ตัวของผมในต่างโลก…. แม่งบ้า!!! - ตอนที่ 9 หมู่บ้านต้องสาป อิสรัน (4)
ลึกเข้าไปในป่าต้องห้ามหลังหมู่บ้าน ผมพบเข้ากับซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง ทางเข้าที่แห่งนี้นั้นผุพังไปตามกาลเวลาแถมยังมีเถาวัลขึ้นอยู่ตามร่องหินอยู่ด้วย
ผมเข้าไปสำรวจด้านใน ได้พบเข้ากับร่องรอยของอารยธรรมและพิธีกรรมบางอย่าง
นี่มันเหมือนกับ.. ห้องโถงเลย
เป็นโถงขนาดใหญ่ที่มีแท่นพิธีกรรมวางอยู่ตรงกลาง ผนังห้องเองก็มีรูปแกะสลักอยู่บนกำแพง มันบอกเล่าเกี่ยวกับพิธีการที่จะทำให้มนุษย์นั้นกลายเป็นวีโกร์ฟ ผ่านการบูชายัญร่างที่ไร้วิญญาณให้เจ้าตัวใหญ่
“ ตัวอะไรวะเนี่ย ..”
มันตัวใหญ่กว่าวีโกร์ฟ 3 ถึง 4 เท่า มีหัวเป็นกวางมูสแต่รูปร่างมันน่าสยดสยองยิ่งกว่า
ตามรูปภาพแกะสลักพวกนี้แล้ว เจ้าตัวนี้คงจะเป็นหัวหน้าของพวกวีโกร์ฟ มันมีสายระยางยัวะเยียะตามตัว กรงเล็บแหลมดูคมและมันยังยาวมาก
คืออันที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากอยู่ที่หมู่บ้านนี้นานสักเท่าไหร่ แต่ไหนๆวันนี้ก็เป็นบลัดมูน หรือคืนที่หัวหน้าของพวกมันจะออกล่าทั้งที ผมก็อยากเก็บมันให้ได้ก่อนจะไปน่ะ
เพื่อที่หมู่บ้านนี้จะได้ไม่ต้องติดคำสาปอีกต่อไป ผมรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องของผม แต่ทำไงได้ล่ะในฐานะที่เป็นคนไทยขี้เผือก ไม่ว่ามันจะอันตรายขนาดไหนผมก็ยินดีที่จะช่วยเหลือพวกเขาล่ะนะ
แต่ว่า.. ดูตรงนี้สิ
“ ร่องรอยการก่อกองไฟ? แถวนี้เคยมีคนมาอยู่ด้วย? ”
ดูจากอายุการใช้งานแล้ว คงจะเกิดขึ้นมานานมากแล้วแน่ๆ บางทีนี่อาจจะเป็นของคนในหมู่บ้านเมื่ออดีต?
ไม่สิ ไม่น่าเป็นไปได้ ขึ้นชื่อว่าเป็นป่าต้องห้ามที่มีปีศาจอยู่เยอะ พวกนายพรานคงไม่เข้ามาหรอก
งั้น.. เป็นของใครกันล่ะ?
จากความสงสัยของผมในตอนนี้ ผมยิ่งต้องทำให้แน่ใจว่านี่มันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร
ทว่ามันกลับไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ..
“ มีดพิธีกรรม ดินแดงและ… เศษอัญมณี ”
เศษอัญมณีสีม่วงนี้มันดูขลังยังไงชอบกล ถ้าอิงตามพล็อตโลกแฟนตาซีแบบนี้แล้วเจ้านี่คงจะเป็นผลึกเวท ดูจากเศษเสี้ยวของมันแบบนี้แล้ว แสดงว่ามันต้องใหญ่หรือมีเยอะพอสมควร
แล้ว.. ใครมันทำเรื่องแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันล่ะ?
แม้ในตอนนี้ผมจะยังหาคำตอบอะไรไม่ได้ ขณะเดียวกันพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดินแล้ว ตอนนี้ผมต้องกลับไปที่โรงเตี๊ยมให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่เป็นอันตรายต่อตัวผมเองและจะได้ไม่หลง บางส่วนของพวกนั้นผมก็เก็บมันเอาไว้กับตัวเผื่อจะได้ใช้ในยามจำเป็น
ทันทีที่ผมกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ผมสังเกตเห็นชายคนหนึ่ง ผมมั่นใจว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแน่ๆ อีกทั้งชุดที่เขาใส่ยังดูเหมือนกับพวกนักบวช
แล้วเมื่อผมหันหลังกลับไปมองบนท้องฟ้าที่พึ่งถูกย้มด้วยสีดำจากความมืดมิด ดวงจันทร์บนท้องฟ้าในวันนี้มันใหญ่มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า และมันยังกลายเป็นสีแดงเหมือนกับเลือด
ผมไม่แน่ใจว่าปรากฏการณ์นี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง แต่ที่รู้ๆคือ คืนนี้เราน่าจะต้องเจอศึกหนักกันแล้วล่ะ
“ ขอโทษนะครับ ผมอัลเลียน แล้วคุณ…? ”
เขาหันมาหาผมด้วยความลนลาน ดูแล้วเขาน่าจะเป็นคนที่ซุ่มซ่ามพอสมควร ผมบอกได้เลยว่าเขาตัวค่อนข้างสูง มีผมสีบลอนด์ทองดวงตาสีฟ้าตรงตามฉบับต่างโลก ซึ่ง.. หล่อสุดยอดไปเลย..
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องนั้นกันน่ะสิ ผมเข้าไปทำความรู้จักกับเขา ในฐานะคนที่จะมาร่วมผ่านค่ำคืนหันโหดร้ายนี้ไปด้วยกัน
“อ- เอ่อ.. ผมจิลล์ครับ! เป็นนักบวช B แรงก์ที่ทางเมืองออลการ์ดส่งตัวมาครับ!! ”จิลล์
ดูเหมือนว่าเมืองทางตอนเหนือเองก็กังวลเรื่องคำสาปของหมู่บ้านนี้เหมือนกันสินะ
หมู่บ้านอิสรันเป็นทางผ่านไปสู่ออลการ์ด การที่มีคำสาปจำกัดพื้นที่เอาไว้ทำให้เป็นเรื่องยากในการค้าขายและการเดินทางในตอนกลางคืน เนื่องจากไม่สามารถผ่านทางหมู่บ้านไปตรงๆได้
จากการประเมินของเมืองแล้ว คิดว่าส่งนักบวชแรงก์ B มาจัดการกับคำสาปก็น่าจะพอสินะ
แต่เหมือนว่าพวกเขาจะคิดผิดแล้วล่ะ
จริงอยู่ที่ว่าวีโกร์ฟนั้นอยู่ไม่ต่ำกว่าแรงก์ C แน่ๆ แต่สำหรับลอกอชนั้นน่าจะเป็นแรงก์ A ขึ้นไป งานนี้ท่าจะยากแล้วแฮะ
อีกอย่าง เจ้าคนนี้ดูจะขี้กลัวสุดๆไปเลย ผมจะไว้ใจเขาได้ไหมเนี่ย
ยังไงซะ ผมก็ต้องจบเรื่องทั้งหมดในคืนนี้ให้ได้ ไม่งั้นจะต้องรอตัวหัวหน้ามันโผล่มาอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
“คุณจิลล์สินะ แล้วคุณวางเขตอาคมศักดิ์สิทธิ์ได้ไหม!? ”
“ ก็- ก็ได้อยู่หรอกครับ ”จิลล์
“ งั้นก็จัดการเลย! ”
ระหว่างที่คุณจิลล์ที่เป็นนักบวชกำลังดำเนินการวางอาณาเขต พวกผมใช้เวลานั้นในการวางแผนหารือกับคุณอลัน และนาร์
แม้ว่าผมจะพึ่งเคยเจอกับนักบวชคนนี้ครั้งแรกก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกว่าเขาสามารถพึ่งพาได้ ….ในบางสถานการณ์น่ะนะ
“ตามความเห็นของผมนะ เราควรจะให้เราคนหนึ่งมาอยู่ที่โรงเตี๊ยมคอยดูแลภรรยาและลูกสาวของคุณอลัน ”
“ส่วนคนที่เหลือจะออกไปล่าพวกวีโกร์ฟกัน วันนี้จะไม่ใช่วันที่เราต้องกลัวพวกมันแล้ว! ”
“ โอ๊ะ! พอดีเลยครับ! พอดีผมขออาวุธจากทางโบสถ์มาพอสมควรเลยล่ะครับ เมื่อผมได้รู้ว่าจะได้สู้กับพวกภูติผีแล้วผมก็ต้องเตรียมอะไรสักหน่อย ”จิลล์
คุณจิลล์วางอาณาเขตเสร็จอย่างรวดเร็ว ซึ่งเร็วกว่าที่ผมคิดไว้มาก ขณะที่ผมอยู่ในอาณาเขตผมรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากพลังศักดิ์สิทธิ์เลยล่ะ เมื่อเขาทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้เข้าร่วมการสนทนาของเรา
“ ผมเห็นด้วยนะที่เราจะต้องออกไปล่าพวกมันบ้าง ไม่ใช่เอาแต่มุดหัวอยู่ในกระดองกันอย่างเดียว ”นาร์
ตอนนี้เราต้องลงความเห็นกันแล้วว่าใครจะเป็นคนที่อยู่ปกป้องผู้ป่วยทั้งสอง
ซึ่งคุณอลันนั้นได้อาสาเป็นคนที่จะคุ้มกันพวกเขาตลอดทั้งคืน พอแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มแล้วคุณจิลล์เลยแบ่งสร้อยคอที่ได้มาจากโบสถ์ให้พวกเราทีละคน
เห็นว่าเขากังวลว่าเอามาแค่ชิ้นเดียวจะไม่พอ เลยพกมาหลายๆอันเลย และเขาเองก็มีกริซลงอาคมเป็นอาวุธประจำตัวด้วย แม้ตอนแรกดูเขาจะกล้าๆกลัวๆแต่หากพอเป็นเรื่องที่ต้องกำจัดภูติผีล่ะก็เขาจะมั่นใจสุดๆ
ผมให้ดาบปราบปีศาจกับนาร์ให้เขาเอาไว้ป้องกันตัว
“ แล้วคุณจะใช้อะไรในการจัดการมันล่ะครับ!? ”นาร์
ดูเขาจะเป็นกังวลพอตัวเลยที่เห็นผมไม่มีอาวุธไว้ใช้ ผมที่เห็นท่าทางของเขาจึงได้หยิบมีดพิธีกรรมที่พกติดตัวมาตั้งแต่ปรักหักพังขึ้นมา คุณจิลล์ที่ได้เห็นมีดเล่มนี้ก็ต้องตกใจ
เพราะว่ามันคือ…
“ อุปกรณ์เวท B แรงก์!!? ”จิลล์
แม้ว่าอุปกรณ์เวทจะหาได้ง่ายในเมืองใหญ่ๆกับตลาดมืด แต่อุปกรณ์เวทระดับ B ขึ้นไปจะหายากมากกกก
ขนาดที่ผ่านไปสัก 2 ถึง 3 เมืองจะเจอชิ้นนึงเลย
ไม่นับ A แรงก์ กับ S แรงก์ ที่แทบจะไม่เคยเห็นอยู่ในตลาดเลยน่ะนะ พวกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสมบัติประจำตระกูลไม่ก็สมบัติระดับชาติ
เพราะฉะนั้น มีดพิธีกรรมเล่มนี้น่าจะมีประโยชน์พอตัวเลยล่ะ
“เจ้านี่อ่ะนะ.. ”
ถึงภายนอกมันจะดูโทรมๆไปสักหน่อยก็เถอะ
เอาล่ะ ในเมื่อพวกเราพร้อมที่จะออกล่ากันแล้ว งั้นก็-
“ เดี๋ยวก่อนครับ ”อลัน
คุณอลันได้หยุดพวกผมเอาไว้ก่อน
“คุณอัลเลียน ดูเหมือนว่าคุณจะใช้เวทไม่เป็นสินะ ผมจะแนะนำให้ ”อลัน
เหมือนว่าคุณอลันต้องการที่จะแนะนำการใช้เวทอย่างง่ายให้ผมฟัง เพราะตอนนี้เราไม่มีเวลามากนัก อีกทั้งข้างนอกเริ่มเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของพวกมันแล้ว
ไม่ช้าก็เร็ว หากเราไม่ไปหาพวกมัน พวกมันนี่แหละที่จะมาหาเราเอง อีกอย่าง สู้ในหมู่บ้านก็ดูจะลำบากและเสียเปรียบไปสักหน่อยกลับกัน หากเราเข้าไปในถิ่นของพวกมันที่มีพื้นที่เป็นป่าแล้วล่ะก็ผมมั่นใจเลยล่ะ ว่าจะเสียบพวกมันด้วยเจ้านี่ได้ง่าย
กลับกัน พวกคุณคนอ่านคงจะคิดว่าการที่เราเข้าป่าอาจจะเสียเปรียบเนื่องจากมันไม่ได้มีที่ให้จู๊คมากอะไรขนาดนั้น แทนที่จะเข้าป่า เราจู๊คอยู่ในหมู่บ้านจัดการทีละตัวแบบนี้ยังดีซะกว่า
แม้ความคิดของผมกับผู้อ่านจะต่างกันไปสักหน่อย.. แต่ทำไงได้ ผมยังไม่ชินกับร่างกายนี่สักเท่าไหร่ เพราะงั้นหากใส่แรงออกไปมากเกินก็อาจจะทำให้บ้านเหล่านั้นพังลงมาได้ รวมถึงที่นี่ด้วย ด้วยเหตุนั้นผมจึงให้ความสำคัญกับป่ามากถึงขนาดนั้น
ส่วนอีกเหตุผลนึงคือ.. ตัวหัวหน้ามันอยู่ในป่ายังไงล่ะ ไอ้ตัวใหญ่ในรูปสลักนั่นแหละที่ผมต้องไปจัดการ เพื่อจบคำสาปอันแสนเลวร้ายนี่สักที
“ …ในส่วนที่สำคัญที่สุดในการใช้เวท คืออิมเมจครับ เวทมนตร์แบ่งออกเป็นระดับต่างๆก็จริง แต่หากจินตนาการถึงเวทพื้นฐานเหล่านั้นจนเป็นเวทใหญ่ได้ เราเรียกมันว่าโอเวอร์แรงก์ ครับ ”อลัน
“ ส่วนเวทอีกชนิดหนึ่ง คือเวทที่แม้ไม่ร่ายก็สามารถใช้งานได้ มันคือเวทพื้นฐานที่ใช้ในการต่อสู้ทั่วไปครับ ขอให้คุณจำวงเวทพวกนี้ให้ดีด้วย ”อลัน
ทันทีที่คุณอลันร่ายบัพโดยไม่ต้องใช้คำร่ายออกมา 6 ประเภท ปรากฏเป็นวงแหวนเวทขึ้นกลางอากาศ ซึ่งแต่ละอันนั้นค่อนข้างซับซ้อนเลยทีเดียว และเอกลักษณ์ก็จะต่างกันไปตามประเภทของบัพ
ผมไม่รีรอ ใช้ ยุทธศาสตร์จำลอง ในการจดจำวงเวทพวกนั้นให้ขึ้นใจทันที
“ สามารถใช้เวทหลายประเภทซ้อนกันได้โดยที่ไม่ต้องร่าย.. คุณอลัน คุณเป็นใครกันเนี่ย.. ”จิลล์
“ ก็แค่.. จอมเวทระดับ 5 ทั่วๆไปนั่นแหละครับ ”อลัน
“ ระดับ 5 !? ระดับเดียวกับพวกเทมพลาร์เลย! ”จิลล์
ดูเหมือนว่าในโลกนี้จะแบ่งระดับขั้นของจอมเวทโดยใช้ตัวเลขสินะเนี่ย ดูแล้วน่าจะไล่จากต่ำไปสูง คือ 1 ไป ..เรื่อยๆสินะ
แสดงว่าระดับ 5 นี่ต้องอยู่ระดับสูงพอตัวเลย
“ มีเพียงเท่านี้แหละครับ ที่ผมจะต้องบอกคุณ สุดท้ายนี้ก็.. ฆ่าลอกอชให้ตายทีเถอะครับ ”อลัน
ผมรับคำของเขา ก่อนที่เดินออกจากโรงเตี๊ยมไปพร้อมกับนาร์ และคุณจิลล์
“รู้รึเปล่าครับ ว่าที่ผ่านมานี้โบสถ์ไม่ส่งคนมาที่นี่เลยเพราะอะไร.. ”จิลล์
ขณะที่กำลังเดินตรงไปที่ป่า คุณจิลล์ก็พูดบางอย่างขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนจะเป็นทั้งเรื่องสำคัญและไม่สำคัญเลย
“ ก็ไม่นะครับ ”
“ รู้ไหมครับ ว่าการที่ทางโบสถ์ทำแบบนี้ทำให้ผมโกรธมากน่ะ.. แต่ ยังไงซะตอนนี้เราก็ต้องร่วมมือกันก่อน ผมไม่มีเวลามาทะเลาะวิวาทหรอกนะครับ ”นาร์
นาร์แสดงสีหน้าที่โกรธเคืองพวกนักบวชออกมาอย่างเห็นได้ชัด คุณจิลล์ที่รู้เรื่องนั้นดีจึงได้กล่าวขอโทษและบอกเหตุผลของทางโบสถ์ไป แม้คุณจิลล์จะไม่ได้ผิดอะไรเลยก็ตาม
“ผมขอโทษแทนทางโบสถ์สำหรับแม่และน้องสาวของคุณด้วยนะครับ แต่ทางโบสถ์เราเองก็รอเวลานี้มาโดยตลอดเลย เพราะวันที่เกิดบลัดมูนขึ้นมีแค่ครั้งเดียวใน 4 ปี และบลัดมูนเองก็เป็นวันเดียวที่หัวหน้าของพวกมันโผล่หัวออกมา.. ”จิลล์
จิลล์หยิบลูกประคำออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา เขาถือลูกประคำเอาไว้ด้วยมือขวา ส่วนกริซศักดิ์สิทธิ์ก็ถือด้วยมือซ้าย แล้วก็เริ่มภาวนาต่อเทพธิดาพร้อมๆกับเตรียมท่าตั้งรับสำหรับการต่อสู้ไว้ด้วย
ออร่าสีทองอันอบอุ่นห่อหุ้มร่างของเขา ไม่นานความอบอุ่นจากแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เปลี่ยนเป็นความร้อนระอุราวกับความพิโรธของเทพธิดา
“ ขอโทษนะครับคุณนาร์ พวกมันกินชาวบ้านไปเท่าไหร่ ”จิลล์
“ …. 365 คน ตลอด 4 ปีที่ผ่านมามันกินไปทั้งหมด 365 คน”นาร์
ได้ยินแบบนั้น จิลล์ก็เริ่มเดือดดาลขึ้นมา จากความโกรธของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นแรงปราถนาที่อยากจะจัดการตัวการอย่างลอกอชให้ไม่เหลือแม้แต่เถ้า
นาร์เองที่รู้สึกได้ถึงความตั้งใจจากนักบวชคนนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมาพลางคิดว่าทางโบสถ์ก็ยังไม่ได้ทิ้งพวกเขาไปซะทีเดียว
อันที่จริงทางโบสถ์เองก็ได้ส่งอาหารและเสบียงมาให้บ้างเป็นประจำเหมือนกัน พ่อของเขาเองที่เป็นคนคัดค้านและจะไม่ออกจากที่นี่เพียงเพราะเป็นสถานที่ที่มีความทรงจำสำคัญร่วมกับแม่ของเขามา และยังเป็นที่.. ที่มีหลุมศพของคุณปู่และคุณย่าของเขาอยู่
เขาเองก็ไม่อยากที่จะเสียมันไปเหมือนกัน นาร์จับดาบปราบปีศาจในมือแน่น และยืนตั้งรับรอคอยพวกวีโกร์ฟพวกนั้นร่วมกับจิลล์
“ งั้นผมไปก่อนนะ ”
แม้ผมจะไม่ได้มีอะไรที่สำคัญให้ปกป้องที่นี่ ผมก็จะไม่ทิ้งมันไป เพียงเพราะว่าผู้คนส่วนมากทิ้งมันไปหรอก แต่ผมจะปกป้องและขจัดภัยร้ายที่คลืบคลานเข้ามาด้วยกำลังของผมเอง
เพราะผมเห็นเองกับตาเลย ถึงรอยยิ้มของคุณอลัน และนาร์ ทันทีที่ภรรยาของเขาและลูกสาวดีขึ้นจากคำสาป รอยยิ้มที่ปลื้มปิติแบบนั้น ผมจะไม่ยอมเสียมันไปให้กับคำสาปบ้าๆนี่แน่
ฮ่า…
ผมใช้อิมเมจแบบที่ตนเองเคยทำเมื่อครั้งยังอยู่โลกก่อน ความเบียวนั้นมันยังทำให้ภาพจำยังชัดเจนไม่ว่าเวลามันจะผ่านไปนานสักเท่าไรก็ตาม ว่าไปแล้ว.. เรื่องในตอนนั้นมันก็น่าอายเหมือนกันแฮะ
แต่ว่า.. ตอนนี้ผมสัมผัสได้ถึงเส้นทางที่มานาเดินผ่านทั่วร่างได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ เส้นมานาทั้งหลายมันเดินทางผ่านประมาณ 9 จุดทั่วร่าง และจะรวมตัวกันมากที่บริเวณท้องน้อย หัวใจ และ ขมับขวา..
เดี๋ยวนะ …มานาพวกนี้มัน
“ ปราณ.. ”
มันไม่ต่างอะไรจากปราณที่ผมเคยอ่านในวรรณกรรมจีนเมื่อโลกก่อนเลย! แบบนี้งั้นก็แสดงว่า.. ผมสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีกงั้นหรอ!? ทั้งๆที่มีแรงกายเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดแบบนี้เนี่ยนะ!?
จากสัมผัสดูแล้วมีอยู่ประมาณ 5 จุดที่ยังไม่ได้เปิดออก นี่เรายังแกร่งขึ้นได้อีกงั้นหรอเนี่ย น่ายินดีสุดๆไปเลย!
ถ้าหากว่าการเดินเส้นมานาเป็นเหมือนกับการเดินลมปราณภายในล่ะก็ บนโลกนี้คงจะกำเนิดจอมยุทธ์ขึ้นมาบ้างแล้วสินะ
อยากเจอพวกนั้นจัง
แต่ตอนนี้ผมคงจะนอกเรื่องไปไกลไม่ได้ เพราะต้องไปจัดการเจ้าลอกอชน่ะ!
“ ฝากวีโกร์ฟด้วยนะครับ!! ”
“ ครับ! ”นาร์
“ ไว้ใจได้เลย! ”จิลล์
แม้จะเป็นเรื่องยากไปสักหน่อยที่จะให้พวกเขาจัดการกันเองทั้งหมด 365 ตัว ไม่รู้ทำไมผมถึงเชื่อใจในตัวพวกเขามากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าที่นี่มีนักบวช B แรงก์ ที่มีศักยภาพพอๆกับนักบวช A แรงก์ล่ะมั้ง
ทางนี้เองก็คงจะเรียบร้อยดีล่ะมั้ง ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก่อนน่ะ แต่มันไม่มีเรื่องอะไรแบบนั้นหรอก
ทันทีที่ผมออกวิ่งไปแล้วไต่ขึ้นไปตามต้นไม้ เสียงกรีดร้องจากพวกวีโกร์ฟก็ดังระงมขึ้นมาจากทางด้านหน้า ผมมั่นใจเลยว่าส่วนหนึ่งของพวกมันกำลังมาทางนี้
เอาล่ะ ตอนนี้ผมเองก็ควรทำหน้าที่ของตัวเองเหมือนกัน
ยุทธศาสตร์จำลอง X2
ผมเปิดใช้สกิลโปรดของตัวเองเพื่อเร่งประสิทธิภาพของสมองให้สูงที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากผมใช้สกิลนี้ไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่ ก็เลยทำให้มันเป็นได้แค่สกิลเพิ่มประสาทสัมผัสกับมินิแมพเท่านั้นน่ะ แต่ไม่แน่ว่าผมอาจจะทำให้มันสุดยอดในสักวันก็ได้
ตอนนี้ผมกำลังไต่ไปตามต้นไม้ด้วยความเร็วสูง เพื่อกลับเข้าไปในซากปรักหักพังตรงนั้นที่ผมเชื่อว่ามันเป็นที่อยู่ของลอกอชอีกครั้ง
เมื่อผมได้มาถึงตรงซากปรักหักพังแล้ว มันน่ากลัวกว่าในช่วงกลางวันอย่างเทียบไม่ติด อีกทั้งรอบๆมันไม่มีวีโกร์ฟเฝ้าอยู่เลย ผมเลยถือโอกาสนั้นเข้าไปข้างใน
ตามทางเดินมีคบเพลิงถูกวางไว้ ทั้งๆที่ตอนกลางวันไม่มี แสดงว่า.. มันคงจะมีลัทธิบางอย่างอยู่ที่นี่จริงๆสินะ
ทันทีที่ผมมาถึงห้องโถงที่เดิม ก็ได้พบเข้ากับกลุ่มคนปริศนาที่สวมชุดคลุม กำลังทำพิธีบูชายัญอะไรสักอย่างกันอยู่ และมีดในมือของหนึ่งในพวกมันเป็นมีดชนิดเดียวกับมีดพิธีกรรมเล่มนี้ ทำให้ผมแน่ใจแล้วว่าไอ้มีดหน้าตาน่ากลัวนี่ มันเป็นสิ่งที่สร้างวีโกร์ฟขึ้นมา หลังจากที่ผมเห็นพวกมันก่อนแล้ว จึงก้มตัวลงต่ำให้ตัวเองกลืมไปกับเงามืด..
จากการใช้เอ่อ..
ดินแดงพิธีกรรม กับผนึกมานาของมอนสเตอร์ ประกอบร่างลงไปในมนุษย์ แล้วใช้มีดเล่มนั้นแทงลงไปอีกที
อิงตามหลักนิยายต่างโลกแล้ว ที่ทำทั้งหมดนั่นไปคงจะเป็นการเชื่อมวิญญาณของมนุษย์กับมอนสเตอร์เข้าด้วยกัน โดยมีดินแดงเป็นตัวเชื่อ คืองี้ พวกมันใช้มีดที่ผนึกวิญญาณของมนุษย์มาปักผนึกมานาของมอนสเตอร์ที่โรยดินแดงเอาไว้ก่อนหน้า
ผ่านไปสักพัก ศพร่างนั้นก็ให้กำเนิดวีโกร์ฟขึ้นมา
ประเด็นคือ… มันเปลี่ยนคนให้เป็นพวกวีโกร์ฟได้ก็จริง แต่ไอ้เจ้าวีโกร์ฟนั่นน่ะมันเปลี่ยนศพให้เป็นพวกเดียวกันได้นะเฮ้ย แต่เดี๋ยวนะ?
เจ้าวีโกร์ฟที่พึ่งถูกเปลี่ยนมาจากคนนั้นถูกมือขนาดยักษ์จับเอาไว้…
และโดนกินอีกที นี่มัน.. เชี่ยอะไรวะเนี่ย
แล้วคือ.. มันตัวโคตรใหญ่อ่ะ ตามในบันทึกมันเหล่ากว่าวีโกร์ฟประมาณ 3-4 เท่าไม่ใช่รึไง แต่ไอ้ตัวนี่มันใหญ่กว่าวีโกร์ฟ 6-7 เท่าเลยนะเห้ย
นอกจากมือเน่าน่าสยดสยองของมันแล้วยังมีสายระยางเนื้อชมพูอีก อะไรมันจะทำมาได้น่ากลัวขนาดนี้วะเนี่ย
เห้ย
“ (เหี้ย!? หนวดของมัน.. กำลังมาทางนี้!!? )”
ตรงปลายของมัน.. มีตามนุษยอยู่! เชี่ย เชี่ยๆๆๆๆๆ มันรู้แน่ว่าผมอยู่ตรงนี้!!
แต่ ยังไงซะผมก็มาที่นี่เพื่อฆ่ามัน แต่ก่อนที่จะได้ฆ่ามัน ขอให้ผมฆ่าพวกบูชาลัทธิคลั่งนั่นก่อนเถอะ!
“กอร์!!!! ”
ผมใช้ประโยชน์จากเอฟเฟกต์สร้างแรงกดดันภายในชื่อทำให้ศัตรูชะงักไปนานถึง 10 วิ ในช่วงระยะเวลานั้นผมพุ่งเข้าไปหาพวกมันและใช้มีดพิธรกรรมฆ่ามันทีละตัว
นี่ขนาดหั่นเนื้อมนุษย์นะเนี่ย ไม่พอมันยังมีกระดูกสุดแข็งอีก แต่นี่อะไรกัน ผ่าง่ายอย่างกับตัดเนยยังไงอย่างงั้น
มีดเล่มนี้มัน.. เยี่ยมยอด!!
กร๊ากกกกกก!!!!
มันร้องโอดครวญขึ้นมาเสียงดัง แต่ขอบอกเลยนะ เสียงของมันนี่โคตรจะไม่น่าฟังเลยว่ะ
แต่พอผมมองมันดีๆแล้วมันค่อนข้างจะต่างกับในรูปสลักมากพอสมควร
จากสกิลยุทธศาสตร์จำลองที่ผมใช้อยู่แล้ว ทำให้ผมได้รับข้อมูลของมันมาโดยไม่ต้องทำอะไรเลยล่ะ ใช้การได้ดีจริงๆสกิลนี้
[ ข้อมูล ลอกอช แรงก์ A+
ร่างกายเต็มไปด้วยซากศพมนุษย์และวีโกร์ฟ มีหัวเป็นกวางมูสขนาดยักษ์ มีหนวดหรือสายระยางนับสิบ ใช้คอยโจมตีศัตรู สอดส่อง และเอาตัวรอด มีความคล่องแคล่วกับความอึดและพลังโจมตีสูง
สกิลลิสต์-
คลุ้มคลั่ง B
ลอกอช ชอกอร่า A+
ขยี้ C+
คำรามหวาดผวา B+
เล็บบดขยี้ C
เพลิงเผาผี B+
ลา ลอกอช ลา วีโกรฟีโอรี A++ ]
เชี่ย… สกิลยาวเป็นหางว่าวเลยแฮะ
ตัดจบตอน