบคนอื่นๆ คงจะเป็นเหตุผลด้านประสิทธิภาพในการต่อสู้ล่ะนะ แล้วคือ… ดูหน้าอกของเธอจะเด่นกว่าคนอื่นๆมากเลยนะนั่น..
น่าจะคัพ E ได้มั้ง..
“ หวา… โรคจิต… ”ครูว์
ขอโทดครับ- ก็- ก็เป็นผู้ชายนี่นะ ก็ต้องมีคิดกันมั่ง.. แล้วคือชอบสาวเท่ห์อยู่แล้วด้วยไง..
“ แล้วภารกิจล่ะ ? ”
“ จัดการพวกมอนเทียสที่อยู่ในดินแดนนี้น่ะ ทว่าเรามาไม่ทันที่จะจัดการมันก่อนที่มันจะเริ่มสแตมปีด.. ”เร็กซ์
“ พวกเรามาที่นี่กัน 5 คน ส่วนอีก 2 คนอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว ”เร็กซ์
อืม อีกคนหนึ่งคงจะเป็นมิกะที่ตอนนี้อยู่ในอารุฟานที่เป็นเป้าหมายของพวกมอนเทียสที่ว่า
“ แนะนำตัวสิ ”ครูว์
“ อ่ะ-.. ค่ะ ฉันแวร์ ฟอน เอเมอรัล ค่ะ.. ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ! รุ่นพี่! ”เรแวร์
“ รุ่นพี่นี่คือ? ”
“ ฉัน 16 คุณ 17 ไงคะ ”แวร์
คุณพระ… นี่หรือเด็ก 16.. พระเจ้าช่วย โลกนี้มัน.. บ้าไปแล้ว!!
หน้าผมในตอนนี้นี่ถึงกับเหวอเลยล่ะ ที่รู้ว่าแวร์นั้นเด็กกว่าผม 1 ปี แต่ร่างกายดันแข็งแกร่งสมบูรณ์ราวกับคนที่มีอายุ 20+ ผมนี่แทบจะไม่เชื่อในสายตาตัวเองเลยล่ะ
“ ฉันเข้าใจๆ ครั้งแรกเราก็เป็นเหมือนนายนั่นแหละนะ ”ครูว์
“ แล้ว.. เราจะกังวลกันทำไมล่ะ? ในเมื่อที่ที่เป็นเป้าหมายของสแตมปีดมันมีคนที่แข็งแกร่งมากๆอยู่ ”
“ ถ้าหมายถึงที่อารุฟานล่ะก็.. ก็จริงที่ที่นั่นมีคุณโกรุมอยู่ แต่ครั้งนี้สแตมปีดมันไม่ได้มีแต่มอนสเตอร์ธรรมดาๆ ..เท่าที่เรารู้ พวกมันพาบาฮามุทมาด้วย ”เร็กซ์
“ อื้ม มอนสเตอร์แรงก์ S+ เหมือนกับเลเวียธาน.. บาฮามุธน่ะ ”ครูว์
“ แต่ดูเหมือนว่าบาฮามุธที่รักสงบจะถูกควบคุมโดยพวกมอนเทียสนะคะ มันเลยเกิดการคลุ้มคลั่งแบบนั้น ”เรีย
“ อืม ”
ดูเหมือนว่าเรื่องมันจะซับซ้อนมากกว่าที่ผมคิดไว้ซะแล้วสิ ตอนแรกผมก็คิดว่าคงเป็นการโจมตีเมืองโดยเอาจำนวนเข้าว่า นึกไม่ถึงว่าจะถึงขั้นพามอนสเตอร์ระดับหายนะแรงก์ S มาด้วย..
งานนี้ดูท่าจะยากแล้วสิ
ขนาดแรงก์ดับเบิ้ล A ผมยังจัดการไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมาสู้แรงก์ S กันล่ะ?.. ดูท่า จะต้องหนีลูกเดียวซะแล้วสิ
“เอ๋~ แต่ที่นี่โดนม่านพลังกันไว้หมดเลยนะ? จะหนียังไงล่ะ~? ”ครูว์
ชิ! อย่าอ่านใจซิ่!!
“ เห้อ- ไปที่อารุฟานกันเถอะ ”
บึ้ม!!!!
แต่แล้ว เสียงระเบิดก็ดังขึ้นอีกครั้งในทิศที่พวกผมกำลังจะไป ทว่าครั้งนี้มันกลับรุนแรงกว่าเดิมมาก มันทำเอาผมเป็นห่วงคนที่อยู่ที่นั่นเลย
“ ชิบ- รีบไปเร็ว! ขึ้นมา! ”
“ ให้ แวร์ วิกตอเรีย และเร็กซ์ขึ้นมาก่อนนะ แล้วเรีย กับครูว์และมาน็อคค่อยขึ้นมาทีหลัง ”
“ อา ”วี
ผมใช้เรโมดิช สร้างแบล็คซันขึ้นมาจากข้อมูลที่เซฟเอาไว้อีกครั้ง ถึงจะนั่งไม่ได้ครบทุกคน อย่างน้อยมันก็น่าจะนั่งได้ 4 คน ส่วนที่เหลือก็อัดๆกันเอา
“ นี่มันอะไรเนี่ย? รถงั้นหรอ? ”เร็กซ์
“ นายเรียกเจ้านี่ว่าแบล็คซันสินะ เท่ชะมัดเลย! ”ครูว์
“ อึดอัดอ่า ”มาน็อค
แม้ว่ามันจะแน่นไปบ้าง แค่นั่งได้ครบทุกคนก็เหลือเฟือแล้ว
“ จับแน่นๆล่ะ ร่วงไปอาจถึงตายได้นะ ”
“ ไม่ต้องห่วง~ ฉันไม่ทำให้เราตกแน่นอน! ”ครูว์
ดีที่ครูว์เป็นซอเซอเรอ และเป็นซัพ เธอเลยสามารถยึดทุกคนให้อยู่กับรถได้โดยที่ไม่ตกแน่นอน ได้ยินแบบนั้นผมก็โล่งใจละ ผมจะได้เร่งความเร็วเต็มดเหนี่ยวไปเลย
“ เรโม่ ความเร็วสูงสุดของนายอยู่ที่เท่าไหร่? ”
[ 400 km/hrs ]
ว้าว เร็วโคตร
แบบนี้เพื่อไม่ให้มันเร็วจนไปกระแทกอะไรเข้า ระหว่างนี้คงต้องกดความเร็วเอาไว้ไม่ใช้ความเร็วแบบเต็มที่
คงต้องมาดูกันว่า ถ้าขับเจ้านี่กลับบ้านจะใช้เวลาเท่าไหร่กันแน่
มหาสมุทรที่ผ่านมานี้ ผมตีเป็น 5 พันกิโลเกือบๆ 6 พันกิโล ถ้าดูจากแผนที่น่ะนะเดินทางมาตรงๆด้วยเรือก็ประมาณ 10 วันได้.. แต่ถ้าใช้แบล็คซันบิดด้วยความเร็วเต็มที่ จะไปถึงอีกทวีปได้ใน 15 ชั่วโมง..
แม่เจ้า เร็วโคตรๆเลยนี่หว่า! เอาล่ะ ผมว่าผมไปทันวันประฐมนิเทศของสถาบันแน่ๆละ
แบบนี้ผมก็เหลือเวลาสำหรับจัดการเรื่องนี้แบบเหลือๆเลยน่ะสิ เยี่ยม!
“ คิดเยอะจัง รีบๆไปสักทีเถอะ ”ครูว์
“ จ้า ”
ก็นะ ผมคิดนานไปหน่อย สงสัยครูว์คงจะขี้เกียจฟังแล้วล่ะมั้ง
ฟื๊ดดดด–
ผมบิดคันเร่งค้างไว้เพื่อเพิ่มแรงส่ง ก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปในคราวเดียว จนเกิดเป็นโซนิคบูมขึ้นมาอีกครั้ง
ตู้ม!!!
จากที่ขีดจำกัดสูงสุดในตอนแรกมีแค่ 400 ตอนนี้กลับพุ่งขึ้นไปสูงถึง 1300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 1 มัค ความเร็วของแบล็คซันในตอนนี้เรียกได้ว่าเร็วจัดๆ ทว่าด้วยความเร็วระดับนี้ เวลาเจอลมกระแทกหน้าเข้าไปกระดูกคงจะแหลกกระจุยแล้ว
แต่ด้วยเวทลมที่ครูว์ร่ายไว้ตั้งแต่แรก จึงทำให้พวกเราแทบจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เนื่องจากกระแสเวทรอบๆตัวที่รวมกันเป็นเวทลมได้เบี่ยงกระแสของลมที่ตีเข้ามาออกไปทั้งหมดแล้ว
อย่างที่คิด เวทมนตร์นี่มันอเนกประสงค์ดีจริงๆ
“ หวาาา!! โคตรเร็วเลยย!! ”เร็กซ์
“ อื้ออ- จะร่วงแล้ว! ”มาน็อค
“ ฮ่าๆๆๆ!! สนุกดีจัง! ”ครูว์
“ ไม่ถึง 20 นาทีเราก็จะถึงอารุฟานแล้วล่ะ เตรียมรับแรงกระแทกด้วย! ”
จากระยะทางประมาณ 200 กว่ากิโลจากตรงนี้แล้วคาดว่าไม่นานเราก็น่าจะไปถึงได้ทัน ก่อนที่ทุกอย่างจะถูกทำลายจนหมด.. ถ้าเรายังสามารถใช้ความเร็วคงที่นี้ได้อยู่น่ะนะ
…
อีกด้านหนึ่ง..
“ พี่… หนีไป ”โกรุม
“ โก .. ”กอร์
ข้ากำลังมองร่างของน้องชายตนเองที่กำลังโชกไปด้วยเลือด และกำลังสู้อยู่กับหายนะอยู่บนท้องฟ้า
ทางฝั่งของเมือง เราไม่ต้องกลัวเลยว่าจะมีอะไรบุกเข้ามาได้ เพราะทหารของที่นี่นั้นถูกฝึกมาเป็นอย่างดีเผื่อสถานการณ์แห่งนี้โดยเฉพาะ
แต่สำหรับทางด้านของโกนั้น.. เจ้าหมอนั่นมันประมาทเกินไป
อีกฝั่งคือมังกรกลืนเทพ บาฮามุธ ตัวหายนะที่มีระดับความอันตรายอยู่ที่ S+ คือเจ้าตัวปัญหาโดยแท้
โดยทั่วไปแล้วระดับ S ทั่วไปนั้นจะสามารถถูกจัดการด้วยกลุ่มปาร์ตี้แรงก์ A ขนาดใหญ่ หรือออร่ามาสเตอร์ กับจอมเวทระดับ 8 ที่รวมกลุ่มกัน ถ้าวัดตามมาตรฐานในกาลก่อน
แต่สำหรับระดับ S+ นั้นต่างออกไป แต่ละตัวจะแข็งแกร่งไม่เท่ากัน และตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาแรงก์ S+ อันน้อยนิดที่มีอยู่บนโลกนั้นก็คือเจ้านี่
บาฮามุธ
ความยากในการต่อกรขั้นสูงสุด ที่แม้แต่จอมเวทระดับ 10 ก็เอาไม่อยู่.. โก เจ้าเด็กนั่นมันประมาทเกินไป การที่จะจัดการกับไอ้ตัวแบบนั้นได้จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มีตั้งแต่เริ่ม.. แม้แต่ข้าก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการได้เลยรึเปล่า
มันแข็งแกร่งเกินไป
“ โก! เอาจริงได้แล้ว!! ”กอร์
“ ข้าขอโทษท่านพี่.. หากข้าทำเช่นนั้น อารุฟานของข้าจักถูกลบหายไปอย่างแน่นอน.. ”โกรุม
“ หยุดโง่แล้วตั้งสติ!! พามันไปสู้ที่ทะเลซะ!!! ”กอร์
ข้าหวังว่าคำพูดของข้าจะช่วยบรรเทาความประมาทของมันได้บ้างนะ
“ อ่ะ..- จริงด้วย! ขอโทษที่ข้าลนไปหน่อยนะ หลังจากนี้นี่แหละของจริง! ”โกรุม
ดีที่เจ้าโกพาไอ้บาฮามุธไปที่ทะเลข้างหน้าอาณาจักรได้ แต่เพียงแค่พามันไปทะเลเราไม่อาจจะจัดการกับมันได้หรอก แผนของพวกเราคือลากมันไปหาเลเวียธานต่างหากล่ะ
ซึ่งเลเวียธานนั้น ก็เป็นมอนสเตอร์แรงก์ S+ ที่มีพลังทัดเทียมกับบาฮามุธ และหากพื้นที่ที่มันอยู่นั้นเป็นผืนน้ำมันก็จะมีพลังมากกว่าเดิมเสียอีก
ถือว่าเป็นอีกตัวที่รับมือยากเลยล่ะ
ทางด้านมอนสเตอร์สุดแกร่งเหล่านั้นคงต้องปล่อยให้เป็นฝีมือของน้องข้าแล้วล่ะ
หลังจากนี้จะเป็นการกวาดล้างคลื่นมอนสเตอร์
หวังว่ามันจะหมดโดยเร็วนะ..
ไม่เช่นนั้น ข้าคงต้องเข้าไปพังประตูมิติเสียเอง
ตัดจบตอน