ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 21
วันถัดมา
ซอดัมได้ใช้เวลาทั้งคืนอยู่ภายในที่พักบริเวณอุลวังนิ และออกมาในตอนเช้าตรู่พร้อมกับแท็บเล็ตของเขา
ห่างออกไปจากทางเข้าของดันเจี้ยน
ไม่เหมือนกับเมื่อเย็นวาน มันได้มีเครื่องจักรทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ติดตั้งไว้ใกล้กับทางเข้าดันเจี้ยนซี่งเครื่องจักพวกนี้ว่ากันว่าสามารถที่จะระบุความยาวคลื่นและรูปแบบของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้ได้
พูดแบบตรงไปตรงมาเลยก็คือพวกเครื่องจักรเหล่านั้นมันดีจริง ๆ แหละแต่ว่าอัตราความสำเร็จของมันเมื่อนำมาใช้กับดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวแล้วมันน่าเศร้าที่ต้องบอกว่ามันน้อยกว่า 20% ซะอีก
“อ้า อพาตเม้นของนายมันสบายกว่ามากเลย ไหล่ของฉันชาไปหมดแล้วเนี่ย”
“ฉันไม่มีแม้กระทั้งเตียงในอพาตเม้นของฉันเลยนะ”
เทเลอร์ได้หยุดซอดัมจากการค้างคืนที่หนึ่งในค่ายทหารเมื่อวานนี้และพวกเขาได้ค้างคืนกันที่ที่พักที่ค่อนข้างดีในบริเวณใกล้เคียงแทน
แน่นอนว่ามันสบายกว่าอพาตเม้นของซอดัมที่ไม่มีแม้แต่เตียงนอนอีก
แต่ถึงอย่างนั้นเทเลอร์ก็ยังนวดไหล่ของเธอเหมือนกับว่าการนอนหลับเมื่อคืนนั้นไม่ค่อยสบายตัวสักเท่าไหรเลย
“ฉันรู้สึกเคยชินกับบ้านของนายแบบแปลก ๆ นะ”
“…”
มันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการจะได้ยินจากผู้อยู่อาศัยที่ผิดกฎหมายคนนี้เลยแต่ถึงอย่างนั้นซอดัมก็ยังเงียบปากของเขาไว้
ห่างไปจากยูซอดัมมี นักวิจัย,นักวิชาการ,นักตีความ และกิลด์จำนวนมากได้มาร่วมตัวกันที่ทางเข้าของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวouh
แม้กระทั้งองค์กรขนาดใหญ่เช่นองค์กรความร่วมมือการจัดการเรื่องผิดปกติในระดับนานาชาติบางครั้งก็ยังเอาเครื่องมือมาตีความทางเข้านี้เลยและพวกเขาทั้งหมดใช้วิธีการที่ยุ่งยากในการตีความดันเจี้ยนนี้ที่บิดเบี้ยวนี้ที่ปรากฏตัวขึ้นในอินชอน
ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ พวกเขาก็ไม่ได้ทำการวิจัยใด ๆ เลย
เป็นเพราะว่าเครื่องจักรขนาดยักษ์ของลอสเดย์ที่ส่งเสียงดังอยู่ตลอดเวลา
ลอสเดย์ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ในการตีความดันเจี้ยนนี้
ด้วยเครื่องจักรสีดำนั้นซึ่งเป็นของลอสเดย์ ที่มีค่าถึงหมื่นล้านวอนและสามารถที่จะวัดความยาวคลื่นของต่างโลกได้
ลอสเดย์ดูเหมือนว่าจะพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดเห็นของสาธารณชนโดยรอบ โดยผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ ด้วยการบอกว่าเรื่อง ‘เวลาหมดลง’ ของดันเจี้ยนจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการและนำเสนอตัวพวกเขาเองในการแก้ปัญหาดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวนี้
เทเลอร์ไนน์มองไปที่ยูซอดัมที่กำลังมองไปที่เครื่องจักรอยู่
เขาพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แข็งทื่อว่า
“นี่พวกเขาวางแผนที่จะทำอะไรด้วยเครื่องจักรขนาดเท่านี้กันแน่นะ?”
“ช่างพวกมันเถอะ”
นักวิจัยส่วนมากมาที่นี้พร้อมกับอุปกรณ์ที่ดี
นักตีความที่มีชื่อเสียงสามคนที่มีแรงค์ A เป็นอย่างน้อย หมอที่เคยเขียนรายงานที่เกี่ยวข้องกับดันเจี้ยนหลายสิบฉบับ และยังมีเครื่องจักรขนาดใหญ่เท่าโฟคลิฟที่กิลด์ได้นำมา
ในทางตรงกันข้ามซอดัมเอามาเพียงแค่แท็บเล็ตที่มีสัญลักษณ์รูปแอปเปิลแค่นั้นเอง
“นายต้องการที่จะไปเดตกับฉันในดันเจี้ยนไหม?”
“เธอคงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่บ้ามากพอที่จะไปเดตในดันเจี้ยนได้แล้วหละ”
“ไม่ใช่ว่ามันน่าสนใจกว่าหรือไง? นายไม่คิดอย่างนั้นหรอ?”
“เธอไปเองเถอะ”
“อะไรนะ? จะมีผู้หญิงบ้าที่ไหนกันที่จะไปเดตคนเดียวได้หละ?”
“ตามธรรมชาติแล้วนั้น เธอถือว่าเป็นผู้หญิงบ้านะ”
เขาส่ายหน้าให้กับเทเลอร์ที่มายุ่งวุ่นวายกับเขาอย่างต่อเนื่อง เมื่อค่อย ๆ มองผ่านเวทมนตร์บนกระดาษโน้ตที่เขาได้เขียนไว้บนแท็บเล็ตของเขา
เขาแน่ใจเลยว่า
แม้มันถูกเขียนไว้ด้วยตัวอักษรที่ต่างไปจากที่มีในจักรวรรดิเวทมนตร์วิเวียนด้าแต่เวทมนตร์ของจักรวรรดิจูลซ่าก็มีหลักการพื้นฐานไม่ต่างไปจากกันเลย
เอาให้เข้าใจง่ายเลยก็คือถ้าสูตรของที่วิเวียนด้าเป็น (A+B=C) ที่จูลด้าคงเป็น (G+N=D) ประมาณนี้
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่ามันเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอก สกิล ‘นักล่าตัวเอก’ เลยไม่ได้ถูกเปิดใช้งานและทำให้ไม่สามารถที่เข้าใจภาษานี้ได้แต่ด้วยรูปแบบที่ดูเป็นระบบนี้มันยังคงทำให้มีความเป็นไปได้ที่อ่านมันอยู่
แม้การตีความมันให้สมบูรณ์ 100% อาจจะไม่มีทางเป็นไปได้
ทำความเข้าใจให้ได้โดยสมบูรณ์ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตามเขาสามารถที่จะคาดเดาได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับมันแม้ว่าจะเป็นแบบคร่าว ๆ ก็ตาม
‘นี่…วงเวทย์นี้มันเสียหายอยู่ไม่ใช่หรือไงกัน?’
วงเวทย์นี้ที่อยู่บนประตูนั้นเป็นรูปแบบที่เป็นพื้นฐานอย่างน่าประหลาดใจ
เป็นโครงสร้างที่สามารถที่จะเปิดได้เพียงแค่ใส่มานาเข้าไป
แต่ว่าวงจรที่เชื่อมต่อเส้นพวกของมานาพวกนี้เข้าด้วยกัน มันได้ขาดออกไม่ก็ถูกลบหรือแตกหัก
ในตอนที่กำลังถือปากกาแท็บเล็ตของเขาไว้อยู่ซอดัมก็ได้ค่อย ๆ เชื่อมต่อวงจรเวทมนตร์นี้เข้าด้วยกัน
ในตอนที่เขาอยู่ที่สถาบันวิเวียนด้า เขาได้ถ่ายรูปเกี่ยวกับพวกข้อมูลจากหนังสือเวทมนตร์ด้วยโทรศัพท์มือถือของเขามาบางส่วนแต่เมื่อเขากลับมาถึงที่โลกแล้วมันก็ถูกลบหายไปดังนั้นเขาไม่มีทางเลือกนอกจากการอาศัยสิ่งที่เขาได้จำมาในการแก้ไขแทน
เขาไม่ได้มีความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างดีเยี่ยมพอที่จะสามารถอัดความรู้ได้มากมายนักในเวลาสองเดือนเพราะงั้นเขาถึงต้องจำใจดิ้นรนพยายามเอา
‘ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันจะต้องจัดการกู้คืนวงเวทย์นี้ให้กลับไปสู่สภาพที่สมบูรณ์’
ซอดัมได้เสร็จสิ้นการบันทึกวงเวทย์นั้นบนแท็บเล็ตของเขาแล้วได้ลุกจากเก้าอี้ของเขาในทันที
ในจังหวะที่เข้ากำลังจะเข้าใกล้ประตูของดันเจี้ยนโดยมีเทเลอร์ไนน์ที่กำลังหาวตามไปด้วยอยู่นั้นเอง
“โปรดคอยก่อนครับ พวกเรากำลังวิเคราะห์รูปแบบของดันเจี้ยนนี้อยู่ในตอนนี้เพราะงั้นแล้วโปรดถอยไปด้วยครับ”
พวกฮันเตอร์นักสู้
ปกติแล้วพวกเขาไม่ได้มีความรู้ในเรื่องพวกนี้
นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทหารคนที่กำลังคุ้มกับพวกนักวิจัยอยู่นั้นถึงได้พยายามที่จะหยุดเขาแต่ซอดัมก็ได้พูดขึ้น
“ฉันก็กำลังตีความรูปแบบของดันเจี้ยนอยู่เหมือนกัน”
“หา? แต่…ไม่ใช่ว่าคุณเป็นฮันเตอร์หรือครับ?”
“แล้วมันมีกฎข้อไหนที่บอกว่าฮันเตอร์ไม่สามารถทำได้หละ?”
มันไม่มีนะสิ
มันไม่มีกฎสักข้อที่ห้ามฮันเตอร์จากการเข้าถึงมันด้วยเหมือนกัน
โดยปกติแล้วฮันเตอร์จะห้ามปรามตัวเขาเองเพื่อให้พวกนักวิจัยที่กำลังทำงานอยู่ทำงานได้สะดวกมากขึ้น
“อ้า ไม่….”
เมื่อทหารคนนี้ที่มีใบหน้าเต็มไปความสงสัยได้ถูกบังคับให้ปล่อยซอดัมผ่านไป นักวิจัยพวกนั้นก็ได้หันมามองเขา
‘อะไรอีกหละเนี่ย?’
‘พวกฮันเตอร์มาวุ่นวายกับเราอีกแล้วสินะ’
‘คนพวกนี้ไม่แม้แต่จะสามารถทำอะไรได้เลย ทำไมไม่แค่นั่งและคอย…’
มีเสียงบ่นพึมพำกันไปมาระหว่างเหล่านักวิจัยเกิดขึ้นแต่ซอดัมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ยังไงเหล่านักวิจัยก็ไม่กล้าที่จะพูดต่อหน้าฮันเตอร์อยู่ดี
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่พวกเขาทั้งหมดที่จะเป็นแบบนั้น
“ไม่ใช่ว่านายคือฮันเตอร์ยูซอดัมหรอกหรอ?”
คนที่อยู่ในชุดวิจัยสีขาวได้ถามออกมาและกำลังมองไปที่ซอดัม
เขามีปลอกแขนของลอสเดย์และชื่อของเขาคือฮานยูจอน
หนึ่งในนักตีความระดับ A บนโลกนี้
ด้วยการที่มีความสามารถที่ลึกลับที่สามารถใช้ในการตีความดันเจี้ยนและสถานการณ์ที่ผิดปกติได้ เขาพวกเลยได้รับการดูแลในระดับที่สูงอย่างสมน้ำสมเนื้อแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแรงค์ระดับต่ำก็ตามและมันก็ชัดเจนว่าฮานยูจอนนั้นเป็นอย่างไร นักตีความแรงค์ A ที่ได้รับการดูแลโดยกิลด์นั้น
บางทีการได้รับการดูแลของเขาอาจจะตรงข้ามกันแบบหน้ามือเป็นหลังตี-เลยก็ได้เมื่อเทียบกับที่ซอดัมเคยได้รับ
“อ้า ใช่”
เหตุผลที่ว่าทำไมฮานยูจอนมาพูดกับเขานั้นเห็นได้ชัดเจนเลย
ที่เป็นเพราะว่ายูซอดัมได้เมินเขาและผ่านเขาไปและฮานยูจอนก็ได้ตามหลังซอดัมมา
“ฮาฮา มันก็ซักพักแล้วสินะตั้งแต่ที่ฉันได้เห็นนายแต่ฉันดีใจนะที่นาย-”
“แกจะไปรู้อะไร? ไปให้พ้นซะ”
ฮานยูจอนขมวดคิ้วขึ้นเมื่อเทเลอร์ได้ก้าวเข้ามา
ผมสีเงินตรง ผู้หญิงที่มีลิ้นที่ดุร้ายที่ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่น่ารักของเธอ
เทเลอร์ไนน์ มันช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้จักฮันเตอร์ที่มีชื่อเสียงคนนี้
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าฮานยูจอนจะไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก การได้รับการดูแลของเขาจากกิลด์นั้นอยู่ในระดับที่สูงยิ่งกว่ายอดมนุษย์แรงค์ S อยู่แล้วเพราะว่าเขาเป็นนักตีความแรงค์ A
ดังนั้นเขาไม่ได้สนใจเธอเลย
“ไม่ใช่ว่าคุณคือเทเลอร์ไนน์หรอ?”
“นี่แกรู้จักฉันด้วยหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ผมจะไม่รู้จักได้อย่างไรกัน?”
“อืม แต่ฉันไม่รู้จักแกเพราะงั้นไม่ต้องมาพูดกับพวกเราและไซหัวไปซะโอเคไหม?”
“ฉันแค่จะมาสวัส-”
“โอ้วไม่เอาน่า นี่แกเป็นนักการเมืองหรือไง? มันชัดเจนอยู่แล้วว่าแกไม่ได้แค่จะมาเพื่อทักทายจะมีใครมองไม่ออกบ้างหละ? แม้แต่เด็กยังมองออกเลย”
เทเลอร์ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจเธออกมาและฮานยูจอนที่ได้ซ่อนความคิดของเขาไว้ไม่ได้เข้าใจมัน
ฮานยูจอนที่มีสีหน้าที่คงเดิมบนหน้าเขาได้พูดขึ้น
“น่าเสียดายจังนะครับ แล้วอะไรที่แกกำลังทำอยู่หละ? แทรกแซงการทำงานของพวกนักวิจัยอย่างนั้นหรอ?”
“อะไรนะ? แกไม่ได้มีความคืบหน้าอะไรเลยด้วยซ้ำซื่อสัตย์หน่อยสิ สิ่งที่แกกับฉันทำมันต่างกันมากนักหรือไง? กิน,ขี้ และมองไปที่ทางเข้านี้เหมือนกันไม่ใช่หรือไงหะ”
ด้วยคำพูดที่ขวานฝ่าซากของเธอ การแสดงออกของสมาชิกกิลด์ลอสเดย์คนนี้ ฮานยูจอนได้บิดเบี้ยนขั้นมาแทน
ถึงจะพูดไปแบบนั้นแต่ที่เธอพูดออกมาก็ไม่ได้ผิดอะไร
ดันเจี้ยนประเภทนี้นั้นหาได้ยากมากและมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผ่านทางเข้าของดันเจี้ยนประเภทนี้ไปดังนั้นมันยากแม้กระทั้งที่จะรู้ว่าชนิดของคลื่นความยาวที่มันปล่อยออกมาเป็นแบบไหนเลย
โดยธรรมชาติแล้ว เครื่องจักรที่แพงนั้นไม่ไม่หมายความว่ามันมีสามารถที่จะทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“นักวิจัยเหล่านี้ได้ทำเนินการตามขึ้นตอนไปอย่างราบรื่นถ้าพวกแกไม่ได้มารบกวนเรา มันคงคืบหน้าไปมากกว่านี้แล้ว ในขณะเดียวกันพวกแกสองคนมาทำอะไรที่นี้หละ?”
เขาก็พูดถูก
ที่ทางฝั่งของพวกเขานั้นเป็นนักตีความและนักวิจัยที่ยอดเยี่ยมและมีเครื่องจักรจำนวนมากที่เชื่อมต่ออยู่กับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ที่กำลังกรองข้อมูลอยู่
เทเลอร์ที่มีเหตุผลมากมายจะหักล้างอยู่ในปากของเธอที่กำลังจะเปิดออกมา
ปิ๊บ-ปิ๊บ-ปิ๊บ-!
สัญญาณเตือนที่ได้ถูกติดตั้งไว้ใกล้กับดันเจี้ยนได้ดับลงและได้ส่งสัญญาณออกมาจากซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
“นี่…?”
เป็นปฏิกิริยาที่ออกมาจากดันเจี้ยน
เหล่านักวิจัยและฮานยูจอนไม่ได้มองไปที่ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์แต่ได้หันหน้าของพวกเขากลับไปมองที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนโดยสัญชาตญาณ
คลืน…!!
โดยที่ไม่สนใจฮานยูจอนเลยมันเป็นยูซอดัมที่กำลังสัมผัสทางเข้านี้อยู่และประตูยักษ์นี้ก็ค่อย ๆ กำลังเปิดกว้างออกที่ละนิด
……………………………………………………..
แชะ แชะ!
เสียงแฟลชของกล้องได้ดังมาจากทุกทิศทาง
ยูฮารามรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมากหลังจากที่ต้องรับมือกับสื่อพวกนี้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความที่เป็นหนึ่งในสามของยอดมนุษย์แรงค์ SS ในเกาหลีและหัวหน้ากิลด์ของกิลด์ยักษ์ใหญ่ ลอสเดย์ ที่ซึ่งได้ขยายออกไปทั่วโลก มันเป็นได้ยากที่เขาจะต้องมาตอบโต้กับสื่อพวกนี้
อย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุผลสำหรับเขาที่จะไม่ก้าวออกมาด้านหน้า ด้วยเพราะเขารู้ว่าเขาสามารถที่จะพลิกกลับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ด้วยแค่การแถลงข่าวแค่ครั้งเดียว
เหตุการณ์การกลายพันธุ์ครั้งล่าสุดนั้น
อุตสาหกรรมฮันเตอร์ที่ได้เกิดเสถียรภาพในปัจจุบันนี้แล้ว ดังนั้นกรณีเช่นการที่คนได้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นนั้นค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำให้เงียบลงได้โดยง่าย
‘นี่ไงหละฉันถึงบอกพวกแกแล้วว่าในเตรียมการในใช้ปริมาณยาที่เหมาะสม…’
เหตุการณ์นี้ค่อนข้างที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายท่ามกลางเหล่านักวิจัยของบริษัทเภสัชกรรมคิเนติกและเขาก็อยู่ในอารมณ์ที่แย่มากเนื่องจากความเสียหายที่มหาศาลนี้
ยิ่งเมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้มากเท่าไหร เขาก็รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันมียูซอดัมอยู่ในเหตุการณ์
‘ฉันไม่รู้ว่าไอ้คนที่กำลังจะตายคนนั้นมันสามารถที่จะลุกขึ้นมาแล้ววิ่งสร้างเรื่องไปรอบ ๆ ได้อย่างไร’
เขาบอกได้เลยว่าสุขภาพของซอดัมนั้นดีขึ้น
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจมากนักหรอก
เขาไม่คิดว่าฮันเตอร์แรงค์ F คนนี้จะสามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้อีก
‘มันไม่ได้สำคัญอะไรแล้วมันจะเงียบลงหลังจากนี้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง’
ในตอนที่เขาได้เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของนักข่าวพวกนั้นได้เปล่งประกายที่แหลมคมออกมา
คำถามของพวกเขานั้นชัดเจน
‘สิ่งที่พวกเขากำลังคิดคงเรื่องของยอดมนุษย์ที่ได้กลายพันธุ์ครั้งล่าสุดใช่ไหมหละ?’
และก็คงหวังว่าจะได้คำตอบที่มีพวกคำว่า ‘ความล้มเหลว’ หรือไม่ก็ ‘ความผิดหลาด’ นะสิ
อย่างไรก็ตามเขาไม่มีวันที่จะพูดสิ่งไหนก็ตามที่จะทำลายภาพลักษณ์ของลอสเดย์หรอก
การแถลงการณ์นี้ได้ดำเนินไปอย่างราบเรียบเป็นอย่างดีถึงอย่างนั้นก็ตามเขายังรอคอยสำหรับจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาในการแถลงการณ์นี้อยู่
มีนักข่าวที่ยูฮารามที่เตี้ยมกันไว้ก่อนแล้วล่วงหน้าในการเปลี่ยนหัวข้อการแถลงข่าวไปยังหัวข้อที่เขาต้องการ
“คุณยูฮารามครับ ประชนชนทั่วไปได้แสดงความสงสัยของพวกเขาเกี่ยวกับดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวในอินชอน ผมได้ยินว่าคุณได้เตรียมมาตรการรับมือต่อเรื่องนั้นไว้ล่วงหน้าแล้วใช่ไหมครับ”
“ใช่เลย ถูกแล้วครับ พวกเรามีฮันเตอร์แรงค์ S สามคน , ฮันเตอร์แรงค์ A สามสิบคนรวมไปถึง “การตีความต่างโลก” ไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
เขาไม่ลืมที่จะเน้นไปที่สิ่งที่เขาได้ลงทุนไปตั้งหมื่นล้านวอนในเรื่องจักรสำหรับความพยายามในการจัดการเรื่องนี้อยู่แล้ว
ถึงอย่างนั้นก็ตามการตอบคำถามเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าจะมีเพียงคำถามที่เขาอยากจะได้เท่านั้นที่จะถูกถาม
“แต่ผมได้ยินมาว่าการตีความต่างโลกไม่ได้ผลนิครับคุณพอที่จะอธิบายเรื่องนี้หน่อยได้ไหมครับ?”
แน่นอนว่ามันมีเพียงแค่คำตอบเดียวเท่านั้น
“เพราะงั้นแทนที่จะยอมแพ้ไป พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถของพวกเราแทน และผมมั่นใจว่ามันจะต้องมีผลลัพธ์ที่เราคาดหวังเกิดขึ้นแน่นอนครับ”
เขารู้ดีว่าต่อหน้าของดันเจี้ยนที่บิดเบี้ยวเหล่านี้วิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียวไม่เคยที่เปิดเผยความลึกลับนี้ได้เลย
ดังนั้นเขาได้เตรียมการบางสิ่งที่ใช้ในการตีความต่างโลก
มันรวมไปถึงเทคโนโลยีที่ระบุไม่ได้ที่ต่างจากวิทยาศาสตร์ที่ใช้โดยองค์กรความร่วมมือการจัดการเรื่องผิดปกติในระดับนานาชาติด้วย
เขามั่นใจว่ามันจะต้องมีข่าวเร็ว ๆ นี้
ทันใดนั้นเอง ได้มีความปั่นป่วนเกิดขึ้น
‘อ-อะไรนะ? ทางเข้าของดันเจี้ยนที่ปิดเบี้ยวได้ถูกเปิดออกแล้วงั้นหรอ?’
‘นี้เอ็งกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่เนี่ย? บอกฉันมาให้หมดเลยนะ’
‘มันถูกตีความเรียบร้อยแล้วงั้นหรอ? ลอสเดย์สำเร็จในการตีความอย่างงั้นหรอ? พวกฉันมาเร็ว ๆ ดิ’
โทรศัพท์ของเหล่าผู้สื่อข่าวทุก ๆ ที่ได้ดังขึ้นระหว่างการแถลงการณ์บางที่มันอาจจะส่งผลให้มีรายงานจำนวนมากที่กำลังเข้ามา
ยูฮามรามได้ยิ้มออกมาเพราะว่านี้มันเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้
เลือกช่วงเวลาได้ยอดเยี่ยมมาก เมื่อคิดงั้นแล้วเขามองไปที่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้เข้ามาหาเขา
‘เ-เจ้านายครับ การตีความของดันเจี้ยนนั้นสำเร็จแล้วครับ’
“ฉันเข้าใจแล้วหละ”
“…มันไม่ได้หมดแค่นั้นครับ”
“หืม?”
เมื่อเขาได้เงยหน้าขึ้นมามองที่ใบหน้าของลูกน้องตัวเองเขาก็ได้เห็นว่ามันซีดเซียวเป็นอย่างมากแม้ว่าจะกำลังถือโทรศัพท์อยู่
“กิลด์ของพวกเราไม่ได้ตีความมันครับ…มันถูกพูดถึงกันว่าเป็นฮันเตอร์แรงค์ F ยูซอดัมที่อยู่ในเหตุการณ์และสำเร็จในการตีความมันด้วยตัวคนเดียวครับ”
“…อะไรนะ?”
ยูซอดัม?
ตอนที่กำลังท่องชื่อนี้ การแสดงออกของยูฮารามก็ได้แข็งค้างไปแล้ว
กิลด์ของเขาได้ดำเนินการสำหรับการตีความดันเจี้ยนนี้ด้วยความจริงจังเป็นอย่างมากดังนั้นแล้วเขาคิดว่ามันคงจะสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของพวกเขาในสายตาของประชาชนทั่วไปได้
ในครั้งนี้เขามั่นใจว่ามันจะต้องได้ผลแน่นอน
แต่ถ้าเขาล้มเหลวหละ?
เหล่าผู้สื่อข่าวทั้งหมดในเหตุการณ์ได้รายงานข่าวนี้กันอย่างเร่งรีบ
ผลตอบรับของสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
[ลอสเดย์ได้ลงทุนไปกว่าหมื่นล้านวอนในเครื่องจักร…]
[กิลด์มาสเตอร์ยูฮารามได้ยืนยันอย่างมั่นใจว่า ‘ผมมั่นใจว่ามันจะต้องมีผลลัพธ์ที่เราคาดหวังเกิดขึ้นแน่นอนครับ’ แต่แล้วอะไรคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหละ?]
[ทำไมพวกเขาถึงกล้าที่จะลงทุนไปกับเรื่องแบบนี้ได้?]
[ตัวตนของฮันเตอร์ที่ได้ตีความดันเจี้ยนนี้ได้ที่แม้แต่ลอสเดย์ก็ไม่สามารถทำได้]
[คำแนะนำจากฮันเตอร์แรงค์ S เทเลอร์ไนน์ ‘มันควรที่จะลงมือทำบางอย่างแทนที่จะมาพูดแต่เรื่องไร้สาระอะนะ’]