ตัวเอกพวกนั้นฉันฆ่าเองแหละ (The Protagonist Are Murdered by Me) - ตอนที่ 28
สองวันได้ผ่านไปนับตั้งแต่การระเบิดที่แสนแปลกประหลาดครั้งนั้น
เหล่าอัศวินได้ทำการตรวจสอบพื้นที่ต่างๆภายใจคฤหาสน์เพื่อหาตัวคนร้ายแต่พวกเขากลับไม่สามารถที่จะค้นหาอะไรพบเลย
อันดับแรกเลย ฉันอยู่ที่ภูเขา
แม้ว่าจะมีการรายงานเรื่องเสียงที่ดังกึงก้องออกมาจากทางด้านภูเขาแต่ไม่มีใครสักคนที่คิดว่าเสียงที่เกิดขึ้นจากนั้นจะเกี่ยวข้องกับการระเบิดที่อยู่ห่างออกไปเป็นไมล์
มันก็เป็นโลกเช่นนี้เอง
ฉันมองไปที่ผู้ร้ายตัวจริง เมก้าชูตเตอร์ของฉัน ที่กำลังวางนอนอยู่ที่โต๊ะแล้วฉันก็มองออกไปนอนหน้าต่าง
ด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลดิจิตอลที่ดูเหมือนกับแว่นกันแดดสีดำ ฉันสามารถที่จะมองเห็นเอลล่าและเฮเลนกำลังเพลิดเพลินไปกับเวลาน้ำชาที่ระเบียงสีขาวบนหุบเขาที่แสนสวยงามที่อยู่ห่างออกไป
มันช่างน่าสนใจ
มันช่างน่าสนใจจริงๆ
เอลล่าที่กำลังยิ้มไปที่เฮเลนด้วยความจริงใจที่ออกมาจากหัวใจของเธอจริงๆ
หลังจากที่ได้ฆ่าแม่ของเฮเลนไปแล้วและทำการขอโทษจอมปลอมนั้นเธอดูเหมือนว่าต้องการที่จะชดใช้ในกับบาปของเธอจริงๆ
‘ฉันจะใช้ชีวิตให้ดีนับตั้งแต่วันนี้ไป’
‘ฉันจะทำดีกับพวกเขานับจากตอนนี้’
หลังจะที่เธอได้คิดไตร่ตรองและหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองแล้วผู้คนโดยรอบเธอรวมไปถึงตัวเธอเองดูราวกับว่าได้กลายเป็นตนไม้ที่ผลัดใบอ่อน
แค่เพราะว่าเธอได้รับความอารมณ์ความรู้สึกมาในตอนนี้ไม่ได้หมายความว่ามันจะกำจัดเรื่องโหดร้ายมากมายที่เธอได้ทำในโลกใบนี้
แน่นอนว่ามันไม่สำคัญกับฉันหรอกกว่าเธอจะเป็นปีศาจหรือไม่
แต่ถ้าฉันสามารถใช้มันเป็นข้อได้เปรียบได้หละก็มันก็จะเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป
การที่เอลล่านั้นเอาแต่ทบทวนเกี่ยวกับตัวเธอเองนั้นได้สร้างเส้นทางสำหรับฉัน
ฉันมักจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่เหนือกว่าตนเองตลอด
และเพื่อที่จะจัดการกับศัตรูเช่นนั้นฉันจะต้องวางแผนรับมือกับมันเสมอแต่ในกรณีของพวกตัวเอกนั้นวิธีการรับมือนั้นค่อนข้างที่จะแตกต่างออกไป
มันเป็นการใช้สถานการณ์และการปรับเปลี่ยนพล็อตของเรื่องราว
และต้องอยู่ในระดับที่แน่ใจได้ว่ามันจะต้องสมจริงพอที่จะสามารถฆ่าตัวเอกคนนั้นได้
ถ้าตัวเอกของเรื่องอยู่ดีๆก็ถูกชนโดยชนบรรทุกแล้วตายใครมันจะไปคิดกันหละว่ามันจะเป็นตอนจบของเรื่อง?
หากปราศจากความสมจริงแล้วตัวเอกคนนั้นก็คงจะบิดเบือนเนื้อเรื่องในสักทางอยู่ดีและภารกิจนั้นก็จะล้มเหลว
ดังนั้นฉันจะต้องวางแผนการที่เหมาะสมไว้หลายแผนเพื่อที่จะฆ่าเอลล่าและบางแผนนั้นก็ดูน่าจะเป็นไปได้อยู่นะ
อย่างไรก็ตามการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเอลล่ามันทางเลือกที่ดีที่สุดของฉัน
มันมีต้นทุนที่ต่ำ
และเป็นทางที่เรียบง่ายที่สุด
“หืม?”
มองผ่านกล้องส่องทางไกลของฉันไปฉันเห็นเฮเลนกำลังยืนขึ้นจากโต๊ะตรงหุบเขาและกำลังที่จะไปที่ไหนสักที่
บางทีเธออาจจะกำลังที่จะไปทำอะไรสักอย่าง
ตอนนี้มันเป็นโอกาสของฉัน
ฉันนำรีโมทควบคุมสีดำออกมาแล้วกดไปที่ปุ่มสีแดงบนรีโมทโดยไม่มีความลังเลใดๆ
แล้วในตอนนั้นเองแรงระเบิดขนาดเล็กได้เกิดขึ้นในบริเวณใกล้กับเอลล่าที่ยังคงกำลังเพลิดเพลินไปชาของเธอที่อยู่บนโต๊ะ
ตูม…!
มันไม่มีความเสียหายใดๆ
ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนสักนิดบนตัวของของเฮเลนเลยด้วยซ้ำ
ฉันไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอก
ฉันต้องการให้อย่างน้อยที่สุดตัวฉันเองยังคงรักษาหลักการนี้ไว้
“ก-เกิดอะไรขึ้นนะ?!”
“มีการระเบิดที่ด้านนอก…!”
เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นที่คฤหาสน์ในทันทีและเฮเลนนั้นก็ดูเหมือนว่ากำลังวิ่งที่ไปที่เอลล่า
เอลล่าก็อยู่ในสภาพที่วิตกกังวลเช่นกัน
‘ยังมีเหลืออีกแปด’
ในตอนที่ฉันได้ต่อสู้กับกิลิเทนเดอร์ฉันยังไม่มีเมก้าชูตเตอร์ทำให้ฉันสามารถนำเอาระเบิดจำนวนมากไปได้
และในตอนนี้ฉันมีเมก้าชูตเตอร์แล้วทำให้มันไม่มีที่ว่างมากพอสำหรับระเบิดอีกดังนั้นฉันเลยเอามันมาได้น้อยกว่าสิบลูก
แต่จะเป็นถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคิดว่าแค่นี้ก็ควรที่จะพอแล้วอะนะ
……………………………………………………..
ฉันได้เฝ้าจับตาดูเอลล่าในไม่กี่วันที่ผ่านมาและได้รู้ว่าเธอจะทำอะไรในแต่ละช่วงเวลา
ไม่ใช่ว่าฉันรู้แค่เรื่องที่เธอจะไปที่หุบเขานั้นในเวลาน้ำชาแต่ยังรวมไปถึงตารางการฝึกฝนของเธอในตอนที่เธอมีคลาสเรียนและเธอไปกินอาหารไปที่ไหน
ฉันได้ติดตั้งเครื่องจ่ายอีเทอร์ไว้ในที่พวกนั้นทั้งหมดแล้ว
บางอันสร้างเพลิง บางอันสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และ บางอันก็สร้างสนามไฟฟ้า
ของพวกนี้มีไว้ใช้เพื่อจัดการกับมอนสเตอร์ระดับต่ำแต่พวกมันมีประโยชน์ในตอนนี้เป็นอย่างมาก
มีข่าวลือมากมายได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งคฤหาสน์ในตอนนี้
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาว่า
มีเรื่องแปลกๆหลายเรื่องได้เกิดขึ้นรอบตัวของเจ้าหญิงเอลล่า
บางสิ่งได้ระเบิดออกโดยไม่มีที่มาที่ไป กระแสไฟฟ้าได้เปล่งประกายออกมาใกล้กับเธอหรือไม่ก็โต๊ะที่ลุกเป็นไฟในขณะที่เธอกำลังกินข้าว
มากไปกว่านั้นฉันได้ปล่อยข่าวลือบางอย่างให้กับผู้คนที่ฉันรู้จักที่นี้
“ฉันเห็นบางอย่างที่น่ามหัศจรรย์มาด้วยหละ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจนะ ในตอนที่เจ้าหญิงกำลังกินข้าวอยู่คนเดียวนะอยู่ๆจานของเธอก็ลอยขึ้นลงด้วยตัวของมันเอง…”
“บ้า ใครจะไปเชื่อเรื่องพวกนี้”
“เธอไม่คิดว่ามันน่ามหัศจรรย์งั้นหรอ?”
เรื่องราวพวกนี้ถูกส่งต่อไปด้วยรอยยิ้มคล้ายกับว่ามันเป็นเรื่องตลกทั่วๆไป
ไม่มีใครสักคนที่เชื่อเรื่องราวเช่นนี้แต่ด้วยสิ่งแปลกประหลาดมากมายหลายอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวของเจ้าหญิงทำให้คนจำนวนมาเรื่องกลับมาคิดถึงเรื่องที่ฉันได้เล่าอีกครั้ง
แล้วท่ามกลางพวกเขาเหล่านั้นเองทำให้ข่าวลือนี้ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
“จานที่บินไปทั่วด้วยตัวมันเองอย่างนั้นหรอ? มันจะต้องมีวิญญาณสิงอยู่ในร่างของเจ้าหญิงเป็นแน่”
“ใช่เลย ฉันก็ได้ยินมาแบบนั้นเหมือนกัน”
“อ้า นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย”
ใช่เลยนี้คือแกนแท้ของวิธีการล่าแม่มดในอดีต
หากข่าวลือได้แพร่กระจายออกไปครั้งหนึ่งแล้วหละก็มันจะค่อยๆเติบโตจนกระทั้งมันเกินจริงไปไกลเลยหละ
ฉันไม่ได้ชอบคำว่า ‘ล่าแม่มด’ หรือการทำแบบนั้นหรอกนะแต่ฉันกำลังเผชิญหน้ากับแม่มดอยู่จริงๆงั้นแล้วทำไมฉันถึงไม่ควรที่จะทำตามประเพณีดังเดิมหละ?
แม้ว่าหลังจากที่ข่าวลือแปลกๆจำนวนมากได้เริ่มไหลเวียนไปโดยรอบคฤหาสน์หลังนี้ฉันก็ยังคงสอนเอลล่าต่อไป
ฉัรไม่ได้สอนอะไรให้เธอมากนักแต่เอลล่าก็ยังก้าวหน้าอยู่ดีและเหล่าอัศวินคนอื่นที่ฉันได้ ‘สอน’ ก็เริ่มที่จะเชื่อใจฉันมากขึ้นเช่นกัน
มันเป็นผลลัพธ์ที่ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังมีขีดจำกัดของสิ่งที่ฉันจะสามารถสอนพวกเขาด้วยการพ่นเรื่องไร้สาระออกไปได้อยู่
และในที่สุดวันที่ฉันรอคอยก็ได้มาถึง
……………………………………………………..
“เอลล่า”
“ท่านพี่?”
เฮเลน อัลมัส เธอเรียกชื่อเต็มกับเอลล่าเหมือนกับว่าเธอกำลังที่จะเข้าสู่สนามรบแล้วเดินเข้ามาหาเอลล่า
ค่อยๆเข้ามาอย่างช้าแล้วเธอก็พูดขึ้นว่า
“…มีคำสั่งให้ดำเนินการ ‘ตรวจสอบแม่มด’ มาจากคนในระดับสูง”
“หะ? ตรวจสอบแม่มดหรือค่ะ?”
แม่มดนั้นดูภายนอกเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป
ดังนั้นแล้วในจักรวรรดิอาเล็ทเทียร์เพื่อที่จะล่าแม่มดเหล่านี้พวกเขาจะจับตัวและสอบปากคำหญิงสาวที่ได้รับการสงสัยว่าเป็นแม่มด
กระบวนการนี้ไม่ได้โหดร้ายและเป็นวิธีการที่แม่นยำเป็นอย่างกมาในคัดแยกแม่มดดังนั้นมันไม่ได้ก่อให้เกิดการโต้เถียงจำนวนมาก
แต่แค่ว่ามันดูไร้สาระตรงที่ว่าคนที่โดนตรวจสอบกลับเป็นลูกสาวคนที่สองของดยุคนะสิ
“ท่านพี่ ฉันคือเอลล่า อัลมัส ท่านพ่อจะต้องไม่ยอมเรื่องนี้แน่นอนค่ะ…?”
“ฉันได้ตกลงไปเรียบร้อยแล้ว”
“…อะไรนะค่ะ?”
เมื่อได้ฟังเสียงที่แสนจะเย็นชาของฮาเลน เอลล่ารู้สึกที่ถึงบางอย่างที่แปลกไป
มันเหมือนกับว่าเฮเลนพยายามที่จะสร้างระยะห่างระหว่างกัน
มันทำให้เธอมองไปรอบๆโดนที่ไม่รู้ตัว
เหล่าสาวใช้ บรรดาพ่อบ้านและอัศวินทั้งหลาย
ทุกคนกำลังมองมาที่เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
‘เ…เอ่อ?’
มีบางอย่างแปลกๆ
เธอสัมผัสได้ถึงความไม่คุ้นเคยจากผู้คนที่อยู่รอบๆเธอแต่มันไม่ได้แตกต่างกันมากนักในแต่ละวันที่ผ่านมา
เอลล่าคิดเช่นนั้น
มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ไม่ได้รู้ตัวเลย
ว่ามันมีความแตกต่างกันเล็กน้อยในเรื่องความรู้สึกความอึดอัดของผู้คนที่ประกอบไปด้วยอารมณ์และความสัมพันธ์
มันผ่านมาแค่เพียงปีเดียวเท่านั้นเองตั้งแต่ที่เธอได้ใช้ชีวิตและสัมผัสกับความเป็นมนุษย์ดังนั้นเธอไม่เคยได้คิดเลยว่าคนอื่นต่างพากันค่อยๆเว้นระยะห่างของพวกเขาไปจากเธอ
แล้ว…
“…อย่างบอกฉันนะคะว่ามันเป็นเพราะสิ่งที่เธอขึ้นรอบตัวฉันเมื่อไม่นานมานี้?”
เอลล่าไม่ใช่คนโง่
อย่างน้อยที่สุดเธอก็รู้ว่ามีใครบางคนจงใจสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้นมาเพื่อเล่นงานเธอ
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถที่จะคาดเดาได้เหมือนกัน
มันเป็นรูปแบบของเวทมนตร์ที่แม้แต่เอลล่าที่เป็นแม่มดที่โดดเด่นท่ามกลางเหล่าแม่มดก็ไม่สามารถที่จะตรวจจับมันได้
ดังนั้นเธอเลยไม่สามารถที่จะทำอะไรก็ตามเพื่อหยุดมันได้เลย
นั้นแหละที่เป็นปัญหา
ปรากฏการณ์แปลกเหล่านี้ได้เกิดขึ้นรอบตัวเธอแต่เธอยังคงไม่ได้รับรอยขีดขวนใดๆ
“ไม่นะค่ะ! นี่มันไม่ใช่เวทมนตร์…”
“การพิจารณาจะถูกตัดสินโดยทางจักรวรรดิเอลล่า”
เอลล่ารู้ความจริงดี
มันไม่ใช่เวทมนตร์
มันไม่ใช่ความผิดของเธอ
แต่ตอนนี้มันเป็นเธอที่ถูกตั้งคำถาม
นี่มันไม่ยุติธรรมเลย
มันไม่ยุติธรรมเลยที่แม่มดนั้นถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ใช้เวทมนตร์เลยก็ตาม
แต่ถึงแม้ว่าเป็นอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะพิสูจน์
‘ไม่นะถ้าฉันถูกนำตัวไปโดยจักรวรรดิฉันจะถูกจับได้’
ด้วยดวงตาที่กำลังสั่นไหว เธอค่อยๆถามเฮเลนอย่างช้าๆ
“ท่านพี่ ท่านทำแบบนี้เพราะว่าข่าวลือพวกนั้นและสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวฉันใช่ไหมค่ะ? ท่านรู้นิค่ะว่าแม่มดตัวจริงนั้นเป็นเช่นไรในเมื่อท่านเคยเจอพวกมันมาแล้ว”
“…ใช่ ฉันเคยเจอมาแล้วตนหนึ่ง”
นั้นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงได้ไม่สงสัย
ซอดัมใช้ตัวจ่ายอีเทอร์พวกนั้นด้วยความจงในให้มันคล้ายกับเวทมนตร์มากที่สุด ให้เหมือนกับที่สิ่งที่ครั้งหนึ่งเฮเลนเคยเห็น
“ท่านพี่…ท่านต้องไม่เชื่อใจฉันอย่างนั้นหรือค่ะ…?”
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เอลล่าได้ถาม
เฮเลนได้พูดด้วยความสงบ
“ไม่ ฉันได้ส่งคำร้องสำหรับการตรวจสอบแม่มดไปเรียบร้อยแล้ว…”
และนี้เป็นคำตอบสุดท้าย
“อึก ท่าน…?”
เอลล่าได้ก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
มันเป็นเพราะว่าเฮเลนนั้นเต็มไปด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“เอลล่ามันยังมีโอกาส บอกความจริงกับฉันมามันเป็นหนทางเดียวที่จะสามารถทำเหมือนกันว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาได้ มันเป็นไปได้ด้วยอำนาจของฉัน”
“…ท่านพี่”
มันแทบจะเป็นเหมือนกับคำขอร้อง
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถทำได้
เธอต้องไม่พูดความจริง
เธอรู้ดีว่าเหล่าแม่มดนั้นถูกมองโดยมนุษยชาติบนโลกใบนี้ว่าเป็นตัวตนแบบไหน
เธอมีความสุข
ไม่สิ เธอมีความสุขที่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของความสุข
การที่สามารถจะแบ่งปันความรักกับใครสักคน การได้รับการจดจำโดยใครบางคนและการที่สามารถสัมผัสได้ถึงความผูกพันของครอบครัว
ความรู้สึกพวกนี้ทั้งหมดทำให้เธอมีความสุข
แต่อย่างไรก็ตามถ้าเธอเปิดเผยตัวเธอเองว่าเป็นแม่มดหละก็เธอจะไม่สามารถที่จะสัมผัสความรู้สึกอันหอมหวานเหล่านั้นได้อีก
ดังนั้นแล้ว
“ท่านพี่…ฉันไม่ใช่แม่มดนะคะ”
เธอไม่มีทางเลือกนอกจากยืนกรานปฏิเสธ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเอลล่า เฮเลนได้ยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้ช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่นสำหรับเอลล่าคนที่ได้รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกไม่นานรู้สึกเป็นครั้งแรกว่าได้รับการเติมเต็ม
“ใช่แล้ว ฉันเชื่อมัน ฉันรู้”
“แน่นอนว่า…!”
ทันใดนั้นเองเฮเลนได้ดึงดาบของเธอออกมาและพุ่งเข้าหาเอลล่า
มันเป็นการกระทำที่รวดเร็วยิ่งกว่าการกระพริบตาซะอีก
เมื่อระยะห่างได้ถูกย่นเข้ามาเป็นประชิดตัวจากระยะประมาณ 10 เมตรเฮเลนได้ฟันไปที่คอของเอลล่าที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไรเลย
คลิ๊ง!!
…บาเรียป้องกันได้พุดขึ้นมาป้องกันร่างกายของเธอแบบอัตโนมัติ
“…หะ?”
สะเก็ตสีขาวได้กระจายไปในอากาศ
บาเรียนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเหมาะสมตั้งแต่แรกอยู่แล้วมันเหมือนกับกระดาษบางๆเมื่ออยู่ต่อหน้าเฮเลน
เอลล่าค่อยๆมองลงไป
ดาบที่เกือบจะสัมผัสกับคอของเธอได้หยุดลง
มีเพียงแค่บาเรียเท่านั้นที่ถูกทำลาย
“…ฉันบอกว่าฉันรู้แล้ว เอลล่า”
ในตอนที่เฮเลนได้เห็นบาเรียสีขาวนี้การแสดงออกของเธอยิ่งเย็นชาขึ้นไปอีก
แม่มดแต่ละคนจะมีสีของเวทมนตร์ที่แตกต่างกันไปและเฮเลนได้ตามพ่อของเธอผ่านการไล่ล่าแม่มดจำนวนมากทำให้สามารถจำลักษณะเฉพาะบางอย่างของมันได้
และสีที่จดจำมากที่สุดก็คือ
“เวทมนตร์สีขาว…”
เธอจำได้ไม่มีวันลืมเลย
เฮเลนมองไปที่เอลล่าด้วยดวงตาที่สั่นเทา
เธอมั่นใจว่าเอลล่านั้นเป็นแม่มด
แต่ถึงอย่างนั้นเธอไม่เคยจินตนาการมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้
สีขาว
สีพิเศษที่ถูกใช้โดยแม่มดตนสุดท้าย
เธอปล่อยมือที่ถือดาบลงไปตามแรงโน้มถ่วงคล้ายว่าแขนข้างนั้นไร้เรียวแรงใดๆและถอยหลังออกไปอย่างช้าๆ
เอลล่ามองไปที่เฮเลนที่มีสีหน้าที่เศร้าเสียใจแล้วมองไปรอบตัวเธอ
สาวใช้ที่ทรุดลงไปกับพื้นภายใต้ความตรึงเครียดที่ปกคลุมขาของเธอ
อัศวินบางคนประหลาดใจเป็นอย่างมากจนถึงขันที่พวกเขาทำดาบหลุดมือ
เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายนิ่งค้างอยู่กับที่
สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือแววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกที่กำลังมองมาที่เธอ
“ท่านพี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจกันผิด”
“…เข้าใจผิดงั้นหรอ?”
“ใช่ค่ะ แน่นอนว่าฉันได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดหลายอย่างกับมนุษย์แต่ว่า! ในตอนนี้ฉันได้รู้แล้วว่าเรื่องที่ฉันทำมันผิด ฉันรู้แล้วว่าความรู้สึกมันเป็นเช่นไรในตอนนี้ ฉันรู้สึกผิดเช่นกันฉันเลยต้องการจะชดใช้อย่างเต็มที่!”
เมื่อได้ฟังคำพูดของเธอ เฮเลนได้หัวเราะออกมาด้วยคอที่ตกลง
“การชดใช้อย่างนั้นหรอ? การทำมันในหัวของเธอนับเป็นการชดใช้อย่างนั้นหรอ? การชดใช้นะมันต้องจ่ายสำหรับบาปที่เธอได้ทำไว้”
“…!”
ราคา
เป็นคำที่มนุษย์คุ้นเคยเป็นอย่างดี
เอลล่าพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
“ใช่แล้วค่ะ ฉันเป็นแม่มดและได้ทำเรื่องผิดพลาดที่น่าสะพรึงกลัวในอดีตแต่อย่างไรก็ตามฉันกำลังจะชดใช้มัน ฉันจะใช้ชีวิตให้ดีและจริงใจจากตอนนี้ ท่านก็เห็นว่าฉันใช้ชีวิตอย่างไร”
“…”
“ในเมื่อฉันเป็นแม่มดดังนั้นต้องขอบคุณเรื่องนั้นฉันสามารถทำอะไรก็ได้ที่ท่านพี่ต้องการฉันจะจ่ายมันเองถ้านั้นเพียงพอสำหรับสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป”
เอลล่าได้ร้องไห้อย่างสิ้นหวัง เฮเลนได้เงยหน้าของเธอขึ้นมา
เฮเลนที่เป็นคนที่หารอยยิ้มได้ยากนั้น
แต่ในตอนนี้ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอกลับมีรอยยิ้มที่สดใส
“เอลล่าเธอจำได้ไหม?”
“…อะไรหรือค่ะ?”
“เมื่อหนึ่งปีก่อนในวันก่อนที่เธอจะล้มป่วยลง เธอบอกกับฉัน”
[แกมันเป็นพี่สาวที่เน่าเหม็น ฉันจะฆ่าแก! ฉันขออธิษฐานกับเหล่าแม่มดให้พวกเขาสาปแก]
เอลล่าในใช้ชีวิตของเธอเองอยู่ภายใต้เงาของญาติพี่น้อง
ชีวิตที่เธอไม่เคยจะทำอะไรได้ดีเลย ชีวิตที่ทุกๆสิ่งที่เธอทำต้องถูกนำมาเปรียบเทียบกับพี่สาวของเธอ ชีวิตที่พ่อของเธอไม่ใด้สนใจใยดีเธอและเป็นชีวิตที่ทุกสิ่งที่เธอทำนั้นผิดหมด
มากเท่าที่เฮเลนเกลียดเอลล่า เอลล่าก็เกลียดเฮเลนเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามเฮเลนไม่ได้อธิษฐานกับเหล่าแม่มด
ใครก็ตามที่ถูกจับได้ว่ามีส่วนรู้เห็นหรือร่วมมือกับแม่มด หรือไม่ก็อธิษฐานถึงเหล่าแม่มดจะต้องถูกประหาร
ดังนั้นเฮเลนไม่ต้องการให้น้องของเธอถูกจัดการโดยทางจักรวรรดิเลยเก็บคำพูดนั้นไว้เป็นความลับ
“เธอรู้ไหมว่าคำว่าสังคมมนุษย์นั้นมีความหมายว่าอะไร?”
“ฉัน…”
“เอลล่า”
เฮเลนยังคงยิ้มอยู่
“วันนั้น ฉันควรที่จะหยุดเธอ ฉันรู้ว่าเธอคงจะไม่ได้ยินฉันอีกต่อไปแล้ว…แต่ฉันขอโทษ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเธอจะอัญเชิญแม่มดมาจริงๆ…ฉันไม่รู้เลยจริงๆ”
มันไม่มีเอลล่าอีกต่อไป
มีเพียงแค่แม่มดที่หุ้มหนังของเอลล่าเท่านั้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เฮเลนก็ยังคงขอโทษ
เธอคิดว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นถ้าเธอทำมัน
“ใช่เลย แกบอกว่าแกต้องการที่จะจ่ายสำหรับมันสินะใช่ไหม?”
ในตอนที่คำถามนี้ดังขึ้นมา เอลล่าพยักหน้าตอบอย่างสิ้นหวัง
รอยยิ้มของเฮเลนได้จางหายไปและเธอก็ได้พูดขึ้น
“ถ้าแกต้องการที่จะชดใช้จริงๆหละก็ นำแม่ของฉันที่แกฆ่าไปกลับมาซิพามนุษย์ทุกคนที่แกได้ฆ่าไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นกลับมา พาแม่ของฉันกลับ! ต่อหน้าดวงตาของฉันในตอนนี้!”
“…อึก ท่านพี่”
“ถ้าแกไม่สามารถที่จะทำแบบนั้นได้หละก็”
ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับว่าเธอกำลังมองไปที่สัตว์ร้ายเฮเลนได้ชี้ดาบของเธอไปที่เอลล่า
“อย่างน้อยที่สุด ก็ชดใช้มันด้วยความตายของแกซิ”
“อ้า อึก…”
[ตัวเอกเอลล่าสัมผัสได้ถึงวิกฤต]
[สกิลของเอลล่า กฎของแม่มด (SS) ได้รับการปลดล็อคเป็นพิเศษ]
ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายลง
เอลล่าได้ก้าวถอยหลังไปอย่างช้าๆแล้ววาดเวทมนตร์ด้วยมือทั้งสองข้างของเธอ
ถึงแม้ว่าเธอได้เสียความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของเธอและอ่อนแอลงในตอนนี้ แต่เธอคือคนที่ครั้งหนึ่งสามารถประมือกับดยุคแห่งอัลมัสคนที่เป็นอัศวินที่เก่งที่สุดในโลกนี้ได้
‘มันจะเป็นภาระกับหัวใจของฉันเล็กน้อยแต่ถ้าฉันนำเอาพลังในอดีตของฉันกลับมาได้นิดหน่อยหละก็…’
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอได้ยืนมือของเธอออกไปในจังหวะที่เฮเลนได้พุ่งตรงเข้ามาที่เธอ
ปัง!!
ในตอนนั้นเองคอของเธอได้งอไปด้านข้างเล็กน้อยด้วยความตกใจจากแรงกระแทกที่มาจากที่ไหนสักที่
‘…หะ?’
เพียงแค่นิดเดียว
มันเป็นเพียงความตกใจเล็กน้อยซึ่งทำให้เวทมนตร์ของเธอช้าลงไปเพียงแค่ 0.3 วินาทีเท่านั้น
“ลาก่อนแม่มด”
แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นเวลาที่มาพอแล้วสำหรับเฮเลนนักดาบระดับมืออาชีพ
ชึบ!!
[คุณประสบความสำเร็จในการล่าตัวเอกเลเวล 70]